เฉินเฟิงมองไปยังเธอด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะกล่าวถาม: “ทำไม?หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?”
ชิงจือเพียงแค่ตอบกลับเขาสั้นๆ : “มีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ”
และเธอก็พูดเพียงเท่านั้นโดยไม่มีการอธิบายอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น
เฉินเฟิงจึงต้องถามเอาความ: “แล้วคุณไม่คิดที่จะอธิบายกับผมหน่อยหรอ เผื่อบางทีผมอาจจะช่วยคุณได้”
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดนี้ของเฉินเฟิงจะดูเป็นไปไม่ได้ ชิงจือจึงแหงนหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะพูด : “ไม่จำเป็น คุณไม่มีความสามารถนั้นที่จะช่วยฉันได้ คุณไปอยู่ที่ตึกไห่สือรอฉัน ฉันจะไปตามหาคุณที่นั่นเอง”
เฉินเฟิงที่กำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่ว่าชิงจือกลับลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปแล้ว
มีบางครั้งที่เฉินเฟิงไม่คิดว่าแม้แต่ชิงจือที่ต่อให้จะรับรู้ถึงเรื่องราวที่รุนแรงแล้วเธอจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง
หลังจากที่ชิงจือกลับห้องของตัวเองไปแล้ว เฉินเฟิงก็เตรียมตัวที่จะพักผ่อน ด้วยเดิมทีคิดว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่เงียบสงบ อย่างน้อยจะได้หลับอย่างเต็มอิ่มสักที
แต่ยังไม่ทันถึงเที่ยงคืน เฉินเฟิงกลับได้ยินเสียงดังแทรกเข้ามาจากด้านนอก
เขาพยายามลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินไปยังประตูด้วยความระมัดระวัง แล้วใช้หูแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอกนั้น
แล้วเสียงที่เกิดขึ้นราวกับกำลังมีการต่อสู้กัน เฉินเฟิงจึงคิดขึ้นมาได้ว่าจะต้องเป็นชิงจือแน่นอน
เขาคิดเพียงไม่นานก็เปิดประตูเดินออกไปหวังจะเข้าไปช่วยเหลือชิงจือ
และเป็นอย่างที่คิดไว้ เสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นดังมาจากห้องของชิงจือ เฉินเฟิงเดินมาถึงหน้าประตูห้องของชิงจือ เขาเดินตรงเข้าไปทันทีเพราะประตูได้ถูกเปิดค้างเอาไว้อยู่แล้ว
แต่ในตอนที่เขาเดินเข้าไปด้านในก็พบว่าคนที่อยู่ในนั้นต่างพากันล้มระเนระนาดกันไปหมดแล้ว
เขาหันไปเห็นชิงจือที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเธอเลย เธอเพียงแต่นิ่งเงียบ ท่าทีแอบแฝงไปด้วยความเศร้าหมอง ขาดอยู่อย่างเดียวคือบุหรี่สักมวน
และทุกอย่างก็นิ่งสงบอยู่อย่างนั้น เฉินเฟิงแม้ไม่อยากจะทำลายความเงียบสงบนี้ลง แต่เขาก็ยังต้องถามเพราะความสงสัย : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่?”
เมื่อได้ยินเสียงนั้นชิงจือจึงหันหลังกลับมามองเฉินเฟิงก่อนจะพูดออกมา: “เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างที่ฉันได้คิดเอาไว้จริงๆ ด้วย จากนี้ไปคุณต้องพาเยว่เอ๋อไปที่ตึกไห่สือเพื่อรอฉันก็พอแล้ว แต่หากว่าคุณไม่เต็มใจ ฉันก็จะไม่บังคับ”
ท้ายที่สุดเฉินเฟิงก็ไม่ได้ถามกับเธอว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เพราะเฉินเฟิงอาจจะรู้ว่าคำตอบของชิงจือก็คือไม่มีคำตอบ
ในเช้ามืดวันถัดมาชิงจือก็เดินทางจากไป หลี่จื่อเยว่เข้าไปเรียกชิงจือที่หน้าประตู แต่ก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา
เฉินเฟิงเดินมายังข้างกายของหลี่จื่อเยว่ แล้วมองดูเธอเคาะประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะพูด : “เธอไปแล้ว”
หลี่จื่อเยว่หันไปถามเฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ: “พี่ชิงจือไปแล้ว?ไปไหนแล้ว?”
เฉินเฟิงตอบกลับ: “ไม่รู้ เธอไม่ได้บอกเอาไว้”
หลังจากที่เฉินเฟิงพูดจบ สีหน้าของหลี่จื่อเยว่ก็เศร้าหมองทันที ราวกับกำลังคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น
เฉินเฟิงพูดขึ้น : “เธอจะต้องไปกับฉันแล้วนะ ถ้าหากว่าเธอไม่เต็มใจฉันก็จะส่งเธอกลับบ้าน”
เดิมทีเขาไม่เคยมีความคิดที่จะพาตัวหลี่จื่อเยว่มาด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นเฉินเฟิงจึงพูดออกมาตามตรง
หลี่จื่อเยว่ได้เพียงจ้องมองไปยังเฉินเฟิง ราวกับว่าเธอกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้
เฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นจึงพูดกับเธออีกครั้ง: “เธอไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ยังไงซะพวกเราก็ยังไม่ได้ไปในช่วงเช้านี้อยู่ดี ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ”
พูดจบ เขาก็เดินมุ่งหน้าลงไปด้านล่าง โดยไม่สนใจว่าหลี่จื่อเยว่จะตามหลังมาด้วยหรือไม่
หลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว หลี่จื่อเยว่ก็สับเท้าเดินตามไป ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้ม: “คุณคงจะไม่ทิ้งหนูใช่ไหม”
เฉินเฟิงหันไปมอง ราวกับว่าตอนนี้เธอกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ ทั้งยังรอคอยคำตอบจากเฉินเฟิงด้วยความกังวล
เฉินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ: “เธอวางใจได้ ฉันเคยให้คำมั่นกับชิงจือว่าจะดูแลความปลอดภัยของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากให้เธอกลับไปน่าจะดีที่สุด เพราะที่นั่นจะปลอดภัยมากกว่า”
แต่หลี่จื่อเยว่กลับไม่มีการตอบโต้อะไร เพียงแค่เดินตามหลังเฉินเฟิงลงไปด้านล่างเท่านั้น
ร้านขายอาหารเช้าด้านนอกโรงแรมในขณะนี้กำลังคึกคัก มีคนมากมายมาเรียงรายต่อแถวกันอย่างเนืองแน่น
เฉินเฟิงจึงหันไปพูดกับหลี่จื่อเยว่: “เธอเข้าไปต่อแถวแล้วก็ฝากซื้อซาลาเปาให้ฉันสองลูกด้วย”
หลี่จื่อเยว่มองไปยังเฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่ากำลังสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า
“ทำไม ไม่อยากไปงั้นหรอ งั้นช่างเถอะ ฉันไปเอง”
เมื่อเฉินเฟิงพูดแบบนี้
ทางด้านหลี่จื่อเยว่เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก จึงรีบเข้าไปขวางหน้าของเฉินเฟิงทันทีก่อนจะพูดออกมาด้วยความเคือง : “หนูไปเอง”
เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นจึงยิ้มออกมาจางๆ
ส่วนเขาก็เดินไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของกินและน้ำ เพราะบางทีอาจจะได้เจอสถานการณ์แบบเดียวกับที่ได้นอนในป่าอีก
กระทั่งเขาเดินออกมา ตรงร้านขายอาหารเช้าก็ยังไม่ถึงคิวของหลี่จื่อเยว่สักที ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกเบื่อจนต้องเตะก้อนหินที่อยู่ตรงเท้าเล่นแก้เบื่อ
เฉินเฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับถาม: “จริงด้วย เธอมีเงินหรือเปล่า?”
เธอตอบกลับอย่างฟืดฟัด: “ก็ต้องมีเงินอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นหนูจะมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม”
ในเมื่อเธอมีเงิน ดังนั้นเฉินเฟิงจึงไม่กวนเธออีก ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรม ด้วยระยะเวลาที่ชิงจือให้นั้นค่อนข้างจะนาน เขาจึงไม่รีบร้อนมากนักที่จะต้องเดินทางในทันที
ผ่านไปไม่นานนัก หลี่จื่อเยว่ก็กลับมา
เธอเคาะประตูห้องของเฉินเฟิง เฉินเฟิงเดินออกมาเปิดประตูแล้วมองไปยังถุงซาลาเปาในมือของเธอ
หลี่จื่อเยว่หยิบเอาซาลาเปาส่งให้กับเขาพร้อมกับพูด: “ของคุณ”
เฉินเฟิงรับซาลาเปาพลางถาม: “เธอคงจะไม่ได้โกรธฉันอยู่หรอกนะ?”
หลี่จื่อเยว่ตอบกลับ: “ไม่นี่ ก็แค่ซื้อซาลาเปาเอง”
จากนั้นเฉินเฟิงก็ถามอีกครั้ง: “เรื่องที่ถามเธอไปก่อนหน้านี้ เธอคิดดีแล้วหรือยัง?เธอจะไปหาชิงจือกับฉัน หรือว่าจะให้ฉันส่งเธอกลับบ้านไป ?”
หลี่จื่อเยว่พึมพำออกมาเบาๆ : “หนูไปกับคุณได้หรือเปล่า แล้วคุณจะรังแกหนูหรือเปล่า?”
ดูเหมือนเธอจะพบความจริงบางอย่างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเฉินเฟิงยังคงยิ้มตอบ: “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันจะรังแกเธอได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้เธอตัดสินใจแล้ว งั้นจากนี้ก็จะต้องตามฉันไปหาชิงจือ”
หลี่จื่อเยว่พยักหน้ารับ
“รีบกินตอนซาลาเปายังร้อนอยู่”
พูดจบเธอก็วิ่งกลับห้องของตัวเองทันที
เฉินเฟิงก้มหน้าลงมองซาลาเปาในมือของตัวเอง ตอนนี้มันกำลังอุ่นอยู่โดยบนถุงยังคงมีไอร้อนออกมา
จากนั้นเขาก็กลับเข้าห้องไปนั่งกินซาลาเปา แต่ผ่านไปไม่นานหลี่จื่อเยว่ก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง
“มีเรื่องอะไรอีก?” เฉินเฟิงถาม
หลี่จื่อเยว่พูดออกมาด้วยความเคอะเขิน: “คุณไปซื้อของบางอย่างเป็นเพื่อนหนูหน่อยได้ไหม?”
เฉินเฟิงมองดูสีหน้าของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการจะซื้ออะไร
เขาคิดอยู่สักพัก ที่นี่สำหรับหลี่จื่อเยว่แล้ว เป็นที่ที่เธอไม่คุ้นชินถ้าหากพบเจอกับปัญหา ซึ่งหากวิเคราะห์จากประสบการณ์อันน้อยนิดของเธอแล้วคงจะมีแต่ถูกคนอื่นรังแกเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงตอบกลับ: “ก็ได้ แต่ว่าเธอจะต้องฟังที่ฉันพูด”
หลี่จื่อเยว่จึงรีบพยักหน้ารับทันที
เมืองเล็กแห่งนี้มีความคึกคักอย่างมาก บนถนนเต็มไปด้วยผู้คน พวกเขาสองคนเดินด้วยกัน ด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันมากพร้อมด้วยอายุที่ใกล้เคียงกันจึงทำให้พวกเขาดูเหมือนกับคู่รักที่ออกมาเที่ยวเล่นไปโดยปริยาย
และด้วยความคึกคักของที่นี่ทำให้อารมณ์ของหลี่จื่อเยว่เปลี่ยนเป็นเฮฮาขึ้นมาไม่น้อย
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังร้านที่อยู่ด้านซ้ายและขวาด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมทั้งพูดคุยกับเฉินเฟิงเกี่ยวกับสิ่งของที่อยู่รอบๆ ทั้งชี้ไปทางนั้นทางนี้ ราวกับว่าเพิ่งเคยได้เห็นของพวกนี้เป็นครั้งแรก
ส่วนเฉินเฟิงเองก็ไม่ได้ออกมาชมบรรยากาศยามบ่ายอันแสนสงบแบบนี้นานแล้วเหมือนกัน ซึ่งทุกอย่างดูเรียบง่ายจริงๆ
จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงห้างแห่งหนึ่งที่ดูจะเป็นแหล่งสำคัญของเมืองแห่งนี้ ทางด้านหลี่เยว่ก็ตื่นเต้นจนรีบเข้าไปด้านในอย่างอดไม่ได้
เฉินเฟิงที่อยากจะกล่าวเตือนเธอก่อนสักหน่อย แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะอย่างไรเสียเธอก็ยังเป็นเด็กซุกซนคนหนึ่ง ปล่อยให้เธอได้วิ่งเล่นอย่างอิสระอย่างนั้นดีกว่า