ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 883

ตอนที่ 883

นี่ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ว่าความหวังนั้นกลับริบหลี่อย่างมาก เพราะหากไม่มีพี่น้องตระกูลฉาง บางทีความหวังนี้ก็คงจะไม่มีด้วยซ้ำ

แต่ทางด้านเชียนชิวที่กำลังมองดูเฉินเฟิงครุ่นคิด ก็ฉุกคิดเรื่องของพี่น้องตระกูลฉางขึ้นมาได้ เขาจึงกล่าวถาม : “คุณยังมีเรื่องอะไรที่อยากถามอีกหรือเปล่า ?”

ทันทีที่เห็นเฉินเฟิงส่ายหน้า เขาจึงรีบถามอีกครั้งอย่างรีบร้อน : “อย่างนั้นตามที่คุณเคยบอกเอาไว้ ตอนนี้ถึงคราวที่คุณจะต้องบอกผมเรื่องความสัมพันธ์ของคุณและพวกเธอแล้ว”

เฉินเฟิงครุ่นคิดแล้วเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับพี่น้องตระกุลฉางอยู่แล้ว จึงละเว้นเรื่องนี้เอาไว้ก่อน จากนั้นก็หันไปยิ้มใส่เชียนชิว : “ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นไม่ธรรมดา”

“แล้วมันไม่ธรรมดายังไง คงจะไม่ใช่ว่าคุณกับพวกเธอเป็น ……” เชียนชิวมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความอึ้ง

แต่ว่าเฉินเฟิงกลับไม่พูดอะไร เพียงแต่กระตุกรอยยิ้มออกมา ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่แอบแฝงไปด้วยความหมายมากมาย

ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินจากไป

และหลังจากครั้งนั้นสายตาของเชียนชิวที่มองไปยังพี่น้องตระกูลฉางก็เปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด เขาไม่ได้มีความกระตือรือร้นดังเช่นเคย อีกทั้งบางครั้งก็เหมือนจะพยายามหลบสายตาอีกด้วย

และสิ่งนี้ทำให้พวกเธอสองพี่น้องรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่ว่าทางด้านหลงหลินไม่คิดที่จะไปสักถามอะไรอยู่แล้ว จะมีก็แต่เฟิ่งซีที่หันมาถามเฉินเฟิงด้วยความสงสัย : “ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปราวกับคนละคนแบบนั้น คุณไปทำอะไรเขาใช่หรือเปล่า ?”

เฉินเฟิงยิ้มแห้งออกมา: “ผมจะไปรู้ได้อย่างไร เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย ผมไม่ใช่พยาธิในกระเพาะเขาสักหน่อย”

ทว่าเฟิ่งซีกลับไม่เชื่อ: “ที่นี่ก็มีแต่คุณเท่านั้นที่จะทำอะไรเขาได้ ไม่ใช่คุณ แสดงว่าเป็นพวกเราสองคนงั้นสิ !พูด บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้”

แต่แน่นอนว่าเฉินเฟิงไม่กล้าบอกเรื่องที่ตัวเองไปหลอกเชียนชิวกับเธออยู่แล้ว

และเป็นเพราะสีหน้าของนายท่านเชียนที่ดีขึ้นอย่างมาก จึงทำให้ทุกคนในตระกูลเชียนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ราวกับได้เห็นนายท่านตื่นขึ้นมาแล้วอย่างนั้น

วันนี้เชียนสวนยี่เข้ามาเยี่ยมดูพวกเขาโดยเฉพาะ พร้อมกับกล่าวพูดแสดงความห่วงใยไม่กี่ประโยค ก่อนจะขอตัวลาไปอีกครั้ง

หลังจากที่เขาจากไป เฟิ่งซีก็เดินเข้าไปนั่งยังม้านั่งหินภายในลานบ้านด้วยความเบื่อหน่าย

เฉินเฟิงมุ่งหน้าเข้าไปหาเธอพลางชวนคุย: “น่าเบื่อมากหรือไง?พี่สาวของคุณทำงานหนักขนาดนั้น ทำไมคุณถึงไม่เรียนรู้อะไรจากเธอบ้างล่ะ”

ถึงแม้ว่าจะเป็นการเดินทางออกมาด้านนอก แต่หลงหลินมักจะนำเอาทักษะการแพทย์ของตัวเองติดตัวมาด้วยเสมอ ส่วนในเรื่องเข้าใจผิดระหว่างเธอและเฉินเฟิงก็ดูเหมือนจะถูกปล่อยผ่านไปเสียแบบนี้ เพราะในเมื่อหลงหลินไม่พูด ทางด้านเฉินเฟิงเองก็ยิ่งไม่กล้าที่จะไปพูดอะไร และแบบนั้นจึงทำให้ระหว่างทั้งสองเหมือนมีอะไรบางอย่างมาขวางกั้นเอาไว้ พร้อมทั้งยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆอีกด้วย

เฟิ่งซีตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย: “ในเมื่อมีพี่สาวคอยดูแลอยู่แล้ว ต่อให้ฉันจะดูแลมากแค่ไหน ก็ไม่ต่างอะไรกับการมีพี่สาวสองร่างเท่านั้น ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี”

เฉินเฟิงที่ฟังเธอพูดก็พลันนึกขึ้นมาว่าหากมีหลงหลินสองคนในเวลาเดียวกัน อย่างนั้นในช่วงฤดูร้อนคงไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว แค่ตามติดพวกเธอก็พอแล้ว

เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม: “คุณพูดแบบนี้ก็เพราะต้องการหาเหตุผลไว้อู้งานมากกว่า”

เฟิ่งซีเองก็ยิ้มออกมา: “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าพี่สาวดีหรือว่าฉันดีกว่า?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นคุณอยู่แล้ว นิสัยก็ดีมากๆ ด้วย” เฉินเฟิงที่ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรก็ตอบออกมาทันที เพราะว่านี่ถือเป็นคำถามมาตรฐาน และมันไม่มีคำตอบอื่นอยู่แล้ว

แต่สีหน้าของเฟิ่งซีกลับหมองลง: “คุณไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ แสดงว่ากำลังหลอกฉันอยู่แน่นอน เป็นคนโกหกอยู่วันยังค่ำ ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด”

เฉินเฟิงจึงได้เพียงตอบกลับอย่างเอือมระอา: “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคิด ผมก็สามารถตอบออกมาได้เร็วแบบนี้อยู่แล้ว”

เฟิ่งซีถามด้วยความสงสัย: “เป็นอย่างนั้นจริงหรอ?”

“แน่นอนอยู่แล้วสิ!ไม่อย่างนั้นหากผมใช้เวลาคิดนานกว่าจะตอบ คุณก็จะว่าผมอยู่ดี”

เฟิ่งซียิ้มออกมาราวกับว่าบางทีอาจจะเป็นอย่างที่เฉินเฟิงพูดแบบนั้นจริง

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ด้านนอกป่าไผ่ก็มีสายลมพัดผ่าน ส่งเสียง” ซู่ซ่า” ดังขึ้นมา

ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เฉินเฟิงกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นความรู้สึกถึงอันตรายตามสัญชาตญาณ

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะวางใจ แสงประกายแวบหนึ่งก็พุ่งเข้ามาทางเฟิ่งซี

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบดึงตัวเฟิ่งซีไปอยู่ด้านหลังของเขา เพื่อช่วยบังปลายดาบนั้นแทนเธอ

ปลายดาบนั้นถอยหลังออกไปหลายก้าว จึงทำให้เฉินเฟิงสามารถมองเห็นเขาคนนั้นได้อย่างชัดเจน

ชายคนนั้นเป็นคนร่างเตี้ย สวมชุดสีดำทั้งตัว พร้อมกับถือดาบยาวหนึ่งเล่มไว้ในมือ ทว่าใบหน้านั้นเป็นคนที่เฉินเฟิงไม่เคยเจอมาก่อน

แล้วเหตุใดเขาถึงต้องการลอบฆ่าเฟิ่งซีด้วย เพียงแค่ครู่เดียวเฉินเฟิงก็เข้าใจขึ้นมา

นั่นเป็นเพราะว่าเขาเพียงแค่ไม่ต้องการให้นายท่านเชียนฟื้นขึ้นมาก็เท่านั้น

แต่ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะได้วิเคราะห์อะไรเพิ่มเติม ดาบเล่มนั้นก็โฉบฉวยไปเข้ามาราวกับงูพิษ เดิมทียังมีความน่าเกรงขามอย่างมาก แต่เมื่อดาบยาวนั้นที่อยู่ในมือของชายร่างเตี้ยก็กลับกลายเป็นสิ่งที่น่าสยดสยอง

เพราะดาบแล้วดาบเล่าที่พุ่งเข้า ล้วนพยายามจะแทงฟันไปยังจุดสำคัญบนร่างกาย และหัวใจ

ซึ่งการโจมตีนั้นมีความคล้ายคลึงกับหนูในท่อที่คอยสร้างความน่ารำคาญใจให้กับผู้คน แต่กลับไม่มีวิธีการกำจัดมันออกไปได้สักที

โดยเฉินเฟิงก็ได้เพียงแต่พยายามในการสกัดการโจมตีเหล่านั้น ทั้งยังไม่มีความคิดที่จะไปโจมตีอีกฝ่ายกลับเลย ดังนั้นจึงทำให้ตอนนี้อีกฝ่ายไม่สามารถเอาเปรียบเขาได้เลย

เฟิ่งซีได้แต่มองดูด้วยกังวลใจ ทว่าเป็นเพราะว่าเธอไม่มีความรู้วิชาต่อสู้ใดๆ เลย ดังนั้นเมื่อถูกเฉินเฟิงผลักให้ถอยหลังไป เธอก็ยังทำได้เพียงแค่หลบอยู่อีกด้านคอยจับตาดูเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเป็นกังวลในตัวเฉินเฟิงอย่างมาก

แต่ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังต่อสู้กับเขาคนนั้นอยู่นั้น ภายในห้องของหลงหลินก็มีเสียงดังทะลุออกมา ราวกับว่าหลงหลินกำลังร้องเจ็บปวดอย่างนั้น

เฟิ่งซีที่ได้ยินเสียงก็ไม่กล้าที่ชะล่าใจอยู่ต่อ จึงรีบวิ่งเข้าไปยังห้องของหลงหลิน

ส่วนเฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงนั้นในเวลาเดียวกัน แต่ว่ายังไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้สักที ในใจของเฉินเฟิงก็ร้อนรนมากขึ้น

ใจเขาตื่นตระหนก พร้อมกับไม่มั่นใจว่าที่เฟิ่งซีเคยบอกว่าอาการเจ็บปวดภายหลังนั้นของเขาสามารถหายได้เร็วมากขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะตัดสินใจดึงเอาวิธีย้อนพลังเพื่อเสริมกำลังออกมาใช้โดยตรง ทันใดนั้นทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนกลายเป็นพลังสังหารขึ้นมา

ซึ่งในตอนนั้นชายที่เป็นเหมือนหนูพุ่งทะยานเข้ามาอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้เบามือเหมือนตอนแรกเริ่มอีกแล้ว เฉินเฟิงแทบจะไม่ให้โอหาสให้เขาได้ถอยหลังไปตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย และในทุกครั้งที่เข้าใกล้เขาเฉินเฟิงก็พยายามที่จะฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ

เมื่อผ่านไปเพียงไม่กี่กระบวนท่า ใบหน้าของชายร่างเตี้ยคนนั้นก็ไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีกเลย อีกทั้งบนร่างกายก็เหมือนจะไม่เหลือส่วนไหนที่มีภาพสมบูรณ์อีก

จนกระทั่งเขาตายไป เฉินเฟิงถึงค่อยยอมปล่อยตัวเขา แต่ในระหว่างการต่อสู้เมื่อสักครู่นั้นกลับใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะสามารถทำเรื่องมากมายได้ อย่างเช่นการฆ่าคนหนึ่งคน

ในขณะเดียวกันเฉินเฟิงก็ได้กลิ่นเลือดโฉยออกมา เขาจึงรีบวิ่งทะยานเข้าไปในห้องหลงหลิน ปรากฏว่าตอนนี้หลงหลินได้ฟุบลงไปกับพื้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนเฟิ่งซีก็กำลังถูกเขาคนนั้นกดไว้กับพื้น

เฉินเฟิงวิ่งเข้าไปหาชายที่มีมีดอยู่ในมือคนนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ และหลังจากการใช้วิธีย้อนพลังเพื่อเสริมกำลัง ชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเฟิงอีกต่อไป

แล้วเกิดโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายแบบเดียวกันนั้นก็ได้เกิดขึ้นกับชายคนนี้อีกครั้ง พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

เฟิ่งซีที่เห็นอย่างนั้นเกิดรู้สึกกลัวอย่างมาก เธอไม่เคยได้เห็นด้านมืดที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ของเฉินเฟิงมาก่อน เขาเป็นเหมือนกับปีศาจตนหนึ่ง ปีศาจที่กระหายเลือดและโหดเหี้ยม

ซึ่งในตอนนี้ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นก็กำลังจ้องมองมาที่เธอ เธอคิดเลยว่าตัวเองคงจะต้องถูกเฉินเฟิงฆ่าตายแน่นอน ความหวาดกลัวนั้นทำให้เธอไม่กล้าที่จะกรีดร้องออกมาเลย

เวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากเย็นที่สุดในการควบคุมตัวเองของเฉินเฟิง และการฆ่าก็คือทุกอย่างของเขา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางควบคุมมันได้เลย ซึ่งในตอนนั้นเองที่เฉินเฟิงหันมาตะโกนใส่เฟิ่งซี: “รีบไปซะ รีบออกไปจากตรงนี้เร็วเข้า”

ทว่าสภาพของเฟิ่งซีในตอนนี้แค่จะลุกขึ้นยืนยังนับว่าเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก

“ผมไม่รู้ว่าจะควบคุมได้อีกนานแค่ไหน คุณรีบไปเร็วเข้า ตอนนี้ผมไม่ใช่ตัวเองอีกแล้ว” เฉินเฟิงตะโกนออกมาอีกครั้ง

ในที่สุดเฟิ่งซีก็รู้ตัวว่าตัวเองจะต้องลุกขึ้นยืนเสียที เธอพยุงตัวเองจากการเกาะกำแพงที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับพยายามอย่างลำบากกว่าจะลุกขึ้นมาได้

ทั้งที่เฉินเฟิงที่อยู่ตรงนั้นดูเหมือนจะเจ็บปวดทรมานอย่างมาก แต่เฟิ่งซีก็ไม่กล้าเข้าไปดู

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท