และด้วยความที่หลงหลินเป็นคนมีนิสัยเย็นชาอยู่แล้ว แม้ว่าเชียนชิวจะพยายามพูดคุยกับเธอมากกว่าสิบประโยค แต่เธอกลับแทบจะไม่ได้ตอบกลับเขาเลยแม้แต่คำเดียว ส่วนทางด้านเฟิ่งซีที่เป็นเพราะเรื่องของพิษหนาวจึงทำให้อารมณ์ไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้นอกจากการตอบสนองบางครั้งในตอนที่พูดคุยกับเฉินเฟิงแล้ว เธอก็ไม่ยอมพูดคุยกับคนอื่นเลย
“ตระกูลเชียนนั้นมีอำนาจใหญ่โตมาก ยิ่งโดยเฉพาะในทะเลทรายนี้ก็ยิ่งหาที่เปรียบไม่ได้เลย การใช้อำนาจของเหล่าตระกูลน้อยใหญ่ในทะเลทรายแห่งนี้ล้วนต้องคอยว่าตามทิศทางอำนาจของตระกูลเชียนของเราทั้งนั้น ……”
“ถ้าหากพูดถึงรุ่นนี้ของตระกูลเชียนแล้ว นอกจากคนที่นอนไม่ลืมตาคนนั้นแล้ว ก็เป็นผมเชียนชิวคนนี้เอง ……”
เขาเอาแต่พูดจาโอ้อวดอยู่ตรงนั้น ในขณะที่สองพี่น้องตระกูลฉางไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลย แต่นั่นกลับทำให้เขาเข้าใจว่าพวกเธอสองคนฟังแล้วเกิดความทึ่งในตัวเขาจนต้องชื่นชมเขาไปเสียอย่างนั้น
จะมีก็เพียงแต่เฉินเฟิงที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความเย้ยหยันเท่านั้น แต่เพราะเดิมทีเขาไม่ได้สนใจในตัวเฉินเฟิงอยู่แล้ว จึงทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของเฉินเฟิงที่แสดงออกมาในตอนนี้
และเมื่อทั้งหมดเดินมาถึงด้านนอกห้องรักษาตัวของนายท่านเชียน หลงหลิงก็พูดขึ้นมา : “คุณไม่จำเป็นต้องตามเข้าไป ในขณะที่พวกเราสองพี่น้องทำการรักษา ไม่สะดวกให้คนนอกเข้าไปดู”
แน่นอนว่านั่นทำให้เชียนชิวผิดหวังไม่น้อย แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ จนได้เห็นเฉินเฟิงเดินตามเข้าไปด้วย จึงถามออกมาด้วยความสงสัย
“ทำไมเขาถึงต้องตามเข้าไปด้วย?”
เฉินเฟิงชิงหัวเราะเยาะออกมา: “นั่นมันก็เป็นเพราะว่าผมไม่ใช่คนนอกไงล่ะ ทำไมคุณถึงไม่มีการสังเกตเลยสักนิด”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจอีกว่าเชียนชิวจะแสดงสีหน้าแบบไหน แล้วเดินตามหลงหลินพวกเธอเข้าไปด้านในห้องรักษาตัว
อันที่จริงแล้ววิธีการรักษาก็ยังเป็นวิธีเดียวกันหมดเลย คือต้องฝังเข็มไปยังจุดต่างๆ บนร่างกายของนายท่านเชียน เพื่อสะกดพิษหนาวที่อยู่บนร่างกายของเขา พร้อมกับทำแบบนี้อยู่ซ้ำๆ เพื่อรอให้เกิดการฟื้นตัวของร่างกาย จากนั้นจึงค่อยเสริมด้วยสมุนไพรอื่นๆ ถึงจะบอกว่าวิธีนี้สามารถชะลอพิษได้ แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีการรักษาให้หายขาดได้
ทางด้านเฉินเฟิงนั้นยังคงทำหน้าที่ในการช่วยพยุงเหมือนเดิม ถึงแม้ว่านายท่านเชียนจะมีอายุมากแล้ว แต่เมื่อก่อนก็เคยเป็นคนที่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ จึงทำให้เขามีร่างกายและโครงร่างที่ใหญ่ และแม้ว่าต่อมาจะมีการหดลงไปตามอายุ แต่ก็ยังดูมีความแข็งแกร่งมากกว่าชายที่เป็นผู้ใหญ่ทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าความน้ำหนักจากความแข็งแรงนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะกับพี่น้องตระกูลฉางเลยจริงๆ
จากนั้นก็ต้องทำแบบนี้ซ้ำๆ วันละสองครั้ง จนกว่าจะครบเจ็ดวัน แต่ตอนนี้สีหน้าของนายท่านเชียนดูดีขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว
ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็มีเชียนชิวที่มาคอยอยู่ดูแลช่วยเหลือด้วยอีกแรง แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม พี่น้องตระกูลฉางที่นอกจากจะเรียกใช้เขาเวลาที่ต้องการให้เขาไปจัดเตรียมสมุนไพรบางอย่างหรือให้เขาออกไปซื้อของแล้ว ในช่วงเวลาอื่นๆ พวกเธอก็ไม่พูดคุยกับเขาเลย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีความมุ่งมั่น และพยายามหาวิธีเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างลดละ รวมทั้งแม้แต่จะต้องเข้าหาเฉินเฟิงก็ตาม
“พี่ชาย คุณกับสาวสวยสองคนนั้นเป็นอะไรกันงั้นหรอครับ ?” เขาเดินตรงมายังเฉินเฟิงแล้วถามด้วยความอยากรู้
เดิมทีเฉินเฟิงไม่อยากที่จะไปสนใจเขา แต่เมื่อนึกถึงเชียนหนิงที่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของเขาเลย เขาจึงตอบกลับ : “ผมจะถามคุณสักสองสามคำถามก่อน หากว่าคุณตอบผม ผมก็จะบอกเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพวกเธอให้กับคุณ”
เชียนชิวตอบกลับอย่างระวังตัว: “ถ้าหากว่าไม่ก้าวก่ายเรื่องความลับของตระกูลเชียน ผมจะบอกแน่นอน แต่ถ้าหากว่าล้ำเส้นเข้ามาเกี่ยวกับตระกูลเชียน ผมจะไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น”
สำหรับเฉินเฟิงแล้วเขาไม่ได้มีความสนใจในเรื่องความลับของตระกูลเชียนอยู่แล้วจึงตอบกลับ : “แน่นอนว่าไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความลับของตระกูลเชียนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าช่วงนี้ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ผมก็เลยอยากหาคนมายืนยันสักหน่อยก็เท่านั้น”
และเป็นเพราะความกระตือรือร้นที่อยากรู้ในเรื่องของสองพี่น้องตระกูลฉาง ดังนั้นเมื่อได้ยินเฉินเฟิงพูดแบบนี้ เขาจึงรีบตอบตกลงทันที
เฉินเฟิงจึงถามขึ้นมา: “เชียนหนิงเป็นคนตระกูลเชียนของพวกคุณใช่หรือเปล่า?”
เมื่อพูดถึงเชียนหนิงขึ้นมา เชียนชิวก็เหมือนถูกตบหน้าอย่างจัง สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างมาก ภายในสายตาฉายแววสังหารออกมา และสิ่งนี้ทำให้เฉินเฟิงเกิดความสงสัยขึ้นมา เพราะถึงแม้ว่าเชียนหนิงจะทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องไป แต่ไม่น่าจะทำให้เชียนชิวที่อยู่ในรุ่นเดียวกันเกิดความเกลียดชังแบบนี้ได้
เขาตอบกลับด้วยความเกลียดแค้น: “ตอนนี้เขาไม่ใช่คนของตระกูลเชียนอีกแล้ว เขาเป็นแค่คนทรยศคนหนึ่งเท่านั้น”
เฉินเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะการที่เขาพาตัวเชียนเสี่ยวหยุนออกไปจากพิธีการแบบนั้น ถ้าหากเขาไม่ถูกตระกูลเชียนขับไล่ให้ออกจากตระกูลไป อย่างนั้นตระกูลเชียนก็คงจะมีความใจกว้างเกินไปแล้ว
แล้วเชียนชิวจึงพูดต่ออีกว่า : “คุณรู้จักเขาได้อย่างไร คุณเคยเจอเขางั้นหรอ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงคุณก็บอกกับผมมา ตระกูลเชียนของเราจะตอบแทนคุณอย่างงามเลย”
เฉินเฟิงส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเขาไม่ต้องการที่จะไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้
“จะเป็นไปได้ไงกัน ผมก็แค่ได้ยินว่าเขาได้สร้างเรื่องใหญ่ในงานพิธีหมั้นของตระกูลเชียนเท่านั้น ถ้าหากผมรู้จักเขาจริงก็คงจะบอกไปตั้งนานแล้ว เพราะผมว่าตระกูลเชียนคงจะไม่ตระหนี่เศษเงินสำหรับตอบแทนแน่นอน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเชียนชิวก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไร เพียงแต่ตอบกลับ : “ถ้าหากว่าคุณรู้ ยังไงก็ขอให้แจ้งกับตระกูลเชียนโดยตรง แต่จะว่าไปคุณจะถามเรื่องของเชียนหนิงเพื่ออะไร ?”
เฉินเฟิงตอบกลับ: “ผมเคยเจอกับเขา วิชาการต่อสู้ของเขานั้นร้ายกาจอย่างมาก แต่ถ้าเป็นความร่วมมือของตระกูลอู๋และตระกูลเชียนแล้ว จากการวิเคราะห์เชียนหนิงไม่น่าจะหนีรอดออกไปจากทะเลทรายได้ด้วยซ้ำ แต่ว่าทำไมจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะจับตัวเขาได้สักที”
ทันใดนั้นเชียนชิวก็จริงจังขึ้นมา เขาจ้องมองเฉินเฟิงราวกับต้องการที่จะอ่านความคิดภายในใจของเฉินเฟิงอย่างนั้น
“นี่คุณกำลังแอบสอดแนมเรื่องการตัดสินใจในตระกูลเชียนอยู่งั้นหรอ?คุณต้องการจะทำร้ายนายท่านของพวกเราใช่หรือเปล่า?”
ทันทีที่เขาถามจบ เฉินเฟิงถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะมองด้วยสายตางุนงงเช่นเดียวกันกลับไปยังเชียนชิวพร้อมตอบกลับ: “ถ้าหากว่าผมต้องการจะทำร้ายนายท่านของพวกคุณ ผมก็มีโอกาสที่จะลงมืออยู่ทุกวันไม่ใช่หรือไง แล้วจะมาเสียเวลาสอดแนมอีกทำไม”
และตอนนี้เองที่เชียนชิวเหมือนว่าจะเพิ่งคิดได้จึงตอบกลับไปด้วยความละอายใจ: “เอ่อ อันนี้ผมไม่ทันได้คิดจริงๆ แต่ในเมื่อไม่ใช่ต้องการจะทำร้ายนายท่าน แล้วทำไมคุณถึงต้องถามเรื่องพวกนี้ด้วย นี่ถือเป็นเรื่องที่ช่วงนี้คนตระกูลเชียนห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาดเชียว”
เฉินเฟิงตอบกลับ: “นั่นก็เป็นเพราะว่าสงสัยไงล่ะ ทำไม พูดไม่ได้หรือไง?ถ้าหากพูดไม่ได้งั้นก็ช่างมันเถอะ ส่วนเรื่องของพี่น้องตระกูลฉางผมก็จะไม่พูดเหมือนกัน”
สุดท้ายเชียนชิวก็ติดกับดักจนได้ เขาจึงรีบขัดทันที: “ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะพูดไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อคุณเป็นคนที่มารักษานายท่าน ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นความลับที่พูดไม่ได้สำหรับคุณ”
เมื่อเป็นอย่างนั้นเฉินเฟิงก็ยิ่งเกิดความสงสัยมากขึ้น เพราะดูแล้วเรื่องนี้คงจะมีความเกี่ยวข้องกับนายท่านเชียนคนนั้นด้วย
“เมื่อย้อนกลับไปวันนั้นที่เชียนหนิงพาตัวฝ่ายหญิงหนีไป เรื่องนี้ก็กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่โตเลยทีเดียว ทางด้านตระกูลเชียนและตระกูลอู๋ได้ตัดสินใจร่วมมือกันว่าจะหาตัวเชียนหนิงกลับมาให้ได้ แล้วคนที่ถูกส่งออกไปก็ล้วนเป็นเหล่ายอดฝีมือเกือบทั้งหมดของทั้งสองตระกูล แต่กลับไม่คิดเลยว่าวันที่สองยังไม่ทันได้หาตัวเขาเจอ ตระกูลเชียนก็เกิดเรื่องขึ้นซะแล้ว”
เฉินเฟิงจึงลองเดาเหตุการณ์นั้นออกมา: “ถ้าหากพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าเรื่องของนายท่านเกิดขึ้นได้เป็นเพราะว่าในตอนนั้นตระกูลเชียนไร้คนเฝ้าดู ถึงได้มีโอกาสให้คนพวกนั้นลงมือ จนทำให้เรื่องราวกลายเป็นอย่างในตอนนี้”
เชียนชิวพยักหน้า ยอมรับว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เฉินเฟิงได้คาดเดา
เฉินเฟิงจึงถามอีกครั้ง: “ฆาตกรคนนั้นจับตัวได้หรือยัง?”
เชียนชิวส่ายหน้า: “ถ้าจับได้ก็คงจะดี หลายวันมานี้ที่คุณลุงกำลังยุ่งอยู่ก็มีความเกี่ยวข้องกับฆาตกรนั่นแหละ และเพราะแบบนั้นหลังจากนั้นเรื่องของเชียนหนิงจึงถูกละเลยไว้ข้างหลัง เหลือเพียงแต่ตระกูลอู๋ที่ยังคอยตามหาตัวพวกเขาเท่านั้น”
“แล้วฆาตกรคนนั้นเป็นใครกันแน่ พวกคุณน่าจะรู้บ้างสิ ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับกำลังงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ”
แต่ว่าเชียนชิวกลับส่ายหน้า
เฉินเฟิงพูดอีกครั้ง: “อันนี้จะน่าสงสัยเกินไปแล้วมั้ง หากเป็นแบบนี้แสดงว่าพวกคุณไม่มีแม้แต่เบาะแสเลยสิ”
เชียนชิวได้เพียงตอบกลับ: “พวกคุณลุงได้ปรึกษากันแล้วว่าขอเพียงแค่สามารถรักษานายท่านได้ ก็สามารถรู้ได้ว่าเขาคนนั้นคือใครกันแน่”