ลูกเขยมังกร – บทที่ 913 ฐานกำลังอันแข็งแกร่ง

บทที่ 913 ฐานกำลังอันแข็งแกร่ง

ทว่าต่อให้ไป๋จิ้งเฟิงจะพูดแบบนี้ แต่สำหรับตัวเฉินเฟิงแล้ว เรื่องที่ไม่มีทางทำได้ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่มีทางทำได้อยู่ดี

เดิมทีเขาอยากจะปฏิเสธไป๋จิ้งเฟิงไปโดยตรง แต่เมื่อดูสีหน้าของไป๋จิ้งเฟิงสองพ่อลูกแล้ว เฉินเฟิงจึงได้เพียงตอบกลับอย่างอ้อมๆ : “เรื่องนี้ผมคงต้องไตร่ตรองอีกสักระยะถึงจะได้ ถ้าหากว่าทั้งสองไม่ถือสาอะไร ผมขอเวลาทบทวนอีกสักสองสามวันแล้วค่อยแจ้งให้กับพวกคุณดีกว่านะครับ ”

สองพ่อลูกตระกูลไป๋ได้ยินอย่างนั้นก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นเพียงประโยคสำหรับบ่ายเบี่ยงเท่านั้น ด้านไป๋ซิงจึงคิดที่จะโน้มน้าวอีกสักหน่อย แต่ก็ถูกไป๋จิ้งเฟิงห้ามเอาไว้เสียก่อน

ไป๋จิ้งเฟิงตอบกลับอย่างถ่อมตัว: “อย่างนั้นคงต้องรบกวนคุณชายเฉินแล้ว ถ้าหากว่าคุณชายเฉินตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว รบกวนแจ้งให้กับผมด้วย ”

เฉินเฟิงเพียงพยักหน้า ไม่ได้ตอบกลับอะไรใดๆ ทั้งสิ้น

น้ำชาที่วางอยู่ข้างๆ ไป๋จิ้งเฟิงไม่ได้คิดจะดื่มต่อ เพียงหันไปพูดกับไป๋ซิง : “ ซิงเอ๋อ ประคองฉันกลับกันเถอะ อย่าไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณชายเฉิน ”

ไป๋ซิงประคองไป๋จิ้งเฟิงตามคำพูดของเขา ซึ่งทั้งสองเดินทางมาอย่างไร ก็จากไปแบบนั้น

มองดูรถของพวกเขาจากไป จูๆเฉินเฟิงก็รู้สึกใจหนักอึ้งขึ้นมาทันที

และในตอนนั้นเองที่เสี่ยวเย่เดินออกมาจากด้านในบ้าน เธอกล่าวถามด้วยความสงสัย : “ชายชราคนนั้นก็คือนายท่านไป๋สินะคะ ดูแล้วก็อายุเยอะมากแล้วจริงๆนะคะ เหมือนกับยายทวดในหมู่บ้านของฉันเลยค่ะ รู้สึกได้เลยว่าอีกเพียงนิดเดียวก็จะตายไปได้อย่างง่ายดาย ”

เสี่ยวเย่พูดโดยไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากนัก แต่เฉินเฟิงกลับไม่สนใจเธอเลย

เขาถาม: “เสี่ยวเย่ คุณว่าถ้าหากคนในครอบครัวของคุณถูกคนอื่นฆ่าตาย แต่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้เลย คุณทำได้เพียงต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น คุณจะทำยังไง ?”

เสี่ยวเย่ที่ถูกถามด้วยคำถามนี้ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา แต่เพราะเฉินเฟิงเป็นคนถาม ดังนั้นเธอจึงคิดไตร่ตรองอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบกลับ : “ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อไปตามหาคนๆนั้น”

เฉินเฟิงถามกลับ: “ทำไม?”

เสี่ยวเย่ครุ่นคิดพร้อมตอบ: “ฉันก็แค่คิดว่าคนเลวขนาดนี้ ถ้าหากไม่มีใครจัดการกับเขา เขาก็คงจะต้องไปฆ่าคนอื่นอีก และถึงเวลานั้นคนที่ต้องตายจะไม่ได้มีแค่คนของฉันเท่านั้น ”

เฉินเฟิงหัวเราะออกมา มันก็สมเหตุสมผลดี แต่ทำไมไม่มีใครหน้าไหนในตระกูลใหญ่พวกนั้นเข้าใจเรื่องแบบนี้เลย

“ผมเอาแต่ด่าว่าคุณโง่มาตลอด แต่ตอนนี้ดูแล้วคุณไม่ได้โง่เลยสักนิด แถมยังฉลาดมากอีกด้วย ” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำชมเชยจากเฉินเฟิง เสี่ยวเย่ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก: “ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่โง่ แต่คุณชายเฉินก็เอาแต่บอกว่าฉันโง่ ตอนนี้คุณก็เห็นสักทีว่าที่จริงแล้วฉันเป็นคนฉลาดใช่ไหมล่ะคะ ”

เฉินเฟิงหัวเราะ: “ช่างเถอะ เมื่อกี้ถือซะว่าผมมองผิดไป คุณก็ยังคงเป็นหญิงไร้สมองอยู่ดี ”

เสี่ยวเย่เบ้ปากด้วยความขุ่นเคืองทันที: “คุณชายเฉิน คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคะ ชมคนอื่นแล้วจะกลับคำได้ยังไงคะ คุณทำแล้วจะไม่ยอมรับงั้นหรอคะ?”

หลังจากนั้นภายในหุบเขา เฉินเฟิงใช้เวลาครุ่นคิดอยู่สามวัน เพราะเป็นความจริงที่เขานั้นมีความรู้สึกขัดแย้งกับหมาป่าทะเลทราย แต่การจะให้ลงมือต่อกรก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ดังนั้นจึงทำให้เกิดความลังเลไม่น้อย

หลังจากที่สามวันสิ้นสุดลง เขาก็คิดว่ายังไงก็ยังต้องให้คำตอบแก่ตระกูลไป๋ และไม่ว่าจะเป็นคำตอบตกลงหรือปฏิเสธ ยังไงก็บอกกล่าวให้พวกเขาได้รู้

จากนั้นเขาจึงให้ชายคนนั้นพาตัวเองไปส่งยังบ้านตระกูลไป๋ ซึ่งในตอนนั้นก็ได้มีคนมารอรับเขาอยู่แล้ว

แต่ไม่ได้มีใครมากมายนัก เพราะนอกจากไป๋จิ้งเฟิงสองพ่อลูก ก็มีเพียงชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งดูแล้วเขาน่าจะเป็นคนที่ตระกูลไป๋ให้ความไว้วางใจ

“คุณชายเฉิน คุณน่าจะแค่ส่งข่าวให้กับพวกเราก็พอ พวกเราจะได้เดินทางไปหาคุณบนเขาเอง ” เมื่อเจอหน้าไป๋จิ้งเฟิงก็พูดขึ้นมาอย่างเกรงใจ

เฉินเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยกมือขึ้นมาสะบัด: “ไม่ต้องวุ่นวายอะไรหรอกครับ คุณอายุเยอะขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ผมคงจะรับผิดชอบไม่ไหว ”

ไป๋จิ้งเฟิงยิ้มตอบ: “อย่างนั้นก็ขอบคุณคุณชายเฉินที่เห็นใจคนอายุเยอะอย่างผม”

จากนั้นพวกเขาจึงต้อนรับเฉินเฟิงเข้าไปด้านใน ด้านในตัวบ้านมีสไตล์การตกแต่งที่เหมาะสมกับเป็นตระกูลใหญ่หนึ่งเลยทีเดียว ทั้งงานเขียนพู่กันและภาพวาดโบราณต่างๆ โดยที่งานทุกชิ้นดูมีมูลค่าสูงมากๆ

แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเฉินเฟิงเลยแม้แต่น้อย เพราะวันนี้เขามาที่นี่ก็เพื่อแจ้งเรื่องการตัดสินใจของตัวเองให้กับคนตระกูลไป๋ได้ทราบ

หลังจากที่พวกเขาพากันนั่งลง ก็มีคนนำชาเข้ามาเสิร์ฟ

เฉินเฟิงไม่ได้แตะต้องเลยสักนิด เพียงแค่จ้องมองไปยังไป๋จิ้งเฟิง

โดยที่คนตระกูลไป๋เองก็กำลังเฝ้ารอคำตอบของเขาอยู่เช่นกัน

เฉินเฟิงพูดขึ้นมา: “ผมใช้เวลาคิดอยู่นานมาก เพราะการจะต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายนั้นการจะพึ่งพาแค่พวกคุณกับผมเท่านั้นคงจะยังไม่เพียงพอ ยังไงก็ต้องไปตามหาคนที่พร้อมจะต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายมาเสริมกำลัง ขอเพียงแค่ให้มีกำลังที่เพิ่มขึ้น หมาป่าทะเลทรายก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลใจอีกต่อไป ”

ทางด้านไป๋จิ้งเฟิงที่ได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเฟิงเขาก็เข้าใจความหมายของเฉินเฟิงทันที โดยที่ไม่จำเป็นต้องไถ่ถามอะไรอีกว่าแท้จริงแล้วเฉินเฟิงนั้นตอบตกลงหรือไม่กันแน่

เขาตอบกลับ: “แต่ว่าตระกูลต่างๆ ในทะเลทรายนี้ไม่มีใครที่ไม่เกรงกลัวเลย การจะติดต่อกับพวกเขาให้มาต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากนัก ”

เฉินเฟิงพยักหน้า: “เรื่องนี้ผมเองรู้ดีครับ แต่เรื่องบางเรื่องต่อให้จะยากลำบากแค่ไหนก็จำเป็นที่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นเรื่องที่พวกคุณบอกว่าจะแก้แค้นก็จะกลายเป็นเพียงคำพูดเสียเปล่าเท่านั้น”

ในขณะที่ไป๋จิ้งเฟิงกำลังคิดใคร่ครวญอยู่นั้น ชายตระกูลไป๋คนนั้นที่เฉินเฟิงไม่รู้จักก็พูดขึ้นมา : “ผมรู้สึกว่าสิ่งที่คุณชายเฉินพูดนั้นไม่ผิดอะไรนะครับ ถึงแม้ว่าพวกเขาทุกคนต่างจะมีความเกรงกลัวต่อหมาป่าทะเลทราย แต่ถึงอย่างนั้นระหว่างพวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีความโกรธแค้นกับหมาป่าทะเลทรายเลย และแน่นอนว่าในกลุ่มพวกเขาต้องมีบางคนที่ได้รับการข่มเหงจากหมาป่าทะเลทราย”

เฉินเฟิงตอบกลับอย่างเห็นด้วย: “ผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ซึ่งคนเหล่านั้นที่เคยได้รับบาดแผล ผมคิดว่าพวกเขาจะถูกพวกเราดึงเข้ากลุ่มได้อย่างง่ายดาย และตราบใดที่พวกเขามีเครือข่ายที่แน่นอน การอยู่ภายใต้แรงกดดันของหมาป่าทะเลทรายจะยิ่งทำให้พวกเขาเกาะกลุ่มกันเป็นผลประโยชน์ใหญ่ได้ง่ายดายมากขึ้น”

ในตอนนั้นไป๋จิ้งเฟิงก็พูดแทรกขึ้นมา: “ที่พูดแบบนี้แสดงว่าคุณชายเฉินมีแผนการอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีความกังวลใจอยู่ดี”

เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัย: “ปัญหาอะไรครับ?ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงลงความเห็นกันอยู่ หากว่ามีปัญหาอะไรก็ให้เสนอออกมา เพราะถ้าหากรอจนถึงขั้นดำเนินการแล้วพูดปัญหาเหล่านี้ออกมามันอาจจะสายเกินไป และในช่วงเวลารีบร้อนแบบนั้นคงยากที่จะหาวิธีแก้ไขออกมาได้ ”

ไป๋จิ้งเฟิงจึงตอบกลับ: “ในเมื่อตอนนี้พวกเราไม่มีทางที่จะรวมกลุ่มกันได้ อย่างนั้นก็จำเป็นต้องมีแกนนำในแผนการนี้ ตระกูลไป๋ของเราถึงแม้จะยอมเป็นแกนนำแผนการนี้ แต่หากถูกหมาป่าทะเลทรายรู้เรื่องเข้า เรื่องนี้จะไม่ใช่แค่ความหายนะสำหรับตระกูลไป๋ของเรา แต่สำหรับแผนการนี้ของคุณชายเฉินก็จะพังทลายไปด้วย ”

เฉินเฟิงก้มหน้าลง คิดไตร่ตรองถึงปัญหานี้ของไป๋จิ้งเฟิง ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่ตัวเขาเองคิดไม่ถึงจริงๆ

และในขณะนั้นชายไร้นามจากตระกูลไป๋คนนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง : “ถ้าหากว่าไม่อยากให้หมาป่าทะเลทรายรู้ก็คงจะมีแค่สองวิธีเท่านั้น ”

เฉินเฟิงเงยหน้าขึ้นหันไปมองเขา ในขณะที่คนอื่นๆ ก็มองไปทางเดียวกัน

ชายคนนั้นรู้ดีว่าทุกคนกำลังเฝ้ารอคำตอบอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ : “อันที่จริงก็เป็นเพียงวิธีการสองแบบที่เรียบง่ายแต่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง นั่นก็คืออย่างแรกพวกเราต้องหาวิธีจัดฉากเรื่องบางอย่างขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจของหมาป่าทะเลทราย ให้พวกเขาไม่ทันได้สังเกตถึงแผนการนี้ของเรา

ส่วนอย่างที่สองก็คือในตอนที่พวกเราติดต่อกับตระกูลเหล่านั้นต้องเพิ่มความลึกลับให้มากขึ้น ดีที่สุดคือการหาข้ออ้างกลบเกลื่อน แต่ต้องเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำให้พวกเขาสงสัย ”

เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ เฉินเฟิงก็เห็นด้วยทันที: “ถึงจะดูเรียบง่าย แต่ฟังดูแล้วก็สามารถเห็นผลได้ดีจริงๆ ผมคิดว่าทำแบบนี้ก็ได้ ”

เมื่อเขาพูดจบก็หันไปมองไป๋จิ้งเฟิงสองพ่อลูก

ไป๋จิ้งเฟิงกล่าวตอบ: “ผมก็คิดว่าใช้ได้เหมือนกัน อย่างนั้นไป๋เฉิงหลินเรื่องนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่คุณแล้ว”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท