ลูกเขยมังกร – บทที่ 912 หัวหน้าครอบครัวตระกูลไป๋

บทที่ 912 หัวหน้าครอบครัวตระกูลไป๋

เมื่อได้ยินอย่างนั้นSouthcoถึงได้ค่อยบอกกับเขาว่าที่จริงแล้วเป็นเพราะว่าคุณแม่ที่อยู่ฝั่งยุโรปของLeonaล้มป่วย เธอเกิดความกังวลใจ จึงได้บินกลับยุโรปเหนือไปแล้ว

เฉินเฟิงที่นึกคิดก็พลันรู้สึกเสียดายขึ้น ตอนนั้นเพราะคลาดไปเพียงนิดเดียว ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้ตีสนิทกับเธอให้มากกว่านี้

ในเมื่อจากไปแล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปอาลัยอาวรณ์มากนัก ถ้าหากคราวหน้า Leonaได้กลับมายังหวาเซี่ยอีกครั้ง เขาจะไม่มีทางปล่อยผู้หญิงทรงเสน่ห์คนนี้ไปอีกครั้งแน่นอน

จากนั้นเขาจึงกลับมายังหุบเขาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้บาดแผลบนร่างกายจะดีขึ้นมากแล้ว แต่เฉินเฟิงก็พู่กันไม่อยากจะจากที่นี่ไป เพียงเพราะว่าอยู่ที่นี่ทำให้เขาเหมือนได้รับรู้ถึงความสงบเป็นอย่างมาก

รวมทั้งจิตวิญญาณเองก็รู้สึกสงบตามไปด้วย

แต่ว่าเสี่ยวเย่มักจะมาทำเสียงดังกุ๊กๆ กั๊กๆ ข้างหูเขาอยู่ตลอด

“คุณชายเฉิน คุณรู้หรือเปล่าคะ?เด็กสาวในหมู่บ้านของเราต่างก็พากันแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ฉันกลับไม่มีแม่สื่อมาหาบ้างเลย ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ คุณว่าคนพวกนั้นไม่ชอบฉันใช่หรือเปล่าคะ”

เฉินเฟิงที่เพิ่งจะหลับตาเพื่อทำสมาธิ แต่กลับถูกเสี่ยวเย่รบกวนเสียแล้ว

“ถ้าคุณลองพูดให้น้อยลงหน่อย ผมว่าเหล่าแม่สื่อก็คงจะเพิ่มขึ้นมาเอง ถึงขนาดที่ธรณีประตูบ้านคุณอาจถูกเหยียบจนพังไปเลยก็ว่าได้ ” เฉินเฟิงตอบกลับด้วยความกระแนะกระแหน

แต่เสี่ยวเย่กลับเหมือนจะฟังไม่เข้าใจความหมายแฝงของคำพูดนั้น จึงตอบกลับด้วยความใสซื่อ: “ฉันไม่อยากให้แม่สื่อทำธรณีประตูพังหรอกนะคะ ปีที่แล้วพ่อเพิ่งจะเปลี่ยนบานประตูบ้านไปเอง ถ้าเกิดว่าพังขึ้นมาจริงๆ คงต้องลำบากพ่อมากแน่เลย ”

เฉินเฟิงจ้องมองเธอพลางคิดในใจ: “แล้วประเด็นสำคัญคือธรณีประตูบ้านคุณหรือไง?ประเด็นสำคัญคือคุณพูดมากเกินไปเข้าใจไหม”

ทว่าเสี่ยวเย่กลับมองไม่เห็นสายตาขุ่นเคืองนั้นของเฉินเฟิง

พลางกำลังจะพูดต่อ แต่ในขณะนั้นเองรถปอร์เช่911รุ่นเก่าของไป๋ซิงก็ได้มาจอดยังบริเวณลานอีกครั้ง

เฉินเฟิงเกิดอารมณ์ฉุนขึ้นมาพลางไล่เสี่ยวเย่: “ไป ไม่เห็นหรอว่ามีคนมา รีบไปรินชามาให้แขกเร็วเข้า ”

เสี่ยวเย่เดินเข้าไปในห้องครัวอย่างเชื่อฟัง

แต่คนที่เดินลงมาจากรถกลับไม่ใช่ไป๋ซิงเพียงคนเดียว ยังมีชายชราสูงอายุคนหนึ่งเดินลงมาด้วย เขามีใบหน้าที่เหี่ยวย่น พร้อมกับผมที่ขาวทั้งหัว

ในตอนที่เขาเดินลงมาจากรถ ไป๋ซิงยังเข้าไปช่วยประคองเขา จากนั้นจึงประคองเขาเดินมายังทางเฉินเฟิงทีละก้าวอย่างช้าๆ

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นก็พอจะรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายทันที เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าการที่ไป๋ซิงพาเขามาที่นี่มีความต้องการอะไร

“คุณคือ?” ถึงจะพอเดาได้แต่เฉินเฟิงยังคงถามออกไป

“ผมคือไป๋จิ้งเฟิง ตอนนี้เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลไป๋ ”

ปรากฏว่าเป็นตามที่เฉินเฟิงได้คาดเอาไว้จริงๆ เขาคนนี้ก็คือคุณพ่อของไป๋ซิงและไป๋ซู

เฉินเฟิงหันไปมองไป๋ซิง ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยคำถามว่าทำไม แต่ไป๋ซิงกลับแสดงท่าทีว่ามองไม่เห็นกลับมาแทน

ซึ่งในตอนนั้นเองไป๋จิ้งเฟิงก็ได้นั่งลงยังที่นั่งตรงข้ามเฉินเฟิง โดยเสี่ยวเย่ก็เดินถือถ้วยชาหลายใบออกมาจากด้านใน

“คุณชายเฉินพักอยู่ที่นี่เงียบสงบดีหรือไม่ ถ้าหากว่าตรงไหนที่ให้การดูแลไม่ทั่วถึง ก็ต้องขอคุณชายเฉินให้อภัยด้วย และหากมีเรื่องอะไรสั่งการให้ไป๋ซิงเจ้าเด็กคนนี้ไปจัดการให้ก็พอแล้ว ” ไป๋จิ้งเฟิงพูดอย่างสุภาพ

เฉินเฟิงพยักหน้ารับพร้อมตอบกลับ: “ทุกอย่างดีแล้วครับ ไม่ได้มีจุดไหนที่รู้สึกไม่สบายหรอกครับ”

ไป๋จิ้งเฟิงตอบรับ: “อย่างนั้นก็ดีแล้ว”

เสี่ยวเย่วางชาลงตรงหน้าของไป๋จิ้งเฟิงและไป๋ซิง จากนั้นจึงหันไปแอบส่งยิ้มให้กับเฉินเฟิง ก่อนจะออกมาจากตรงนั้น

ไป๋จิ้งเฟิงยกถ้วยชาขึ้นมา พลางเขี่ยใบชาที่อยู่ด้านบนออกอย่างเบามือ จากนั้นจึงจิบชาเข้าไป แต่แล้วเขากลับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เขาหันไปพูดกับไป๋ซิง: “พรุ่งนี้นำเอาชาต้าหงเผาครึ่งกิโลจากคลังของฉันมาให้คุณชายเฉินหน่อยนะ ”

ไป๋ซิงตอบรับด้วยความนอบน้อม: “ครับผม”

แต่ในขณะที่ไป๋จิ้งเฟิงยิ่งแสดงท่าทีใจกว้างแบบนี้ เฉินเฟิงก็ยิ่งรู้สึกว่าเขามาที่นี่ไม่ใช่เพราะเรื่องเล็กน้อยแน่นอน จนตัวเขานั้นแทบอยากจะหนีไปซะ เพราะยิ่งหากปัญหานั้นใหญ่มากแค่ไหน วิธีการจัดการก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น

แต่ในตอนนั้นเองไป๋จิ้งเฟิงก็เอ๋ยปากขึ้นมา

“คุณชายเฉิน การเดินทางมายังหุบเขาครั้งนี้นอกจากจะมาเยี่ยมดูคุณชายเฉินแล้ว ที่จริงยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะคุยกับคุณชายเฉินด้วย ”

และแล้วก็มาอย่างที่คิดจริงๆ

เฉินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธไปโดยตรง เพราะอย่างไรฟังก่อนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

“เชิญคุณพูด” เฉินเฟิงไม่ได้กล่าวอ้อมค้อมอะไรทั้งสิ้น เพียงตอบกลับอย่างเรียบง่ายเท่านั้น

“เดิมทีเรื่องนี้ตัวผมเองไม่ยินยอมที่จะไปเรียกร้องให้ผู้ใดมาช่วยเหลือ เพราะต่อให้ผมพูดออกไปก็คงจะหาคนที่มาช่วยเหลือไม่ได้อยู่ดี แต่ว่าระยะนี้ดูเหมือนว่าไป๋ซูเจ้าเด็กนั่นกำลังทำเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งหลังจากที่ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าเขากำลังช่วยทำธุระให้กับคุณชายเฉินอยู่ ตัวผมนั้นเพียงแค่ถามเขาเท่านั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคุณชายเฉินจะมีความคิดที่เกี่ยวข้องกับหมาป่าทะเลทราย”

เฉินเฟิงถึงกับชะงัก ตัวเขาคิดไม่ถึงเลยว่าสาเหตุที่ไป๋จิ้งเฟิงมาที่นี่นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับหมาป่าทะเลทราย

แต่เขาก็พยักหน้ารับ: “เป็นเรื่องจริงที่ผมให้ไป๋ซูไปจัดการธุระให้กับผม คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีความคิดที่จะต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายด้วย ตอนที่ผมบอกเรื่องนี้กับไป๋ซูเขาก็กลัวจนแทบจะทนไม่ได้แล้ว และจากการคาดเดาของผมเกี่ยวกับเรื่องกำลังอำนาจของตระกูลไป๋ในตอนนี้แล้ว น่าจะยังไม่กล้าไปมีเรื่องกับหมาป่าทะเลหรอกมั้งครับ”

ไป๋จิ้งเฟิงเพียงแค่พยักหนัารับอย่างช้าๆ : “เป็นอย่างที่คุณชายเฉินพูดจริง”

จากนั้นไป๋ซิงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็พูดต่อ: “แต่มีเรื่องบางอย่างที่คุณชายเฉินอาจไม่รู้ นั่นก็คือตระกูลไป๋ของเรานั้นมีความแค้นฝังลึกที่ยากจะอยู่ร่วมโลกกันกับหมาป่าทะเลทราย ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ามีความแตกต่างในด้านกำลังอำนาจเกินไป พวกเราคงจะไปตามแก้แค้นกับหมาป่าทะเลทรายแล้ว ”

เฉินเฟิงมองไปยังพวกเขาด้วยความสงสัย: “ความแค้นฝังลึกที่ยากจะอยู่ร่วมโลก?”

“เป็นเรื่องที่ยากจะอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้” ไป๋ซิงพูด: “เพราะเมื่อสามปีก่อน หมาป่าทะเลทรายได้ทำการฆ่าหัวหน้าครอบครัวคนก่อนรวมทั้งภรรยาและลูกของเขาที่บ้านเก่าตระกูลไป๋ของพวกเรา ”

สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เฉินเฟิงคาดคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เขาจึงพูดขึ้นมา: “พวกเขากล้าทำตัวใหญ่โตโอหังถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครเข้าไปจัดการเลยหรอเกิดการแม้แต่ตระกูลเชียนก็ไม่ว่าอะไรเลยงั้นหรอครับ?”

ไป๋ซิงส่ายหน้าโดยที่ไป๋จิ้งเฟิงเป็นคนพูดต่อ: “เรื่องแบบนี้หากไม่หล่นทับมาใส่หัวตัวเอง พวกเขาทุกคนก็พากันหลบให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้กันทั้งนั้น และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหาเรื่องใส่ตัวเลย ”

เฉินเฟิงที่คิดก็เข้าใจในทันที ถ้าหากตกเป็นเป้าสายตาของหมาป่ากลุ่มนี้เข้าคงจะเป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปจะไม่ทำอยู่แล้ว

ส่วนทางด้านตระกูลเชียนเป็นเพราะการที่พวกเขาสามารถรักษาระยะห่างตำแหน่งนั้นของตัวเองมาได้โดยตลอด พวกเขาจึงไม่คิดว่าหมาป่าทะเลทรายที่เมื่อเพิ่มกำลังขึ้นมาแล้วจะข้ามหน้าพวกเขาไปได้

ดังนั้นจึงทำให้หมาป่าทะเลทรายเกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องขึ้นมาอย่างทุกวันนี้

เฉินเฟิงคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา: “ส่วนตัวผมนั้นมีความคิดที่จะต่อกรกับหมาป่าทะเลก็จริง แต่การจะไปต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และทุกอย่างของผมก็อยู่ที่ตะวันออกเฉียงใต้และยันเจียงหมดเลย สำหรับทะเลทรายผืนนี้นั้นเป็นเรื่องยากที่จะเอื้อมถึง”

ไป๋จิ้งเฟิงรู้ดีว่าสิ่งที่เฉินเฟิงพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ความต้องการที่จะต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายในใจของเขานั้นไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดมาได้แค่วันสองวันเท่านั้น แต่หลังจากที่เขาได้ยินว่าเฉินเฟิงมีความคิดที่จะต่อกรกับหมาป่าทะเลทราย เขาเองจึงได้ตัดสินใจแบบนี้

เขาจ้องมองเฉินเฟิงด้วยความจริงจัง พร้อมพูด: “ถ้าหากคุณชายเฉินรับประกันว่าสามารถทำลายหมาป่าทะเลทรายได้ อย่างนั้นพวกเราตระกูลไป๋ทุกคนก็ยินยอมที่จะเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายเฉิน แม้ต่อให้ร่างกายต้องแหลกสลาย พวกเราตระกูลไป๋ก็จะไม่กล่าวโทษอะไรเลย ”

เฉินเฟิงที่ได้ยินก็ถึงกับมองไปยังไป๋จิ้งเฟิงด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าไป๋จิ้งเฟิงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้

“จะทำแบบนั้นได้ยังไงครับ ผมแบกรับไม่ไหวหรอกนะครับ” และแล้วก็เป็นอย่างที่เฉินเฟิงได้คิดเอาไว้แต่แรกว่าปัญหาไม่ควรจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะปัญหายิ่งใหญ่โตมากแค่ไหน การจัดการก็จะยิ่งยุ่งยากมากเท่านั้น

แต่ไป๋จิ้งเฟิงยังคงความแน่วแน่: “ด้วยความสามารถของคุณชายเฉิน รับรองว่าต้องได้แน่นอน”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท