ลูกเขยมังกร – บทที่ 915ร่วมยินดี

บทที่ 915ร่วมยินดี

เฉินเฟิงส่ายหน้าเบาๆ ปฏิเสธ: “ไม่มีอะไร”

สาเหตุที่เขาไม่ได้พูดออกมานั้นเป็นเพราะว่าจู่ๆ เขาก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น ถ้าเกิดการจุดประเด็นนี้ขึ้นมาแล้ว มันจะกลายเป็นดั่งการทอดสะพานยาว และมีความเป็นไปได้จะเกิดการแตกหักตั้งแต่ส่วนฐานเลยก็ว่าได้ ซึ่งเบื้องหลังอำนาจที่ยังไม่ทราบที่มานั้น เฉินเฟิงเองก็เชื่อมั่นได้เลยว่าหลังจากที่พวกเขาได้ประสบผลลุล่วงตามที่ต้องการแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลย

ส่วนไป๋ซิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก จึงเอาแกนแอปเปิลที่ตัวเองกินหมดแล้วโยนออกไป ก่อนจะหันมาพูดต่อ : “ ตระกูลโจวเชิญให้พวกเราไปที่นั่น เพราะว่าช่วงนี้ตระกูลของพวกเขากำลังมีข่าวดี ดังนั้นการที่พวกเราไปร่วมแสดงความยินดีจะไม่มีใครสงสัยแน่นอน ”

เฉินเฟิงถามกลับ: “ที่คุณมาแจ้งเรื่องนี้กับผม เพราะต้องการให้ผมไปพร้อมกับพวกคุณงั้นหรอ ?”

ไป๋ซิงพยักหน้า: “คุณพ่อตั้งใจให้ผมมาหาคุณชายเฉิน เขาบอกว่าเรื่องนี้คุณชายเฉินเป็นคนริเริ่มขึ้นมา ดังนั้นหากให้อีกฝ่ายได้พบกับคุณชายเฉิน พวกเขาคงน่าจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อก็ยังบอกอีกว่าหากว่าคุณชายเฉินไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยตัวตน อย่างนั้นก็ไม่เป็นอะไร พวกเราไปกันเองก็เพียงพอแล้ว ”

เฉินเฟิงคิดไตร่ตรองพร้อมตอบกลับ: “ในเมื่อพวกคุณอยากให้ผมไปด้วย ก็แสดงว่าคงคิดไว้แล้วว่าการมีผมไปด้วยน่าจะดีกว่าสินะ”

“ความหมายของคุณพ่อเป็นอย่างนั้นจริงครับ แต่ทุกอย่างก็ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณชายเฉิน ”

เฉินเฟิงหัวเราะพลางตอบกลับ: “คุณอุตส่าห์มาเชิญผมถึงที่นี่แล้ว ผมก็ควรจะไว้หน้าพวกคุณหน่อย ไปก็ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าหน้าของผมจะใหญ่ได้ถึงขนาดไหนเชียว ”

ไป๋ซิงเองก็หัวเราะตามออกมา: “คุณชายเฉิน ไม่ใช่ฉันอวดดีแทนคุณ สิ่งที่คุณได้ทำในยันเจียงเมื่อหลายปีมานี้ ไม่มีครอบครัวไหนในทะเลทรายแห่งนี้ไม่รู้หรอกนะครับ ถ้าหากว่าพวกเขาเห็นคุณไปที่นั่นก็คงจะมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นแน่นอน ”

เฉินเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้นได้เพียงแค่หัวเราะเท่านั้น

เฉินเฟิงได้ยินมาว่างานเลี้ยงฉลองของตระกูลโจวนั้นคือการที่พวกเขาได้มีหลานชายที่เป็นสมาชิกคนใหม่เพิ่มเข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นในเมื่อต้องเข้าบ้านคนอื่น อย่างนั้นของขวัญจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

“เสี่ยวเย่ คุณว่างานฉลองในการมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา พวกเราควรจะมอบของอะไรให้ดี?”

เฉินเฟิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นมองดูเสี่ยวเย่กำลังทำความสะอาดกล่าวถามขึ้นมาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนตัวเขาเพียงแค่ต้องการถามความคิดเห็นเพิ่มเติมเท่านั้น

เสี่ยวเย่ที่ได้ยินคำถามของเขา เธอก็วางไม้กวาดที่อยู่ในมือลงก่อนจะครุ่นคิดอย่างจริงจัง แต่ดูเหมือนคำถามนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตัวเธอเลย

เธอได้แต่เกาหัวพร้อมตอบ: “ให้หยกอันหนึ่งมั้งค่ะ ตอนที่น้องสาวฉันคลอดออกมาก็มีคนมอบหยกให้อันหนึ่ง จนฉันอยากจะได้มันมากๆ แต่คุณแม่บอกว่านั่นเป็นของน้องสาว แม้แต่จะแตะยังไม่ได้เลย เพราะกลัวว่าฉันจะทำมันเสีย”

ท่าทางของเสี่ยวเย่นั้นดูเหมือนจะอยากได้มากๆ แม้กระทั่งในตอนที่เธอพูดออกมาแววตาก็แฝงไปด้วยความขุ่นมัว

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นจึงเผลอพูดออกมา: “อย่างนั้นรอถึงวันเกิดคุณแล้ว ผมจะให้อันหนึ่งแล้วกัน ”

แต่เสี่ยวเย่กลับสะบัดมือปฏิเสธ: “ไม่เอาค่ะ ฉันไม่สามารถรับของขวัญจากคนอื่นตามอำเภอใจได้”

“คุณอยากได้ไม่ใช่หรอ?ทำไมถึงไม่เอาล่ะ?” เฉินเฟิงถามกลับด้วยความแปลกใจ

เสี่ยวเย่จึงตอบกลับอย่างจริงจังว่า: “คุณชายเฉินมอบของขวัญให้ฉันแล้ว อย่างนั้นฉันเองก็ต้องมอบของขวัญให้กับคุณชายเฉินด้วย แต่ว่าฉันยากจนขนาดนี้ ของขวัญที่ฉันจะมอบให้ได้คงจะดีไม่เท่ากับสิ่งที่คุณชายเฉินเคยมอบให้ฉันหรอกนะคะ ”

เฉินเฟิงหัวเราะขึ้นมา: “ผมไม่ได้จะให้คุณมอบของขวัญให้ผมหรอกนะ คุณวางใจได้เลย”

แต่เสี่ยวเย่กลับยิ่งไม่มีความสุข เธอส่ายหน้าพลางตอบกลับอีกครั้ง: “ให้ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ การมอบของขวัญระหว่างเพื่อนนั้นถือเป็นเรื่องที่ควรแลกเปลี่ยนกัน แบบนี้ถึงจะทำให้ทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไม่อย่างนั้นมิตรภาพระหว่างทั้งสองก็ไม่อาจจะอยู่ยาวนาน คุณแม่เคยบอกฉันเอาไว้แบบนี้ค่ะ ”

เสี่ยวเย่จ้องไปยังเฉินเฟิงอย่างจริงจัง ในขณะที่เฉินเฟิงเองก็รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้หากเธอดื้อรั้นขึ้นมา ต่อให้เอาวัวมาลากก็ลากเธอกลับมาไม่ได้

“งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า ของที่ผมมอบให้คุณจะเป็นของที่ราคาไม่แพงมาก จากนั้นในตอนที่คุณจะมอบของขวัญให้ผมก็เอาสิ่งของในราคาที่ไม่ต่างกันแลกคืนมาก็พอ แบบนี้คุณจะได้ไม่ต้องกังวลใจอีก คุณว่ายังไง ”

เสี่ยวเย่ที่ได้ยินจึงไตร่ตรองอย่างจริงจังอยู่พักใหญ่กว่าจะพูดออกมาอย่างช้าๆ : “ทำแบบนี้เหมือนจะได้นะคะ”

เฉินเฟิงยิ้มออกมาพลันมองไปยังหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาคนนี้ เพราะเขานั้นสามารถที่จะซื้อหยกดีๆ อันหนึ่งมาให้เธอ จากนั้นค่อยบอกกับเสี่ยวเย่ว่าตัวเองซื้อมาจากข้างทางแทน เพราะอย่างไรเสียเสี่ยวเย่ก็ดูไม่ออกอยู่ดี

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ อีกสักครู่คุณต้องลงเขาไปซื้อหยกกับผม เพราะผมอยากจะมอบของขวัญที่มีความหมายให้กับตระกูลโจว ”

ในตอนนั้น ณ ตระกูลโจว

ในห้องหนังสือขนาดใหญ่ มีชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานซึ่งก็คือผู้นำครอบครัวตระกูลโจวอย่างโจวสุน เขาเป็นชายอายุราวๆ สี่สิบปี มีใบหน้าที่แน่วแน่ทรงพลัง ทรงคิ้วหนายาว ดวงตาเรียวคม ดูสง่าผ่าเผยแม้จะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา

ขณะที่ทั้งทางด้านซ้ายและขวาทั้งสองด้านมีคนกำลังนั่งอยู่ด้วย ซึ่งพวกเขาที่นั่งอยู่ในนี้ล้วนเป็นสมาชิกที่มีอำนาจสูงสุดในตระกูลโจว

โจวสุนพูดขึ้น: “พวกคุณคิดว่าการต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายครั้งนี้มีโอกาสมากขนาดไหน ”

ชายคนหนึ่งในนั้นที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับโจวสุนเอ่ยปากตอบ: “ในเมื่อเป็นตระกูลไป๋ที่เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมคิดว่าน่าจะลองดูสักตั้ง ต่อให้แพ้อย่างน้อยพวกเราก็สามารถลอกหนังของหมาป่าทะเลทรายออกมาได้ชั้นหนึ่ง ”

แต่กลับมีคนกล่าวแย้งในทันที: “โจวฟ่าง คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก”

โจวฟ่างหันไปเหลียวชายชราสูงอายุที่นั่งอยู่ตรงข้าม พร้อมถามกลับอย่างไม่เกรงใจ : “มีอะไรไม่ถูกงั้นหรอครับ ในเมื่อหมาป่าทะเลทรายก็เป็นศัตรูของพวกเรามาโดยตลอด การได้แว้งกัดพวกเขากลับสักครั้งก็นับเป็นความฝันที่ที่ทำให้ผมสามารถยิ้มตื่นขึ้นมาได้ ”

น้ำเสียงของชายคนนั้นดูน่าเกรงขามอย่างเห็นได้ชัด เขาตอบกลับอย่างเคร่งขรึม : “ถ้าหากคุณมีความคิดแบบนี้ ไม่ช้าไม่นานคุณจะทำลายตระกูลโจวของเรา ”

และชายอีกคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งดูอายุน้อยกว่าโจวฟ่างก็พูดขึ้นมา : “ลุงสาม ผมคิดว่าที่พี่สี่พูดนั้นก็ไม่ผิดนะครับ หรือจะบอกว่าลุงสามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนไปแล้ว ?”

ลุงสามอุทานด้วยความไม่พอใจออกมา: “ฉันไม่ลืมอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน ”

“ทำไมจะไม่เหมือนกันล่ะครับ ขอเพียงพวกเรายังจำความแค้นนั้นได้ฝังใจ การที่จะให้หมาป่าทะเลทรายกระอักเลือดออกมาก็ย่อมเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะเดิมทีตระกูลโจวของเราควรจะหมดสิ้นไปแล้ว ” โจวฟ่างตะเบ็งเสียงดัง

แต่เพราะลุงสามคงจะคิดว่าโจวฟ่างกำลังทำตัวไร้เหตุผล ดังนั้นจึงทำเป็นไม่สนใจเขาเลย พลางหันไปพูดกับโจวสุน : “ผู้นำ ถึงแม้ว่าจะร่วมมือกับตระกูลไป๋ในการต่อกรกับหมาป่าทะเลทราย แต่ผมคิดว่ายังไงเสียพวกเราก็จำเป็นต้องคิดวางแผนให้รอบคอบเสียก่อน ไม่ควรที่จะบุ่มบ่าม สามปีมานี้กว่าพวกเราจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จะให้ทุกอย่างสูญเปล่าไม่ได้”

โจวสุนหันไปมองโจวฟ่าง ก่อนจะพูดกับลุงสามอย่างนิ่งสงบ: “ลุงสาม ผมเข้าใจความหมายของคุณดี”

โจวฟ่างที่ได้ยินก็รีบร้อนพูดขัดขึ้นมา: “ผู้นำ นี่ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่เลยทีเดียว ถ้าหากให้เพิ่งแค่ตระกูลโจวของเราเอง แบบนั้นเมื่อไหร่พวกเราถึงจะสามารถแก้แค้นได้ล่ะ นี่ผู้นำลืมคนในตระกูลของเราที่ตายไปเมื่อสามปีก่อนแล้วงั้นหรอ ?”

ลุงสามกระแทกเสียงขึ้นมา: “โจวฟ่างระวังฐานะของตัวเองด้วย คุณกล้าพูดแบบนี้กับผู้นำได้อย่างไร ”

โจวฟ่างเหลียวมองลุงสามอย่างไม่พอใจ จนความโมโหแทบจะทะลุออกมาจากดวงตาคู่นั้น

และในตอนนั้นเองโจวสุนก็หันไปมองยังหญิงสาวที่นั่งตรงริมสุดซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลย : “จื่อเอ๋อ เธอมีความคิดอะไรบ้าง ?”

ทางด้านหญิงสาวที่มีชื่อว่าจื่อเอ๋อนั้นเธอเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่นั่งอยู่ในนี้ ซึ่งอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ เธอมีดวงตาที่สุกใสฟันที่ขาวสวย สง่างามและชวนมอง หากดูเพียงแค่ภายนอกเธอนับว่าเป็นสาวงามคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่การที่เธอสามารถมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ คิดแล้วคงจะไม่ใช่แค่เพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอกแน่นอน

เธอขยับปากพูดอย่างช้าๆ : “ที่คุณปู่สามพูดก็มีเหตุผลค่ะ ในเมื่อต้องการที่จะแก้แค้น อย่างนั้นพวกเราก็ควรจะมีการเตรียมตัวที่ดี อีกอย่างที่จื่อเอ๋อคิดนั้นก็คือในเมื่อเราจะลงมือแล้ว อย่างนั้นไม่ควรจะทำแค่กัดเพียงนิดเดียวเท่านั้น ดีที่สุดคือฆ่าพวกเขาซะ นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่พวกเราต้องการทำมากที่สุด

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท