ลูกเขยมังกร – บทที่ 924 คำหลอกลวงจากหญิงสาว

บทที่ 924 คำหลอกลวงจากหญิงสาว

โจวจื่อเอ๋อราวกับสามารถควบคุมน้ำตาเหล่านี้ได้เสียอย่างนั้น เพียงแค่เธอเอ้อระเหยมองไปข้างหน้า น้ำตาก็หยุดไหลออกมาไม่ให้เห็นอีก เธอเหลือเพียงความน้อยเนื้อต่ำใจ ใครที่ได้เห็นก็ต้องรู้สึกเห็นใจทันที

และในขณะที่พิงไปบนตัวของโจวฟ่าง โจวจื่อเอ๋อก็สัมผัสได้กับบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับกุญแจ เพียงแค่ไม่รู้ว่าใช่กุญแจของสถานที่แห่งนั้นหรือไม่เท่านั้น

โจวฟ่างดึงตัวโจวจื่อเอ๋อไปนั่งลงยังที่นั่งข้างๆ พร้อมกับกล่าวปลอบใจ : “จื่อเอ๋อ ลุงสี่กับเธอถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ยังไงเสียเธอก็เป็นหลานสาวของลุงสี่ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ลุงสี่จะช่วยเธอแก้ปัญหาเอง”

ในตอนที่จิตใจกำลังหม่นหมอง เมื่อได้ยินโจวฟ่างพูดแบบนี้ เธอจึงค่อยๆ แสดงท่าทีที่ดีขึ้น พร้อมตอบกลับ : “คุณลุงสี่ คุณรู้หรือหรือเปล่าคะ ?ที่จริงแล้วหนูไปอยากแต่งงานออกไปเลย และคุณชายรองตระกูลไป๋คนนั้น จื่อเอ๋อก็ไม่ได้ชอบด้วย แต่ว่าคุณลุงใหญ่ ……”

เธอพูดไปพลางดูเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

แต่แล้วสีหน้าของโจวฟ่างก็แสดงท่าทางลำบากใจขึ้นมา : “ถ้าหากว่าเป็นเรื่องนี้ จื่อเอ๋อเธอเองก็รู้ดีว่าสถานการณ์ในตระกูลโจวของเรา ……”

ยังไม่ทันรอให้โจวฟ่างได้กล่าวจบ โจวจื่อเอ๋อก็แย้งขึ้นมาอย่างร้อนรน : “คุณลุงสี่ ถ้าหากคุณลุงยอมตกลงช่วยเหลือจื่อเอ๋อ ไม่ว่าลุงสี่จะขออะไรจื่อเอ๋อก็จะยอมตกลงทั้งสิ้น”

โจวฟ่างกล่าวปลอบอย่างนุ่มนวล: “จื่อเอ๋อ อันที่จริงคุณชายรองตระกูลไป๋คนนี้ก็ไม่มีส่วนไหนไม่ดีเลย เธอก็ได้ยินที่พี่ใหญ่พูดแล้วไม่ใช่หรือ เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่เลวคนหนึ่งเลยนะ เมื่อเทียบกับพวกชายหนุ่มเจ้าสำราญผู้ร่ำรวยพวกนั้นแล้วถือว่าดีกว่าเป็นหลายเท่าเลย”

ทันใดนั้นสีหน้าของโจวจื่อเอ๋อก็จริงจังขึ้นมา: “คุณลุงสี่ ไม่ใช่ว่าคุณลุงอยากจะเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลโจวหรอคะ ?ขอเพียงคุณลุงสี่ตอบตกลงว่าจะไม่ให้หนูแต่งงานออกไป หนูก็จะช่วยให้คุณลุงสี่ได้ครองตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว”

“ใครให้เธอพูดแบบนี้กัน” โจวฟ่างที่ได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเขาก็แข็งกระด้างขึ้นมา : “เธอใส่ร้ายฉัน ฉันโจวฟ่างเป็นคนที่ทำเรื่องอย่างเปิดเผยและโปร่งใสมาโดยตลอด จะมีความคิดแบบนี้ได้อย่างไรกัน”

ทว่าโจวจื่อเอ๋อยังคงแสดงท่าทีเศร้าโศก พลางตอบกลับ : “คุณลุงสี่ เรื่องแบบนี้คนตระกูลโจวต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว ต่อให้คุณปู่สามมักจะพูดแบบนี้ แต่ฉันกลับคิดว่าไม่มีอะไร ขอเพียงคุณลุงสี่ยอมตอบตกลงกับจื่อเอ๋อ จื่อเอ๋อก็จะยอมช่วยคุณ รวมทั้งการเกลี้ยกล่อมคุณปู่สามก็จะไม่ใช่ปัญหาด้วย”

โจวฟ่างอุทานออกมาอย่างเย็นชา: “เธออย่าไปฟังคนอื่นพูดจาเหลวไหล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแค่คำพูดที่ไม่มีที่มาที่ไป”

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปสนใจโจวจื่อเอ๋ออีก และยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะไปสนใจท่าทางน้อยใจนั้นเธอเลยด้วย เขาหันหลังแล้วเดินออกมาทันที

เมื่อรอจนกระทั่งมองไม่เห็นร่างของโจวฟ่างแล้ว โจวจื่อเอ๋อจึงเขี่ยบริเวณรอบดวงตา แล้วเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า จากนั้นสีหน้ากลับกลายเป็นความเยือกเย็นขึ้นมา

ตอนนี้รู้แล้วว่ากุญแจนั้นยังอยู่กับตัวเขา ต่อจากนี้ก็เหลือแค่ต้องไปเอาสิ่งของนั้นมาไว้ในมือให้ได้

เธอลุกขึ้นยืน เมื่อคนที่เดินผ่านหันมอง ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนอีกครั้ง กลายเป็นคนที่มีท่าทางอ่อนหวานคนนั้น

บางทีคงเป็นเพราะมัวแต่สวมใส่หน้ากากต่อหน้าคนอื่นมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ตัวเองได้หลงลืมไปแล้วว่าคนไหนกันแน่ที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

ทางด้านโจวฟ่างที่หลังจากได้พูดคุยกับโจวจื่อเอ๋อเสร็จ เขาก็เดินกลับไปยังลานหลังด้วยความขุ่นเคือง ภรรยาและลูกต่างไม่อยู่ เขาจึงได้เพียงเอนตัวลงไปบนเก้าอี้ด้วยตัวคนเดียว

แต่ว่าผ่านไปเพียงไม่นาน โจวจื่อเอ๋อก็เดินมาจากลานใหญ่เข้าไปหาเขา

“เธอจะทำอะไรอีก?” โจวฟ่างพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

ตอนนี้โจวจื่อเอ๋อไม่ได้เหลือท่าทีดังเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว เธอพูดออกมาอย่างเรียบง่าย : “คุณลุงสี่ เรื่องเมื่อสักครู่นี้เป็นเพราะจื่อเอ๋อพูดจาเหลวไหลเท่านั้น คุณลุงสี่อย่าได้เอาไปใส่ใจเลยนะคะ”

โจวฟ่างตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์: “ฉันไม่คิดจะโกรธเคืองกับเด็กอย่างเธอหรอก เธอไปเถอะ เรื่องของเธอฉันช่วยไม่ได้”

แต่ว่าโจวจื่อเอ๋อกลับยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เธอพูดออกมาอย่างเชื่องช้า : “จื่อเอ๋อยังมีอีกเรื่องที่อยากจะบอกกับคุณลุงสี่”

“เรื่องอะไร” โจวฟ่างได้เพียงกล่าวถามอย่างเฉยชา

“เกี่ยวกับเรื่องของหมาป่าทะเลทรายค่ะ”

และแล้วโจวฟ่างเหมือนจะถูกหัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจขึ้นมา

“เธออยากจะพูดอะไรกันแน่?”

“หนูก็แค่ค้นพบว่าคุณชายเฉินคนนั้นอาจจะไม่ได้มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือพวกเราในการต่อกรกับหมาป่าทะเลทราย” โจวจื่อเอ๋อพูดอย่างเรียบช้า

โจวฟ่างตกใจเล็กน้อย พร้อมถามกลับ : “เพราะอะไรเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ ถ้าหากไม่ได้จะต่อกรกับหมาป่าทะเลทราย อย่างนั้นเขาจะมาหาพวกเรากับตระกูลไป๋เพื่อทำอะไร ?”

โจวจื่อเอ๋อกล่าวตอบ: “คุณลุงสี่ คุณลุงไม่คิดเลยหรอคะว่าบางทีคุณชายเฉินคนนั้นอาจจะกำลังแสดงละครอยู่ ที่เป็นการแสดงละครฉากหนึ่งกับหมาป่าทะเลทราย”

ถ้าเป็นจริงอย่างที่โจวจื่อเอ๋อได้พูดออกมา อย่างนั้นทุกตระกูลที่เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ก็ล้วนต้องพบเจอกับความหายนะหน่ะสิ

เขามองไปยังโจวจื่อเอ๋ออย่างตะลึง พลางกล่าวถาม : “เธอไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ?”

โจวจื่อเอ๋อตอบกลับอย่างเรียบเฉย: “นี่เป็นสิ่งที่ตัวเขาเปิดเผยออกมาเองค่ะ”

โจวฟ่างถามอย่างแปลกใจ: “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?”

โจวจื่อเอ๋อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม: “ชายคนหนึ่งที่เพื่อผู้หญิงที่ตนชอบไม่ว่าอะไรก็ยอมพูดออกมาทั้งนั้นแหละค่ะ”

“ความหมายของเธอคือคุณชายเฉินคนนั้นชอบเธอ ดังนั้นถึงได้ยอมพูดเรื่องเหล่านี้กับเธอ” โจวฟ่างถึงจะพูดแบบนี้ออกไป แต่ใช่ว่าเขาจะปักใจเชื่อโจวจื่อเอ๋อทั้งหมด

โจวจื่อเอ๋อยิ้มหวานออกมา: “อันนี้ฉันเองก็ไม่รู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ที่เหลือคงต้องดูการตัดสินใจของลุงสี่แล้ว เพราะอย่างไรเสียคนที่มีสิทธิ์มีเสียงในตระกูลโจวก็คือพวกคุณลุง”

เมื่อพูดจบ เธอก็เหมือนเพียงแค่มาที่นี่เพื่อแจ้งข้อมูลนี้ให้กับโจวฟ่างเท่านั้น ดังนั้นจึงหันหลังหวังจะเดินออกมาทันที

ทว่าโจวฟ่างนั้นก็ไม่ได้กล่าวยื้อเอาไว้ เขานั้นกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าเรื่องนี้แท้จริงแล้วเป็นความจริงหรือไม่

เมื่อคิดไปคิดมา ก็ไม่สามารถที่จะปล่อยวางลงได้

เขาจึงลุกขึ้นยืนตัวตรง แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ลี้ภัยอย่างห้องหนังสือนั้นทันที

จากความคิดของโจวฟ่างก็คือในเมื่อไม่รู้อะไรแบบนี้ อย่างนั้นก็ไปถามกับตัวคนต้นเรื่องเลยจะดีกว่า แบบนี้จะง่ายดายขึ้นเยอะ

กระทั่งเขาเดินมาถึงห้องหนังสือ ซึ่งโจวจื่อเอ๋อได้มีการซ่อนตัวอยู่ในที่ลับรอเขาอยู่แล้ว

เมื่อสักครู่นี้เธอได้คำนวณเอาไว้แล้ว ว่าถ้าหากจะขโมยกุญแจดอกหนึ่งจากชายวัยกลางคนทั้งยังเคยผ่านการฝึกฝนวิชาต่อสู้แล้ว นั่นถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน

และเมื่อเป็นอย่างนั้นถ้าคนอื่นไม่สามารถที่จะนำเอากุญแจนั้นเพื่อไปเปิดประตูได้ อย่างนั้นก็ให้ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนเปิดออก

แล้วสาเหตุที่ว่าเพราะสิ่งใดถึงทำให้โจวจื่อเอ๋อมั่นใจว่าโจวฟ่างจะต้องมาหาเฉินเฟิงนั้น

ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าในเมื่อโจวฟ่างเป็นคนขังเฉินเฟิง และการที่พวกเขาสองคนไม่เคยคบค้าสมาคมกันมาก่อนเลยดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะเรื่องของหมาป่าทะเลทราย และขอเพียงแค่โจวจื่อเอ๋อสามารถทำให้โจวฟ่างเชื่อว่าแท้จริงแล้วเฉินเฟิงก็เป็นคนของหมาป่าทะเลทรายเช่นกัน แบบนั้นเขาก็จะไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรกับเฉินเฟิงแล้ว เพราะอย่างน้อยก็ต้องได้รับการยืนยันแล้วถึงจะลงมือได้อย่างไม่แคลงใจ

เมื่อจ้องมองโจวฟ่างเดินเข้าไป โจวจื่อเอ๋อกลับไม่ได้รีบออกมาจากที่ซ่อนตัวในทันที

แต่หลังจากรอให้ผ่านไปสักพักแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปยังห้องหนังสือ กลไกในนั้นได้มีการถูกเปิดออกเรียบร้อยแล้ว คิดแล้วโจวฟ่างคงจะเข้าไปด้านล่างเรียบร้อยแล้ว

แต่ว่าโจวฟ่างก็ไม่โง่ถึงขั้นที่ยังไม่มีหลักฐานอะไรก็ปล่อยตัวเฉินเฟิงออกมา

ทางด้านเฉินเฟิงที่กำลังพิงอยู่กับประตูจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเรียกเขา

“คุณชายเฉิน คุณยังอยู่อยู่หรือเปล่า?” เสียงนั้น เฉินเฟิงฟังแล้วรู้สึกคุ้นหูอย่างมาก จนแน่ใจว่าเป็นเสียงของโจวฟ่าง ราวกับว่าเสียงนั้นกำลังอยู่ในห้องนี้เสียอย่างนั้น

เขาเดินตามเสียงนั้นไป กลับพบว่าเสียงนั้นดังออกมาจากช่องระบายอากาศขนาดเล็กเหนือหัวเขาเท่านั้น

ช่องนี้เล็กมาก ยังไม่ถึงขนาดของต้นขาคนเลย ยิ่งไม่ต้องคิดที่จะหนีไปจากที่นี่เลย

“คุณมาทำอะไรอีก?” เฉินเฟิงได้เพียงลังเล เพราะเขายังไม่ทันรอให้โจวจื่อเอ๋อกลับมา กลับพบว่าโจวฟ่างนั้นกลับมาอีกครั้งแทน

“ผมก็แค่มาเพื่อถามคำถามไม่กี่อย่างกับคุณชายเฉินเท่านั้น”

“คุณคิดว่าผมจะตอบคุณงั้นหรอ?ผมคิดแล้วคุณก็คงไม่มีทางปล่อยผมออกไปหรอกใช่ไหมล่ะครับ ?ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมผมถึงต้องตอบคำถามคุณอีก” เฉินเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท