ลูกเขยมังกร – บทที่ 923 ความช่วยเหลือจากโจวจื่อเอ๋อ

บทที่ 923 ความช่วยเหลือจากโจวจื่อเอ๋อ

เสียง “แคร็ก” ดังขึ้น โจวจื่อเอ๋อจึงถอยหลังไปสองก้าวทันที เธอน่าจะหาเจอแล้ว

จากนั้นการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆก็เกิดขึ้น ตู้หนังสือแยกออกจากกันไปอีกข้าง ปรากฏให้เห็นทางเข้าอันมืดมิดนั้นอีกครั้ง

โจวจื่อเอ๋อเดินไปยังทางเข้าอย่างระมัดระวัง พลางพาดมือลงไปยังตู้หนังสือแล้วมองเข้าไปด้านใน พร้อมเรียกด้วยเสียงเบาๆ : “คุณชายเฉิน!”

ภายในห้องลับเกิดเสียงสะท้อนเบาๆ กลับมา แต่กลับไม่มีการตอบกลับใดๆ จากเฉินเฟิงเลย

โจวจื่อเอ๋อจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง บนใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าที่แน่วแน่ จากนั้นเธอก็ตรงเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ

ภายในความมืดมิด เธอเดินไปอย่างระวังตัวอย่างมาก พร้อมกับคอยฟังเสียงอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอกังวลว่าจะมีคนอยู่ด้านล่าง

ถึงแม้จะคาดเดาได้แล้วว่าคนที่ขังเฉินเฟิงไว้ที่นี่คือโจวฟ่าง แต่ก็ยังไม่สามารถตัดคนอื่นๆ ออกไปได้อยู่ดี

ภายในเส้นทางอันคับแคบ หลังจากเดินมากว่าสิบนาที ในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าประตูเหล็กหนาบานนั้น

แต่เมื่อเจอกับประตูบานนี้ เธอก็ไร้หนทางที่จะไปต่อ

เธอตะโกนเรียกชื่อเฉินเฟิงเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเพราะที่นี่จะมีกำแพงกันเสียงที่ไม่เลว รวมกับการที่โจวจื่อเอ๋อไม่กล้าที่จะเรียกเสียงดังเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ จากด้านในทั้งสิ้น

โจวจื่อเอ๋อที่อยู่ด้านหน้าประตูต้องการที่จะหากลไกการเปิดแบบเดียวกับข้างบน แต่เมื่อลูบคลำไปทั่วบริเวณนั้นแล้ว กลับไม่รู้วิธีการที่จะเปิดประตูออกเลย

ภายใต้ความหงุดหงิดในใจ และด้วยความไม่รู้เลยว่าเฉินเฟิงอยู่ด้านในนี้จริงหรือเปล่า พร้อมกับความกลัวว่าจะมีคนเข้ามาเจอด้วยหรือเปล่านั้น เธอจึงเข้าไปอิงกับประตูเพื่อให้ตัวเองสงบสติลง

เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เธอจึงหันกลับไปมองยังประตูเหล็กอันหนาอึ้งนั้นอีกครั้ง พร้อมกับครุ่นคิด จากนั้นจึงวิ่งกลับขึ้นไปยังห้องหนังสือแล้วหาตะเกียงโลหะอันหนึ่งจากตรงนั้นก่อนจะกลับไปด้านในอีกครั้ง

แต่เธอไม่ได้ทุบมันลงไปโดยตรง เพียงแค่กอดตะเกียงนั้นเอาไว้แล้วเคาะประตูอยู่ตรงนั้นอย่างเบาๆ เป็นครั้งๆ ราวกับกำลังเคาะในจังหวะที่แตกต่างกันไป

ส่วนเฉินเฟิงที่ตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้ความมืดสนิทนั้น ก็เปลี่ยนเป็นคนที่มีความอ่อนไหวต่อทุกเสียงที่เกิดขึ้น

ในขณะที่กำลังงีบหลับ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโลหะกำลังกระทบกันดังขึ้น ทำให้เขาคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไป แต่เมื่อตั้งใจฟังไปเรื่อยๆ เขาก็รู้ตัวทันทีว่าเขาได้ยินเสียงนั้นจริงๆ

ซึ่งเสียงนั้นกำลังดังมาจากประตู

เฉินเฟิงนึกตามความทรงจำของตัวเองเดินตรงไปยังประตูเหล็ก และเสียงนั้นยังคงดังไม่หยุดเสียที

เมื่อลองเข้าไปสัมผัสกับประตูเหล็ก ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ เขาอิงไปบนประตูเหล็กแล้วพยายามใช้หูแนบชิดเข้าไป

ปรากฏว่ามีเสียงกำลังดังขึ้นมาจริงๆ ซึ่งแต่ละเสียงนั้นกำลังดังขึ้นมาเป็นจังหวะอย่างมาก

“มีคนหรือเปล่า?” เขาตะโกนอย่างเสียงดัง

แต่ในขณะเดียวกันโจวจื่อเอ๋อที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เช่นกัน และเสียงเคาะนั้นก็ยังคงดังไปเรื่อยๆ

เฉินเฟิงครุ่นคิดหนัก ก่อนจะไปค้นหาตามบริเวณโดยรอบแล้วไปสัมผัสเข้ากับขาเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งเป็นโลหะเช่นกัน

เขาถอดขาเก้าอี้ออกมาได้อย่างไม่เปลืองแรงเลย จากนั้นก็กลับไปยังประตูเหล็กอีกครั้ง

ก่อนจะเคาะไปยังประตูเหล็กรัวๆอย่างไม่เป็นจังหวะ

ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกอย่างโจวจื่อเอ๋อดูเหมือนจะสัมผัสได้กับอะไรบางอย่าง ซึ่งจังหวะการเคาะนั้นถูกเคาะอย่างไม่เป็นท่วงทำนองเลย

เธอตกตะลึงจนหยุดการกระทำของตัวเองลง ขณะที่เฉินเฟิงเองก็ยังคงเคาะไปเรื่อยๆ เธอแนบหูเข้าไปชิดกับประตูเหล็ก จากนั้นจึงได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นด้านใน

มีคนอยู่ด้านในนั้น นี่คือสิ่งที่โจวจื่อเอ๋อคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้

แต่ว่าจะติดต่อกับเขาอย่างไร แล้วหลังจากนั้นจะช่วยเขาออกมายังไงดี ?

เธอคิดหนัก ก่อนจะใช้ท่วงทำนองบางอย่างเคาะไปบนประตูเหล็ก

หลังจากที่เฉินเฟิงเกิดความตื่นเต้น เขาก็รู้ตัวว่าแม้จะมีคนพบเขาแล้ว แต่การจะช่วยเขาออกไปนั้นยังถือเป็นเรื่องยากอย่างมาก

เขาได้ยินเสียงเคาะจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง จึงหยุดการกระทำของตัวเองลงพร้อมกับเริ่มตั้งใจฟังเสียงที่ดังขึ้น

เสียงนั้นมีจังหวะที่แปลกประหลาดอย่างมาก และไม่เหมือนกับท่วงทำนองที่คงที่ จนกระทั่งเขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ หลังจากที่เฉินเฟิงได้ฟังท่วงทำนองที่คล้ายคลึงกันนั้นถึงสองครั้ง เขาก็เข้าได้ทันทีเลยว่า นี่คือรหัสมอร์ส

โชคดีที่เขานั้นเคยศึกษาเกี่ยวกับรหัสพวกนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อนำรหัสที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่นี้มาเปรียบเทียบกับตัวอักษรแล้ว เขาถึงกับตะลึงกับการค้นพบนี้เลยทีเดียว เพราะอีกฝ่ายกำลังเรียกชื่อของเขาอยู่

เฉินเฟิงแปลเอาคำพูดที่ต้องการจะพูดออกมา จากนั้นก็เริ่มเคาะท่วงทำนองส่งสารออกไป

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายมีการตอบกลับมา โจวจื่อเอ๋อจึงหยุดนิ่ง

เธอกำลังกังวลว่าเฉินเฟิงจะเข้าใจความหมายนั้นหรือไม่ หรือว่าเขาไม่เข้าใจรหัสมอร์สแบบนี้เลย

แต่เมื่อสิ่งที่ได้ยินกลับเป็นคำว่า “ผมเอง” สองคำออกมา เธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเฉินเฟิงเข้าใจแล้วจริงๆ

เธอยิ้มออกมา เพราะอย่างน้อยก็มีวิธีการในการติดต่อสื่อสารแล้ว

“คุณยังไหวหรือเปล่า?” เธอถาม

“ผมยังพอไหว คุณคือใคร ?”

“โจวจื่อเอ๋อ”

คำตอบนี้ทำเอาเฉินเฟิงประหลาดใจเลยไม่น้อย คนตระกูลโจวเป็นคนนำตัวเขามาขังไว้ที่นี่ แต่กลับเป็นคนตระกูลโจวที่เข้ามาค้นหาตัวเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องน่าแปลกเอามากๆ

“คุณไม่รู้วิธีเปิดประตูหรอ?” เฉินเฟิงถาม เขาคิดได้ว่าในเมื่อโจวจื่อเอ๋อทำได้เพียงใช้วิธีนี้ในการติดต่อกับเขา อย่างนั้นต้องเป็นเพราะว่าเธอไม่มีทางเข้ามาด้านในนี้ได้

และแล้วโจวจื่อเอ๋อจึงตอบกลับ: “ฉันเพิ่งเข้ามาครั้งแรก”

เฉินเฟิงถึงกับเกิดอาการสิ้นหวัง แต่การที่โจวจื่อเอ๋อมาถึงที่นี่ได้สำหรับเขาแล้วอย่างน้อยก็ยังพอได้เห็นความหวังอยู่บ้าง เขาจึงตอบกลับไป: “โจวฟ่าง กุญแจอยู่กับตัวเขา”

เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของเฉินเฟิง โจวจื่อเอ๋อนั้นไม่ได้มีท่าทีตกใจเลย เพราะมันเป็นอย่างที่เธอได้คิดเอาไว้ทั้งหมด

“ฉันจะหาวิธีเอากุญแจมาจากตรงนั้นให้ได้” เธอกล่าว

เฉินเฟิงได้เพียงกล่าวขอบคุณอยู่ภายในใจ ตอนนี้ความหวังเดียวของเขามีเพียงแค่โจวจื่อเอ๋อแล้วเท่านั้น

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ได้นานนัก เขาจึงกล่าวย้ำเตือน : “ด้านในนี้ไม่มีน้ำ”

โจวจื่อเอ๋อที่เข้าใจความหมายของเฉินเฟิง จึงตอบกลับไป : “ฉันจะเร่งมือ”

หลังจากที่บอกประโยคนี้ออกไป โจวจื่อเอ๋อก็ทำการเคาะอีกประโยค : “ฉันจะไปแล้ว คุณอดทนเข้าไว้”

แต่ทว่าด้านในกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา หลังจากที่โจวจื่อเอ๋อจ้องมองไปยังประตูอีกครั้ง เธอก็เดินออกมาจากตรงนั้น

เฉินเฟิงนั่งพิงลงไปกับประตูเหล็กด้วยความหดหู่ใจ เขาไม่รู้เลยว่าโจวจื่อเอ๋อจะสามารถช่วยเขาออกไปได้หรือไม่

เมื่อกลับมายังด้านนอกโจวจื่อเอ๋อจึงปิดกลไกในห้องหนังสือลงอีกครั้ง แล้วทำตัวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างผ่อนคลาย

ถ้าหากตอนที่ออกมานั้นโจวฟ่างมุ่งหน้าตรงไปยังงานเลี้ยงเลย อย่างนั้นก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่กุญแจจะยังอยู่กับตัวเขา

โจวจื่อเอ๋อเดินตรงเข้าไปในงาน ซึ่งในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงงานเลิกพอดี เหล่าแขกที่มาเยือนก็กำลังเดินออกมาจากด้านใน ในขณะที่สายตาของเธอพุ่งเป้าไปยังโจวฟ่างที่ยืนอยู่ด้านหน้ากับคนอื่นๆ

เธอจัดการกับท่าทีรีบร้อนจากการเดินมาที่นี่ออกไปทันที หลังจากที่ท่าทางของเธอดูเหมือนไม่ได้มีความร้อนรนอะไร เธอจึงค่อยๆ เดินเข้าไป

เมื่อเห็นว่าโจวจื่อเอ๋อเดินเข้ามาหา โจวฟ่างถึงกับแปลกใจไม่น้อย: “จื่อเอ๋อ ทำไมเธอถึงไม่ได้อยู่กับคุณชายรองจากตระกูลไป๋คนนั้นล่ะ ?”

โจวจื่อเอ๋อยิ้มออกมา: “หนูตั้งใจมาหาลุงสี่โดยเฉพาะเลยค่ะ”

ทางด้านโจวฟ่างเป็นเพราะสาเหตุจากการดื่มเหล้าในงานเลี้ยง ตอนนี้ใบหน้าของเขาจึงดูแดงขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นสติสัมปชัญญะของเขานั้นยังอยู่ครบ ซึ่งคงเป็นเพราะไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้น

และเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของโจวจื่อเอ๋อ โจวฟ่างก็ยิ่งเกิดความแปลกใจมากขึ้น : “เธอมาหาลุงสี่?จะทำอะไร?เธอไม่เคยชอบพูดกับลุงสี่ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนี่ !”

โจวจื่อเอ๋อกดเสียงให้ต่ำลงแล้วโน้มเข้าไปพูดข้างกายโจวฟ่าง : “คุณลุงสี่ คุณจะต้องช่วยจื่อเอ๋อนะ !”

พลางพูดไป ดวงตาคู่นั้นที่มักจะแฝงไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลากลับมีน้ำตาร่วงไหลลงมาอย่างเนืองนอง

โจวฟ่างถึงกับตะลึง คิดว่าโจวจื่อเอ๋อต้องไปพบกับเรื่องที่ไม่ดีมาเป็นแน่ เขาจึงรีบพูดทันที: “จื่อเอ๋อย่าร้องไห้ บอกกับลุงสี่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“คุณลุงสี่ จื่อเอ๋อไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงแล้วจริงๆ ถึงได้เข้ามาร้องขอให้คุณลุงสี่ช่วยเหลือ”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท