ลูกเขยมังกร – บทที่ 921 ห้องลับ

บทที่ 921 ห้องลับ

โจวจื่อเอ๋อเข้าใจทันทีเลยว่าตัวเองสามารถดึงดูดความสนใจของเฉินเฟิงได้แล้ว ดังนั้นเธอจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ปรารถนา “คุณชายเฉิน เรื่องบางอย่างบางทีมันก็ดูง่ายดายนะคะ แต่บางครั้งมันก็ซับซ้อนในเวลาเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่ว่าคุณนั้นคิดยังไง”

จากคำพูดของโจวจื่อเอ๋อ เฉินเฟิงได้หยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับ: “คุณคิดว่าในจุดที่ง่ายดายของเรื่องนี้จะเกิดปัญหาขึ้นอย่างนั้นสินะ”

“สมกับเป็นคุณชายเฉินเสียจริงค่ะ เพียงแค่เตือนให้หน่อยก็สามารถเข้าใจแล้ว” โจวจื่อเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม: “ก็ตามที่ว่า คุณชายเฉินต้องการที่จะพึ่งกำลังอำนาจ ซึ่งเป็นกำลังอำนาจขนาดใหญ่ ที่แม้แต่ผู้ทรงอำนาจแข็งแกร่งอย่างหมาป่าทะเลก็ไม่สามารถที่จะหลุดหนีไปได้ แต่ว่าคุณชายเฉินกลับไม่เคยเข้าใจเลยว่าแท้จริงแล้วพวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเฉินเฟิงจะพอเข้าใจความหมายของโจวจื่อเอ๋อไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าเขากลับไม่เห็นด้วย เพราะถ้าหากผู้ที่อ่อนแอต้องการที่จะต่อต้านมหาอำนาจ การรวมกลุ่มกันไว้ถึงจะเป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด

แต่ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด เสียงชายคนหนึ่งกลับแทรกเข้ามาเสียก่อน: “จื่อเอ๋อ?คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?”

เฉินเฟิงพวกเขาสองคนหันหลังไปมองตามเสียงที่ดังขึ้น ปรากฏว่าไป๋ซูกำลังเดินมุ่งหน้ามายังทางพวกเขา

“คุณชายเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรอครับ?พวกคุณกำลัง?” ไป๋ซูมองพวกเขาด้วยความสงสัย

ทางด้านเฉินเฟิงไม่ได้ตอบกลับอะไร จะมีเพียงโจวจื่อเอ๋อที่ยิ้มหวานออกมาเท่านั้น: “ก็แค่บังเอิญเดินผ่านเข้ามาเจอคุณชายเฉินพอดีหน่ะค่ะ และด้วยความที่ฉันมีความแปลกใจในตัวคุณชายเฉินอยู่แล้ว เลยเป็นฝ่ายเดินเข้ามาพูดคุยกับคุณชายเฉินก็เท่านั้น”

แต่ถึงอย่างนั้นในใจของไป๋ซูก็ยังมีความแคลงใจบางอย่างอยู่ แต่เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปถามไถ่เอาความ เขาจึงเพียงแค่มองไปยังเฉินเฟิงเท่านั้น

“งั้นสินะครับ ที่จริงในตอนที่ผมได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณชายเฉิน ก็เกิดความรู้สึกที่เหลือเชื่อเช่นเดียวกัน เพราะรู้สึกว่าเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับเขาคนนั้นที่ได้ถูกเลื่องลือออกมาเลย”

ทางด้านเฉินเฟิงกลับไม่ค่อยมีความสนใจที่จะมาพูดคุยกับพวกเขาสองคน เขาจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปบอกกับพวกเขาสองคน : “พวกคุณค่อยๆ คุยกันนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”

ซึ่งในตอนที่เฉินเฟิงกำลังจะเดินออกมา โจวจื่อเอ๋อก็หันไปขยิกตาใส่เขาเป็นนัยให้กับเฉินเฟิงว่าคำพูดที่เหลือต่อจากนี้ เธอจะไปพูดคุยกับเฉินเฟิงอีกครั้ง

แต่เฉินเฟิงกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ

หลังจากที่เฉินเฟิงเดินจากไปแล้ว ไป๋ซูก็หันไปพูดกับโจวจื่อเอ๋อด้วยท่าทีไม่สบายใจ: “ผมก็คิดว่าคุณรังเกียจเวลาที่ต้องอยู่กับผมซะอีก ถึงได้หายไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่กลับมาเสียที จนผมคิดว่าคุณกำลังหลบหน้าผม”

โจวจื่อเอ๋อกลับมาแสดงท่าทีใจดีดังเคยพร้อมตอบกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ : “คุณชายรองคิดมากไปแล้วล่ะค่ะ คุณลุงใหญ่เองทั้งชื่นชมในตัวคุณชายรอง และยังบอกอีกว่าคนหน้าตาดีและมีความสามารถอย่างคุณชายรองนั้นพบเห็นได้ยากในโลกนี้แล้ว”

ไป๋ซูที่ถูกเธอกล่าวชื่นชมก็มีความสุขขึ้นมาดังดอกไม้ที่เบ่งบานทันที: “งั้นหรอครับ แล้วจื่อเอ๋อมองว่าผมเป็นยังไงครับ ……”

เฉินเฟิงเมื่อปลีกตัวออกมาจากทั้งสองก็กลับมายังบริเวณงานเลี้ยงฉลอง

ตอนนี้เหล่าแขกนั้นก็มากันจนล้นหลามแล้ว แต่ละคนพากันนั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง และเพียงรอให้พิธียกเหล้านั้นเริ่มขึ้นเท่านั้น รูปแบบงานพิธีการของตระกูลโจวนั้นถือว่าค่อนข้างใหญ่โตเลยทีเดียว ซึ่งจากที่เฉินเฟิงลองนับดูแล้ว มีโต๊ะทั้งหมดราวๆ สามสิบถึงสี่สิบโต๊ะเลยก็ว่าได้

ส่วนคนที่เดินทางมาถึงแล้วนั้นก็ได้นั่งจนเต็มไปหมดแล้วด้วย และจากการคาดเดาผู้คนก็มีนับหลายร้อยคนเลย

เมื่อมีคนเยอะ สถานที่จัดงานจึงมีความคึกคักโอกเอกเสียงดังเป็นเรื่องธรรมดา ในขณะที่คนที่นั่งห่างจากตระกูลปรารถนาด้านหลังสุดนี้น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไร และทางด้านเฉินเฟิงก็หาที่นั่งว่างนั่งลงตรงบริเวณนั้น

“คุณชายเฉิน ทำไมคุณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ล่ะครับ”

เฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น โจวฟ่างก็กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ

“ไม่มีอะไรครับ ผมก็แค่หาที่นั่งไปเรื่อยเท่านั้น อีกอย่างงานรื่นรมย์พวกนี้เดิมทีผมก็ไม่ค่อยชอบอยู่แล้วด้วย” เฉินเฟิงกล่าวอธิบายพร้อมรอยยิ้มจางๆ

โจวฟ่างที่ได้ยินอย่างนั้นจึงตอบกลับ: “ผมก็คิดว่าคุณชายเฉินจะเป็นคนที่ชื่นชอบผู้คนคึกคักแบบนี้เสียอีก”

เฉินเฟิงถามกลับ: “นี่ผมดูเป็นคนแบบนั้นมากเลยหรอครับ?”

“ก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกของผมหน่ะครับ คุณชายเฉินอย่าได้ใส่ใจเลย จริงด้วย คุณชายเฉินพอจะออกมาพูดคุยกันสักครู่ได้หรือเปล่าครับ ?”

เฉินเฟิงจ้องมองไปยังเขาด้วยสายตาที่สงสัย แต่โจวฟ่างกลับดูเหมือนว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องการจะบอกกับเขา

“ได้ครับ!” เฉินเฟิงพูดพลางได้เพียงลุกขึ้นอีกครั้งเท่านั้น โดยที่เก้าอี้ของเขายังนั่งได้ไม่ทันที่จะอุ่นเลย

เมื่อเดินตามโจวฟ่างออกมา เฉินเฟิงก็กล่าวถาม: “คุณต้องการที่จะบอกอะไรกับผมหรอครับ?”

“เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโจวครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องบางอย่างหากไม่ได้บอกกับคุณชายเฉินได้เข้าใจ มันอาจจะมีผลกระทบต่อแผนการต่อต้านหมาป่าทะเลทรายได้” โจวฟ่างที่เดินนำหน้ากล่าวตอบ

แต่เฉินเฟิงกลับถามอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ: “อย่างนั้นทำไมถึงมาหาผมล่ะครับ เรื่องนี้คุณควรจะบอกกับคนตระกูลไป๋ให้เข้าใจก่อนไม่ใช่หรอครับ?”

โจวฟ่างตอบกลับอย่างลังเลใจ: “ผมไม่ค่อยเชื่อใจในตัวพวกเขาเท่าไหร่ ถ้าหากว่าแผนการครั้งนี้เกิดมีปัญหาขึ้นมาก็คงต้องเกิดเรื่องขึ้นจากกลุ่มตระกูลของพวกเรา ดังนั้นตอนนี้ผมจึงไม่กล้าที่จะเชื่อใจใครมากนัก”

เฉินเฟิงเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะสิ่งใดที่ทำให้เขาเกิดความกังวลใจมากขนาดนี้ได้ จึงคิดไปเองว่าคงเป็นเพราะโจวฟ่างนั้นตื่นตระหนกจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ตำหนิเขาไม่ได้ เพราะการต่อกรกับหมาป่าทะเลทรายก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเข้าไปแลกเลย

ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะเดินตามโจวฟ่างไปยังลานอีกแห่งหนึ่งของตระกูลโจว

ลานเล็กนี้เงียบสงบ เมื่อเดินเข้าไปด้านในโจวฟ่างกลับยังไม่มีทีท่าจะหยุดฝีเท้าลงเลย ดังนั้นเฉินเฟิงจึงถามอีกครั้งด้วยความสงสัย: “ที่นี่ยังไม่ได้อีกหรอครับ ?”

โจวฟ่างเดินไปพลางกล่าวอธิบาย: “มีของบางอย่างที่ผมอยากให้คุณชายเฉินได้เห็นพร้อมกับพูดคุยกับคุณชายเฉินไปด้วย”

เฉินเฟิงกล่าวถาม: “ของอะไรกันครับ?”

ทว่าโจวฟ่างกลับไม่ได้ตอบออกมาตามตรง เพียงแต่พูดขึ้นว่า: “รอให้คุณชายเฉินได้เห็นแล้วก็จะรู้เองครับ”

ในใจของเฉินเฟิงเกิดข้อสงสัยขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงเดินตามไปเรื่อยๆ เพราะเขาคิดว่าโจวฟ่างคงไม่คิดจะทำอะไรเขาภายในบ้านตระกูลโจวแน่นอน

เมื่อเดินเข้าไปภายในห้องก็ยังต้องเดินตรงเข้าไปด้านในเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงห้องหนังสือแห่งหนึ่ง เดิมทีเฉินเฟิงก็คิดว่าคงจะเป็นที่นี่แน่นอน แต่โจวฟ่างกลับเดินไปยังตู้หนังสืออันหนึ่ง ก่อนจะตามหาหนังสือเล่มหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยดึงมันออกมาอย่างช้าๆ

ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที เสียงฟันเฟืองและโซ่กลไกก็ดังขึ้น

จากนั้นตู้หนังสือที่อยู่ตรงหน้าของเฉินเฟิงพวกเขาสองคนก็ค่อยๆ ขยับแยกออกจากกันทั้งสองด้าน ปรากฏให้เห็นประตูอันว่างเปล่าบานหนึ่งที่อยู่ด้านใน

ซึ่งมองดูจากทางเข้าเข้าไปด้านในก็เห็นเพียงบันไดหนึ่งที่ทอดจากประตูทางเข้า และเมื่อยิ่งมองลึกลงไปก็จะมีเพียงภาพความมืดเท่านั้น

“นี่คือ?” เฉินเฟิงถามอย่างสงสัย

โจวฟ่างกล่าวอธิบาย: “ที่นี่คือสถานที่ใช้สำหรับหลบภัยของตระกูลโจว หลังจากที่เกิดเรื่องครั้งนั้น พวกเราก็สร้างห้องลับนี้ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เผื่อจะเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด”

เมื่อโจวฟ่างพูดจบ เขาก็หันไปมองเฉินเฟิง: “คุณชายเฉิน ของชิ้นนั้นถูกเก็บไว้ในนี้ครับ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตระกูลโจวของเราห้ามป่าวประกาศออกไปเด็ดขาด ดังนั้นหวังว่าหลังจากที่คุณชายเฉินได้เห็นแล้วจะช่วยปกป้องความลับนี้ให้กับตระกูลโจวด้วย”

เฉินเฟิงที่ได้ยินก็กล่าวตกลงอย่างว่าง่าย: “นั่นสมควรอยู่แล้วครับ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นโจวฟ่างถึงค่อยสบายใจ ก่อนจะพาเฉินเฟิงเดินเข้าไปด้านใน

ผ่านไปเพียงไม่นาน ยิ่งเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านในเรื่อยๆ การมองเห็นก็ยิ่งไม่ชัดเจนมากขึ้น แต่เพราะได้จับราวบันไดไว้จึงไม่ทำให้หลงทิศทาง จนมาถึงกลางทางก็เกิดการเปลี่ยนทิศเดินอีกครั้ง และเมื่อเดินเลี้ยวไปอีกทาง พวกเขาก็ยังต้องมุ่งหน้าเดินลงต่อไปอีก

หลังจากที่รู้สึกว่าเดินผ่านความลึกมาได้หลายสิบเมตร ในที่สุดก็เดินมาถึงจุดล่างสุดเสียที

แต่บริเวณตรงหน้ากลับมีประตูเหล็กหนาตั้งตระหง่านอยู่ ดูแล้วเหล็กนี้จะมีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กที่ใช้ในการทำประตูตู้นิรภัยทั่วไปเสียอีก

ดูเหมือนว่าตระกูลโจวจะหวาดกลัวและรอบคอบเกินไปแล้ว

ทางด้านโจวฟ่างคลำไปมาตามพื้นผนังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดที่ครอบอันหนึ่งออก ซึ่งด้านในผนังนั้นดูเหมือนจะมีรูกุญแจอันหนึ่งอยู่ โจวฟ่างหยิบเอากุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะสอดกุญแจดอกนั้นเข้าไปในรูกุญแจแล้วค่อยๆ บิดอย่างเบามือ

แต่ถึงอย่างนั้นประตูเหล็กหนานั้นกลับยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น

จากนั้นโจวฟ่างก็เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสลงบนประตู ราวกับกำลังกดบางอย่างอยู่ และไม่นานประตูเหล็กนั้นก็เปิดออกอย่างง่ายดาย

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท