ทว่าเขากลับมีความรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางกดทับตัวอยู่
เขามองลงไปก็ปรากฏว่ามีมือข้างหนึ่งของโจวจื่อเอ๋อกำลังพาดอยู่บนตัวของเขาอยู่นั่นเอง
อีกทั้งเธอก็กำลังนอนหลับสบายเลยทีเดียว
ตอนแรกเฉินเฟิงกำลังจะเรียกให้เธอตื่น แต่ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายเมื่อสักครู่นี้ จึงทำให้โจวจื่อเอ๋อรู้สึกตัวขึ้นมาด้วยตัวเองแทน
เธอลืมตาทั้งสองด้วยความพร่ามัว ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองไปยังเฉินเฟิง พร้อมกับดันร่างกายของตัวเองออกมา ราวกับว่าไม่ได้มีความตกตื่นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลย
“ทำไมคุณถึง……”
โจวจื่อเอ๋อยิ้มจางๆ : “นี่ต้องมีเหตุผลว่าทำไมด้วยหรอคะ?คุณชายเฉินเป็นชายบริสุทธิ์หรือไงคะ?”
ทันทีที่ถูกยิ้มเยาะ เฉินเฟิงก็ได้เพียงแค่หัวเราะออกมาฝืดๆ เท่านั้น
ระหว่างทั้งสองนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสื้อผ้าทุกชิ้นยังคงอยู่ครบ จะมีเพียงแค่ร่างกายที่ประกบนอนด้วยกันเท่านั้น
โจวจื่อเอ๋อลุกขึ้นนั่งด้วยความเกียจคร้าน แล้วลูบไล้ตามคอที่เมื่อยชา เมื่อดูแบบนี้แล้วกลับเหมือนว่าเธอจะขาดเสน่ห์เย้ายวนไปนิดหนึ่ง แต่กลับมีความจริงที่ดูจะมากเกินไปในเวลาเดียว
“คุณรู้หรือเปล่า?การที่หญิงสาวคนหนึ่งเต็มใจจะเสนอตัวเองมาถึงที่ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหรอกนะ” เฉินเฟิงลูบไล้ผมของโจวจื่อเอ๋อที่สยายลงมากลางเอว พร้อมกับพูดด้วยเสียงอ่อนนุ่ม
ด้วยท่าทีที่เขินอายราวกับเด็กสาวตัวน้อย โจวจื่อเอ๋อจึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม : “ในตอนที่หญิงสาวเต็มใจเสนอตัวเองให้กับผู้ชายถึงที่เนี่ย ผู้ชายคนนั้นก็ควรที่จะต้องระวังตัวเสียหน่อย เพราะผู้หญิงคนนั้นจะดื้อรั้นอย่างมาก ถ้าเกิดว่าเธอไม่สามารถกุมผู้ชายคนนั้นมาไว้ในกำมือได้ อย่างนั้นเธอก็จะไม่มีทางยอมปล่อยมือง่ายๆ”
เฉินเฟิงถึงกับชะงักพร้อมกับยิ้มแหยๆ ออกมาอย่างลำบากใจ
โจวจื่อเอ๋อเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะเปลี่ยนการแต่งตัวเป็นชุดเดรสสีม่วงอ่อนอันเรียบง่าย ราวกับว่าได้กลับไปเป็นตัวตนเดิมของเธออีกครั้ง
“ผมไม่ค่อยชอบคุณในตอนนี้เลย” เฉินเฟิงพูดออกมา
โจวจื่อเอ๋อมองลงไปยังชุดของตัวเองไปมา จึงเข้าใจว่าเฉินเฟิงคงจะคิดว่าชุดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับเธอ : “ฉันไปเปลี่ยนเป็นตัวอื่นก็ได้ค่ะ ตามสีที่คุณชอบ”
“ไม่ใช่เสื้อผ้าหรอกครับ แต่เป็นท่าทีของคุณ” เฉินเฟิงส่ายหน้าอย่างอ่อนโยน
เมื่อมองดูท่าทางของเฉินเฟิงแล้ว โจวจื่อเอ๋อถึงกับหัวเราะออกมา: “คุณชายเฉินหลงชอบในตัวฉันแล้วหรอคะ?”
เฉินเฟิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่แล้วโจวจื่อเอ๋อก็พูดต่ออีก : “การที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องการที่จะเปลี่ยนผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องการที่จะช่วยให้เธอหลุดพ้นออกมาจากความลำบาก อย่างนั้นก็แสดงว่าเขาคนนั้นได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
แต่แน่นอนว่าเฉินเฟิงไม่คิดว่าตัวเองจะตกหลุมรักในตัวโจวจื่อเอ๋อเลย ปากของเขานั้นต้องการจะโต้แย้ง ทว่ากลับไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงได้เพียงขมุบขมิบปาก และไม่ได้พูดอะไรออกมาในที่สุด
หลังจากที่ออกมาจากบ้านตระกูลโจว ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟเงียบสงบร้านหนึ่งในเมืองหลานเพื่อดื่มชายามเช้า
โจวจื่อเอ๋อขยับช้อนคนที่อยู่ในแก้วอย่างเบามือ แต่แล้วเฉินเฟิงกลับถามขึ้นมาอย่างจริงจัง : “ตอนนี้คุณกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?”
โจวจื่อเอ๋อเงยหน้าขึ้นมามองเฉินเฟิง ก่อนจะก้มหน้าลงไปมองแก้วเครื่องดื่มที่อยู่ในมือของตนอีกครั้ง
“ฉันก็แค่อยากจะหลุดพ้นออกมาจากสถานที่แห่งพันธนาการนี้เท่านั้น และฉันก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนความต้องการของตัวเองด้วย” เธอพูดออกมาเบาๆ
“คุณอยากให้ผมทำอะไร?” เฉินเฟิงกล่าวถามอีกครั้ง
โจวจื่อเอ๋อหัวเราะออกมาเบาๆ : “คุณชายเฉินเป็นเพราะเมื่อวานนี้ฉันได้ช่วยคุณเอาไว้ ดังนั้นคุณถึงได้พูดออกมาตรงๆ แบบนี้หรอคะ ?”
เฉินเฟิงถามกลับแทน: “แล้วมันไม่ควรหรอครับ?คุณช่วยผมเอาไว้ ผมก็ต้องตอบแทน ในสิ่งที่คุณต้องการ”
ในที่สุดโจวจื่อเอ๋อก็หยุดการกระทำในมือของตัวเอง แล้วจ้องมองไปยังเฉินเฟิงอย่างจริงจัง เป็น “มันก็จริงค่ะ ถ้าหากว่าเป็นเมื่อวานนี้ ฉันอาจจะแค่ต้องการเพียงการปกป้องจากคุณชายเฉินเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถต้องการได้มากกว่านั้น”
เฉินเฟิงขมวดคิ้วขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้มีความฉลาดเกินไปแล้ว และการจะรับมือกับผู้หญิงฉลาดแบบนี้ล้วนเป็นเรื่องที่เปลืองพลังสมองอย่างมาก
เขาถาม: “แล้วถ้าเกิดว่าผมเป็นคนไร้ความรู้สึก ต่อให้คุณจะขอมากแค่ไหน เพียงแค่ผมตลบหน้าไม่รับข้อเสนอ ดูเหมือนว่าคุณเองก็จะไม่มีทางอื่นแล้ว”
แต่โจวจื่อเอ๋อกลับตอบกลับอย่างมั่นใจ : “แต่ฉันรู้ว่าคุณชายเฉินไม่ได้เป็นคนแบบนั้นแน่นอน”
เฉินเฟิงจ้องมองไปที่เธอด้วยความนิ่งเงียบ ราวกับกำลังเตรียมตัวทำให้โจวจื่อเอ๋อผิดหวัง แต่ผ่านไปเพียงสักพัก รอยยิ้มในแววตาของอีกฝ่ายก็ทำให้เฉินเฟิงไม่สามารถสะกดตัวเองเอาไว้ได้อีก เขาจึงพูด : “คุณชนะแล้ว แต่ดีที่สุดคืออย่าให้เกินกำลังเกินไป ไม่อย่างนั้นผมไม่รับรองว่าผมอาจจะมีการเปลี่ยนใจจริงๆ ”
โจวจื่อเอ๋อยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย : “อันที่จริงสิ่งที่ฉันต้องการก็มีไม่มากหรอกค่ะ”
เธอยกมือขวาที่วางช้อนชาลงขึ้นมา ค่อยๆ เอื้อมออกไปหามือขวาของเฉินเฟิงที่วางอยู่บนโต๊ะ
การสัมผัสที่ละเอียดอ่อนทำให้เฉินเฟิงเผลอขยับมือเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่ควรจะขี้ขลาดแล้วดึงมือกลับ
“คุณหมายความว่ายังไง?” เขาถาม
นิ้วมืออันเรียวยาวหนึ่งของเธอลูบไล้ไปตามหลังมือของเฉินเฟิงก่อนจะเลื่อนไปยังนิ้วชี้หลังมือของเฉินเฟิงไปมา การสัมผัสที่แสนอ่อนนุ่ม ทำให้เกิดความรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาไม่น้อย
“คำพูดที่ฉันเคยบอกกับคุณชายเฉินนั้นล้วนเป็นเรื่องจริงนะคะ ถ้าหากว่าคุณชายเฉินมอบโอกาสให้ฉัน ฉันสามารถทำให้ทั้งทะเลทรายแห่งนี้กลายเป็นของคุณชายเฉินได้เลย และในเวลาเดียวกันฉันก็หวังว่าคุณชายเฉินจะสามารถช่วยฉันออกไป”
น้ำเสียงนุ่มนวล ราวกับกำลังแฝงไปด้วยความยั่วยวน พร้อมกับการเคลื่อนไหวบนมือที่ดูท่าจะไม่หยุดเสียที
เฉินเฟิงกล่าวถามขึ้นมาอย่างสงสัย: “ตอนนี้ความต้องการของคุณนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าบอกนะว่าคุณอยากจะได้ทั้งทะเลทรายแห่งนี้ด้วย”
แต่แล้วโจวจื่อเอ๋อกลับพยักหน้ารับจริงๆ เธอยิ้มออกมาจางๆ ราวกับว่าไม่ได้ครุ่นคิดเลยว่าความคิดนี้จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“คุณบ้าไปแล้วหรอ?” เฉินเฟิงถามอย่างตกใจ
ซึ่งในตอนนี้ นิ้วที่สัมผัสบนหลังนิ้วมือของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนเป็นสองนิ้ว จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ : “คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้งคะ แต่ถ้าหากว่าไม่มีความฝันบ้าบอแบบนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าการที่ตัวเองอยู่บนโลกใบนี้จะยังมีความหมายอะไรอีก”
ภายใต้ท่าทีที่แสดงออกมานั้นเก็บซ่อนความเศร้าหมองเอาไว้ แต่แล้วโจวจื่อเอ๋อกลับถามขึ้นมา
“คุณชายเฉิน รู้สึกสบายหรือเปล่าคะ?”
เฉินเฟิงถึงกับสะดุ้งไปทีหนึ่ง แล้วพบว่าตอนนี้ทั้งมือของโจวจื่อเอ๋อได้วางไว้บนหลังมือของเขาแล้ว
“ถ้าหากคุณคิดว่าทำเพียงแค่นี้จะสามารถทำให้ผมยอมตกลงได้แล้วล่ะก็ คุณคงจะประเมินผู้ชายต่ำไปแล้ว” เฉินเฟิงพูดอย่างเย็นชา
แต่ทันทีที่พูดจบ เฉินเฟิงก็ได้รู้สึกถึงการสัมผัสทางร่างกายที่ลูบไล้บนต้นขาของเขา
ไม่จำเป็นต้องก้มลงไปดูก็รู้ว่าตรงนั้นก็คือเท้าของโจวจื่อเอ๋อ
ในตอนช่วงเช้า เฉินเฟิงได้สังเกตเห็นแล้วว่ารูปร่างของโจวจื่อเอ๋อนั้นดีมากๆ รวมทั้งเท้าที่ดูสะอาดหมดจดคู่นั้นก็ยิ่งชวนสะดุดตาเป็นอย่างมากด้วย ทว่าในตอนนี้พวกมันได้อยู่ใกล้ชิดกับตัวเขาเสียแล้ว แต่นั่นกลับทำให้เฉินเฟิงหมดความสนใจทันที
“คุณดูจะเข้าใจผู้ชายเป็นอย่างดี”
“ชมเกินไปแล้วค่ะ”
“แต่อย่างว่าผมไม่เหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าผมจะชื่นชอบของสวยงาม แต่ผมกลับไม่ชอบในสิ่งของที่ไร้ราคา”
ทันใดนั้นโจวจื่อเอ๋อก็ดึงมือและเท้ากลับ ก่อนจะแสดงท่าทีหยิ่งยโส และสีหน้าที่ดูไร้เดียงสาออกมาอีกครั้ง
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันก็ขอถอนตัว คุณชายเฉินเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดว่าจะตอบแทนอะไรแบบนั้นอีก มันไร้ความหมาย”
เฉินเฟิงจ้องมองโจวจื่อเอ๋ออย่างสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่รู้เลยว่าแบบไหนในตัวเธอถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอกัน หรือว่าตอนนี้เธอเองกำลังใช้วิธีการหลอกให้เขาตายใจกันแน่
แต่แล้วทางด้านข้างกลับมีคนเดินเข้ามา
ซึ่งเขาคนนั้นเป็นชายที่แต่งกายเนี๊ยบเรียบร้อย ทั้งตัวไม่มีรอยยับใดๆ บนเสื้อผ้าให้เห็นเลย
เขาเดินมายังข้างๆ เฉินเฟิงพวกเขาสองคน ก่อนจะหันไปทักทายกับโจวจื่อเอ๋อด้วยความประหลาดใจ : “จื่อเอ๋อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่”
โจวจื่อเอ๋อเองก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา พร้อมด้วยความประหลาดใจที่ไม่แพ้กัน ก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน : “พี่เฉิน เป็นคุณได้ไงคะเนี่ย”
“ผมมาคุยธุระกับเพื่อนหน่ะ แล้วคุณคือ ?”
เขาพูดพลางหันไปมองยังเฉินเฟิง แต่แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักเฉินเฟิง