บทที่76 ลางสังหรณ์ที่น่าหวาดผวา
“หา……หาออกมา เป็นใครกำลังก่อกวนในตลาดหุ้นกัน?” หลังหลีชิงเยียนสูดหายใจลึกทีหนึ่ง ฝืนทำตัวไม่สะทกสะท้านถามว่า
“หาออกมาแล้วค่ะ เป็นบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ป กำลังบ้าคลั่งบดขยี้พวกเรา” หลินเฉว่พยักหน้า ตอบกลับ
“บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ป?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น “ขอบข่ายบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปไกลไม่เท่าพวกเรา พวกมันจะเอากำลังมาจากไหน?”
บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปเป็นกิจการที่บุกเบิกอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหู้ไห่ แต่เทียบกันกับบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ยังห่างไกลกัน สู้ไม่ได้แน่!
ผลลัพธ์คือพอหลีชิงเยียนตื่นมาตอนเช้า ข้อความของโทรศัพท์ในมือล้วนใกล้จะทำมือถือระเบิดแล้ว!
รอเธอรีบไปถึงบริษัท หน้าตามึนงง เดิมทีก็ไม่ได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น!
เช้าตรู่ หลังตลาดหุ้นเปิดราคาสิบห้านาที หุ้นของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปก็ถูกขายไปจำนวนมาก สื่อการเงินที่สืบหาสิ่งที่ว่างเปล่าโฆษณาข่าวอย่างกำเริบเสิบสานว่าบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะปิดกิจการ หุ้นของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจึงตกลงอย่างบ้าระห่ำ!
ถึงตอนนี้หลีชิงเยียนพึ่งเข้าใจ เป็นเพราะบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปกำลังบีบคั้นพวกเขา……และบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป……จนบัดนี้ก็เสียหายอย่างย่อยยับ!
การคาดคะเนที่หลินเฉว่ทำไม่ได้ผิดที่……ว่าตามไปอย่างนั้น แม้แต่วันเดียวบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปก็รับมือไม่ไหว
“ฮวยเถิงทำขนาดนี้ ต้องใช้เงินทุนเท่าไร?” หลีชิงเยียนเงยหน้างดงามขึ้น ฟื้นคืนความสุขุม
“อย่างน้อยห้าหมื่นล้านค่ะ” หลินเฉว่พ่นคำเสียงหนึ่งออกมา ทันใดนั้นในห้องทำงานประธานก็เงียบลง
เงียบจนได้ยินเสียงใบไม้ร่วง ผู้จัดการพวกนั้นเสียงหายเงียบเหงา สีหน้าตื่นตระหนก!
ห้าหมื่นล้าน!
“เป็นไปไม่ได้……จากขนาดของบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ป จะเอาห้าหมื่นล้านมากขนาดนี้มาจากไหน……ทั้งบริษัทพวกเขา มากที่สุดมีค่าหมื่นสองหมื่นล้าน” หลีชิงเยียนพูดเสียงหลง
“ประธานหลี……บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปใช้หนึ่งหมื่นห้าพันล้านแล้ว……” หลินเฉว่พูดเสียงต่ำ ใบหน้าที่งดงามสง่าของหลีชิงเยียนซีดขาวไป
“เป็นไปไม่ได้……นี่บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน ทั้งเมืองหู้ไห่ แต่ไหนแต่ไรมีกิจการไหนที่สามารถควักออกมามากขนาดนี้!” หลีชิงเยียนพึมพำเสียงต่ำ ภายในใจสั่นสะเทือน ห้าหมื่นล้าน ตัวเลขนี้ ช่างน่ากลัวเกินไป! เป็นตัวเลขที่มากมายอย่างยิ่ง!
“พวกคุณออกไปกันให้หมด” หลีชิงเยียนกวาดตามองผู้จัดการสองสามคนนี้ หลังจากผู้จัดการเหล่านี้ออกไป หลีชิงเยียนนั่งลงมา มองทางซูเสี่ยวหยุน ถามว่า “สรุปมันเรื่องอะไรกัน?”
“เสี่ยวเยียน เมื่อกี้ตรวจสอบบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปสักหน่อยแล้ว ช่วงเวลานี้ขาดทุนมาโดยตลอด พวกเขาเองต่างพยายามใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อให้ผ่านพ้นไป เดิมทีไม่มีเงินมากขนาดนั้นมาขยี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป” ซูเสี่ยวหยุนเบนหัวข้อสนทนา “ดังนั้นเบื้องหลังบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปมีผู้สนับสนุน กำลังบงการทุกอย่างนี้”
“ผู้สนับสนุน?” หลีชิงเยียนขมวดหัวคิ้ว ซูเสี่ยวหยุนพยักหน้า “หากไม่มีผู้สนับสนุน บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปคงไม่มีความกล้ามาจัดการบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปหรอก”
“งั้นเธอคิดว่าผู้สนับสนุนนี้เป็นใคร?” หลีชิงเยียนถามขึ้น
ซูเสี่ยวหยุนครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วส่ายหน้า “คนมีอำนาจที่จ้องจะเขมือบบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมากมายเหลือเกิน เดิมทีไม่รู้ว่าใครลงมือกัน ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจหลายฝ่ายลงมือด้วยกัน”
“งั้น……งั้นจะทำยังไงดี?” หลีชิงเยียนค่อยๆ ถอนหายใจยาวๆ ดวงตางดงามหงอยเหงาตกหล่น “ตอนนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปก็ไม่มีเงินทุนขับเคลื่อนมากเท่าไร”
ซูเสี่ยวหยุนนำบัตรธนาคารในมือยื่นเข้าไป “ในใบนี้ยังมีเก้าพันล้าน สามารถช่วยบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปถูไถได้ช่วงหนึ่ง”
“ขอบคุณนะ” หลีชิงเยียนไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปอันตรายจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้จะเป็นฟางเส้นเล็กๆ เธอก็ไม่อาจจะยอมแพ้ได้
…………
ในคฤหาสน์หรู หลีเช่าเทียนนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้ ฟังการรายงานของลูกน้อง ใบหน้าที่ลึกล้ำเผยรอยยิ้มที่เย็นเฉียบ
“เช่าเทียน ที่แท้ลูกต้องการเงินคือใช้อันนี้” หลีเซิ่งหัวเราะดังฮาๆ
“ช่วงไม่กี่ชั่วโมงสั้นๆ บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปก็สูญหายไปพันห้าร้อยล้านแล้ว หลีชิงเยียนคนต่ำนั้น เดาว่าคงไม่รู้กำลังไปเช็ดน้ำตาที่ไหนล่ะ” ป้าใหญ่นั่งอยู่บนโซฟา หัวเราะอย่างได้ใจ
“อยากดูสภาพหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นสักหน่อย จะดูแย่กว่ากินแมลงวันรึเปล่า” ป้าสองพูดตามมา
ในโถงรับแขกในคฤหาสน์หรู ชั่วขณะนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศเป็นสุข ทุกคนในตระกูลหลีค่อยๆ แสดงความคิดเห็น ความอึดอัดและความอับอายเมื่อคืนนี้จางหายไปนานแล้ว
“บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปเป็นคู่แข่งของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมาตั้งแต่ไหนแต่ไร กำลังสู้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปไม่ได้ ทุกครั้งที่แข่งขันกับบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปล้วนตกเป็นเบี้ยล่าง กำลังหามองหาจุดเปลี่ยน โจมตีบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป แต่เทียบกับกิจการอย่างอื่นพวกมันถือว่ากำลังองอาจกว่า ผมร่วมงานกับพวกเขา ย่อมรับปากอย่างไม่ลังเล ถึงแม้หลีชิงเยียนกับหลีหยางจะสงสัย แต่พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานอะไร”
หลีเซิ่งพยักหน้า “อีกไม่นานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปก็จโดนพวกเราควบคุมไว้ในมือจนถึงที่สุด”
“พ่อครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่ฉลองกันสักหน่อย?” หลีเช่าเทียนหัวเราะเล็กน้อย ตบๆ มือ
ไม่นานลูกน้องสองคนก็ยกแชมเปญมาอย่างนอบน้อม เปิดแชมเปญออก แชมเปญที่เต็มไปด้วยฟองถูกรินใส่แก้วเหล้า
หลีเช่าเทียนยกแก้วเหล้าไว้ ชนแก้วกับหลีเซิ่ง เสียงแก้วเหล้ากระทบกันดังกังวาน ทั้งสองคนยิ้มนิดๆ ดื่มแชมเปญลงไป
…………
เวลานี้ เบื้องบนเบื้องล่างบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปต่างวุ่นวายกันใหญ่ ไม่นานข่าวลือก็แพร่สะพัดไปภายนอก ข่าวลือนับไม่ถ้วนล้วนคาดเดากันว่าหลีชิงเยียนกับหลีหยางควรจะรับมืออย่างไร ในตลาดหุ้น ราคาหุ้นของบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปพุ่งสูงไม่หยุด
แม้กระทั่งมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ สภาพการณ์ราคาหุ้นของบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปตอนนี้ แนวโน้มต่อไป……คงเกินกว่าบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ซึ่งกำลังจะมาถึงในไม่ช้า
จนถึงช่วงเวลาเลิกงานแล้ว หลีชิงเยียนเดินเข้ามาที่โรงจอดรถใต้ดิน ดวงตางามครุ่นคิดเล็กน้อย พอมองก็เห็นที่หน้ารถไมบัคมีภาพคนกำลังพิงตัวอยู่
“ทำไมนายถึงมาอีกแล้ว?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น มองไปรอบด้าน หลังจากเห็นว่าไม่มีใครถึงเดินเข้าไปใกล้
เฉินเป่ยหัวเราะนิดหน่อย “นี่ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงประธานหลีเหรอ? ดังนั้นวันนี้เลยมารับคุณเลิกงาน”
“ใครอยากให้นายมารับ?” หลีชิงเยียนมองค้อนเฉินเป่ยทีหนึ่ง ดึงประตูรถออก นั่งเข้าไป
เขาขับรถไมบัคออกจากโรงรถ ขับไปบนถนนอย่างมั่นคง เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนผ่านกระจกมองหลัง พบว่าเธอกำลังพิงพนักด้านหลัง ดวงตางามปิดแน่น เสียงลมหายใจนิ่งเสมอมาก คาดไม่ถึงจะหลับไปแล้ว
ประธานนางฟ้าเหนื่อยเหลือเกิน เพื่อรับมือกับวิกฤตของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป วันนี้หลีชิงเยียนไม่ได้หยุดพักลงมาทั้งวัน ข้าวก็ไม่สนใจทาน แม้แต่เข้าห้องน้ำยังพยายามไปให้น้อย
หลีชิงเยียนเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ นั่งเข้ามาในรถ พอได้ผ่อนคลายลงมา จึงนอนหลับไปทันที
ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยเผยความเป็นห่วงและเห็นใจนิดๆ รถไมบัคจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์หรู เฉินเป่ยลงจากรถ อุ้มหลีชิงเยียนเบาๆ แล้วเดินเข้าไป
เฉินเป่ยใช้ท่าทางอุ้มเจ้าหญิง เดินขึ้นมายังชั้นสองอย่างย่องเบาๆ ไม่ได้ส่งเสียงออกมาสักนิด ถึงแม้จะเดินเข้าไปในห้องนอนของหลีชิงเยียน ก็ไม่ได้ทำให้ซูเหลยที่พักผ่อนรักษาบาดแผลห้องด้านข้างสังเกตเห็น
ทั้งกระบวนการทำอย่างรวดเดียวโดยไม่หยุดจนสำเร็จ แม้แต่สำนักเสี่ยวเชียนเย่ของประเทศหมู่เกาะ หลงซื่อหลางแห่งสำนักเชียนเย่มาเห็นความสามารถที่เก็บเสียงของเฉินเป่ย คงตกตะลึงเป็นอย่างแน่
เฉินเป่ยลงมาจากชั้นสอง ซูเสี่ยวหยุนปิดนิตยสารลง ถามว่า “เธอหลับแล้ว?”
เฉินเป่ยพยักหน้า “หลับไปตั้งแต่อยู่ในรถ”
“ครั้งนี้ความวุ่นวายของบริษัทตระกูลหลีใหญ่โตจริงๆ” ซูเสี่ยวหยุนถอนหายใจทีหนึ่ง บนใบหน้ามีเสน่ห์หยาดเยิ้ม เผยความเคร่งเครียดนิดๆ ที่ยากจะพบเจอ
“เรื่องนี้กลัวว่าจะไม่ใช่แค่บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปเข้าร่วมในนั้นสินะ?”เฉินเป่ยดวงตาลึกล้ำ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก
ซูเสี่ยวหยุนมองเฉินเป่ยด้วยความตกใจ “นายรู้ได้ยังไง?”
“ลางสังหรณ์” เฉินเป่ยยิ้มนิดหน่อย ดวงตาลึกซึ้ง
ลางสังหรณ์ ถ้าลางสังหรณ์ของเฉินเป่ยไม่ยิ่งใหญ่ คงไม่มีเส้นประสาทแจ้งเตือนที่อ่อนไหว คงตายไปในห่ากระสุนปืนนับไม่ถ้วนตั้งนานแล้ว!
ภาพของเขากระจายไปทุกมุมทั้งโลกนี้ ภายใต้วิกฤตความเป็นตายและสถานการณ์ที่เกือบหมดหวัง ล้วนเป็นเขาที่พึ่งลางสังหรณ์ หนีความตายมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปเป็นได้มากที่สุดแค่หุ่นไม้ ที่สำคัญคือมือที่อยู่เบื้องหลังบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปนั้น……” ซูเสี่ยวหยุนคิดออกมาอย่างหนึ่ง
“มือนั้นที่อยู่เบื้องหลัง?” เฉินเป่ยพึมพำ มุมปากฉีกขึ้นทันใด เหมือนว่าจะคิดอะไรขึ้นได้แล้ว!