บทที่77 ฉัน! โอนเงินมา!
ซูเสี่ยวหยุนสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเฉินเป่ย มุมปากงดงามมีเสน่ห์แสยะยิ้ม “นายรู้อะไรบ้าง?”
“ผม……” เฉินเป่ยตะลึง หัวเราะกระอักกระอ่วน “ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ไม่จริง ปฏิกิริยานายแบบนี้ ต้องรู้อะไรมาบ้างแน่” ซูเสี่ยวหยุนจ้องเฉินเป่ยอย่างมีความหมาย ก่อนจะพูดว่า “หรือนายรู้ผู้สนับสนุนเบื้องหลังของบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ป?”
“เป็นไปได้ยังไง……ราคาหุ้นบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปตกฮวบ เป็นเพราะคุณบอกผม ผมจะรู้ถึงผู้สนับสนุนด้านหลังได้ยังไงกัน” เฉินเป่ยส่ายหน้า ยิ้มตอบ
ซูเสี่ยวหยุนรู้สึกงงงวย ดวงตางามจ้องเฉินเป่ยแน่นแวบหนึ่ง เธอมองสิ่งที่ซ้อนไว้ในดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยไม่ออกสักนิด
“ก็ได้” ซูเสี่ยวหยุนพยักหน้า “งั้นนายบอกมาสิ นายสงสัยว่าใครทำ?”
“ผมจะรู้ที่ไหนกัน วันๆ ผมทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน เรื่องงานของชิงเยียน ผมไม่เคยยุ่งเลย” เฉินเป่ยส่ายหน้า
“พวกเธอกำลังคุยอะไรกัน?” เสียงที่น่าดึงดูดเสนาะหูล่องลอยมาจากชั้นสอง ภาพสาวสวยหยาดเยิ้มคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากด้านบน
เฉินเป่ยมองไปทางต้นเสียง เห็นเท้าที่เปลือยเปล่าคู่หนึ่งเหยียบอยู่บนรองเท้าแตะ เล็บเท้าที่งดงาม ดูดีอย่างมาก
สายตาของเฉินเป่ยย้ายตามเท้าที่ขาวเนียนเซ็กซี่ขึ้นไป ขายาวที่ชุ่มชื้นเรียวเล็ก สามารถพูดได้ว่าชั้นเยี่ยม
“ชิงเยียน เธอตื่นแล้วเหรอ?” ซูเสี่ยวหยุนยิ้ม “ฉันกำลังพิจารณากับเขาอยู่ว่ามือที่อยู่เบื้องหลังบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปนั้น สรุปแล้วเป็นใครกัน?”
“เขา?” หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง “เธอพูดอะไรกับเขา จริงๆ เลย……”
“แค่พูดเฉยๆ ไม่ได้เลยเหรอ?” ซูเสี่ยวหยุนเหลือบตาหยาดเยิ้มมองค้อนไปที่หนึ่ง หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ย ถามว่า “นายเข้าใจเหรอ?”
“ผมจะมีความรู้มากเท่าประธานหลีที่ไหนกัน” เฉินเป่ยตะลึงเล็กน้อย ประจบประแจงหลีชิงเยียนอย่างไม่ลังเลสักนิด
“เขาไม่เข้าใจพวกนี้ เธอจะพูดเรื่องนี้กับเขาทำไม หรือว่าเขารวบรวมเงินมาได้?” หลีชิงเยียนพูดเสียงมีเสน่ห์
หลีชิงเยียนกวาดตามองเฉินเป่ยที่เคารพนอบน้อมอยู่ด้านข้างด้วยสายตาดูถูก เงินครองชีพสองหมื่นต่อเดือน จะให้เจ้าหนุ่มคนนี้รวบรวมเงินมาได้จริงๆ อย่างไรกัน?
ตอนนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปไม่มีหนทางอื่น มีเพียงเงิน ถึงจะสามารถกอบกู้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปได้
แต่เงินจำนวนที่มากมายนี้ ถึงเป็นหลีชิงเยียน ในฐานะสาวงามอันดับหนึ่งแห่งวงการธุรกิจเมืองหู้ไห่ กับหลีหยางในฐานะผู้นำวงการธุรกิจ สำหรับเงินก้อนนี้ก็หมดหนทางเช่นกัน
เพราะเงินก้อนนี้สามารถกอบกู้บริษัทตระกูลหลีได้ ต้องเป็นเงินจำนวนมากอย่างแน่ จำนวนเงินเกินกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการได้ก้อนหนึ่ง!
แต่ทว่าจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่เต็มไปด้วยอันตราย ทุกคนคิดว่าบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะล้ม แล้วใครจะยินยอมให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปยืมเงิน?
ฉากยามค่ำมาเยือน ไม่รู้ตัวก็กลางดึกแล้ว ภายในคฤหาสน์ โทรทัศน์ฉายรายการวาไรตี้ ซูเสี่ยวหยุนและหลีชิงเยียนนั่งดูอยู่บนโซฟา พูดคุยหัวเราะ ส่วนเฉินเป่ย……ถือมีดผลไม้อย่างลำบากใจมาก กำลังหั่นแอปเปิลเป็นชิ้นๆ วางใส่บนจานผลไม้ ยื่นให้ซูเสี่ยวหยุนและหลีชิงเยียน
“การใช้มีดของนายไม่เลวนี่?” ซูเสี่ยวหยุนเงยตางามๆ ขึ้น มองเฉินเป่ยทีหนึ่ง
ฝีมือใช้มีดของเขายอดเยี่ยมมาก แอปเปิลทุกชิ้นหั่นอย่างระดับความบางเท่ากัน แม่นยำราวกับเครื่องจักร ฝีมือมีดของคนทั่วไป เดิมทีคงทำไม่ได้
“ฉันง่วงแล้ว ฉันขึ้นไปนอนก่อนนะ” ซูเสี่ยวหยุนบิดขี้เกียจไป หาวทีหนึ่ง ร่างอ่อนช้อยบิดขยับอย่างเซ็กซี่ ก่อนจะเดินขึ้นไปทางชั้นสอง
“ประธานหลี ตอนนี้ดึกแล้ว คุณก็ไปนอนด้วยเถอะ” เฉินเป่ยพูดอย่างเอาใจ
“นายไปก่อนเถอะ ฉันจะนั่งอีกสักพัก” หลีชิงเยียนส่ายๆ หน้า ใบหน้างามสง่าเผยความซับซ้อนออกมา
“ได้ครับ” เฉินเป่ยพยักหน้า หมุนตัวหายไปจากบันไดวน
หลังจากที่เฉินเป่ยและซูเสี่ยวหยุนหายไปกันหมด หลีชิงเยียนค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปที่ริมหน้าต่าง
ดวงตาของหลีชิงเยียนจ้องมองไปทางด้านนอกหน้าต่าง ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ เผยความกังวลที่หนักอกหนักใจออกมา
ฉากยามค่ำ ลึกล้ำหาที่เปรียบไม่ได้ คล้ายกับอนาคตของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เต็มไปด้วยความไม่รู้ไม่แน่นอน ถึงแม้หลีชิงเยียนจะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้บริษัทตระกูลหลีจะสามารถแบกรับวิกฤตครั้งนี้ได้หรือไม่
ฟื้นกลับมา จะเกิดขึ้นได้หรือไม่?
ถ้าไม่มีโอกาสพลิกกลับมาใหม่ได้ บริษัทตระกูลหลีคงแย่แบบไม่ต้องสงสัย!
ว่าตามการคาดคะเนของทีมจัดการวิกฤตของบริษัท ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสภาพน่าเวทนาอย่างยิ่ง……ห่างจากคำว่าล้มละลาย เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้ว……
“ไม่หรอก……เรื่องราวจะต้องฟื้นกลับมากแน่……” หลีชิงเยียนพึมพำเสียงต่ำ บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เธอกับหลีหยางร่วมกันก่อตั้ง ผ่านมรสุมหนักหนามามากเท่าไร……จะเป็นไปได้อย่างไร แม้แต่ผู้อยู่เบื้องหลังของบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปยังไม่ชัดเจนเลย กลับจะต้องล้มละลายแล้วหรือ?
เฉินเป่ยกลับมาที่ห้องนอน ควักมือถือออกมา ต่อสายโทรศัพท์ไป
“ฮัลโหล ลูกพี่ผมดื่มเหล้ากับเจ้าหญิงของยุโรปคนนั้นอยู่ล่ะ พี่จะมามั้ย?” โทรศัพท์ในสายนั้น เสียงของชิงเหนียนดังขึ้นพร้อมกับเสียงแวดล้อมที่จอแจ
“ช่วยฉันหาหน่อย ช่วงนี้บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปมีอะไรผิดปกติไปบ้าง” เฉินเป่ยเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสงบ
“บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ป? ได้เลย! รอผมสองสามนาที” ชิงเหนียนรับปากไป หลังจากนั้นไม่กี่นาทีชิงเหนียนก็ตอบกลับ “ช่วงหลายปีนี้บริษัทฮวยเถิงกรุ๊ปขาดทุนมาโดยตลอด เอ๋……ช่วงเมื่อคืนนี้ ในบัญชีธนาคารของประธานบริษัทฮวยเถิงกรุ๊ป มีเงินหมื่นล้านก้อนหนึ่งโอนเข้ามา!”
ดวงตาล้ำลึกของเฉินเป่ยเผยความดุเดือดออกมา ชิงเหนียนหยุดชะงัก พูดต่อไปอีก “ไม่เพียงก้อนเดียว ยังมีอีกหลายหมื่นล้านโอนมา โอนมาจากเยี่ยนจิง……”
“เยี่ยนจิง……” เฉินเป่ยพึมพำ ทั่วตัวมีลักษณะพลังหวาดหวั่นกระจายออกมาทันใด โหมพัดไปทั่วทั้งห้องนอน
วินาทีนั้น เฉินเป่ยถูกลักษณะพลังแหลมคมน่ากลัวแทนที่เข้าไว้! ราวกับดาบคมที่ชักออกจากฝัก ปีศาจร้ายแห่งนรก น่าสะพรึงกลัวหนาวเย็น!
“พื้นฐานในบัญชีตอนนี้ยังมีเงินเท่าไร?” เฉินเป่ยค่อยๆ ถามขึ้น น้ำเสียงเย็นเฉียบ
ชิงเหนียนมึนงง “ลูกพี่ ช่วงนี้พื้นฐานกำลังทำธุรกิจอาวุธนาโนการทหาร……ในบัญชีไม่มีเงินทุนหมุนเวียนมากเท่าไร……เหลือเพียงไม่กี่สิบล้านแล้ว……”
“รีบหยุดการร่วมงาน ตอนนี้ฉันต้องการเงินด่วน!” เฉินเป่ยเอ่ยปาก น้ำเสียงเรียบนิ่ง กลับไม่ง่ายที่จะปฏิเสธ
“ลูกพี่……ธุรกิจนาโน……ถ้ายกเลิก……จะเสียหายหลายพันล้านนะ……เข้าเนื้อขนาดนี้……” ชิงเหนียนเอ่ยปากอย่างลังเล หวังว่าเฉินเป่ยจะพิจารณาถึงผลกระทบ
“ไม่ทันแล้ว……โอนเงินทั้งหมดเข้ามา!” สีหน้าเฉินเป่ยหนาวเย็นแน่วแน่อย่างยิ่ง วินาทีนั้นบนตัวเขามีออร่าที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ชิงเหนียนหาความรู้สึกที่คุ้นเคยนิดๆ เจอฉับพลัน!
นี่สิ ถึงเป็นลูกพี่ของตนเองตัวจริง! คนคนนั้นที่นำตนเอง ปีศาจที่รอดชีวิตจากห่ากระสุนปืน
“ครับ” ถึงแม้ชิงเหนียนจะรักเงินมาก แต่เขารู้ดีว่าเฉินเป่ยแยกชัดว่าปัญหาใดถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่เจอเรื่องที่เร่งด่วนเข้า คงจะไม่ทำแบบนี้
“ลูกพี่ นี่……คุ้มค่าจริงเหรอ?” ทันใดนั้นชิงเหนียนเหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมา ถามด้วยความระมัดระวัง
“คุ้มค่าแน่นอน”
“เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง……จากสถานะของลูกพี่ อยากได้ผู้หญิงแบบไหนไฉนจะไม่มี…… ต้องมาแขวนคอตายที่ต้นไม้นี้……” ชิงเหนียนบ่นพึมพำ เขารู้ว่าหลีชิงเยียนมีท่าทีอย่างไรต่อเฉินเป่ย เวลานี้เฉินเป่ยออกหน้าช่วยผู้ที่ถูกรังแก
“นายจำเอาไว้ เธอเป็นเมียของฉัน ตอนนี้เธอเจอเรื่องลำบาก ฉันสมควรลงมือ เงินไม่มียังหาใหม่ได้ แต่เมียมีเพียงคนเดียว” เฉินเป่ยวางสายโทรศัพท์ สายตามองทางอาคารใหญ่ที่ไกลๆ นอกหน้าต่าง ทอดยาวเหยียดติดต่อกันไม่สิ้นสุด
ค่ำคืนนี้ นอนไม่หลับเลย
จนกระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา เฉินเป่ยลงมาด้านล่าง มองเห็นหลีชิงเยียนนอนอยู่บนโซฟา ผมยาวยุ่งเหยิงเล็กน้อย เทือกเขาที่สูงตระหง่านขึ้นๆ ลงๆ นิดหน่อย ดวงตางามปิดลง กำลังหลับอย่างสงบ
หลีชิงเยียนอดนอนจนถึงช่วงตีสาม ในที่สุดก็ต่อต้านความง่วงที่ถาโถมมาอย่างน้ำไหลซัดสาดไม่ไหว หลับลึกลงไป
มองใบหน้าสง่างามของหลีชิงเยียนอยู่ มุมปากเฉินเป่ยฉีกรอยยิ้มโปรดปรานขึ้น หยิบผ้าห่มที่พับไว้มาเบาๆ คลุมลงบนร่างที่โค้งเว้านั้นของหลีชิงเยียน
ทันใดนั้น!
เสียงมือถือดังขึ้นอย่างเร่งรีบ หลีชิงเยียนลืมตาขึ้นทันที!
ฝีเท้าเฉินเป่ยชะงัก หันหน้า เสียงนาฬิกาปลุกในมือถือเสียดแก้วหูสุดๆ
“กี่โมงแล้ว?” หลีชิงเยียนขยี้ๆ ดวงตาปรือ มองดูเวลาแวบหนึ่ง
“เก้าโมงแล้ว ประธานหลี” เฉินเป่ยตอบ
“เก้า……เก้าโมงแล้ว?” หลีชิงเยียนใบหน้าดูเซ่อซ่า……อย่างไรเธอก็คาดไม่ถึง……เธอแค่งีบไปครู่หนึ่ง จนถึงตอนเก้าโมงเช้า
หลีชิงเยียนไม่ทันคิดอะไรมาก หลังจากรีบทำความสะอาดร่างกาย หยิบแซนด์วิชชิ้นหนึ่ง แล้วพุ่งออกจากคฤหาสน์
“ประธานหลี ซูเหลยยังเจ็บไม่หาย ผมจะไปส่งคุณเอง” เฉินเป่ยตามออกไปแล้ว
“รีบขับรถ” หลีชิงเยียนไม่อยากไร้สาระกับเฉินเป่ย จึงพูดเร่ง
“ประธานหลี งั้นเชิญคุณ……คาดเข็มขัดให้ดี” เฉินเป่ยหัวเราะนิดหน่อย
“คาดเข็มขัดทำไม?” หลีชิงเยียนทำหน้างงงวย “ถ้าก่อนเก้าโมงสิบห้ายังไปไม่ถึงอาคารตระกูลหลี ฉันจะจัดการนายให้ดู”
หลีชิงเยียนพึ่งพูดจบ ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็เหยียบคันเร่งทันที เครื่องยนต์ของรถไมบัคคำรามบ้าคลั่ง เปลี่ยนเป็นภาพเพ้อฝันสีดำ ขับออกไปยังที่ห่างไกลราวกับประกายไฟ
หลีชิงเยียนยังไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัย เธอที่นั่งอยู่แถวหลัง ชั่วขณะหนึ่งใบหน้างดงามลุกลี้ลุกลน ถูกความเฉื่อยโคลงเคลงซ้ายขวา ผมยาวยุ่งเหยิงสยายอยู่ด้านหลัง
หลีชิงเยียนหน้าซีดขาว เธอย่อมคิดไม่ถึง……เฉินเป่ยจะกล้าขับรถเร็วบนถนนไฮเวย์ นี่มันเป็นการหาที่ตายอย่างยิ่ง
“หยุด……จอดรถ! ช้าหน่อย!” หลีชิงเยียนส่งเสียงตกใจ ใบหน้างดงามขมวดซีด
ส่วนเฉินเป่ยทำเป็นไม่ได้ยิน ในความเป็นจริงถ้าฟังหลีชิงเยียนแล้ว เฉินเป่ยจะไปถึงอาคารตระกูลหลีก่อนเก้าโมงสิบห้าได้อย่างไรกัน!
“สารเลว” ทันใดนั้นหลีชิงเยียนร้องเสียงแหลม เฉินเป่ยหมุนขวับทันใด ล่องลอยอย่างสวยงาม หลบรถนับไม่ถ้วนออกไป
ทางสี่แยก ตำรวจจราจรท่านหนึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นเสียงเสียดแก้วหูของล้อรถกับพื้นเสียดสีกัน ชั่วขณะหนึ่งดึงดูดความสนใจของเขา
หลังจากนั้นรถไมบัคคันหนึ่งก็ล่องลอยผ่านหน้าเขาไปอย่างเปิดเผย ยกลมหอบหนึ่งขึ้น ทำเอาหมวกตำรวจของเขาปลิวไป
“หยุดนะ! พวกนายขับเร็วเกิน!” ตำรวจตะโกนเดือดดาล เขาอยากจะมองทางป้ายทะเบียนโดยจิตใต้สำนึก กลับพบว่ารถไมบัคคันนั้นหายลับไปจากถนนตั้งนานแล้ว
ทางสี่แยกที่เป็นระเบียบถูกการปรากฏตัวของรถไมบัคทำเอายุ่งเหยิง คนขับรถมากมายอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ!
เมืองหู้ไห่ คาดไม่ถึงยังมีคนฝีมือขับรถเหนือขั้นขนาดนี้ด้วย ทักษะขับรถเด็ดเดี่ยวบ้าคลั่ง ราวกับคนที่ขับเลย