บทที่103 สำนักอื้อจูถัง
“ไม่ได้!”
พอโม่ถีซือได้ยินเฉินเป่ยพูดถึงคืนวันนั้นขึ้น ร่างอ่อนช้อยสั่นอย่างรุนแรง ภายในดวงตางดงามเผยพลังคลื่นยักษ์หนาวเย็นออกมา
โม่ถีซือไม่กล้าย้อนความทรงจำ ไม่กล้านึกย้อนถึงทุกอย่างที่ประสบในค่ำคืนวันนั้น!
เฉินเป่ยถอนหายใจทีหนึ่ง สีหน้าจำใจพอสมควร “โม่ถีซือ ถ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้เธอหาเรื่องฉันเข้า ฉันคงไม่ทำถึงขั้นนี้……”
“หุบปาก!” ร่างกายโม่ถีซือสั่นเทา ถลึงตางดงามใส่เฉินเป่ยอย่างโหดเหี้ยม
ถ้าสายตามีพลังทำลายล้าง……เกรงว่าสภาพเฉินเป่ยคงพังยับเยินไปตั้งนานแล้ว
“หลง! นายจำเอาไว้ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปตลอดกาล……ความเจ็บปวดที่ฉันได้รับในคืนวันนั้น ต้องมีสักวันที่ฉันจะเอาคืนไปร้อยเท่า!” โม่ถีซือกอดหน้าอก ตะคอกเสียงดุ
โม่ถีซือระเบิดความโกรธขึ้นมา ทั่วตัวเต็มไปด้วยความดุเดือดและแรงอาฆาต ทำให้อุณหภูมิภายในรถ เหมือนจะลดลงไปหลายองศา!
เฉินเป่ยจ้องมองใบหน้างดงามของโม่ถีซือ หมดคำจะพูดอยู่บ้าง……โม่ถีซือ เดิมทีไม่เหมือนกับภายนอกที่อ่อนโยนสวยงามนั้น……ภายใต้รูปโฉมงดงามเพริศพริ้งนั้นของหล่อน สิ่งที่ครอบครองคือจิตวิญญาณที่ฉลาดราวกับปีศาจ!
คนมากมายเหลือเกิน เพราะประเมินการณ์ต่ำ และชดใช้ด้วยชีวิต……
“โม่ถีซือ มีอะไรเธอพุ่งมาที่ฉัน อย่าลงมือกับคนอื่น” เฉินเป่ยดูดบุหรี่ลึกๆ ทีหนึ่ง บอกไป
“ฉันกลับสนใจหลีชิงเยียนผู้หญิงคนนั้นมากกว่า” โม่ถีซือส่งเสียงหัวเราะเยาะ จ้องเฉินเป่ยไปตรงๆ
สีหน้าเฉินเป่ยเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ตอนที่ได้ยิน “หลีชิงเยียน” สามคำนี้ ชั่วขณะนั้นก็ทิ่มแทงตรงจุดอ่อนนุ่มในใจของเขาแล้ว!
ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยสะท้อนความดุเดือดที่หวาดผวา! เขายื่นมือราวฟ้าแลบ บีบลำคอขาวเนียนของโม่ถีซือไว้!
“โม่ถีซือ! เธอกล้า! เธอกล้าแตะต้องหล่อนก็ลองดู! เชื่อรึเปล่าว่าฉันถล่มวังเธอ!” เฉินเป่ยตะคอกเสียงดุ เสียงสั่นสะเทือนว่างเปล่า!
โม่ถีซือล้วนรักษาความสงบตั้งแต่แรกจนจบ ดวงตางดงามจ้องมองเฉินเป่ย หัวเราะเยาะ “หึ ดูแล้วนายหวั่นไหวกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ……ทำไม นายอยากบีบฉันให้ตายเหรอ?”
โม่ถีซือสีหน้าถากถาง “เวลานี้ฐานทัพของนายกำลังถูกขีปนาวุธล็อกไว้ยี่สิบลูก……ยี่สิบลูก ขอเพียงโจมตีคลังสรรพาวุธที่ฐานทัพนาย……คงพอจะทำให้กำลังของนายเจ็บหนักเลยมั้ง……”
เฉินเป่ยหน้าตระหนก โม่ถีซือผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนปีศาจอย่างยิ่ง ตั้งอกตั้งใจคิดแผนการทั้งหมดมาเรียบร้อย……แม้กระทั่งคำนวณถึงสิ่งที่เฉินเป่ยจะลงมือ
เฉินเป่ยกัดฟัน……มีน้อยมากที่เขาจะโดนคนควบคุม โม่ถีซือคล้ายกับเป็นดาวมฤตยูของเขา วางแผนการกับเขาอย่างไม่มีผิดพลาดสักนิดเดียว!
“สรุปว่าเธอ……ต้องการอะไร?” เฉินเป่ยถามขึ้น
“ฉันมาที่หู้ไห่ ไม่ใช่เพื่อมาฆ่านายหรอก……ชีวิตของนายเป็นของฉัน ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจัดการเร็วขนาดนั้น” โม่ถีซือพูดเรียบๆ
เฉินเป่ยดวงตาประกาย ดวงตาที่ดุเดือดเปลี่ยนมาล้ำลึก “งั้นเธอมาเพื่ออะไรกัน? มาทำให้หู้ไห่ปั่นป่วน?”
“ฉันไม่ได้สนใจเมืองหู้ไห่เลย ฉันปั่นป่วนหู้ไห่แล้วฉันได้ประโยชน์อะไร?” โม่ถีซือยิ้มอย่างพราวเสน่ห์ “ฉันแค่มาเอาของอย่างหนึ่งที่เมืองหู้ไห่ ได้มาแล้วก็จะไป”
“เพียงแค่ของอย่างหนึ่ง?” สายตาเฉินเป่ยยิ่งล้ำลึกขึ้น
โม่ถีซือ ถ้าพูดเป้าหมายของหล่อนออกมา เฉินเป่ยกลับยังไม่คิดว่ามีอะไร……แต่โม่ถีซือเพียงแค่บอกว่าเอาของบางอย่างหนึ่ง นี่จะให้เฉินเป่ยเชื่อได้อย่างไร?
นางฟ้าผู้เฉลียวฉลาดแห่งโลกชั่วร้ายที่น่าเกรงขามมาถึงเมืองหู้ไห่จากที่ห่างไกล เพียงเพื่อมารับของอย่างหนึ่ง คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะเชื่อ
“ถูก รับเสร็จฉันแล้วก็ไป” รอยยิ้มนางฟ้าผู้เฉลียวฉลาดสงบ กลับทำให้คนเดาไม่ออกว่าในใจหล่อนกำลังคิดอะไร
กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับดอกกล้วยไม้บนตัวนางฟ้าผู้เฉลียวฉลาดลอยเข้าภายในจมูกของเฉินเป่ย จากนั้นพูดเบาๆ “ออกรถเถอะ”
…………
ภายในคฤหาสน์หรู หลีชิงเยียนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนอนตั้งนาน ประตูคฤหาสน์ถึงถูกผลักเปิด เฉินเป่ยเดินเข้ามาจากด้านนอก
“ส่งที่โรงแรมแล้วเหรอ?” หลีชิงเยียนถามขึ้น
เฉินเป่ยพยักหน้า สีหน้าเรียบเฉย แต่ในดวงตาทั้งคู่มีเมฆพยับก่อหวอดหมุนเป็นเกลียวไม่สลายหายไปตั้งแต่ต้นจนจบ
“ประธานหลี ผมง่วงแล้ว ผมกลับห้องไปนอนก่อนนะ” หลังเฉินเป่ยพูดจบ พอกลับถึงห้องนอน ถึงต่อสายโทรศัพท์แล้ว
ในสายโทรศัพท์นั้น เสียงของชิงเหนียนดังขึ้น น้ำเสียงเฉินเป่ยลุ่มลึก “ไปจ้องการกระทำของโม่ถีซือเอาไว้ เป้าหมายที่โม่ถีซือมาเมืองหู้ไห่อาจจะไม่ธรรมดาขนาดนั้นได้เด็ดขาด……”
“ครับ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉินเป่ยยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ลมยามค่ำพัดมา พาความรู้สึกเย็นสบายนิดๆ มาด้วย เฉินเป่ยมองทางแสงไฟสว่างไสวนอกหน้าต่าง สายตาทอดยาวออกไปไร้ขีดจำกัด พร้อมความกังวลที่เพิ่มขึ้นมา……
……………
หนึ่งวันช่วงบ่าย หลังจากเฉินเป่ยทำงานบ้านเสร็จ ซูเหลยฉีกผ้าพันแผลที่ท้องน้อยออก บาดแผลฟื้นฟูนานแล้ว ซูเหลยขยับกล้ามเนื้อและกระดูกสักหน่อย เดินออกจากคฤหาสน์หรู
“เธอจะไปทำอะไร?” เฉินเป่ยเรียกซูเหลยไว้
“แผลหายเกือบดีแล้ว ช่วงนี้ข้างกายประธานหลีไม่มีคนคุ้มครอง มีฉันอยู่ อย่างน้อยก็สามารถทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้บ้าง” ดวงตาซูเหลยกวาดมองเฉินเป่ย ดูถูกเหยียดหยามอยู่บ้าง ว่ากันตามหลักแล้ว ในฐานะผู้ชายของหลีชิงเยียน ความรู้สึกปลอดภัยน่าจะเป็นเฉินเป่ยที่มอบให้
ผลสุดท้ายใครจะนึกถึงว่าเจ้าหมอนี้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น ส่งผลให้หลีชิงเยียนได้แต่ใช้งานซูเหลย คุ้มครองความปลอยภัยของตนเอง
เฉินเป่ยเบ้ปาก บ่นพึมพำ “ความรู้สึกปลอดภัยมีประโยชน์อะไร เธอเก่งขนาดนั้นก็จริง แต่ไม่ใช่เกือบปกป้องหล่อนไม่ได้……”
เสียงของเฉินเป่ยเบามาก กลับนึกไม่ถึงว่าโสตประสาทของซูเหลยจะฉับไวอย่างยิ่ง ชั่วขณะนั้นก็ได้ยินคำพูดที่เฉินเป่ยพึมพำเสียงเบาๆ เข้ามา จึงหมุนตัวบอกพลางกวาดสายตาเย็นเฉียบ “ฉันพยายามรับผิดชอบต่อหน้าที่ของฉัน พยายามปกป้องความปลอดภัยของเธอเท่าที่ทำได้ ไม่เหมือนใครบางคน แค่หลบอยู่หลังผู้หญิง ให้ผู้หญิงบังอันตรายแทนเขา”
ซูเหลยพูดจบ ก้าวเร็วๆ เดินไปทางนอกคฤหาสน์หรู
เฉินเป่ยจ้องมองภาพด้านหลังของซูเหลยอย่างเรียบเฉย มุมปากค่อยๆ โค้งเส้นรัศมีวงกลมขึ้น……
หน้าประตูอาคารตระกูลหลี พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนไพล่หลังตรงดิ่ง ยืนที่ตำแหน่งอย่างสูงตรง ท่าทางหนักแน่นและอดทน
ทันใดนั้นผู้ชายสองคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกเดินเข้าใกล้อาคารตระกูลหลีอย่างอันธพาล
พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนยื่นมือมาขวางผู้ชายเสื้อเชิ้ตลายดอกสองคนไว้ พูดอย่างเคารพเกรงใจ “ขอโทษครับ ขอทราบจุดประสงค์ที่มาด้วย ช่วงนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่ใช่พนักงานเข้าไปครับ”
นี่คือข้อกำหนดใหม่ล่าสุดของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ช่วงนี้อัตราการาจลาจลในที่สาธารณะเมืองหู้ไห่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกลัวว่าจะมีคนเข้ามาก่อนเรื่องวุ่นภายใน
“เชี้ย เพื่อนฉันอยู่ในนี้ ฉันเข้าไปหาหน่อยไม่ได้รึไง?” ผู้ชายเสื้อลายดอกคนหนึ่งในนั้นพูดอย่างโกรธแค้น
“ไม่ได้ครับ นอกจากพนักงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะออกมารับคุณเข้าไป” พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ยอมขยับ
“ไสหัวไป!” ผู้ชายเสื้อลายดอกอีกคนหนึ่งสีหน้าเย็นเฉียบ ผลักพนักงานรักษาความปลอดภัยออก
“ป๊าบ!” ชายเสื้อลายดอกลงมือทันใด ตบบนแก้มของพนักงานรักษาความปลอดภัยทีหนึ่งอย่างแรงโดยตรง
“หมาเฝ้าประตูตัวหนึ่งยังมาโอหังกับฉัน ฉันอยู่ที่สำนักอื้อจูถัง ยังไม่มีมีใครกล้าวางหน้ามองฉันแบบนี้!” ผู้ชายเสื้อเชิ้ตลายดอกถีบท้องน้อยของพนักงานรักษาความปลอดภัยทีหนึ่ง ชั่วขณะนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นกระเด็นไปไกลหลายเมตร กระอักเลือดสดออกมา เลือดสายหนึ่งพุ่งสาดลงมาจากอากาศ!!
“หยุดนะ!” ในเวลานี้เสียงดุตะโกนดังขึ้น หัวหน้าทีมพนักงานรักษาความปลอดภัยและพนักงานรักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนรีบพุ่งเข้ามา
“ได้……พวกแกมันโหด! รอฉันไว้ก่อน” ผู้ชายเสื้อลายดอกกวาดสายตา พนักงานรักษาความปลอดภัยหลายคนที่รีบพุ่งมานั้นมองหน้ากันและกัน ข่มขู่เสียงดุ!
จากนั้นทั้งสองคนรีบก้าวออกไป รอตอนที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านั้นพยุงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เฝ้าประตูสองคนนี้ขึ้น ผู้ชายเสื้อลายดอกสองคนนั้นก็หายตัวไปจากลานกว้าง ไม่เห็นแม้แต่เงา
หลังอาคารตระกูลหลีผ่านเรื่องวุ่นวายชั่วคราวมาแล้ว ไม่นานก็ฟื้นฟูสู่ความสงบอีกครั้ง
แต่บรรยากาศดีได้ไม่นาน สักพักหนึ่งผู้คนที่ลานกว้างหน้าประตูอาคารตระกูลหลีก็ลดลงมากมายอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งจากที่ไกลโหมกันเข้ามาทางอาคารตระกูลหลีด้วยท่าทางดุดัน
ที่หน้ากระจกชมวิว ดวงตางดงามของหลีชิงเยียนมองไปทางนอกกระจก ตอนที่กำลังมองทิวทัศน์ ทันใดนั้นสีหน้าเธอก็แข็งทื่อ มองทางลานกว้างหน้าประตูอาคารตระกูลหลีถูกคนมากมายดักไว้จำนวนมากและแน่นหนา
หน้าประตูอาคารตระกูลหลี พนักงานรักษาความปลอดภัยทีมหนึ่งพุ่งกรูกันออกมาจากภายในอาคารตระกูลหลี ดักหน้าประตูไว้ คุมเชิงกันกับคนกลุ่มนั้น บรรยากาศชะงักงัน เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน
และพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนนั้นถูกคนกลุ่มหนึ่งคุมไว้ ผู้ชายเสื้อลายดอกสองคนในนั้น กำลังกดศีรษะของพนักงานรักษาความปลอดภัยไว้ ชกต่อยเตะถีบ
ไม่นานพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนก็เลือดสดสาดกระเซ็น ทั่วตัวล้วนเป็นรอยแผล
หลีชิงเยียนยักคิ้ว ดวงตางดงามเผยความหมายดุเดือดออกมา
นี่……คือมาหาเรื่อง?