สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 155

ตอนที่ 155

บทที่ 155 ถูกเปิดเผย!!

แต่เวลานี้ เฉินเป่ยไม่รู้เรื่องเลยว่าตนเองนั้นถูกซูเหลยกับหลีชิงเยียนสองคนนั้นกำลังพูดคุยแผนการลับๆ จัดการตนเองอยู่ เพราะตอนนี้เขากำลังทำงานบ้านอยู่ จนจามอยู่หลายครั้ง

“แม่งเอ๊ย ใครกำลังด่าฉันอยู่วะ” เฉินเป่ยขยี้จมูก พร้อมทั้งบ่นงึมงำ

เฉินเป่ยนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นห้อง พร้อมทั้งกำลังเช็ดทำความสะอาดพื้นอย่างขมีขมัน ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เฉินเป่ยควักโทรศัพท์ขึ้น กวาดตามองหน้าจอโทรศัพท์อยู่แวบหนึ่ง ถังโหรวเป็นคนโทรศัพท์เข้ามาหา

จากนั้น….เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้คือ เฉินเป่ยตัดสายทิ้งอย่างไม่ต้องลังเล

หลังจากตัดสายโทรศัพท์นั้นทิ้งไปแล้ว เฉินเป่ยก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งที่โทรเข้ามาตลอดตั้งหลายสิบสาย

“ยายเด็กนี่ เหนื่อยไหมเนี่ย” เฉินเป่ยบ่นพึมพำ จากคืนนั้นเป็นต้นมา ถังโหรวก็คอยมาข้องแวะกับเขาไม่เลิก เพราะคิดว่าเฉินเป่ยเป็นคนช่วยเหลือชีวิตตนเองเอาไว้ ไม่ว่าเฉินเป่ยจะอธิบายอะไรไป เธอก็ไม่ยอมเข้าใจสักที

ตอนแรกที่คอยมายุ่งเกี่ยวกับเฉินเป่ยนั้น เฉินเป่ยยังรับไว้… เพราะว่าเป็นหญิงสาวที่รูปร่างส่วนสัดงดงามมากจริงๆ เฉินเป่ยเลยตามใจทุกอย่างโดยไม่สนโชคชะตาอะไร เลยนัดถังโหรวไปกินข้าวตามใจอยาก

ผลลัพธ์คือใครจะไปคิดได้ว่าหลังจากที่ถังโหรวดื่มเหล้าแล้ว จนมีอารมณ์ต้องการลากเฉินเป่ยไปเปิดห้องในโรงแรม… แถมยังพูดว่าจะเอาตัวเองใส่พานให้เฉินเป่ยอีก แน่นอนว่าเฉินเป่ยไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น

เมื่อเอาคำพูดของเฉินเป่ยมาพูดแล้ว…. ขนาดภูเขาหิมะเล็กที่อยู่ในบ้านเขายังพิชิตไม่ได้เลย ให้เธอยอมศิโรราบต่อหน้าตนเอง แต่กลับไปยอมให้กับดอกไม้ข้างทางที่อยู่นอกบ้านเนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไง?

เป้าหมายของเฉินเป่ยในเวลานี้ ต้องการให้ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตนเอง ผู้สูงศักดิ์ของบ้านหลีนั้น เปลี่ยนจากถูกต้องตามกฎหมายมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องพฤตินัยแทน…เขาเชื่อว่า มันต้องมีสักวันหนึ่ง ที่หลีชิงเยียนจะซาบซึ้ง ที่เขาสามารถตอบแทนบุญคุณให้กับบ้านหลีได้ทั้งหมด

เขาขะมักเขม้นกับเป้าหมายนี้ไม่หยุดหย่อน อย่างน้อยหลีชิงเยียนก็ไม่ดุดันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยังหาเรื่องน้อยลงแล้วด้วย

จากการที่ถังโหรวโทรศัพท์เข้ามาไม่หยุด 20 สายได้ จนเฉินเป่ยทนไม่ไหวแล้ว เลยรีบโทรศัพท์ แล้วถามกลับ “ตกลงว่าคุณต้องการอะไรแน่?”

“ปู่ของฉันกลับไปที่เมืองหู้ไห่แล้ว” เสียงปลายสายนั้น เป็นคำพูดแรกที่ถังโหรวไม่ได้ถามกลับเลย มันเต็มไปด้วยความยินดีและตื่นเต้น

“ห๊า?” เฉินเป่ยตกตะลึง ปู่ของถังโหรว ยังจะมีใครอีกเล่า?

ก็ต้องเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ของเยี่ยนจิงที่พูดถึงกันนั่นแหละ ถังเต๋อ คนที่ทำให้ดินแดนของเยี่ยนจิงเปลี่ยนไป คนที่มีตำแหน่งสถานะสูงศักดิ์เส้นสายกว้างขวางไปทั่ว ขนาดบ้านหลีเอง ยังเคยคิดจะแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลถังอยู่หลายครั้ง

ถึงแม้ว่าตระกูลหลีจะใช้หลีเช่าหง แต่ในสถานะที่ของคนรุ่นหลังที่ศักยภาพที่ไม่จำกัดนั้น จนได้รับการจับตามองจากบหลายๆ คนอยู่หลายครั้ง แต่ว่ายังไม่ได้มีการยื่นมือไปสนับสนุนอย่างเต็มตัว ถึงแม้ว่ามีหลายคนจะสนใจในตัวเขาก็ตาม แต่ว่าก็สามารถปล่อยเขาไปเฉยๆ ได้ เขาก็แค่เป็นแค่หมากหรือคนที่จะเอาไว้ใช้ในภายภาคหน้าได้สำหรับพวกเขาหลายคนเท่านั้นเอง

ตระกูลหลีผู้คร่ำหวอดมาต่างรู้แจ้งอยู่แก่ใจว่า พวกเขาเฟ้นหาตระกูลต่างๆ ในเยี่ยนจิงก็เพื่อหลีเช่าหง ตระกูลถังก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากในนั้นด้วย

ถังเต๋อมีถังโหรวที่เป็นหลานสาวเพียงคนเดียว อีกทั้งถังโหรวก็หน้าตาสะสวยมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ถังเต๋อกับลูกชายเขาต่างก็ยุ่งเรื่องการบริหารประเทศ ส่วนเรื่องการอบรมสั่งสอนนั้น เลยไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่

ทางตระกูลหลีนั้นเคยเข้ามาหาตระกูลถังอยู่หลายครั้งแบบลับๆ พูดคุยกันเรื่องการเชื่อมสายสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน แต่ว่าถังเต๋อนั้นช่างโอ๋ถังโหรวเกินไป เลยปฏิเสธไปอย่างอ้อมๆ

ถ้าไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลีไม่แน่นแฟ้นพอ เหมือนกับว่าตระกูลหลีเอาเรื่องนี้มาเปิดเผย สร้างกระแสให้บิดเบือนไปอีกทาง ถังเต๋อก็คงไม่ปล่อยตระกูลหลีไปง่ายๆ

“ไม่ใช่ว่าคุณกับคุณปู่ของคุณตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้วนี่?” เฉินเป่ยเอ่ยปากถาม

“ใครจะไปรู้เล่าก่อนหน้านี้เขามัวแต่ยุ่งเรื่องอะไรอยู่ อยู่ดีๆ เขาก็ติดต่อฉันมาเอง ให้ฉันกลับไปที่เยี่ยนจิง ฉันไม่กลับ เขาก็บินมาฉันทันที” น้ำเสียงของถังโหรวพูดอย่างยินดี “ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณตอนกลางวันนะ ปู่ของฉันก็อยากคุยกับคุณด้วย”

“ไม่ไป ตอนเที่ยงฉันมีเรื่องต้องทำ” เฉินเป่ยปฏิเสธทันควัน

“มีเรื่องอะไรเหรอ?” ถังโหรวรีบถามกลับทันที

เฉินเป่ยหมดคำพูด เขาไม่พูดแน่ว่าเรื่องอะไร ถังโหรวเลยถามกลับทันที “ไม่ใช่ว่าคุณนัดกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ใช่ไหม?”

“คุณอยากคิดอะไรก็เป็นไปตามนั้น” เฉินเป่ยขี้เกียจสนใจถังโหรว เลยตัดสายทิ้งทันที

…………

ปลายสายนั้น ดวงตางดงามเบิกโต พร้อมทั้งเบิกตาถลนจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ พร้อมทั้งกระทืบเท้าอย่างแรก แถมยังทำเสียงฟึดฟัดหน้าเหวี่ยง ใบหน้าได้รูปขมวดย่นจนน่ารัก

“คุณปู่ ดูเขาสิ! นิสัยแย่สุดๆ เหมือนก้อนหินในถังส้วม มันทั้งเหม็นเน่าแถมแข็ง!” ถังโหรวยื่นโทรศัพท์ให้

คนผมขาวที่อยู่ด้านข้างนั้น ชายชราผู้มีชีวิตชีวานั้น สีหน้าราบเรียบ ทว่านัยน์ตานั้นกลับแพรวพราวมาก เขาสวมใส่ชุดไทเก๊กสีขาวจั๊ว ขาวสะท้อนจนแทงตา

พวกเขากำลังนั่งอยู่ในรถเก๋งคันยาวหรูหราที่มีธงแดงปักเอาไว้ด้านข้าง ด้านในกว้างขวางหรูหรา มีคนขับประจำตำแหน่ง

ด้านนอกของรถเก๋งหงฉีที่มีธงชาตินั้น มีชายชุดดำล้อมรอบอยู่สี่คน บอดี้การ์ดที่ดวงตาคมกริบยืนประจำตำแหน่งเอาไว้ พร้อมทั้งส่งสายตาคมกริบดั่งดาบกวาดตามองผู้คนที่เดินไปเดินมา จนทำให้คนมากมายนั้นตัวสั่น จนกล้าเข้าใกล้เลย

ใครที่เห็นยี่ห้อรถเก๋งคันนี้ ก็ต่างจดจำรูปทรงของเก๋งคันนี้ เพราะว่ารถเก๋งแบบนี้นั้นมีน้อยอยู่แล้ว เพราะว่าไม่สามารถใช้เงินมาประเมินค่าได้ หงฉี…ปกติเห็นได้ในเยี่ยนจิงเท่านั้น!

เมืองหู้ไห่ น้อยครั้งว่ารถหงฉีจะปรากฏให้เห็น ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นนั้น ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!

ส่วนรถเก๋งหงฉีคันนี้ แต่กลับปรากฏที่ข้างถนนด้านข้างๆ ลำธารอย่างเงียบๆ ถ้าด้านนอกไม่มีบอดี้การ์ดสี่คนคอยยืนประกบอยู่ รถหงฉีคันนี้….ดูด้อยค่าไปเยอะเลย

“โหรวโหรว อย่าพูดกับเขาแบบนี้ เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตปู่เอาไว้ ไม่มีเขา ปู่ก็ตายไปนานแล้ว” ถังเต๋อค่อยๆ พูดอธิบาย

ถังโหรวได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดอยู่ในคอ “งั้นแล้วไงล่ะ เขาก็ช่วยชีวิตหนูไว้เหมือนกัน แถมหนูโทรศัพท์หาเขาตั้งเป็นสิบๆ สาย แต่ไม่ยอมรับโทรศัพท์”

“ตระกูลถังช่างมีพรหมลิขิตกับเขาจริงๆ ด้วย” ถังเต๋อพูดแล้วถอนหายใจ เขามองถังโหรว ทว่าในใจนั้นกลับนึกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาแทน

“โหรวโหรว แกรู้สึกว่าเขาเป็นยังไงบ้าง?” อยู่ดีๆ ถังเต๋อถามขึ้นมา

“ปู่ ถามเรื่องนี้ทำไม?” ใบหน้าถังโหรวแน่นิ่ง แล้วถามกลับ

“แกไม่ได้รู้สึกว่าอายุอานามของพวกแกสองคนนั้นกำลังพอดี ทุกด้านก็เท่าเทียมกันอย่างไม่เลวไม่ใช่เหรอ?” ถังเต๋อยิ้มให้อย่างอ่อนโยน จนทำให้ถังโหรวตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าตกใจทันที “ปู่ เขาอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว เป็นอาได้เลยนะนั่นอะ!”

“อายุมากกว่าเป็นผู้ใหญ่ไง ผู้ชายที่มีอายุพึ่งพิงได้”

“นี่ปู่ กำลังคิดอะไรอยู่! หนูกับเขามันเป็นไปไม่ได้! ชั่วชีวิตนี้มันเป็นไปไม่ได้! เขาไม่มีวันเหมาะสมกับหนู!” สีหน้าของถังโหรวหน้าสลด พร้อมทั้งพูดสวนกลับอย่างรีบร้อน

นอกตัวรถนั้น ผู้คนเดินผ่านไปมา จนกลายเป็นจุดสนใจไปซะแล้ว ใครจะคิดได้ว่าภายในรถเก๋งหงฉีคันยาวที่หรูหราคันนี้ ด้านในมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของหัวเซี่ยนั่งอยู่ แถมยังนั่งอยู่กับเด็กสาวที่ยังวัยรุ่นอยู่คงกำลังพูดคุยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่…

…………

เวลาใกล้เที่ยง เสียงโทรศัพท์ของเฉินเป่ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากรับโทรศัพท์แล้ว เป็นเสียงที่เย็นชาของซูเหลยที่อยู่ปลายสาย “ตอนเที่ยง ท่านประธานหลีได้นัดเพื่อนสมัยเรียนที่มาจากหัวเซี่ยไว้คนหนึ่ง คุณมาที่บริษัท แล้วขับรถไปรับด้วย”

“ได้สิ” เฉินเป่ยเก็บโทรศัพท์ จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตลายดอกทันที จากนั้นก็ใส่รองเท้าแตะสีชมพู แล้วก็รีบเร่งออกไปจากคฤหาสน์ด้วยภาพลักษณ์ที่ขัดตา

ด้านหน้าประตูคฤหาสน์นั้น บอดี้การ์ดที่ยืนประจำหน้าที่มองเห็นเฉินเป่ยขี่จักรยานไปไกลแล้ว เมื่อเห็นด้านหลังที่ตุ้งติ้งหวานแหววเกิน สีหน้าต่างตกใจ จนคิดไปเรื่อยเปื่อย!

พี่เฉินที่พวกเขาเรียกติดปากนั้น นับวันยิ่งหวานแหววกันไปใหญ่ มันช่างยากแก่การจินตนาการเสียจริง ส่วนหลีชิงเยียนที่โตมากับคนในสังคม ท่าทางผู้ดี ถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี จะมาใช้ชีวิตอยู่กับเฉินเป่ยเนี่ยนะ

ประตูอาคารตระกูลหลี เฉินเป่ยเดินเข้าอาคารตระกูลหลี ตกอยู่ท่ามกลางสายตาจ้องมองอย่างแปลกประหลาดอย่างนับไม่ถ้วน เมื่อเดินเข้าลิฟต์แล้ว ก็เดินเข้าห้องทำงานของท่านประธานทันที

“ท่านประธานหลี คนอยู่ที่ไหน?” ในปากของเฉินเป่ยนั้นยังคาบไม้แคะฟันเอาไว้ ทั้งกัดไม้แคะฟันและพูดไปด้วย

หลีชิงเยียนเงยหน้า เมื่อเห็นการแต่งตัวของเฉินเป่ยแล้ว ตกใจไปชั่วขณะ วินาทีต่อมา ใบหน้าที่ตกใจนั้น แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวและเย็นชาที่ทำให้คนตกใจได้!

“ใครให้คุณแต่งตัวแบบนี้เข้าบริษัทกัน?!” หลีชิงเยียนถามกลับด้วยเสียงแข็ง

เฉินเป่ยตะลึงไปชั่วขณะ แล้วตอบกลับทันที พร้อมทั้งอธิบายกลับเหมือนใจห่อเหี่ยว “อืม ผมรีบออกมาจากบ้านนี่ เลยลืมเปลี่ยนเสื้อผ้า…”

หลีชิงเยียนระเบิดอารมณ์จนหัวร้อน จนกัดฟันจนฟันเกือบหักอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินเป่ยนั้น ในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปต่างมีข่าวแพร่สะพัด ว่าคนคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่รักษาภาพพจน์ แถมยังนับวันยิ่งหน้าด้านไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อยๆ!

ทั้งหมดเหมือนว่าเป็นการหักหน้าหลีชิงเยียนและบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป!

“ไสหัวไป!”

หลีชิงเยียนหมดความอดทน พร้อมทั้งหยิบสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ เขวี้ยงไปทางเฉินเป่ย!

เฉินเป่ยถูกเขวี้ยงของใส่ตัวอย่างมั่วซั่ว เลยรีบแอบหนีอย่างอายๆ สุดท้ายก็หนีออกจากห้องทำงานได้

วินาทีนั้น เลขานุการที่อยู่ในออฟฟิศนั้น หลินเฉว่เดินออกไป มาที่ด้านหน้าประตูของห้องทำงานของท่านประธาน เมื่อเห็นภาพที่เฉินเป่ยมานั่งกองอยู่กับพื้นอย่างเขินอายถึงกับตะลึงไปทันที “เฉินเป่ย คุณเป็นอะไรไป?”

“เหอะๆ …ขาอ่อน เดี๋ยวขอนั่งสักพัก” เฉินเป่ยยิ้มตอบอย่างเก้อเขิน

“อืม” ใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาของหลินเฉว่พยักหน้าให้ จากนั้นก็ผลักประตูห้องทำงานของหลีชิงเยียนแล้วเดินเข้าไป

ผ่านไปหลายนาที ตอนที่หลินเฉว่เดินออกมาอีกครั้ง ในมือก็มีกุญแจรถพวงหนึ่งออกมาด้วย เธอยื่นให้เฉินเป่ย ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ท่านประธานหลีให้คุณไปรับคนที่สนามบิน บอกว่าเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันของเธอ ใส่เสื้อโค้ตตัวยาว มีกระเป๋าเดินทางสีม่วงติดตัวมาด้วย”

เฉินเป่ยพยักหน้าให้ จากนั้นก็หยิบกุญแจรถ แล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินได้ไม่กี่กว่า ก็ได้ยินเสียงหลินเฉว่เรียกเอาไว้ก่อน

“เอ่อ..ตกลงว่าคุณกับท่านประธานหลีนั่นเกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของหลินเฉว่แปลกประหลาด พร้อมถามด้วยความสงสัย

“ทำไมเหรอ?” เฉินเป่ยทำหน้าตกใจ จากนั้นหลินเฉว่ก็พูดอธิบาย “เมื่อครู่ฉันรู้สึกว่า ตอนที่อยู่ในห้องทำงานของท่านประธานหลีนั้น ท่านประธานดูเหมือนว่า…ไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่”

สีหน้าของหลินเฉว่ยิ่งทำหน้าแปลกๆ ไปอีก ตอนที่เธอผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานนั้น เมื่อเห็นสีหน้าของหลีชิงเยียนที่หน้านิ่งแล้ว เป็นสีหน้าที่ท่าทางดูโกรธจัดจนหมดความอดทนแบบนั้น

เฉินเป่ยได้แต่ยิ้มหยอกล้อแทน “สงสัยประจำเดือนมาหาล่ะมั้ง”

…………

ถนนที่ติดกับประตูทางเข้าสนามบินนั้น มีหญิงสาวที่สวยสดหยดย้อยถือกระเป๋าเดินทางสีม่วงกำลังยืนรออยู่ เสียงปลายสายของซูเหลยที่ย้ำนักย้ำหนา “ความสามารถในการมองคนของเขานั้นเก่งมาก อย่าทำให้เขารับรู้ความผิดปกติของแกได้”

“วางใจได้เถอะ ฉันทำภารกิจ จนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยพลาดท่าเสียทีมาก่อนเลย การหลอกผู้ชายนั้น ได้ผลเสมอ” น้ำเสียงของหญิงสาวที่สวยสดหยดย้อยพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ เธอไม่เคยใส่ใจเรื่องของเฉินเป่ยเลย เพราะว่าเธอมีความสามารถทางด้านนี้จริงๆ!

ซูเหลยไม่อาจปฏิเสธได้เลย เพราะว่าหญิงสาวที่สวยหยดย้อยคนนี้ ไม่ได้พูดเกินความจริงเลย!

หลายครั้งหลายคราท่ามกลางสถานการณ์อันตรายมีดจ่อคอหอยเธอสามารถขโมยข้อมูลได้…เธอสามารถหลอกสายตาของหน่วยข่าวกรองของประเทศอังกฤษได้ การทดสอบและการสืบเข้มงวดที่สุดของหน่วยข่าวกรองที่เจ็ดนั้น ตรวจบนตัวเธอ ก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ!

ความสามารถที่มีมากในต่างประเทศ อีกทั้งทางทหารในระดับต่างประเทศ และยังมีประเทศใหญ่ๆ อีกหลายประเทศเป็นต้น เธอก็เคยทำงานในประเทศเหล่านั้นมาแล้วทั้งสิ้น ถ้าตัวเธอ เริ่มขยับตัวแล้ว ก็ไม่มีใครที่สามารถเปิดเผยตัวตนจริงๆ ของเธอได้!

สำหรับเธอแล้ว มันเป็นเรื่องการช่วยเหลือกันเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้นเอง เธอสามารถเสแสร้งแกล้งทำจนคนอื่นไม่สามารถจับได้ ส่วนเรื่องที่เสแสร้งที่ทำต่อหน้าเธอนั้นก็มองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!

“เขามาแล้ว” หญิงสาวที่สวยหยดย้อยยิ้มขึ้นเล็กน้อย วางสายไป

รถไมบัคขับมาจากไกลอย่างรวดเร็ว แล้วจะลดความเร็วในระยะเวลาสั้น จอดที่ข้างถนน

เห็นเฉินเป่ยที่ก้าวลงจากรถด้วยเสื้อเชิ้ตลายดอก แล้วจ้องมองหญิงสาวที่สวยหยดย้อยอยู่แวบเดียว สายตาที่ดูหมิ่นนั้นเปลี่ยนเป็นหิวกระหายขึ้นมาแทน

“คุณคือเพื่อนสมัยเรียนของท่านประธานหลีใช่ไหม?” เฉินเป่ยยิ้มและถามอย่างมีน้ำใจ

“ฉันเอง” หญิงสาวสวยหยดย้อยพยักหน้าให้ แล้วยิ้มอ่อนๆ ให้ พลางยื่นมือออกไปให้เฉินเป่ยจับมือ

ดวงตางดงามของเธอนั้น มีความรู้สึกผูกสมัครรักใคร่ขึ้นมาเล็กน้อย ตอนที่เธอยื่นมือออกไปนั้น ตรงกลางฝ่ามือนั้นมือหัวเข็มที่แหลมคมเล็กอยู่ด้วย …ขอแค่เฉินเป่ยจับมือนั้น ก็สามารถทิ่มจนเลือดของเฉินเป่ยติดมาด้วย!

ถึงเวลานั้นเธอก็เอาเลือดหยดนี้ไปทดสอบได้…ทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว!

แบบนี้ ไม่ว่าเฉินเป่ยจะมีฐานะอันลึกลับขนาดไหน ก็จะปรากฏออกมาทั้งหมด!

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท