บทที่ 158 ฉันคือหลง!
เพี๊ยะ! การถูกถังโหรวตบหน้านั้น เสียงดังชัดเจน จนทำให้บรรยากาศเงียบสงบลงมาทันที แขกที่เข้ามารับประทานอาหารที่รายล้อมอยู่ต่างหันมา แถมเห็นว่าหางตาของถังโหรวนั้นมาน้ำตาแฉะอยู่ ส่วนเฉินเป่ยเอามือกุมใบหน้าที่กำลังแดงแจ๋ขึ้นมา สีหน้าเก้อเขินมาก อีกอย่างด้านข้างของเฉินเป่ยมีหลีชิงเยียนและหญิงสาวที่สวยสะดุดตาอีกหลายคน จนทำให้ทุกคนเข้าใจทันที
มีแขกที่เข้ามาทานอาหารจำนวนไม่น้อยทำหน้าตาแปลกประหลาด ตอนที่มองมาทางเฉินเป่ย พร้อมทั้งชี้อะไรให้ดู
“ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นผู้ชายสารเลวแน่ๆ นี่คุณเห็นเด็กสาวคนนั้นร้องไห้ออกมาแล้ว”
“คงไม่ใช่ว่ามีลูกแล้วไหมเนี่ย?”
“ถึงอย่างไรมีลูกแล้วก็ต้องก็ต้องทำตัวไม่รู้จักคนเลย คุณดูคนหลายคนข้างกายเขาสิ ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น”
แขกที่เข้ามารับประทานอาหารจำนวนไม่น้อยกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกปาก ตอนที่มองมาที่หลีชิงเยียนและพวกไอรีน แววตาดูถูก
มีคนไม่น้อยที่เห็นหลีชิงเยียนแล้วรู้สึกว่าคุ้นหน้า แต่ที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ หลีชิงเยียนเป็นเทพธิดานักธุรกิจประจำเมืองหู้ไห่!
สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงขึ้นไปอีกก็คือ หลีชิงเยียนจะมานั่งทานอาหารที่นี่ แถมด้านข้างยังมีผู้ชายสารเลวคนนั้นนั่งอยู่ด้วย
มันขัดหูขัดตาเสียจริง! แขกที่เข้ามาทานอาหารต่างซุบซิบนินทากันจำนวนไม่น้อย ผิวพรรณของหลีชิงเยียนขาวเกลี้ยงเกลา รูปร่างเพรียวระหง ช่างไม่เหมาะสมกับเฉินเป่ยที่ตัวเตี้ยม่อต้อเอาซะเลย
นั่นเป็นเทพธิดาในความฝันของใครหลายๆ คน มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ยอมศิโรราบเกลือกกลิ้งให้กับบางสิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงของเธอ แถมนิสัยท่าทางของหลีชิงเยียน ก็สามารถพิชิตผู้ชายได้ซะส่วนใหญ่!
แต่สิ่งที่ทำให้คนตกใจตนตาถลนออกมาจากแว่นก็คือ เทพธิดาชั้นสูงเช่นนี้ กลับมานั่งทานข้าวกับผู้ชายสารเลวคนนี้!
ไม่เพียงเท่านั้น หญิงสาวคนนั้นที่นั่งตรงข้ามกับผู้ชายสารเลว ก็ยังเป็นเทพธิดาที่ไม่มีที่ติใดๆ เลย!
แขกที่เข้ามาทานอาหารจำนวนไม่น้อยเหมือนโดนสายฟ้าฟาดกระเจิง สีหน้าต่างสับสน ทุกสายตา มีความรู้สึกสับสนปนเป มีทั้งอิจฉาริษยา เกลียด โกรธแค้น มีครบทุกอารมณ์
“แม่งเอ๊ย ไอ้เวรนี่มันโชคดีอะไรวะเนี่ย คนสวยสองคนนั้นมันก็รู้จักด้วย!”
“เย็ดแม่งให้ฉันรู้จักสักหนึ่งในสองคนนั้น ฉันยอมตายก่อนเวลา10ปีมันก็คุ้มค่า!”
“ไอ้เวรนั่นหน้าตาทุเรศทุรังแบบนั้น ยังสามารถจับจ้องเหล่าดอกไม้ได้ คงต้องมีเงินไม่น้อยทีเดียว”
สีหน้าของซูเหลยดูเก้อเขิน สีหน้าดูแปลกใจที่เฉินเป่ยยังอยู่ มุมปากกระตุกรอยยิ้มความสนุกขึ้นมา เธอแสนจะสุขใจที่ได้เห็นภาพนี้
หลีชิงเยียนยืนอยู่ด้านของเฉินเป่ย คำพูดของแขกที่เข้ามารับประทานอาหารนั้นเธอก็ได้ยินเข้าหู ในเวลานี้ดวงตางดงามเอาแต่จับจ้องเฉินเป่ยตาเขม็ง พร้อมทั้งมีเจตนาฆ่าคนอย่างเต็มเปี่ยม!
หลีชิงเยียนกัดฟันกรอก ดวงตาโหดร้ายดุดันจ้องเฉินเป่ยตาเขม็ง คำพูดของแขกที่มาทานอาหารนั้น มันทำให้เส้นเลือดขมับปูดขึ้นมา!
“ดูเหมือนว่าคุณเรื่องคำพูดที่คุณเคยพูดออกมาตอนที่อยู่ในบาร์ไปแล้ว ผู้ชายสารเลว อย่าให้ฉันได้เห็นหน้าคุณอีก!” ถังโหรวพูดเสียงแข็ง จนทำให้เฉินเป่ยอ้าปากค้าง คำพูดของถังโหรวนั้น มันเหมือนกับเป็นค้อนอันหนึ่ง มันทำให้เฉินเป่ยหมดคำพูด แม้กระทั่งกระโดดเข้าไปในแม่น้ำหวงเหอ ก็ไม่สามารถชะล้างออกไปได้!
“ฉัน….” เฉินเป่ยอ้าปาก เขาอยากจะอธิบาย คนที่ฉลาดแกมโกงอย่างเขากลับไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเกิดสถานการณ์แบบนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะอธิบายอะไรออกไปในตอนนี้ก็ตาม ก็ไม่มีใครจะเชื่อเขาแล้วแหละ… ความรู้สึกอัดอั้นของเฉินเป่ย ตนเองอยากจะพูดก็ไม่ได้พูด ผลลัพธ์ก็คือแค่คำพูดไม่กี่คำของถังโหรว มันสามารถพลิกขาวให้เป็นดำได้ จนตนเองกลายเป็นผู้ชายสารเลวไปแล้ว!
เฉินเป่ยรับรู้ความรู้สึกจากรัศมีต้องการฆ่าที่มาจากตัวของหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างได้ มันทำให้เขาตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า!
“คุณหยุดเดี๋ยวนี้ พูดให้ชัดเจน!” เฉินเป่ยอ้าปากพูด แต่ว่าถังโหรวไม่ได้สนใจเขาเลย แถมยังใช้ดวงตาเย็นชาจ้องเขาตาเขม็ง จากนั้นก็หันหลังกลับไป
เฉินเป่ยก้าวเท้าออก เพื่อไปตามเธอ เพื่อให้ถังโหรวให้ความเป็นธรรมกับตัวเอง ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงใสๆ เย็นยะเยือกดังขึ้นแทน “หยุด!”
เท้าของเฉินเป่ยหยุดกึกทันที ตัวสั่นสะท้าน จากนั้นก็หันหลัง และฉีกยิ้มอย่างว่านอนสอนง่าย “ท่านประธานหลี…”
หลีชิงเยียนยืนอยู่ที่เดิม และยืนกอดอก ดวงตางดงามนั้นเอาแต่จ้องเฉินเป่ย พร้อมทั้งส่งสายตาคาดคั้นคมกริบเอาเรื่องมาให้ มันช่างเย็นยะเยือกเหมือนความหนาวเหน็บในป่าใหญ่!
เฉินเป่ยใจสั่นแต่ก็ยิ้มสู้ พร้อมทั้งพูดอย่างระมัดระวัง “เรื่องนั้น…คุณฟังผมอธิบายก่อน…”
“มีเรื่องอะไรต้องอธิบายอีก ก่อนหน้านี้ มีอยู่คืนหนึ่งคุณไม่กลับมานอนที่บ้าน ไปอยู่ที่บาร์ ที่แท้ก็ไปอยู่กับเธอ” ในเวลานั้นเอง ซูเหลยก็ใช้โอกาสพูด พร้อมทั้งยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มถากถาง
เฉินเป่ยกวาดตามองซูเหลย จนหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน “ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอ…”
“ไม่ได้มีอะไร? เชอะ!” หลีชิงเยียนยิ้มอย่างเย็นชาให้ รอยยิ้มนี้ เมื่อมันอยู่กระทบกับดวงตาของเฉินเป่ย มันเป็นการถากถางขั้นสุดยอดแล้ว!
คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นต่างไม่มีใครเชื่อคำพูดอธิบายของเฉินเป่ยเลย เพราะว่าถังโหรวพูดแบบนั้นออกมา ไม่ว่าเฉินเป่ยจะอธิบายเพิ่มก็ตาม ก็ยิ่งทำให้มันย่ำแย่หนักกว่าเดิม!
“ท่านประธานหลียังให้คุณไม่พออีกเหรอ ไม่คิดเลยว่าคุณจะออกนอกลู่นอกทางอย่างเปิดเผย นี่เป็นวิธีการที่คุณตอบสนองให้กับตระกูลหลีเหรอ?” ซูเหลยพูดเสียงแข็ง
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอจงใจใส่ร้ายป้ายสีผม” เฉินเป่ยสงบสติอารมณ์ลงได้ เลยพูดอธิบายไปตามปกติ
“เธอมาใส่ร้ายป้ายสีคุณเรื่องไหนก็ได้ แต่มุ่งประเด็นมาใส่ร้ายป้ายสีเรื่องนี้เลยเหรอ? ไม่ต้องตบหน้าให้ดังหรอก เรื่องพรรค์นี้เด็กสามขวบก็ยังเข้าใจความหมายเลย” ซูเหลยพูดเสียงแข็ง
เฉินเป่ยย่นคิ้วเข้าหากันตอนที่มองไปทางซูเหลย แต่ในใจกลับโมโห คำพูดที่พูดอยู่ในใจ ทำไมชิงเหนียนที่หล่อถึงไม่คัดกรองไปก่อน ช่างไม่รู้เวลาเลยจริงๆ!
เดี๋ยวตอนกลับที่อาณาเขตของตัวเองแล้ว เขาต้องเอาชิงเหนียนมาจัดการสักยก
แววตาสองคู่ที่กำลังจ้องตากัน จนบรรยากาศมันเริ่มตึงเครียดขึ้นมา ดั่งกลิ่นดินปืนอันอบอวลอย่างเต็มเปี่ยม!
“ที่นี่คนเยอะ พูดเรื่องนี้ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ เรากินข้าวกันก่อนเถอะ” ไอรีนเริ่มพูดเกลี้ยกล่อมให้กลับมาคืนดีกัน
ซูเหลยส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ จากนั้นก็นั่งลง ส่วนเฉินเป่ยนั้น นั่งลงแล้ว ก็ยังคงคีบอาหารให้หลีชิงเยียน หลีชิงเยียนก็ไม่ได้ใส่ใจ อาหารที่เฉินเป่ยคีบมาให้นั้น เธอไม่แตะต้องเลยสักนิด
เฉินเป่ยหน้าดำคร่ำเครียด ความรู้สึกอึดอัดที่อยู่ในใจนั้น ตนเองก็เพิ่งจะสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่านประธานเทพธิดามาก็ไม่ง่ายเลย แต่การปรากฏตัวของถังโหรวในวันนี้ ทุกอย่างมันพังทลายไปเหลือซาก!
ตลอดเวลา ไอรีนพยายามเทเหล้าให้เฉินเป่ย แก้วแล้วเก้าเล่า ไม่ขาดสาด
“คุณไอรีน ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหน ที่จะดื่มเก่งแบบคุณ” เฉินเป่ยยิ้มให้ตอนพูด
ไอรีนยิ้มหน้าบาน มุมปากของเธอฉีกยิ้มอย่างคนมั่นใจ ในเวลานั้น เธอถูกฝึกอนที่เธอเป็นสายลับเฉพาะกิจ การดื่มเหล้าเก่งนั้นมาจากการฝึกฝน คนธรรมดาอย่างเฉินเป่ยนั้น จะสู้ชนะเธอไปได้ยังไง!
แต่ว่าในใจของไอรีนรู้สึกตกใจกับการดื่มเก่งของเฉินเป่ยอยู่เล็กน้อย เพราะว่าเหล้าที่พวกเขาดื่มไปเมื่อครู่นั้น สามารถทำให้คนกำยำล่ำสันหลายคนเมาหัวทิ่มได้เลย แต่เฉินเป่ย ก็ยังคงไม่มีวี่แววสักนิด
ไอรีนกวาดตามองหลีชิงเยียนอยู่แวบหนึ่ง ดวงตางดงามกะพริบให้เล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณให้หลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนเข้าใจความหมายทันที เลยพูดเสียงสดใสขึ้นมา “ดื่มพวกนี้มันจะไปได้เรื่องอะไร อยากดื่มก็ดื่มเหล้าขาวสิ”
“เหล้าขาว?” เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนอย่างผิดปกติใจแวบหนึ่ง สีหน้าแปลกประหลาด
หลีชิงเยียนเป็นคนเรื่องมาก นอกจากไวน์ Lafite ที่หรูหราแล้ว ก็ไม่แตะต้องเหล้าเลย วันนี้ทำไมอยู่ดีๆ ก็พูดว่าอยากกินเหล้าขาว?
ไม่นานนัก พนักงานก็เดินเข้ามาหา พร้อมทั้งเอาเหล้าไปเปลี่ยนเป็นเหล้าเหมาถายแทน
ทันใดนั้น นัยน์ตาของเฉินเป่ยก็มามองที่ตัวไอรีน แล้วเห็นว่าสายตาของทั้งสองคนนั้นกำลังส่งสัญญาณให้กัน เหมือนเข้าใจอะไรกัน นัยน์ตาลึกล้ำนั่นมันมีความหมายบางอย่างแอบแฝงอยู่…
“ได้ ดื่มเหล้าขาวมันพลุ่งพล่านดี” เฉินเป่ยหัวเราะหน้าบาน แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
ตอนที่เปิดขวดเหมาถายนั้น กลิ่นส่าเหล้าแรงก็ตีกลับออกมา ไอรีนยกแก้วให้ แล้วพูดว่า “คุณเฉิน คุณนี่ช่างทำตัวสบายมากเลย ฉันมาที่เมืองหู้ไห่ ไม่คิดเลยว่าคนที่รู้จักคนแรกก็คือคุณ”
เฉินเป่ยหัวเราะแทนแล้วพูดว่า “อยู่กับคนทำตัวสบายๆ แล้วจะใช้แก้วได้ยังไงล่ะ”
เฉินเป่ยคว้าขวดเหล้าขึ้นมา จากนั้นก็เอามาจ่อที่ปากขวด ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน จากนั้นก็กระดกเหล้าเหมือนวัวที่กำลังกินน้ำอย่างบ้าคลั่งแบบนั้น
สายตาของไอรีนกับหลีชิงเยียนต่างตะลึง พวกเธอไม่เคยคิดเลยว่า เฉินเป่ยจะกินเบ็ดได้เร็วขนาดนี้
มุมปากซูเหลยกระตุกยิ้มอย่างดูถูก ดวงตางดงามที่มองมาที่เฉินเป่ยนั้น ในใจมีแต่การยิ้มให้อย่างเย็นชา… เฉินเป่ยถูกหลอกแล้ว
อีกเดี๋ยวเฉินเป่ยเมาแล้ว ไอรีนก็จะใช้เวอริตาเซรัมเพื่อเพิ่มเข้าไปอีก เพื่อจะได้ให้ยาเห็นผลลัพธ์ได้มากที่สุด ถึงเวลานั้น ตกลงว่าตัวตนที่แท้จริงของเฉินเป่ยนั้น มันก็ต้องแสดงออกมาให้รู้เรื่องกันหมด!
ถึงแม้ว่าเฉินเป่ยจะเก็บงำเรื่องไว้ได้ลึกแค่ไหน ซูเหลยก็ไม่เชื่อว่า ภายใต้สรรพคุณตัวยาเวอริตาเซรัมที่เป็นยาที่วิจัยตัวใหม่ของประเทศอังกฤษ เฉินเป่ยจะไม่สามารถปฏิเสธได้
หลังจากที่กระดกเหล้าขาวไปหนึ่งขวดแล้ว เป็นไปตามที่พวกไอรีนคิดเอาไว้ เฉินเป่ยเริ่มเรอออกมา กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง อาการเมาเกินครึ่ง
หลังจากเฉินเป่ยที่เริ่มออกอาการเมาแล้ว นัยน์ตายังคงจับจ้องไปที่ไอรีน มุมปากฉีกยิ้มโง่ๆ ให้ “คนสวย ยังดื่มต่อไหม?”
ไอรีนสบตากับหลีชิงเยียน จากนั้นก็ฉีกยิ้มออกมา ตอนนี้เฉินเป่ยดื่มหนักจนลืมชื่อไอรีนไปซะสนิท
ไอรีนเริ่มลองถามอย่างระมัดระวัง “คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณคือใคร?”
“ฉันเป็นใคร?” เฉินเป่ยทำหน้างง
ไอรีนวางใจได้สักที มืองามดั่งหยกที่มือไวเทเวอริตาเซรัมเข้าไปในขวดเหล้า น้ำที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่นจนผสมเข้ากันกับเหล้า ส่วนไอรีนก็เอาแก้เหล้ายื่นให้ทางด้านหน้าเฉินเป่ย “มาค่ะ พี่เฉิน แกนี้ฉันขอคารวะให้คุณเลย”
“ได้สิ” เฉินเป่ยยิ้มโง่ๆ ให้ เมื่อดื่มลงไปอึกหนึ่ง ก็เริ่มสำรวจไอรีนแทน
ใบหน้าที่หน้าตางดงาม หน้าตาช่างน่าหลงใหล เส้นผมที่ดำขลับเป็นเงาปล่อยสยายไปทางด้านหลัง ดวงตาที่สดใส ดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
ช่างไม่เหมือนกับดวงตาที่แข็งทื่อหนาวเหน็บของหลีชิงเยียน ไอรีนนั่นจัดอยู่ในหมวดหญิงสาวที่เป็นจุดเด่นในแวดวงบันเทิงแบบนั้น เพราะว่ามีนิสัยที่สามารถสร้างเสน่ห์ให้ผู้คน ความสวยที่ติดตัวมา ทำให้ในใจคนที่พบเห็นนั้นเกิดความต้องการหื่นกระหายอย่างแรงกล้า จนอยากจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วจัดการรักเธอให้สาสม
ผ่านไปแวบเดียว ดวงตาของเฉินเป่ยเริ่มพร่ามัว เลยบ่นพึมพำ “เหี้ย มึนหัวฉิบหาย…”
ไอรีนดีใจ เลยรีบถาม “พี่เฉิน คุณยังจำชื่อคุณได้ไหม?”
“เฉินเป่ย” ท่าทางมึนงงของเฉินเป่ย มันทำให้สีหน้าของซูเหลยนิ่งทันที ยาเวอริตาเซรัมได้ผล
“มีหนึ่งคืนไม่กลับบ้าน คุณไปไหนมา?” หลีชิงเยียนถามเสียงใส
“บาร์” เฉินเป่ยพูดออกมา
ในใจของหลีชิงเยียนเต้นเล็กน้อย สีหน้าที่ดูไม่ได้จนตอนนี้มันซีดเผือดหนักกว่าเก่า…ที่แท้ก็ไปอยู่ที่บาร์ ดวงตาของเธอฉายความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยออกมาแทน
“คุณไปทำอะไรที่บาร์นั่น? ไปมีอะไรกับคนอื่นไหม?” ซูเหลยถามเสียงแข็ง เพื่อจะได้ตามต่อเรื่อย
“แค่ไปดื่มเหล้า ไม่ได้ทำอะไร” ภายใต้การทำปฏิกิริยาของตัวยาเวอริตาเซรัม เฉินเป่ยจำเป็นต้องตอบคำถาม เพื่อจะได้ทำให้พวกหลีชิงเยียนเชื่อในสรรพคุณของตัวยาเวอริตาเซรัม
หลีชิงเยียนถอนหายใจโล่งอก ถึงแม้ว่าสีหน้าจะไม่สู้ดี แต่ก็ดีขึ้นมาก
อย่างน้อย ความภาคภูมิใจของเทพธิดาก็ยังคงอยู่ เธอยังไม่โดนเฉินเป่ยสวมเขาให้ เมื่อครู่ที่ถังโหรวปรากฏตัวขึ้นนั้น มันทำให้เธอสงสัยว่าตนเองนั้นไม่มีเสน่ห์ จนโดนคนสวมเขาให้แล้ว
“แล้วตกลงว่าคุณเป็นใครกัน?” ซูเหลยสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด สีหน้าหนักแน่น ในที่สุดก็ยอมเปิดปาก กับคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจตั้งนาน
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้าง หัวใจเต้นโครมคราม ดวงตางดงามเพ่งมองไปที่เฉินเป่ย พร้อมทั้งตั้งหูตั้งตาฟัง ณ เวลานั้น สภาพแวดล้อมที่วุ่นวายโดยรอบ การถกเถียงกันของแขกที่เข้ามารับประทานอาหาร ก็ถูกพวกเธอตัดขาดจากโลกภายนอกไปสิ้น
มุมปากไอรีนฉีกยิ้มรอยยิ้มแห่งความมั่นใจออกมา ยาเวอริตาเซรัม จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเฉินเป่ย!
ในที่สุดเฉินเป่ยก็ยอมอ้าปากพูด จนหลุดมาหนึ่งประโยค
“ฉันคือหลง…”