แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่195 ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย
หวงปิงกับหวงหรุงมองหน้ากัน รอยยิ้มเต็มใบหน้า
หวงจ้านวางยาพิษที่เป็นตัวยาซึ่งพัฒนามาล่าสุด นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ผ่านช่องทางลับของตระกูลหวง ต้องใช้เงินจำนวนมากอยู่ที่บ้านเตรียมไว้ล็อตหนึ่ง
ว่ากันว่าหลังจากยาพิษนี้ออกฤทธิ์ เลือดจะออกจากช่องอวัยวะทั้งเจ็ด ชั่วขณะนั้นสามารถทำให้ผู้รับพิษเกิดความเจ็บปวดอย่างมาก หลังจากทรมานอยู่นาน ถึงจะใจขาดแน่นิ่ง
นี่ไม่เพียงเป็นตัวยาที่สังหารอย่างหนึ่ง นี่ยังเป็นการลงโทษประหารชีวิตที่ทำให้เจ็บจนไม่อยากอยู่ต่อ
“ยานี้ใช้ทรัพยากรตระกูลหวงไปไม่น้อย เพื่อกำจัดคู่แข่งภายในเมืองหู้ไห่ในตอนนั้น ตระกูลต้องให้เงินคนไปมากมาย พยายามอย่างยากลำบากถึงนำยานี้เข้ามาในพื้นที่ได้” หวงจ้านเอ่ยปากนิ่งๆ “เฉินเป่ยตายได้ด้วยยานี้ ถือว่าเป็นเกียรติของเขา”
…………
ในห้องขังตอนนี้ เฉินเป่ยจามหลายครั้งไปติดๆ กัน ลูบๆ จมูก แอบด่า “แม่งเอ๊ย ไอ้สารเลวไหนนึกถึงฉันไม่เลิกวะ”
เฉินเป่ยกวาดตามองหมั่นโถวที่กายเป็นผุยผงตรงที่ไม่ไกลนัก เวลานี้หมั่นโถวที่โดนความชื้นเปียกท่วม ดำปี๋จนเขียว เผยความจริงตรงหน้าออกมา ซึ่งเป็นพิษที่รุนแรง
ลอบฆ่า! มีคนอยากวางยาตายเฉินเป่ย!
มองหมั่นโถวก้อนนี้อยู่ ในใจเฉินเป่ยไม่มีคลื่นยักษ์สักนิดขึ้นมา แม้กระทั่งยังสงบอย่างน่าประหลาด
สถานการณ์แบบนี้เขาเคยเจอมาหลายครั้งเหลือเกิน ตอนแรกตอนที่อยู่โลกชั่วร้ายทิศตะวันตก การสังหารด้วยยาพิษแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแค่นี้ ตอนแรกที่เขาอยู่ที่โลกชั่วร้ายทิศตะวันตก ประเภทยาพิษที่เฉินเป่ยพบเจอ พอจะทำให้คนตาลายกันได้เลย
เทียบกับยาพิษที่ไร้รูปไร้สีพวกนั้นที่โลกชั่วร้ายทิศตะวันตก นี่ถือว่าเป็นรุ่นเด็กน้อยสุดๆ
ผ่านไปไม่นาน เสียงฝีเท้าหนึ่งรีบเร่งเดินมาจากที่ไกลๆ ตำรวจนายหนึ่งเดินผ่านห้องขัง กวาดตามองเฉินเป่ยเหมือนไม่สนใจไยดี
ดวงตาเฉินเป่ยลุ่มลึก มุมปากฉีกเส้นรัศมีวงกลมที่อันตรายขึ้น
ทันใดนั้นฝีเท้าตำรวจช้าลง หลังมองทางเฉินเป่ยที่สบายดี ดวงตาหดตัวกะทันหัน!
ตำรวจสีหน้าแข็งทื่อ ไม่นานสายตาก็ตกอยู่ที่หมั่นโถวดำปี๋ที่หล่นอยู่บนพื้น
ในดวงตาของตำรวจประกายแสงตื่นตระหนก แต่ครู่เดียวก็ฟื้นฟูคืนสู่ความสงบ ก่อนจะออกไปอย่างรวดเร็ว
และหลังจากตำรวจนายนั้นออกไป เฉินเป่ยถึงค่อยๆ เงยหน้ามองทางภาพด้านหลังของตำรวจ มุมปากโค้งความหมายลึกซึ้งที่ซ่อนความกำกวมขึ้น
“นายว่าอะไร? เขาไม่ได้โดนยาตาย?”
ในห้องทำงานผู้กำกับ เดิมทีผู้กำกับยังไม่ตื่นจากอาการง่วง พอได้ยินการรายงานของตำรวจนายนั้น ก็ตื่นตัวฉับพลัน หนาวเย็นไปทั้งตัว ตกใจจนแทบตาย
ตอนที่หวงจ้านนำยาพิษซองนี้ให้เขา ได้มอบหมายไว้ หวังว่าพรุ่งนี้เช้าจะได้รับข่าวดี ผลสุดท้ายเฉินเป่ยกลับไม่ตาย……นี่ทำให้เขาจะบอกกับหวงจ้านอย่างไร?
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้าบอกว่า “ผู้กำกับครับ เขาไม่ได้กินหมั่นโถวก้อนนั้น หมั่นโถวก้อนนั้นโดนความชื้นเลยเผยพิรุธออกมา น่าจะโดนเขาพบเข้าแล้ว”
ผู้กำกับสีหน้าเคร่งขรึม ขมวดคิ้ว “ที่แท้ไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้น”
ในใจผู้กำกับแอบพูด เขาจำได้อย่างชัดเจน ตอนที่เขาเคยตรวจสอบสถานะเฉินเป่ย คาดไม่ถึงจะรู้ความลับบางอย่างเข้า
ความจริงเขาไม่ยินยอมเป็นศัตรูกับเฉินเป่ย……สถานะของเฉินเป่ยเป็นความลับระดับสูงของหัวเซี่ย เดิมทีเขาไม่มีสิทธิ์รับรู้
แต่ในขณะเดียวกัน หวงจ้านก็เป็นนายพลระดับสูงของกองทหารต้าหัว ยิ่งมีการสนับสนุนของตระกูลหวงแห่งหู้ไห่……แรงข่มขู่ต่อผู้กำกับยังมากกว่าเฉินเป่ยไกลโข
เขาไม่อยากแทรกตรงกลางแต่ก็ทำตัวไม่ถูก ภายใต้การลังเลอยู่หลายรอบ ในที่สุดจึงเลือกยืนอยู่ฝั่งตระกูลหวง
ถึงแม้เขาจะช่วยเฉินเป่ย เกรงว่าเฉินเป่ยคงไม่ได้ซาบซึ้งใจต่อเขา ส่วนตระกูลหวงคงไม่อาจปล่อยเขาไปแน่!
ในใจผู้กำกับเหมือนกับกระจกใส สามารถทำให้หวงจ้านลงมือโหดกำจัดได้ และทั้งสถานะลึกลับที่หัวเซี่ย เป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นขยะธรรมดา
ยาพิษแบบนี้ เดิมทีไม่สามารถทำร้ายเขาได้สักนิด
ในเวลานี้ โทรศัพท์สีดำบนโต๊ะทำงานดังขึ้นทันใด
จิตใจผู้กำกับสั่น มองทางโทรศัพท์สีดำเครื่องนี้ สีหน้าฝืดเฝื่อน
หลังปิดประตูห้องทำงานสนิท ผู้กำกับมือทั้งสองสั่นเทา คลำไปทางโทรศัพท์สีดำ
พอยกโทรศัพท์ขึ้น เสียงที่มีอาการเมาอยู่มากเสียงหนึ่งลอยมาจากในสายนั้น “เป็นยังไงบ้าง เขาตายรึยัง?”
ผู้กำกับสั่นเทาไปทั้งตัว เต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อมต่อสายตรงข้ามนี้ โดยเฉพาะสถานะของเขา เป็นผู้กำกับต้องการมีตัวตนอย่างเลื่อมใส
“ท่านหวง……คือว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดนิดหน่อย……” ผู้กำกับเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงเพิ่มการลองเชิงระดับหนึ่ง
“อ่อ?”
ในสายนั้น ในห้องอาหารที่หรูหราอลังการ หวงจ้านใบหน้าแดงเถือกหมด ได้ยินคำพูดของผู้กำกับ สีหน้าฝืดทันใด
“เขายังมีชีวิตอยู่ดี เขาไม่ได้แตะต้องของที่วางยาไป” ผู้กำกับอธิบาย
ในสายโทรศัพท์นั้น หวงจ้านฟังคำพูดของผู้กำกับจบ ชั่วขณะนั้นมึนงงทันที เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง หวงจ้านถึงมีการตอบสนองเข้ามา พูดเย็นชา “เขายังเฉียบไวมาก……”
ส่วนคนที่อยู่ตรงข้ามหวงจ้าน หวงปิงกับหวงหรุงมองเห็นหวงจ้านสีหน้าดูไม่ดี จึงมองหน้ากัน ในใจความเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น
นี่คือ……มีอะไรแล้วเหรอ?
ในใจหวงปิงเต้นแรง ส่วนหวงจ้านสั่งการกับทางผู้กำกับในสายนั้น “ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้รอฉันไปถึงที่สถานีตำรวจ ฉันจะจัดการด้วยตัวเอง”
หลังจากหวงจ้านพูดจบก็นิ่งไป บอกว่า “ดูเขาไว้ให้ดี ถ้าเขาเกิดอะไรผิดพลาด ฉันจะเอาหัวของนายมาคลายความโกรธของตระกูลหวง!”
“ครับ!” ผู้กำกับได้ยินคำพูดของหวงจ้านมีการข่มขู่หลายระดับ ร่างกายสั่นเทา สีหน้าเคร่งขรึมเงียบกริบ
“เข้ามาสิ!” ผู้กำกับตะโกนไปด้านนอกห้องทำงานทีหนึ่ง ตำรวจหลายนายก็พุ่งเข้ามา
“ดูเฉินเป่ยเอาไว้ให้เข้มงวด ใช้การควบคุมระดับระวังภัยสูงสุด” ผู้กำกับลากเสียงยาว เอ่ยปากเสียงดุ ทำให้ในใจเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนสั่นไหว
สถานีตำรวจเมืองหู้ไห่ใช้ระดับระวังภัยขั้นสูงน้อยมาก……แต่ครั้งนี้ผู้กำกับแหกกฎเพื่อผู้ชายคนนี้แล้ว!
เฉินเป่ยนั่งอยู่ตรงกลางห้องขัง ได้ยินด้านนอกห้องขัง เสียงเท้าที่ไกลออกไปลอยมา ตาทั้งสองหรี่ลง
เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละนายเดินมาถึงด้านหน้าห้องขังของเฉินเป่ย ฝีเท้าช้าลง ค่อยๆ จ้องเฉินเป่ยด้วยสีหน้าดุเดือด แววตาแฝงด้วยความแหลมคม ราวกับปลายมีดแหลมที่ยังไม่ใช้การ!
เฉินเป่ยหรี่ตาคู่หนึ่งไว้ จากนั้นกวาดตามอง ในใจเข้าใจขึ้นมาชัดเจน……มุมปากฉีกขึ้น พูดกับตนเอง “ตระกูลหวงไร้ความสามารถขนาดนี้เลยเหรอ แค่ดูฉันยังต้องใช้คนมากขนาดนี้”
เจ้าหน้าที่ตำรวจด้านข้างนายหนึ่งสีหน้าหนาวเหน็บราวกับน้ำค้างแข็ง “ซื่อสัตย์หน่อย ใครให้แกพูดเหลวไหล”
เฉินเป่ยแสยะมุมปาก มองทางตำรวจ “มีอะไร พูดตามอิสระก็ไม่เลยเหรอ?”
ตำรวจสีหน้ายิ่งเย็นยะเยือก เต็มไปด้วยความหมายอาฆาตที่เข้มข้นหนาวเย็น เขาจ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา สายตานี้ของเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความหมายยั่วยุ ทำให้เขาอดไม่ไหวอยากรีบลงมือ หักขาของเฉินเป่ยให้หัก ทำให้เขาชัดเจนสักนิดว่าถึงตอนนี้ตนเองยังเป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไว้ในห้องขังคนหนึ่ง!
“ไม่ต้องสนใจเขา เขาก็แค่จงใจ” ตำรวจด้านข้างกดตำรวจคนนั้นไว้ บอกไป
“ผู้กำกับมอบหมายมา ห้ามทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุใดๆ” ตำรวจอีกนายบอกขึ้น
“ผู้ต้องหาคนเดียวเท่านั้น คาดไม่ถึงต้องให้พวกเราดูซะเหมือนเป็นลูกรัก เขาถือว่าเป็นตัวอะไร” ตำรวจคนนั้นพ่นน้ำลายทีหนึ่งทางเฉินเป่ยแล้วพูดดูถูก
“ว่ากันว่าเป็นเจ้างั่งที่ผิดใจตระกูลหวงเข้า ตระกูลหวงไม่อาจปล่อยเขาไปแน่” ตำรวจอีกนายมองทางเฉินเป่ย รอยยิ้มเต็มไปด้วยการเสียดสีดูแคลน
“รอสักเดี๋ยวตอนจะจับคนค่อยลงมืออีก ถึงตอนนั้นที่มอบให้ตระกูลหวง ค่อยบอกว่าเขาแย่งปืนจะหลบหนี” ตำรวจหลายนายล้อมห้องขังของเฉินเป่ยไว้ ชี้ไปทางเฉินเป่ย สายตาที่มองทางเฉินเป่ยนั้นเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
สำหรับพวกเขาแล้ว เฉินเป่ยเป็นเพียงเจ้างั่งที่ผิดใจตระกูลหวงคนหนึ่ง ต้องมีชีวิตอยู่ได้ไม่ค่อยนานแน่
เฉินเป่ยมองทางตำรวจเหล่านี้อย่างสงบ ไม่มีโกรธเคืองอย่างน่าประหลาด แววตาเรียบเฉย เพียงแค่ตอนที่แววตาของเขาลงตกบนตำรวจเหล่านี้ กลับเปลี่ยนไปสงสารเห็นใจขึ้นมา
ตำรวจหลายนายยังไม่ได้ถกเถียงกันนานเท่าไร ด้านนอกสถานีตำรวจเวลานี้มีประกายสีดำแลบผ่าน ขับเข้ามาจากทางถนนไกลๆ
ความเร็วประกายสีดำแลบไวเหลือเกิน ใช้ตาเปล่าดูไป ทำได้เพียงมองเห็นภาพเงาที่เลือนราง
นั่นคือโรลส์-รอยซ์แฟนทอมคันหนึ่งที่มีเพียงคันเดียวในหัวเซี่ย สถานะเจ้าของรถนั้นพอจะทำให้หัวเซี่ยสั่นสะเทือน!
เสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่ม หมุนวนบรื้นๆ ราวกับสัตว์ดุร้าย ล้อที่หมุนวนด้วยความไวถูผ่านพื้น พื้นเดือดสะท้าน
ในรถ ชิงเหนียนรีบเร่งขับรถโรลส์-รอยซ์ เหยียบคันเร่งเต็มแรง ดวงตาดุเดือด ร้อนใจจนเผาไหม้
เขากำลังเป็นห่วงเฉินเป่ย เมื่อสักครู่หลังจากเขาได้รับข่าวมาว่าเฉินเป่ยโดนหวงจ้านพาไปขังไว้ที่นี่ ไฟยิ่งลุกขึ้นมา
ความสามารถเฉินเป่ยลึกจนไม่อาจเดาได้ ชิงเหนียนย่อมไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา แต่ที่เขากังวลคือสถานะของเฉินเป่ย
เขากลัวว่าสถานะของเฉินเป่ยจะถูกเปิดเผย ถ้าหวงจ้านมาถึงก่อนล่วงหน้า หลอกใช้อำนาจของเขาค้นหาอะไรเจอ……นั่นอาจจะก่อให้เกิดสงครามฉากหนึ่งที่รุนแรงระหว่างหัวเซี่ยและฐานทัพต่างประเทศ!
สถานะเฉินเป่ยน่ากลัว แต่เวลานี้เขาปิดซ่อนสถานะ กลับมาฮัวตูอย่างธรรมดา ย่อมอยู่อย่างสงบไร้เหตุ แต่ถ้าหัวเซี่ยรู้เข้าว่ามีบุคคลที่เป็นระดับระเบิดนิวเคลียร์ร่างมนุษย์แฝงตัวอยู่ที่หัวเซี่ย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคงยากจะจินตนาการ!
“แม่งเอ๊ย ลูกพี่ พี่จะอยู่ด้านในไม่อยากออกมาแล้วรึไง……” ชิงเหนียนพึมพำร้อนใจ ตั้งแต่เฉินเป่ยตัดสินใจปลดเกษียณ ความคิดภายในใจของลูกพี่ นับวันเขายิ่งดูไม่ออกแล้ว
เมื่อก่อนเขายังขัดเกลาความคิดบางอย่างของเฉินเป่ยได้ ตอนนี้ความคิดของเฉินเป่ยยิ่งล้ำลึกขึ้น หลายๆ ครั้งชิงเหนียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้
“เอี๊ยด”
เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนเสียดแก้วหูจนทำให้คนเสียวฟันดังขึ้น โรลส์-รอยซ์แฟนทอมจอดที่หน้าประตูสถานีตำรวจ ชิงเหนียนรีบพุ่งเข้าสถานีตำรวจ
“หยุดนะ! ทำอะไรกัน!” ตำรวจสองนายที่อยู่เข้าเวรหน้าประตูขวางชิงเหนียนเอาไว้
“พาฉันไปเจอผู้กำกับของพวกนาย!” ชิงเหนียนสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงไม่เป็นที่สงสัย
ชั่วขณะนั้นเกิดการแพร่กระจายความกดดันที่ยิ่งใหญ่จากบนตัวชิงเหนียน ทำให้ตำรวจสองนายนั้น มองหน้ากัน
“นายเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาเจอผู้กำกับของพวกเรา?” ตำรวจนายหนึ่งไม่ยินยอม สอบถามขึ้น
ชิงเหนียนกวาดตามองเขาอย่างเย็นชา “สถานะของฉัน แม้แต่ผู้กำกับของพวกนายยังไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย!”