บทที่315 ใส่ร้าย!
เฉินเป่ยพูดคำนี้ออกไป ชั่วพริบตาเดียวก็ตกตะลึงกันทั้งหมด…เงียบงันไร้เสียง
แขกผู้มีเกียรติในงานต่างมึนงงแล้ว มองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด…สายตาเผยความแปลกที่พูดไม่ออก
“ฮ่าๆๆ ……” ในเวลานี้ อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเสียงดัง อวี้ย้งเซวียนกับฉีซิ่นมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนจะมองทางเฉินเป่ย น้ำเสียงมีการเสียดสีที่รุนแรง “มรกตโดนแกบอกว่าเป็นขยะ งั้นสองก้อนนี้ที่แกเอาออกมาคืออะไร คงไม่ใช่ขี้หรอกมั้ง?”
ฉีซิ่นพยักหน้าแล้ว เสียงที่แหบแห้งเผยการเยาะเย้ยแบบจางๆ “ฉันอยู่ในวงการพนันเพชรพลอยมาครึ่งชีวิต ไม่รู้จริงๆ ว่ายังมีหยกอะไรที่สามารถทำให้มรกตกลายเป็นขยะได้!”
“คนโง่ที่แม้แต่มรกตยังไม่รู้จัก แสร้งทำเป็นเข้าใจ ยังกล้ามาพูดจาโอหัง ไปหาดูว่ามรกตคือประเภทอะไรก่อนสักหน่อยมั้ย?”
อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากนิ่งๆ คำพูดแต่ละประโยคล้วนเสียดสีเป็นพิเศษ ทำให้จางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้างอับอายอย่างยิ่ง เดิมทีอับอายอย่างมาก
จางเป่าเฉิงมองเฉินเป่ยทีหนึ่ง พูดเสียงต่ำ “ไม่รู้ก็อย่าพูดมั่วซั่ว มรกตเป็นประเภทของชั้นยอด ครั้งนี้พวกเราแพ้แน่”
เฉินเป่ยไม่ได้หันหน้า เอ่ยปากอย่างเรียบนิ่ง “ยังมีหินอีกสองสามก้อน ใครแพ้ใครชนะยังไม่มีข้อสรุปเลยล่ะ”
ภายในจางเป่าเฉิงถอนใจแล้ว ส่ายๆ หน้า เจ้าหมอนี่ นี่ไม่ใช่มัวแต่ห่วงศักดิ์ศรีจนจะพาชีวิตเดือดร้อนเอาเหรอ?
และคำพูดประโยคนี้ของเฉินเป่ย ราวกับจะทำให้เกิดผลสะท้อนกลับที่รุนแรงขึ้น อวี้ย้งเซวียนจ้องมองเฉินเป่ย ด้วยรอยยิ้มหนาวเหน็บ ยกเส้นรัศมีวงกลมที่เยาะเย้ยขึ้น “อยากใช้หินสามก้อนที่สักแต่เลือกมาพลิกสถานการณ์ กำลังฝันหวานอะไรอยู่!”
“ลักษณะหินสามก้อนนี้แย่ถึงขั้นสุด นี่ถ้ามีหยกชั้นดีออกมา คงต้องขอบคุณฟ้าดินแล้วล่ะ” ฉีซิ่นที่อยู่ด้านหลังอวี้ย้งเซวียนกวาดตาแวบหนึ่ง เอ่ยปากเรียบๆ
“เอ๋อตงเฉิน ยังจะพึ่งหินสามก้อนนี้เอาชนะฉัน ทำไมแกไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้าง สภาพแกที่อ่อนแอแบบนี้ วอนหาที่ตายเสียจริง!” อวี้ย้งเซวียนกอดหน้าอก หัวเราะเยาะไม่หยุด
เฉินเป่ยสีหน้าสงบ ส่วนด้านหลัง หลีชิงเยียนที่อยู่ไม่ไกลนักขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้างดงามเพริศพริ้งเผยความกังวลลึกๆ ออกมา
“แบบนี้ยังจะชนะได้ยังไงกัน!” ใบหน้าของหลีชิงเยียนซีดเซียว
ในบรรดาแขกผู้มีเกียรติ หลีเช่าเทียนดูฉากนี้อยู่ หันหน้ามองทางผู้อาวุโสสองท่านที่ด้านหลัง ถามว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองมองว่ายังไง?”
ผู้อาวุโสทั้งสองมองหน้ากัน และมองไปที่เฉินเป่ย ตอบว่า “หินหยาบสามก้อนนั้น…พวกเรามองไม่ออก แต่ว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ความเป็นไปได้ที่เขาจะแพ้มีมาก”
หลีเช่าเทียนพยักหน้าแล้ว มองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง รอยยิ้มเผยความล้ำลึกที่น่าประหลาดใจ “เอ๋อตงเฉิน ดูแล้วคงไม่ต้องให้ฉันลงมือเลย ก็สามารถฆ่าแกได้……”
“มีอีกแล้ว!” และในเวลานี้ อวี้ย้งเซวียนทางนี้มีเสียงร้องตกใจเกิดขึ้นอีก เห็นเพียงหินหยาบก้อนที่สามของอวี้ย้งเซวียนทางนี้ ภายใต้การส่องแสงไฟสีขาว คาดไม่ถึงเผยแสงสีแดงอ่อนๆ
แสงสีแดงนี้ดูริบหรี่มาก แต่กลับสร้างเสียงฮือฮาในห้องพนันเล็กนี้ขึ้น
“ทับทิม…ฉันไม่ได้มองผิดใช่มั้ย คาดไม่ถึงจะเป็นทับทิม!”
“คุณพระ ลูกหลานตระกูลอวี้กับฉีซิ่นร่วมมือกัน ได้ทับทิมออกมา นี่เป็นของที่หายากมาก เทียบกับมรกตแล้วนี่ยังหาเจอยากกว่าอีก!”
สายตาที่ตกใจซับซ้อนแต่ละคนมองทางอวี้ย้งเซวียน สายตาไม่น้อยในนั้นเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
“ของหายากประเภทนี้ ต่อให้คุณภาพไม่ได้สูงขนาดมรกต แต่ราคาจะต้องสูงกว่ามรกตเป็นแน่!”
อวี้ย้งเซวียนกวาดสายตามองแสงสีแดงนั้น สีหน้าฮึกเหิมขึ้นมา หัวเราะเสียงดังใส่เฉินเป่ย “เฉินเป่ย แกจะเอาอะไรมาเทียบกับฉัน เอาขยะสองก้อนนั้นน่ะเหรอ?”
เฉินเป่ยสีหน้าสงบ เขามองอวี้ย้งเซวียน พ่นควันบุหรี่เป็นวงออกมา ท่าทางเฉยชา
ทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจซับซ้อนดังขึ้นจากด้านข้าง “นี่เป็นไปได้ยังไงกัน?”
สายตาแต่ละคู่โดยรอบมองไปตามเสียง เห็นเพียงผู้ดำเนินการจ้องหินหยาบก้อนหนึ่งในนั้นแบบตาไม่กะพริบ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่ออย่างรุนแรง
และหินหยาบก้อนนั้นที่ถูกทุกคนเพิกเฉยไป พอแสงไฟสีขาวส่องไป คาดไม่ถึงจะมีแสงสีแดงร้อนแรงโผล่ออกมา
ความเข้มข้นของแสงสีแดงนั้น เกือบจะเกินกว่าที่จินตนาการทุกคน มันพุ่งขึ้นฟ้า ทำให้ที่ว่างในอากาศกำลังสั่นสะเทือนนิดหน่อย
ในห้องพนันเงียบสงัด ใบหน้าที่งดงามของหลีชิงเยียนเผยสีหน้าที่หลงใหลออกมา แสงสีแดงนี้ ล้ำลึกและงดงาม……เธอไม่เคยเห็นแสงอันรุ่งโรจน์ที่สวยขนาดนี้มาก่อน
ส่วนอวี้ย้งเซวียนจิตใจสั่นสะเทือน มองเห็นแสงสีแดงนี้ แม้กระทั่งเกินกว่าความรู้ของเขาแล้ว
ในความทรงจำ หินหยาบอันใดเขาต่างก็เคยเห็นมาแล้ว พอใช้มีดตัดออก ล้วนจะไม่ปรากฏแสงที่แรงระดับนี้
ฉีซิ่นเงยหน้าเช่นกัน บนหน้าที่หนังหุ้มกระดูกใบนั้น เผยท่าทางที่ตื่นตระหนกออกแล้ว ต่อให้เป็นเขา ก็ไม่เคยมหัศจรรย์ใจระดับนี้เหมือนกัน
“นี่เป็นไปไม่ได้…….” ในใจของหนังหุ้มกระดูกเต้นแรง มองเห็นแสงสีแดงนี้ ในใจเขานึกถึงความเป็นไปได้ที่เกือบเป็นไปไม่ได้อย่างหนึ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน
“นี่…….” ในใจของจางเป่าเฉิงสั่นสะเทือนอย่างยิ่ง เขานึกได้กะทันหัน หินหยาบก้อนนี้ เหมือนไม่ใช่ที่ตนเองเลือกออกมา…….
“มรกต ทับทิม นี่ล้วนไม่ใช่ขยะอะไรเหรอ?” เฉินเป่ยมองทางอวี้ย้งเซวียน เอ่ยปากนิ่งๆ น้ำเสียงเรียบเฉย มีการเสียดสีเหยียดหยาม
“นี่ต่างหากที่เป็นของชั้นยอดที่แท้จริง” เฉินเป่ยค่อยๆ เอ่ยปาก อวี้ย้งเซวียนกัดฟันแน่น คำพูดนี้ของเฉินเป่ย ราวกับฝ่ามือหนึ่ง ตบลงบนหน้าของอวี้ย้งเซวียนอย่างโหดเหี้ยม
ช่างถากถางเหลือเกิน แค่คนนอกวงการที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างคนหนึ่ง คาดไม่ถึงจะเลือกทับทิมชั้นยอดออกมาได้
“นี่เป็นไปได้ยังไงกัน…..” ฉีซิ่นที่อยู่ด้านข้างอวี้ย้งเซวียนเริ่มสงสัยดวงตาของตนเองแล้ว เดิมทีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างมาก
“สรุปพวกแกเข้าใจกันไหมว่าอะไรคือหยกชั้นยอด? ลูกหลานตระกูลอวี้กับหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยคนก่อนหน้าก็เลือกขยะแบบนี้ออกมาเหรอ?” เฉินเป่ยวาดมุมปากขึ้น ไม่ปิดซ่อนรอยยิ้ม
ทั้งหมดตื่นตกใจ ใครจะไปคิดว่าหินหยาบที่เฉินเป่ยสักแต่เลือกมาก้อนหนึ่ง จะคือทับทิมชั้นเยี่ยม
แสงสีแดงที่รุ่งเรืองเข้มข้นนี้ เปรียบเทียบกันขึ้นมา ทับทิมก้อนนั้นในมือของอวี้ย้งเซวียนถือว่าเป็นอะไร? นั่นคือความแตกต่างระหว่างหิ่งห้อยและพระจันทร์เลยทีเดียว ต่างกันราวฟ้ากับเหว
สีหน้าอวี้ย้งเซวียนเย็นยะเยือก ร่างกายเขากำลังสั่นเทาไปทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าดุร้ายอย่างยิ่ง
อย่างไรเสียเขาก็คาดไม่ถึงว่าหินหยาบที่เฉินเป่ยเลือกมั่วซั่วจะเป็นทับทิมก้อนหนึ่งได้ ทั้งยังเป็นของชั้นยอดด้วย
นี่ชั่วพริบตาเดียวก็ข่มทับหินหยาบของเขาได้แล้ว ข่มทับเหนือกว่าถึงที่สุด
“ไม่ใช่แค่ดวงดีเท่านั้นเหรอ ดวงแข็งแบบนี้ แกมีฝีมือจริงก็ให้มีทุกก้อนเลยสิ” อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเยาะ สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง พยายามทำให้ตนเองสงบลงมา
เฉินเป่ยเบ้ปาก ฉีซิ่นพูดเสียดสีด้วยเสียงแหบแห้ง “ยังมีหินหยาบสองก้อน ยกเว้นทุกก้อนเป็นทับทิมชั้นยอดหมด ไม่อย่างนั้นนายอย่าคิดว่าจะชนะได้”
แขกผู้มีเกียรติมากมายที่นั่งอยู่ไม่นานใจเย็นลงมากัน พวกเขากระซิบกระซาบ มองทางเฉินเป่ยไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ตื่นตระหนกขนาดนั้นแล้ว เพราะเห็นได้ชัดว่าหินก้อนนี้เฉินเป่ยเป็นคนเลือกมามั่วๆ เฉินเป่ยคนนอกวงการแบบนี้ สามารถมองความไม่ธรรมดาของหินหยาบที่ภายในซ่อนทับทิมชั้นยอดไว้ก้อนนี้เหรอ? เป็นไปได้อย่างไร…แม้แต่อวี้ย้งเซวียนและฉีซิ่นยังดูไม่ออกเลย
เจ้าหนุ่มคนนี้ น่าจะเพียงแค่โชคดีจริงๆ บังเอิญเจอเข้ากับทับทิมชั้นยอดก้อนหนึ่ง
และในเวลานี้ ท่ามกลางฝูงชน หลีเช่าเทียนมองเห็นฉากนี้ ยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “น่าสนุก……”
ต่อมา หลีเช่าเทียนหันหน้า พูดเสียงต่ำกับลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง “ไปหาผู้เชี่ยวชาญประเมินราคาของที่นี่มา ฉันอยากเชิญพวกเขา…มาศึกษาพิจารณาความรู้ของหยกสักหน่อย”
“ครับ” ลูกน้องรีบเดินไป หลีเช่าเทียนมองทางเฉินเป่ยที่อันธพาลอย่างยิ่ง สายตาล้ำลึก ในแววตาลึกแอบมีความหนาวเย็นปรากฏขึ้น…….
………
“หยกมันแพะ……เนื้อเนียนละเอียด…นี่เป็นของชั้นยอดอย่างแน่แท้” ด้านล่างเวที มีแขกผู้มีเกียรติพึมพำว่าไม่เสียแรงที่อวี้ย้งเซวียนเป็นลูกหลานตระกูลอวี้ ด้านการแยกหินมีฝีมือ มีหยกออกมาแล้ว เป็นหยกมันชั้นสูง
ไม่เพียงแค่นี้ เนื้อหินของหินหยาบก้อนนี้มีเพียงชั้นบางๆ ที่เป็นหินหยาบ นอกจากเนื้อหินที่บางๆ ชั้นนั้น ก็คือหยกมันแพะที่ยากจะตีราคาก้อนใหญ่
อวี้ย้งเซวียนกวาดตามองหยกมันแพะก้อนนั้น อารมณ์ดีมาก มองทางเฉินเป่ย หัวเราะฮาๆ “เฉินเป่ย แกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน หยกมันแพะก้อนนี้ของฉัน พอจะทำลายสถิติของงานพนันเพชรพลอยได้เลยล่ะ”
เฉินเป่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ กอดหน้าอกไว้ หลับตาพักผ่อน ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของอวี้ย้งเซวียน
อวี้ย้งเซวียนเห็นเฉินเป่ยไม่สนใจตนเอง จึงหัวเราะเยาะ พูดว่า “ทำไม กลัวแล้วเหรอ? แกคิดว่าพึ่งแค่ดวงของแกแล้วจะชนะได้ทุกครั้ง?”
และตอนที่คำพูดอวี้ย้งเซวียนจบลง ทันใดนั้นผู้เชี่ยวชาญการตัดท่านหนึ่งก็หยุดลงมาแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญการตัดจ้องหินหยาบก้อนนั้นอยู่ สั่นเทาไปทั้งตัว ดวงตาทั้งคู่เบิกโต ราวกับมองเห็นเรื่องที่มหัศจรรย์ใจอะไรเข้าแล้ว
“หยกสือหวง…คุณพระ นี่มันอะไรกัน หยกแบบนี้ปรากฏขึ้นได้ด้วย!” ผู้เชี่ยวชาญการตัดพึมพำ “หยกที่ผ่านมือฉันมา ไม่ถึงหลายแสน ก็มีหลายหมื่น……แต่หยกสือหวง ฉันกลับเคยเห็นเป็นครั้งแรก!”
เสียงบ่นพึมพำของผู้เชี่ยวชาญการตัดลอยเข้าในหูของอวี้ย้งเซวียน ชั่วพริบตาเดียวทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนยกใหญ่
พรึบ! อวี้ย้งเซวียนลุกขึ้นแล้ว พุ่งไปตรงหน้าหินหยาบก้อนนั้นทันใด ผลักผู้เชี่ยวชาญการตัดออกไป
และหลังอวี้ย้งเซวียนเห็นรอยตัดนั้น สมองคำราม ราวเสียงฟ้าผ่า มึนงงไปทั้งตัวแล้ว
“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้!”
อวี้ย้งเซวียนถอยหลังไป เหมือนได้รับการยั่วยุใหญ่หลวงอะไรเข้า
อวี้ย้งเซวียนกำลังสั่นเทาไปทั้งตัว เขากัดฟันอยู่ ร่างกายสั่นสะท้านแบบควบคุมไม่ไหว
“มีออกมาอีกแล้วเหรอ? หยกสือหวง?” ฉีซิ่นขยับเข้ามาใกล้ มองเห็นรอยตัดนั้น ตกใจจนลูกตาใกล้หล่นตกบนพื้น
พรึบ!
แขกผู้มีเกียรติทั้งหมดลุกขึ้นยืน หยกสือหวง…คาดไม่ถึงจะเป็นหยกสือหวง…ในบรรดาหยกสือหวง หยกเหลืองหายากอย่างมาก ในประวัติศาสตร์การสำรวจหยกหลายพันปี มีเพียงปรากฏขึ้นไม่กี่ครั้ง เทียบกับหยกมันแพะก้อนนั้น หยกสือหวงแบบนี้เกือบจะเป็นหยกที่มีตัวตนอยู่แค่ในตำนาน ราวกับเทพนิยาย
ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมด
ความตกใจแบบนั้น…นั่นคือจิตใจสั่นเทา
ส่วนอวี้ย้งเซวียนล่ะ ถึงแม้เขาจะยืนอยู่ที่นั่น แต่ทั้งตัว…กำลังสั่นเทา
ขาทั้งคู่สั่นแบบหยุดไม่อยู่…….
หยกเหลือง?
หยกสือหวง…คนนอกวงการที่ไม่รู้แต่ทำเป็นเข้าใจคนนี้ คาดไม่ถึงจะเจอหยกสือหวงแล้ว? ของในตำนานที่ต้องรอโอกาสถึงเจอได้แบบนี้ โดนเขาเจอเข้า
นี่แม่งคือโชคดีเหรอ……เป็นดวงดีที่ยากจะจินตนาการได้ เป็นโชคที่ยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์เลยทีเดียว
อวี้ย้งเซวียนในฐานะลูกหลานตระกูลอวี้ ที่ชัดเจนที่สุดคือหยกสือหวงก้อนนี้ ราคาในวงการหยก…สามารถพอที่จะทำให้พายุลูกใหญ่โหมขึ้นมาได้
อวี้ย้งเซวียนใกล้คุกเข่าลงแล้ว…เห็นเพียงเฉินเป่ยลุกขึ้นมาแบบสบายใจ สีหน้าเรียบนิ่ง กวาดตามองหยกสือหวงแวบหนึ่ง เอ่ยปากนิ่งๆ “ขอโทษที ครั้งนี้ฉันดวงดีอีกแล้ว”