บทที่ 335 แม้แต่ปลายขนยังควบคุมไว้ไม่ได้!
เธอเอามือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วครุ่นคิดไปสักพัก จากนั้นก็เลือกรูปในมือถือออกมาหนึ่งรูป แล้วส่งให้เฉินเป่ย
และเฉินเป่ยที่กำลังอยู่ในงานพนันพลอยที่แสนวุ่นวาย ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของมือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เลยควักมือถือออกมา ก็เห็นซูเสี่ยวหยุนส่งรูปมา
เฉินเป่ยทำสีหน้าที่นิ่งงัน ตอนที่สายตาของเขาจับจ้องไปยังรูปๆ นี้ที่ซูเสี่ยวหยุนส่งมา หัวสมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่า!
ปฏิกริยาแรกของเฉินเป่ย ก็คือหยุดชะงักไปสักพัก เขานึกไม่ถึงเลย ซูเสี่ยวหยุนกลับมีความกล้าขนาดนี้ กลับกล้าส่งรูปแบบนี้ให้เขา!
ร่างของเฉินเป่ยเกร็งขึ้นมาทันที พอเห็นรูปๆ นี้ ทำให้เลือดของคนไหลเวียนอย่างรุนแรง!
“ฉันส่งของให้นายหน่อย เก็บไว้ให้ดี อย่าให้ชิงเยียนของนายสังเกตเห็นนะ” จากนั้น ซูเสี่ยวหยุนก็ส่งข้อความเสียงมาหนึ่งข้อความ น้ำเสียงอันเย้ายวนส่งเข้าหูของเฉินเป่ย……? ให้เลือดทั้งร่างกายของเฉินเป่ยใกล้จะเดือดพล่านแล้ว!
เทพธิดาที่โดดเด่นเป็นพิเศษนี้ เฉินเป่ยจับจ้องรูปๆ นี้ไว้ กลับเริ่มรู้สึกครุ่นคิดขึ้นมา……ถ้าซูเสี่ยวหยุนและหลีชิงเยียนมาปรนนิบัติรับใช้พร้อมกัน…….ขอแค่นี้ก็พอ ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว!
ซูเสี่ยวหยุนและหลีชิงเยียนเป็นเทพธิดาสองคนที่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนน้ำแข็งกับไฟ……หากรับใช้เฉินเป่ยพร้อมกัน……งั้นน้ำแข็งไฟก็คงจะเป็นสวรรค์ชั้นเก้า! ต่อให้ผู้ชายที่ยืนอยู่ยอดสูงสุดที่แกร่งที่สุด ก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้!
ช่างเย้ายวนใจ! เฉินเป่ยมองรูปๆ นี้ ก็หายใจอย่างแรง และเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้!
และพอได้ยินเสียงของซูเสี่ยวหยุน เฉินเป่ยก็อดไม่ได้ที่จะมีความคิดลามกขึ้นมา……ซูเสี่ยวหยุนจะส่งอะไรมา…….กลับให้ตนเองซ่อนไว้ อย่าให้หลีชิงเยียนสังเกตเห็น…….
หลังจากที่หนึ่งแสนโอนมาถึง เฉินเป่ยก็รีบเลิกคิดทุกอย่าง จากนั้นก็เที่ยวเล่นในเขตพนันชั้นต่ำอย่างใจเย็น แล้วมองซ้ายแลขวา จนเดินเที่ยวไปทั้งวัน ก็ไม่ได้ไปร่วมงานประมูลพลอยสักครั้ง
หลังจากตกเย็นมา ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนลงไปฝั่งทิศตะวันตก แขกที่มาพนันมากมายค่อยๆ ทยอยกันกลับไป ในเขตพนันชั้นต่ำนี้ ตอนกลางวันมีคนมากมาย ถึงตอนสุดท้ายก็ยิ่งอยู่ยิ่งน้อย
และเวลานี้ เฉินเป่ยสาวเท้าอย่างช้าๆ แล้วมองไปข้างหน้า นัยน์ตาเปล่งประกายด้วยความลุ่มลึก
ตรงที่ไม่ไกล มีเรือนร่างหนึ่งค่อยๆ เดินมา เรือนร่างนี้เฉินเป่ยคุ้นเคยมาก นั่นก็คือจางเป่าเฉิงที่เดินออกจากเขตพนันชั้นพรีเมียม
จางเป่าเฉิงก็มองเฉินเป่ยเพียงพริบตาเดียว แล้วรีบขยับมาใกล้ พลางถาม “ท่านประธานหลีอยู่ไหน? ”
“ชิงเยียนอยู่ในโรงแรม เวลาต่อจากนี้เธอจะจดจ่อกับเรื่องภายในบริษัทย่อยตระกูลหลีกรุ๊ปในเยี่ยนจิง จะไม่ค่อยยุ่งกับงานพนันพลอย” เฉินเป่ยพูดตามความจริง
จางเป่าเฉิงพยักหน้า แล้วตอบกลับสั้นๆ พลางมองเฉินเป่ย จู่ๆ เอ่ยถาม “ฉันได้ยินมาว่า นายตกลงกับท่านประธานหลีว่าจะชนะเงินหนึ่งพันล้านภายในวันเดียว? ”
เฉินเป่ยหยุดชะงักไปเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกบ้าคลั่ง……หลีชิงเยียนยัยหนูคนนี้……ปากไวเกินไปแล้ว อะไรก็บอกข้างนอกหมด!
เฉินเป่ยยิ้มอย่างละอาย ทำได้เพียงพยักหน้า
จางเป่าเฉิงกวาดสายตามองไปรอบทิศ แล้วยิ้มอย่างดูถูก “นายยังไม่ใช่ว่าอยากจะชนะเงินหนึ่งพันล้านในเขตพนันชั้นต่ำหรอกนะ? ”
เฉินเป่ยมองจางเป่าเฉิงด้วยสายตาที่นิ่งเฉย “เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณหรอ? ”
“ฉันแค่อยากเตือนตายเพราะเคยอาบน้ำร้อนมา หนึ่งวันชนะหนึ่งพันล้าน ตอนอยู่ในเยี่ยนจิง ไม่เคยมีใครเคยทำได้ นายล้มเลิกเถอะ” จางเป่าเฉิงมองเฉินเป่ยจากที่สูง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ
“ถ้านายสามารถชนะหนึ่งพันล้านภายในหนึ่งวัน ตำแหน่งหัวหน้าสมาคมงานพนันพลอยนี้ฉันสามารถถอยให้นายมาทำ” จางเป่าเฉิงพูดขึ้น น้ำเสียงเคล้าด้วยการดูหมิ่น
เฉินเป่ยกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้โมโหในคำๆ นี้ของจางเป่าเฉิง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ห้ามพูดเกินจริงเกินไป”
จางเป่าเฉิงหัวเราะเสียงดัง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคนที่พูดจาเกินจริงคือนาย ชนะเงินหนึ่งพันล้านในงานการพนันพลอยภายในหนึ่งวัน นายแม้แต่สิทธิ์เข้ารอบสุดยอดดาบสามเล่มยังเข้าไม่ได้ ยังพูดคำพูดที่แม้แต่คนโง่ยังพูดไม่ออก นี่นายกำลังฝันอยู่หรอ”
จางเป่าเฉิงพูดจบ ก็จัดรอยยับของเสื้อสูท พลางเดินไปข้างหน้าเฉินเป่ย พร้อมกับยกมือปัดฝุ่นให้เฉินเป่ย และพูดด้วยความรู้สึกที่หยิ่งในศักดิ์ศรี “ฉันจะขอเตือนนายอย่ามาเป็นฝ่ายคัดค้านฉัน ฉันได้เป็นที่ปรึกษาการตรวจเช็คพลอยของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปแล้ว และนายก็แค่ไอ้สวะที่ขอข้าวกินไปวันๆ ของตระกูลหลี แค่ผู้ชายที่แต่งเข้าบ้านภรรยา แม้กระทั่งวันข้างหน้าคุณหลีจะเลี้ยงหมาแล้ว ตำแหน่งของนายเทียบกับหมายังไม่ได้”
จางเป่าเฉิงพูดจบ ก็คลี่ยิ้มจางๆ พลางตบหน้าเฉินเป่ย และเดินเฉียดไหล่เฉินเป่ย พร้อมกับสาวเท้าจากไป
เฉินเป่ยค่อยๆ หันไป แล้วมองด้านหลังของจางเป่าเฉิง พลางกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ดูลุ่มลึกอย่างมาก……
……..
เยี่ยนจิง บริษัทย่อยตระกูลหลีกรุ๊ปที่เยี่ยนจิง
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในออฟฟิศใหม่หนึ่งห้อง แล้วกำลังยุ่งกับงาน
และในตอนนี้ เสียงแจ้งเตือนมือถือของหลีชิงเยียนดังขึ้น แล้วท่านประธานเทพธิดาที่ยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แม้กระทั่งยังไม่ทันมองหน้าจอของมือถือแล้วรับสายทันที
“เสี่ยวเยียน ช่วงนี้ชีวิตดูเหมือนไม่ค่อยราบรื่นนะ” ทางฝั่งสาย มีเสียงอันเสนาะหูของซูเสี่ยวหยุนค่อยๆ พูดส่งมา
หลีชิงเยียนตะลึงงันไป แล้วได้ยินเสียงของซูเสี่ยวหยุน สมองไม่ได้สติกลับมา “ซูเสี่ยวหยุน? ”
“เหอะ ลืมเร็วขนาดนี้เลยหรอ? ” ทางฝั่งสายมีเสียงอันไม่เป็นมิตรของซูเสี่ยวหยุนดังขึ้น
“เปล่า แค่ช่วงนี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในเยี่ยนจิง ฉันเลยตอบสนองไม่ได้ทันที” หลีชิงเยียนเอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมถึงคิดโทรหาฉัน? ”
“เป็นห่วงเธอหน่อยไม่ได้หรือไง? ” ซูเสี่ยวหยุนพูดขึ้น “ยังมีอีกเรื่อง คิดว่าอยากจะแน่ใจกับเธอหน่อย”
“เฉินเป่ยมายืมเงินหนึ่งแสนกับฉัน…….
“ต้องห้ามให้เขายืม! ” หลีชิงเยียนได้ยินซูเสี่ยวหยุนพูดเรื่องนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เรือนร่างเพรียวบางสั่นสะเทือนเล็กน้อย แล้วเปรยเคร่งขรึม
“ฉันยืมให้เขาไปแล้ว” ซูเสี่ยวหยุนพูดด้วยเสียงเรียบ
“ซูเสี่ยวหยุน เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ! ” หลีชิงเยียนถลึงตาคู่สวยให้โต น้ำเสียงเหมือนปกคลุมด้วยความเลือดเย็น
ทางฝั่งสาย ซูเสี่ยวหยุนไม่ได้โมโห กลับยิ้มอย่างเยาะเย้ย “ฉันรู้ว่าเธอต้องไม่เห็นด้วย ดังนั้นฉันเลยยืมให้เขา”
“เธอ! ” หยีชิงเยียนที่อยู่ในเยี่ยนจิงจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามทำให้ตัวเองทำใจให้สงบ เธอรู้ดี คำพูดนี้ของซูเสี่ยวหยุนคือต้องการยั่วโมโหเธอ
หลีชิงเยียนนึกไม่ถึงเลยจริงๆ เฉินเปยกลับยืมเงินกับซูเสี่ยวหยุน ถ้าเธอรู้ ต้องไม่ให้ซูเสี่ยวหยุนยืมเงินให้ไอ้หมอนั่นแม้แต่บาทเดียว!
“เขาสัญญากับฉัน หลังจากจบงานพนันพลอย เขาจะคืนหนึ่งล้านให้ฉัน”
“เขาเคยเห็นหนึ่งล้านด้วยหรอ? เธอแน่ใจก่อนเถอะชาตินี้เขาเคยเห็นหนึ่งล้านแล้วค่อยว่ากัน ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยแม้แต่เห็นเงินหนึ่งล้าน ใช้คำพูดพวกนั้นหลอกเธอ เธอก็เชื่อ? ”
“แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อ แค่เขาใช้เธอเป็นหลักประกัน ฉันเลยยืมเงินให้เขา” ซูเสี่ยวหยุนอธิบายขึ้น
ตัวของหลีชิงเยียนสั่นอย่างแรง ใบหน้านิ่งงันไปทันที
หลังจากวางสาย ทั้งตัวของหลีชิงเยียนเหมือนนิ่งงันไปแล้วยังไม่ได้สติกลับไปนานสักพัก
คำพูดของซูเสี่ยวหยุน ยังคงดังขึ้นในหัวสมองของเธอไม่หยุด แล้วกำลังสะท้อนให้ได้ยิน
“เฉินเป่ย…….” สักพัก ท่านประธานเทพธิดาทำสีหน้าที่เย็นชาดั่งน้ำแข็ง แล้วพร่ำบ่นกับตัวเองอย่างอาฆาต
…….
ส่วนท่านประธานเทพธิดาไม่รู้ว่า ตอนนี้ในห้องอีกห้องหนึ่งของโรงแรมนี้ อวี้ย้งเซวียนนั่งอยู่บนโซฟา แล้วกำลังสูบซิการ์ไปด้วย และมองพลอยที่ยังไม่ได้แปรรูปไปด้วย พลางครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
พลอยเม็ดนี้ ถ้าหลีชิงเยียนและคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ ต้องดูออกในพริบตาเดียว พลอยก้อนนี้ เป็นการพนันอย่างดุเดือดในก่อนหน้านี้ ที่เป็นพลอยอัศจรรย์ที่ผสมผสานเนื้อพลอยสีแดงและสีฟ้า
พลอยเม็ดนี้ หลังจากก็ตามที่จางเป่าเฉิงอบก เขาอยู่ในโลกการพนันพลอยมานาน ก็ยังไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน
แทบจะเป็นการอัศจรรย์ของโลกการพนัน คงอีกไม่นาน พลอยเม็ดนี้จะทำให้โลกการพนันสะทกสะท้าน!
การผสมผสานระหว่างเม็ดสองเม็ด นี่แทบจะไม่มีทางปรากฏสถานการณ์แบบนี้……จางเป่าเฉิงพูดด้วยคำพูดที่ไม่ละเอียด แค่เคยเอ่ยถึงการพูดถึงแบบนี้…….ทว่าคนที่พูดถึงแบบนี้ มีฐานะที่ลึกลับ จางเป่าเฉิงไม่ได้พูดเผยความจริง
ไม่มีใครสามารถนึกถึง พลอยอัศจรรย์เม็ดนี้ ถูกอวี้ย้งเซวียนแอบทุ่มเทแรงมหาศาลในการซื้อมาจากงานพนันพลอย ผ่านการวิจัยของฉีซิ่นและอวี้ย้งเซวียน ก็ไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์แบบนี้
อวี้ย้งเซวียนยิ่งรู้สึกสับสน พอได้เปิดของล้ำค่าสองชิ้นติดต่อกัน สุดท้ายหนึ่งชิ้นทำให้คนที่แปลกประหลาดนับไม่ถ้วนได้ยินก็รู้สึกตะลึงงัน ส่วนเฉินเป่ยที่แม้แต่ความรู้พื้นฐานที่สุดของการพนันพลอยก็ยังไม่รู้……ไอ้หมอนี่ มีฐานะอะไรกันแน่? แม้แต่อวี้ย้งเซวียนก็ยังมองไม่ออก!
หรือว่าจะเป็นความโชคร้ายจริงที่ฟ้าประทานจริงๆ?
เวลานี้ ลูกน้องคนหนึ่งเดินเร่งรีบเข้ามาตรงหน้าห้องของอวี้ย้งเซวียนอย่างเร่งรีบ แล้วกดกริ่ง
ประตูเปิดออก ลูกน้องเดินเข้าประตู จู่ๆ ก็คุกเข่าลงตรงหน้าอวี้ย้งเซวียนแล้วพูดอย่างเคารพ “คุณชายอวี้ครับ แขกที่มางานพนันพลอยหายไปกว่าครึ่งแล้ว เป้าหมายยังอยู่ในงานแล้วยังไม่จากไปครับ”
อวี้ย้งเซวียนนั่งอยู่โซฟา แล้วกำลังสูบซิการ์ จากนั้นก็พ่นควันออกมา หลังจากได้ยินลูกน้องรายงาน อวี้ย้งเซวียนค่อยๆ นับก้นบุหรี่ แล้วมองพลอยเม็ดนั้น พร้อมพูดขึ้นอย่างลุ่มลึก “แจ้งท่านผู้อาวุโส ลงมือ ลอบฆ่าเฉินเป่ย! ”
เสียงของอวี้ย้งเซวียนไม่ได้ใหญ่ กลับเหมือนฟ้าผ่าอันน่าตกใจบนพื้นราบ ทำให้อากาศสั่นคลอน และมีเสียงสะท้อนในห้องไม่หยุด!
การตอบสนองของลูกน้องคนนั้น เขาหันหลังแล้วออกจากห้องของอวี้ย้งเซวียน แล้วเดินไปตรงข้ามห้องของอวี้ย้งเซวียน พร้อมกดกริ่ง
ในห้อง มีผู้เฒ่าคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีเขียวกำลังนั่งอยู่บนเตียงแล้วหลับตาทำสมาธิ พอได้ยินเสียงกริ่งประตูอันแหลมคมและเร่งรีบดังขึ้น จึงลืมตาทันที แล้วแผ่ซ่านความเคร่งขรึมออกมาจากร่างกายของเขาอย่างรุนแรง!
ผู้เฒ่าลุกขึ้น แล้วเหยียบอยู่บนพื้น “ปัง” เสียงเดียว เป็นเสียงที่ดังสนั่นจนสะท้อนไปทั่วห้อง พื้นก็สั่นสะเทือนอย่างแรง พื้นจึงมีรอยแตกเหมือนลายใยแมงมุม ทำให้เห็นแล้วน่ากลัวมาก!
ผู้เฒ่าทำนัยน์ตาที่เลือดเย็น สายตาเคร่งขรึม เหมือนคมดาบเล่มหนึ่ง ไม่มีของอะไรที่ถูกฟันแล้วไม่ขาด และกำลังเปล่งประกายแสงอันเยือกเย็นออกมา!
ประตูเปิดออก ผู้เฒ่าปรากฏอยู่ตรงประตูห้อง
“ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง คุณชายอวี้เชิญท่าน…….” ลูกน้องคนนั้นยังไม่ทันพูดจบ แค่เห็นท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างโบกมือ ลูกน้องคนนั้นก็ถูกแรงใหญ่ที่มองไม่เห็นจู่โจมกลางอากาศ ทั้งตัวเหมือนถูกระเบิด กระแทกไปยังผนัง!
เสียงเอะอะโวยวาย” ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าเปรยขึ้นด้วยเสียงเรียบ น้ำเสียงกลับเลือดเย็นสุดขีด!
“ท่านผู้อาวุโส” เวลานี้ อวี้ย้งเซวียนเปิดประตูออก อวี้ย้งเซวียนเดินไปตรงหน้าท่านผู้อาวุโสไท่ซ่า แล้วพูดอย่างเคารพ
“วางใจเถอะ ฉันคงไม่บีบมดคนนั้นตาย” ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าพยักหน้า
“รถอยู่ตรงประตูโรงแรมแล้ว เดี๋ยวผมจะไปจัดงานเลี้ยงอวยพร รอข่าวดีจากคุณ” อวี้ย้งเซวียนยิ้มจางๆ
และรอให้ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าหันหลังเดินไปตรงประตูโรงแรม อวี้ย้งเซวียนมองด้านหลังของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่า แล้วพูดอย่างช้าๆ “ไปเอาพลอยนั้นทำดาบสั้นให้ฉันหนึ่งเล่ม”
“ดาบสั้น? ” ลูกข้างที่ตามติดๆ อยู่ข้างๆ อวี้ส้งเซวียนทำหน้างงงวย
ลูกน้องที่ติดตามอวี้ย้งเซวียนมาระยะหนึ่งต่างก็รู้ดี ปกติคุณชายอวี้ไม่ชอบเล่นของโบราณที่เป็นอาวุธอย่างดุเดือด…….แต่วันนี้ คุณชายอวี้กลับจะเอาอาวุธแหลมคม!
ลูกน้องคนนั้นจึงมีลางอันน่าแปลกอย่างหนึ่ง แค่เห็นอวี้ย้งเซวียนพูดออกมาเป็นคำๆ “ฉันจะใช้มัน ไปฆ่าหลีชิงเยียนไอ้ตัวแสบนั่นด้วยตัวเอง!