บทที่ 340 แค่หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเท่านั้น!
“คุณชายอวี้…….”
ลูกน้องไม่กี่คนพยุงอวี้ย้งเซวียนไว้ แล้วหาเก้าอี้หนึ่งตัวที่ยังโชคดีว่าเป็นเก้าอี้ที่ยังสมบูรณ์หลังจากที่โดนฝ่ามือนั้นของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง แล้วให้อวี้ย้งเซวียนนั่งลง
พวกเขาไม่กี่วันต่างก็มุมอวี้ย้งเซวียนด้วยความระมัดระวัง ทั้งใบหน้าของอวี้ย้งเซวียนบวมเหมือนหัวหมู พลังอันน่าเกรงขามของฝ่ามือนั้นของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างน่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้คนแค่เห็นเพียงพริบตาเดียว ก็รู้สึกขนหัวลุก!
และผนังที่อยู่ข้างหลังของอวี้ย้งเซวียน มีเศษเครื่องเคลือบฝังลึกลงไปในผนัง เศษเครื่องเคลือบพวกนั้น แหลมคมเหมือนดั่งมีด…….เพียงฝ่ามือเดียวของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างทำให้อวี้ย้งเซวียนตัวปลิว และยังทำให้อวี้ย้งเซวียนไม่เป็นอะไรมาก แค่ได้รับบาดเจ็บตรงผิวหนังเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของอวี้ย้งเซวียน
“คุณชายอวี้ ท่าน……ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ” ลูกน้องคนหนึ่งถามด้วยความระมัดระวัง
“ฉันเป็นอะไรหรือไม่เป็นไร แกตาบอดหรือไง?! ” อวี้ย้งเซวียนถูกฝ่ามือนี้ของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างตบ ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า แล้วจึงสบถหยาบกับลูกน้องคนนั้น
อวี้ย้งเซวียนในเวลานี้ จะมีท่าทางที่อ่อนโยนและนิ่งเฉยเหมือนปกติได้ยังไง ตอนนี้เขากำลังคร่ำครวญจะเป็นจะตาย เหมือนดั่งคนบ้า!
เขาถูกฝ่ามือนั้นของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง และยังถูกความจริงทำให้ตกใจ สติของเขาแทบจะผิดปกติไปแล้ว!
“กลับห้องของฉัน” อวี้ย้งเซวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามทำให้หัวใจของเต้นแรงของตัวเองเงียบสงบลง
แต่ไม่นาน อวี้ย้งเซวียนก็สังเกตเห็น ทั้งสองขาของเขา กลับไม่ได้ถูกเขาควบคุม และยากที่จะขยับ!
เขาถูกทำให้ตกใจจนขาไม่สามารถควบคุมได้!
“ไอ้สารเลว ไอ้สวะ ยกฉันไป! ” อวี้ย้งเซวียนกัดฟันกรอด แล้วตวาดด้วยเสียงเข้ม
อวี้ย้งเซวียนทำสีหน้าที่เขียวคล้ำ ตอนที่เขาตวาดอย่างโหดเหี้ยม เส้นเอ็นสีเขียวแต่ละเส้นปูดออกมาจากใบหน้าของเขา!
ลูกน้องไม่กี่คนของอวี้ย้งเซวียนจะกล้าชักช้าต่อไปได้ยังไง จึงรีบยกอวี้ย้งเซวียนนั่งลงบนเก้าอี้ ต่างคนต่างเอาเก้าอี้วางไว้บนไหล่ จากนั้นก็เดินไปทางห้องนอนของอวี้ย้งเซวียนอย่างส่ายไปส่ายมาด้วยความระมัดระวัง……
หลังจากห้านาทีผ่านไป อวี้ย้งเซวียนนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสองขาที่อ่อนแรง สีหน้าอึมครึมเหมือนนิ่งเหมือนน้ำ
ต่อหน้าเขา มีลูกน้องคนหนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เรือนร่างสั่นเทาเพราะหวาดผวา และยังโขกหัวอย่างบ้าคลั่ง พร้อมร้องขอให้อภัยด้วยความขมขื่น “คุณชายอวี้ครับ ท่านได้โปรดให้อภัยผมเถอะ ผมไม่ได้สืบค้นอย่างละเอียดว่าเขาเป็นวรยุทธ์อู่ตัง ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม…….”
“แกไม่ได้สืบเจอจริงๆ หรอ? ” จู่ๆ อวี้ย้งเซวียนเอ่ยถามด้วยความเลือดเย็น สีหน้าเลือดเย็นจนน่ากลัว
ลูกน้องคนนั้นเส่ายหัวอย่างแรงเหมือนคนบ้า หน้าผากของเขามีเลือดสดหลั่งไหลออกมา “คุณชายอวี้ ผมเอาชีวิตของผมไปสาบาน ผมไม่ได้สืบหาสิ่งนี้เจอจริงๆ ”
“แกไม่ได้สืบเจอ หรือว่ายังเป็นฉันที่ผิด? ” อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเหอะๆ อย่างเย็นชา “มานี่ เอามันไปกำจัด”
อวี้ย้งเซวียนเพิ่งจะพูดจบ ก็มีเรือนร่างหลายๆ คนพุ่งเข้ามาจากด้านนอก แล้วจึงลากตัวของลูกน้องรับผิดชอบสืบหาข้อมูลออกไป!
“ไอ้สารเลว! ” อวี้ย้งเซวียนทำสีหน้าที่โหดเหี้ยม แล้วชกหมัดๆ หนึ่งลงไปบนตักของตัวเองอย่างแรง พร้อมตวาดด้วยเสียงอย่างโมโห “เฉินเป่ย! ถือว่าแกโชคดี! ”
“คุณชายอวี้ คนที่อยู่บนตึกเหล่านั้น ให้ถอยกลับมาไหมครับ? ” ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม
ผ่านไปสักพัก อวี้ย้งเซวียนก็กลับสู่สภาวะที่นิ่งเฉยและลุ่มลึกเหมือนที่ผ่านมา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “พวกสวะ ถอยกลับมาเถอะ”
“ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว? ” อวี้ย้งเซวียนเอ่ยถาม
“ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างตอนนี้มีอาการคงที่แล้วครับ แค่ยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมาสักที” ลูกน้องคนนั้นพูดตามความจริง
“ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาปุ๊บก็บอกฉัน เรื่องที่ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างได้รับบาดเจ็บ อย่าบอกท่านผู้อาวุโสคนอื่น” อวี้ย้งเซวียนสั่งการขึ้น
รอให้อวี้ย้งเซวียนสั่งให้ลูกน้องจากไปจนหมด ตนเองก็เทเหล้าวิสกี้หนึ่งแก้ว แล้วเดินไปข้างหน้าต่าง พร้อมกับดูพระอาทิตย์ตกดิน นัยน์ตาลุ่มลึกอย่างมาก
เอ๋อตงเฉิน…..เขาต้องไม่มีทางยกโทษเอ๋อตงเฉินง่ายๆ แน่นอน!
…….
และในเวลานี้ ในงานพนันพลอย เฉินเป่ยก้มหน้ามองศพของแขกท่านนั้นเพียงพริบตาเดียว แขกคนนั้นถลึงตาโต สีหน้าก่อนตายยังคงดูหวาดกลัวมากๆ และอาการที่ยากที่จะเชื่อ ต่อให้ตอนที่เขาตาย ก็ยังไม่น่าเชื่อ ตัวเองจะตายอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้!
เฉินเป่ยเปรยเสียงเบาอย่างไร้ความอดทน แล้วกดโทรออก แล้วพูดกับชิงเหนียนที่อยู่ในสาย “ฉันมีศพๆ หนึ่งอยู่ที่นี่ แกมาจัดการหน่อย”
“ศพ? คุณทำหรอ? ” ชิงเหนียนที่อยู่ในสายเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ลูกพี่ ลูกพี่เริ่มสงสารคนอื่นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
“ไม่ใช่ฉันเป็นคนทำ แกไปหาญาติของเขาให้เจอ แล้วให้เงินก้อนหนึ่งโดยใช้ชื่อของประกันภัย” เฉินเป่ยเจอกับสถานการณ์ที่อาบเลือดนับไม่ถ้วน ทว่าพอเห็นคนตายอย่างไม่รู้เรื่องและไม่ผิดอะไร ยังคงกระทบจิตใจของเขา
“นายวางใจเถอะ การตายของนายว่าไปแล้วก็เพราะฉัน ฉันจะช่วยนายแก้แค้นครั้งนี้เอง” เฉินเป่ยนั่งยองๆ แล้วค่อยๆ ปิดตาของชายหนุ่มที่ตายไปโดยที่ยังลืมตาอยู่
และในเวลานี้ เฉินเป่ยนึกไม่ถึงเลยจริงๆ คนๆ นี้ที่ต่อให้เป็นตายร้ายดียังไงก็นึกไม่ถึงว่าจะปรากฏอยู่ที่นี่
ตรงที่ไกลๆ มีเรือนร่างที่สะสวยคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงนี้ ลำตัวสวมใส่กระโปรงขอบลูกไม้ แล้วใส่รองเท้าส้นสูง พลางค่อยๆ เดินไป นัยน์ตาเคล้าด้วยความแปลกใจ
นานๆ ไปเธอยังไม่ได้สติกลับมา ภายในใจก็ยากที่จะนิ่งสงบ
ตลอดทางที่เธอเดินไป นัยน์ตาเคล้าด้วยความชอกช้ำ……เหมือนถูกสัตว์ป่าดุร้ายครอบคลุม ทำให้ตอนที่เธอเดินมายังรู้สึกหวาดผวา
ในมือของเธอจับอุปกรณ์ถ่ายทอดสด และกำลังทำการถ่ายทอดสด “ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่นี่ แต่ฉันก็คิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร”
ระหว่างถ่ายทอดสด มีแฟนคลับมากมายกำลังคอมเมนท์ ต่างก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ในที่นี่
จู่ๆ ดวงตาคู่สวยของเย่เชี่ยนหรานเกร็งไปทันที พอเห็นเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ข้างศพตรงที่ไม่ไกล
เธอได้เอาเลนส์ส่องไปยังเรือนร่างของเฉินเป่ย แล้วมีผู้ชมและแฟนคลับมากมายต่างก็เอ่ยถาม “ทำไมเขาถึงนั่งยองๆ อยู่ทางนั้น แล้วที่นอนอยู่บนพื้น……เป็นคนหรอ? ”
“เทพธิดาไม่รู้ก็ลองไปดูสิ ไปดูก็รู้ทุกอย่างแล้ว”
“ทำไมเป็นผู้ชายอีกแล้ว เห็นเขาแล้วก็เบื่อ” หลังจากที่แฟนคลับแต่ละคนเห็นว่าเป็นเฉินเป่ย แล้วต่างเริ่มสแปมหน้าจอ
“ครั้งที่แล้วข้างกายผู้ชายคนนี้ยังมีเทพธิดาที่มีหน้าตาสวยงาม ครั้งนี้ทำไมถึงไม่อยู่ล่ะ? ”
เย่เชี่ยนหรานเห็นสิ่งที่เด้งมาระหว่างถ่ายทอดสด นัยน์ตาคู่สวยดูเกร็งไปเล็กน้อย ภายใต้ดวงตาจู่ๆ ก็เผยอาการไม่มีความสุขออกมา
ระหว่างที่เธอถ่ายทอดสด ก็เห็นถึงแฟนคลับของตัวเองพูดถึงสาวสวยคนอื่น แน่นอนว่าต้องทำให้เธอไม่พอใจอยู่แล้ว
พอนึกถึงแบบนี้ เย่เชี่ยนหรานก็เดินไปทางฝั่งเฉินเป่ย
เย่เชี่ยนหรานเดินไปตรงหน้าเฉินเป่ย แล้วทักทาย “เฉินเป่ย! ”
เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้น แล้วมองเย่เชี่ยนหรานที่มีหน้าตาสะสวยและน่ารักสะท้อนเข้ามาในม่านตาของเขา จึงได้ตะลึงงันเล็กน้อย มุมปากกระตุกยิ้มขึ้น “แหม เธอเองหรอ”
“เฉินเป่ย ครั้งที่แล้วฉันให้นามบัตรคุณ คุณไม่ได้โทรหาฉันมาตลอด” เย่เชี่ยนหรานคลี่ยิ้มจางๆ เย่เชี่ยนหรานดูมีเสน่ห์มาก ตอนยิ้มทำให้สิ่งรอบตัวทั้งหมดจืดจางไร้ความน่าสนใจ
“นามบัตร……” เฉินเป่ยได้ยินเย่เชี่ยนหรานพูดถึงนามบัตร……ทันใดนั้นก็แทบจะสุดคำบรรยาย!
นี่เป็นคนที่เขาไม่อยากโทรกลับไปหรอ? สาวสวยขนาดนี้ ไม่ต้องบอกว่าทำความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง แค่รู้จักไว้หน่อยก็ไม่เลวแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นหากสามารถเอาเย่เชี่ยนหรานไว้อยู่ ถึงเวลาค่อยเอาท่านประธานเทพธิดาให้อยู่ด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียวก็สำเร็จโดยไม่ต้องมีการหยุดพัก เก็บทั้งสองที่สะสวยไว้ในกระเป๋า…….นั้นเป็นเรื่องที่ดีงามแค่ไหน! เฉินเป่ยคิดยังไม่กล้าคิด!
เฉินเป่ยจึงเริ่มครุ่นคิดจินตนาการโดยไม่รู้ตัว…… หากสามารถครอบครองสาวสวยที่มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกันทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน……หนึ่งคนไว้รับใช้……แบบนี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอแล้ว!
และพอนึกถึงแบบนี้ เฉินเป่ยเริ่มตื่นเต้นดีใจขึ้นมา แล้วมองเย่เชี่ยนหราน พลางเผยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ออกมา
และตอนที่เลนส์กล้องของเย่เชี่ยนหรานถ่ายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ของเฉินเป่ยเข้าใจ ทันใดนั้นก็ทำให้แฟนคลับนับไม่ถ้วนของย่เชี่ยนหรานรังเกียจและรู้สึกกระวนกระวาย!
“ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้ดูดแค่พริบตาเดียวก็รู้ว่าลามก ไม่ใช่คนดีอะไร เทพธิดากลับยังจะรู้จักกับเขา! ”
“ผู้ชายคนนี้ถือว่าเป็นตัวอะไร กลับกล้ามาแตะต้องเทพธิดาของพวกเขา! ”
“เทพธิดาคบเพื่อนอย่างไม่ระมัดระวัง กลับไปรู้จักคนแบบนี้! ”
แค่ในชั่วพริบตา ก็มีคอมเมนท์เด้งมานับไม่ถ้วนบนจอที่ถ่ายทอดสดของเย่เชี่ยนหรานอย่างรุนแรง ทำให้แม้แต่เย่เชี่ยนหรานก็ยังรู้สึกตะลึงงัน!