บทที่453 เกิดการเปลี่ยนแปลง!
จางเป่าเฉิงมองทางเทพเมถุน สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
ส่วนผู้เข้าร่วมแข่งขันมากมายโดยรอบสีหน้าฮือฮา มองหน้าซึ่งกันและกัน ใครจะไปนึกได้ว่าเทพเมถุนจะประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับจางเป่าเฉิงต่อสาธารณชน นี่เห็นได้ชัดว่าอยากเข้าโจมตีแบบเปิดเผย
“ใครแลกเปลี่ยนกับจางเป่าเฉิง หลังจากงานพนันเพชรพลอย ฉันจะรอจังหวะคิดบัญชีแค้นกับคนนั้น”
ในเวลานี้ อีกด้านหนึ่ง มีคนคนหนึ่งลุกขึ้นมา จางเป่าเฉิงมองเห็นอวี้เฉิงวั่งกระโดดออกมาเช่นกัน แสดงจุดยืนที่ชัดเจน
อวี้เฉิงวั่ง ผู้นำตระกูลอวี้ เทพเมถุน ตำนานผู้ไม่พ่ายของวงการพนันเพชรพลอย ต่างเพิ่มแรงกดดันไปยังทุกคน อยากเตะจางเป่าเฉิงออกนอกการแข่งก่อน
ผู้เข้าแข่งขันห้าคนนั้นลังเลดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง ไม่นานจึงหยิบหินหยาบของตนเองขึ้น ออกห่างจากจางเป่าเฉิงแล้ว เขาไม่ใช่คนโง่เหมือนกัน ถึงแม้จางเป่าเฉิงจะเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยที่พวกเขาผิดใจไม่ได้ แต่พวกเขายิ่งล่วงเกินเทพเมถุนและอวี้เฉิงวั่งไม่ได้
โดยเฉพาะอวี้เฉิงวั่งเป็นผู้นำตระกูลอวี้ เบื้องหลังของเขาเป็นตระกูลการพนันเพชรพลอยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ระยะเวลาการมีอยู่ของตระกูลการพนันเพชรพลอยนี้ ไกลเกินกว่าช่วงเวลาที่จางเป่าเฉิงดำรงตำแหน่งหัวหน้าสมาคมนัก
ชั่วขณะหนึ่ง จางเป่าเฉิงโดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว อวี้เฉิงวั่งล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองด้าน มองจางเป่าเฉิงอยู่ รอยยิ้มเพิ่มความได้ใจเข้ามา เทพเมถุนได้รับคำสั่งจากหลีเช่าเทียน ต้องทำให้จางเป่าเฉิงเสื่อมเสียชื่อเสียง เขาย่อมยินยอมช่วยสักแรงหนึ่งเป็นธรรมดา
เรื่องแบบนี้ ทำไมถึงจะไม่ยอมทำกันล่ะ?
ส่วนเทพเมถุนกวาดตามองจางเป่าเฉิงแบบเมินเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวไปแลกเปลี่ยนกับผู้แข่งขันคนอื่นๆ
ในเวลานี้ บนที่นั่งผู้ชมต่างถกเถียงเกรียวกราวกันแถบหนึ่ง
ฉากเมื่อสักครู่นี้ ทั้งหมดถูกฉายออกมาในหน้าจอยักษ์ บวกกับคำอธิบายที่พูดชัดเจน ทำให้บนที่นั่งผู้ชมคนดูนับไม่ถ้วนต่างถกเถียงกันขึ้น เทพเมถุนและอวี้เฉิงวั่งร่วมมือกัน พุ่งเป้าไปยังจางเป่าเฉิง เตะเขาออก…….นี่เกือบจะเป็นครั้งแรกของวงการพนันเพชรพลอย
เทพเมถุนร่วมมือกับคนอื่น เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ผู้คนมากมายต่างเริ่มคาดการณ์ จางเป่าเฉิงทำอะไรแล้วกันแน่ เพียงครู่เดียวถึงสามารถผิดใจอวี้เฉิงวั่งและเทพเมถุนสองคนได้ ทำให้พวกเขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม ต้องการขับไล่จางเป่าเฉิงออกไป
คนดูมากมายล้วนเริ่มเสียใจแทนจางเป่าเฉิง เพราะโอกาสชนะของจางเป่าเฉิงช่างน้อยเหลือเกิน
สูญเสียโอกาสในการแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น จางเป่าเฉิงคงทำได้เพียงพึ่งพาโชคดีของตนเอง ขอให้หินหยาบที่ได้รับแจกมาในมือนี้เป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ผ่าของล้ำค่าหายากออกมาให้ได้อย่างกับอัญมณีสองสี
แต่ความเป็นไปได้แบบนี้น้อยนิดที่สุด
แม้แต่ผ่าอัญมณีสองสีออกมา นี่แทบไม่กล้าคิดเลยสักนิด
ต่อให้เป็นเทพเมถุนและอวี้เฉิงวั่ง พวกเขาสองคนย่อมนึกไม่ถึงเป็นธรรมดาว่ายังมีความเป็นไปได้แบบนี้ด้วย
จางเป่าเฉิงก้มหน้าศึกษาหินหยาบในมืออยู่สักพัก สีหน้ายิ่งดูแย่ขึ้น
หินหยาบพวกนี้ล้วนเป็นหินหยาบที่นำออกมาจากในคลังสมบัติ มูลค่าสูงมาก แต่จางเป่าเฉิงศึกษาค้นคว้ามานานมาก พวกมันล้วนไม่มีจุดพิเศษอะไร ไม่เหมือนกันกับหินหยาบก้อนนั้นของอัญมณีสองสีก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
พูดได้ว่าความมหัศจรรย์ของอัญมณีสองสี ไม่อาจจะสร้างเลียนแบบได้อีกเลย
…………
บนที่นั่งกรรมการ ผู้ตัดสินกานมองการกระทำของจางเป่าเฉิงอยู่ หัวเราะเยาะทีหนึ่ง “จางเป่าเฉิงยังคิดว่าจะผ่าอัญมณีสองสีออกมาได้อีกงั้นเหรอ ไร้เดียงสา”
“ความมหัศจรรย์ของอัญมณีสองสีจะทำเลียนแบบอีกได้ยังไงกัน” ผู้ตัดสินอีกท่านหนึ่งพูดขึ้น
“รอบที่แล้วเขาดวงดี ทำให้เขาเลื่อนขั้นอย่างโชคดี รอบนี้ เขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้นอีกแล้ว” ผู้ตัดสินกานพูดจานิ่งๆ
เฉินเป่ยที่นั่งบนที่นั่งกรรมการฟังความคิดเห็นที่คนนั้นพูดทีคนนี้พูดทีของผู้ตัดสินคนอื่นอยู่ สีหน้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงแต่จ้องจางเป่าเฉิงอยู่นิ่งๆ ในมือนำไฟแช็กZOPOทองแท้อันหนึ่งมาเล่น
เสียงเปิดปิดของไฟแช็กดังกังวาน เปลวไฟหนึ่งจุดติดลุกไหว ทำให้เฉินเป่ยได้แต่เผยจุดลึกในแววตาของลูกตาออกมา มีความลุ่มลึกไร้ขอบเขตปกคลุมไปทั่ว
…………
“หัวหน้าสมาคมจางถูกโดดเดี่ยวแล้ว” บนที่นั่งผู้ชม หลีชิงเยียนจ้องจางเป่าเฉิงตาไม่กะพริบ ในใจสามารถพูดได้ว่าใจร้อนเหมือนโดนไฟลน
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วแน่น เพียงแค่ที่ไม่เหมือนกับหลีชิงเยียนคือสายตาของหล่อนอยู่บนตัวเฉินเป่ยตั้งแต่ต้นจนจบ หล่อนอยากรู้อยากเห็นมาก เจ้าหนุ่มที่ทำตัวลึกลับคนนี้ ขั้นต่อไปจะเตรียมทำอย่างไร คงไม่ใช่แค่ดูละครตลอดไปแบบนี้หรอกมั้ง
หลีชิงเยียนมองจางเป่าเฉิงอยู่ ยิ่งเป็นห่วงร้อนใจเพราะจางเป่าเฉิง อย่างกับมดที่โดนน้ำร้อนลวก
ทันใดนั้น หลีชิงเยียนเหมือนรู้สึกถึงอะไรได้ หันหน้ามองทางหลีเช่าเทียน
ที่ระยะไกล โซนวีไอพี หลีเช่าเทียนกำลังถือแก้วทรงสูง ไวน์แดงที่ระยิบระยับในแก้วกำลังแกว่งไหว สะท้อนประกายสีแดงซึ่งกำลังกระเพื่อมไม่ขาดสายออกมา
ส่วนหลีเช่าเทียนกำลังมองทางหลีชิงเยียนตรงนี้ สายตาสองคู่ปะทะกันกลางอากาศ ถึงแม้ระยะห่างจะไกลมาก แต่หลีชิงเยียนยังคงสามารถรู้สึกได้ถึงเลศนัยและความลึกล้ำที่ปล่อยออกมาจากบนตัวหลีเช่าเทียนนั้นได้อย่างชัดเจน
ในใจหลีชิงเยียนสั่นไหว เธอในชั่วขณะนั้นอ่านสายตาของหลีเช่าเทียนออกแล้ว สายตาที่หยอกเย้านั้น นี่เธอพึ่งเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้หลีเช่าเทียนถึงส่งคนไปหาอวี้เฉิงวั่ง
นี่เป็นแผนการที่หลีเช่าเทียนตั้งใจคิดออกมา อวี้เฉิงวั่งและเทพเมถุนร่วมมือกัน เดิมทีจางเป่าเฉิงไม่มีหวังจะเลื่อนขั้นสักนิด
ท่านประธานเทพธิดาสั่นไปทั้งตัว เหมือนเจอเรื่องกระทบจิตใจไม่ได้สติกลับมา หลีเช่าเทียนลงมือเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว เขาคือปีศาจร้ายที่ภายนอกดูจอมปลอมสุดๆ
“ช่างเถอะ” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลีชิงเยียนหายใจออกอย่างหนักหน่วงทีหนึ่ง สีหน้าอ่อนล้าอยู่มาก
“หลังงานพนันเพชรพลอยสิ้นสุดลง รีบกลับไปที่หู้ไห่ เขาคงไม่ปล่อยพวกเราไปแน่” เวลานี้หลีชิงเยียนเข้าใจโดยครบถ้วน นี่คือหลีเช่าเทียนต้องการเล่นพวกเขาหลายคนนี้ให้ตายทีละนิด
“ได้ค่ะ” ซูเหลยพยักหน้าแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วมาก สายตามองเห็นจางเป่าเฉิงยืนอยู่หน้าโต๊ะตนเองไม่ขยับเขยื้อน ท่าทางไร้ชีวิตชีวา บนที่นั่งผู้ชม นับวันยิ่งมีเสียงที่แตกต่างค่อยๆ ปรากฏขึ้น
“แม่งเอ๊ย ดีเลวยังไงก็เป็นหัวหน้าสมาคม เป็นบุคคลสาธารณะคนหนึ่ง หรือว่าจะรอความตายแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
“จางเป่าเฉิง นายเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย เทพเมถุนกับอวี้เฉิงวั่งจะพุ่งเป้าโจมตีมายังไง ฉันไม่เชื่อว่านายจะมีวิธีอะไร!”
“รอบแรกมีของหายากปรากฏขึ้น หัวหน้าสมาคมจางได้เลื่อนขั้น แต่รอบที่สองน่าจะไม่ผ่านมั้ง ตอนนี้เขาก็ยอมแพ้แล้ว”
“ฉันว่าหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยควรเปลี่ยนคนได้แล้ว ให้เจ้าคนแบบนี้มาเป็นหัวหน้าสมาคม มิน่าการพนันเพชรพลอยถึงยิ่งตกต่ำไม่ก้าวหน้า!”
บนที่นั่งผู้ชม คนดูแต่ละคนต่างโกรธเคืองขึ้นมา เริ่มต่อว่าอย่างกำเริบเสิบสาน
ส่วนผู้ตัดสินกานตรงที่นั่งกรรมการ และผู้ตัดสินที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับจางเป่าเฉิงเหล่านั้นต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ตอนมองเห็นจางเป่าเฉิงสภาพย่ำแย่แบบนี้ ในที่สุดก็บรรลุจุดประสงค์ของพวกเขาแล้ว
“ใกล้หมดเวลาแล้ว ไม่ว่าเป็นใคร ล้วนช่วยเขาไม่ได้ พระเจ้ามาก็ไม่มีทางกู้สถานการณ์ได้” ผู้ตัดสินท่านหนึ่งในนั้นกวาดตามองเฉินเป่ย เอ่ยปากทันใด
หลังผู้ตัดสินท่านนั้นเอ่ยปากขึ้น ผู้ตัดสินกานจงใจมองทางเฉินเป่ย ถามขึ้นอย่างหยอกล้อ “เจ้าหนุ่ม นายไม่ใช่อยากช่วยเขามาตลอดเหรอ? ทำไมไม่ออกหน้าแล้วล่ะ?”
เผชิญหน้ากับการยั่วยุของผู้ตัดสินหลายท่าน เฉินเป่ยไม่พูดสักคำ เพียงแค่มองพวกเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง จากนั้นมองไปทางเขตแข่งขันต่อไป
“ถ้าเขาไม่กลัวโดนสาธารณชนตำหนิและสงสัยในความเป็นธรรม เขาสามารถลงมือได้ เพียงแต่แบบนี้ เกรงว่าจางเป่าเฉิงคงยากจะรักษาตำแหน่งหัวหน้าสมาคมไว้ได้” ผู้ตัดสินอีกท่านพูดจาสบายอกสบายใจแบบเย็นชา
“หมดเวลาแล้ว” ผู้ตัดสินท่านหนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น
“ติ้ง……” เสียงนาฬิกาดังขึ้น เสียงนาฬิกาที่เหมือนระฆังขนาดใหญ่ลอยเข้าในหูของแต่ละคน ถึงทำให้ในใจจางเป่าเฉิงที่หน้าตาไร้ชีวิตชีวาสั่นเทา เงยหน้าขึ้นฉับพลัน ได้สติกลับเข้ามาแล้ว
ทั้งกระบวนการแข่งขัน จางเป่าเฉิงโดนเทพเมถุนและอวี้เฉิงวั่งพุ่งเป้าโจมตี ไม่มีใครยินยอมแลกเปลี่ยนหินหยาบกับเขา มีเพียงที่ตัดออกแล้วสี่ก้อน เขาคงงงงวยจนใจลอย
เขาเริ่มเสียใจทีหลังแล้ว ทำไมตนเองต้องรับปากหลีชิงเยียนด้วย ลงมือเพื่อการนี้ เข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม
เขายิ่งคาดไม่ถึงว่าสุดยอดดาบสามเล่มในครั้งนี้ ที่นั่งกรรมการล้วนเป็นศัตรูที่ตนเองสร้างขึ้น ยิ่งมีการปรากฏตัวของเทพเมถุนด้วย ทุกอย่างนี้ไกลเกินกว่าความคาดหมายของเขา
ถ้าไม่ใช่ผู้ตัดสินชุดดำคนนั้น เขาคงรับมือรอบแรกไม่ไหวแน่
และตอนนี้ การพิจารณาและตัดสินของรอบที่สองได้มาถึงแล้ว
รอบที่สอง เขาคงไม่มีโชคดีแบบในรอบแรก
เสียงนาฬิกาดังขึ้น ทุกคนหยุดการกระทำในมือลงมา ค่อยๆ หยิบหินหยาบสี่ก้อนในมือขึ้น เดินไปที่ตรงหน้าของโต๊ะกรรมการ
จางเป่าเฉิงที่ทั้งตัวเหมือนศพเดินได้เดินไปยังด้านหน้าที่นั่งกรรมการ ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความหมดหวัง
“รอบแรกหัวหน้าสมาคมจางผ่าอัญมณีสองสีออกมาได้ ไม่รู้ว่ารอบที่สองจะทำเซอร์ไพรส์อะไรให้พวกเราดูอีก” บนที่นั่งกรรมการ ผู้ตัดสินกานมองจางเป่าเฉิงแบบเหยียดหยาม คำพูดแต่ละประโยค แต่ละคำของเขา ลอยเข้าหูของจางเป่าเฉิง เห็นได้ชัดว่าเสียดสีขนาดนั้น
จางเป่าเฉิงก้มหน้าลงต่ำ เขาสามารถรับรู้ได้ถึงสายตาแต่ละคู่ตกลงบนตัวเขา ทำให้เขารู้สึกอับอายจนไม่มีที่ไป อยากหาหลุมตรงนั้น มุดเข้าไปจนใจแทบขาด
หินหยาบสี่ก้อนนี้ เขารู้มูลค่าของพวกมันดีเสียยิ่งกว่าใคร หินหยาบสี่ก้อนนี้ เดิมทีไม่อาจทำให้เขาผ่านการแข่งขันรอบสี่คนไปได้
ส่วนผู้ตัดสินกานรู้ถึงความยากลำบากของจางเป่าเฉิงเป็นอย่างดี ยังจงใจเหยียบย่ำให้อับอายอีกสักยก
“ยังไม่เริ่มตรวจสอบอีกเหรอ?” เฉินเป่ยมองเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยที่กำเริบเสิบสานของผู้ตัดสินเหล่านั้นและการเย้ยหยันของผู้ตัดสินกาน ขมวดคิ้วขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนจะถามไป
ผู้ตัดสินกานมองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ชั่วขณะนั้นรอยยิ้มบนหน้าหายไปแล้ว ทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง พูดจาอย่างรำคาญ “ส่งหินหยาบมาให้หมด”
ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนนำหินหยาบในมือวางไว้บนโต๊ะของกรรมการ หินหยาบแต่ละก้อนที่มีสัญลักษณ์ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนผ่านการวินิจฉัยประเมินค่าของผู้ตัดสินแต่ละคน และให้คะแนน
เทียบกับความหงุดหงิดใจของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น จางเป่าเฉิงเกือบจะรอคอยการมาเยือนของความตาย นี่เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายช้าๆ
ทันใดนั้น ผู้ตัดสินกานยกหินหยาบก้อนหนึ่งขึ้น พูดเสียงดัง “หัวหน้าสมาคมจาง นายสายตาใช้ได้นี่ เมล็ดหยกระดับต่ำที่ธรรมดาที่สุดแบบนี้ นายก็ตัดออกได้ด้วย!”
ซู่!
ชั่วขณะนั้น กล้องแต่ละตัวต่างโฟกัสไปบนตัวของผู้ตัดสินกานและจางเป่าเฉิง
ในใจจางเป่าเฉิงเต้นตึกตัก ยิ่งก้มหน้าลงต่ำไปอีก มือทั้งคู่กำหมัดแน่น ร่างกายสั่นเทาเบาๆ ไม่หยุด
“ตัดออกมาได้เมล็ดหยกระดับต่ำ!”
“พวกนี้ล้วนเป็นหินหยาบจากคลังสมบัติของสมาคมการพนันเพชรพลอยเลยนะ คาดไม่ถึงยังมีเมล็ดหยกระดับต่ำของแปลกแบบนี้ด้วย!”
“เมล็ดหยกแบบนี้ หินหยาบสวะที่สุด ยังไม่แน่ว่าจะตัดออกมาได้ ของเสียในของเสีย!”
ชั่วขณะนั้น ที่นั่งผู้ชมฮือฮาไปแถบหนึ่ง สายตาของผู้ชมนับไม่ถ้วนที่มองทางจางเป่าเฉิงดูแปลกประหลาดมาก