บทที่482 กองทหารที่แข็งแกร่ง!
การต่อสู้ที่เข้มข้นเช่นนี้ สำหรับคนทั่วไปแล้วกำลังร่างกายเกือบจะเป็นการเอาออกไปใช้เกินกว่าที่มีอย่างบ้าคลั่ง
วิ่งห้าสิบเมตรด้วยความรวดเร็ว คนทั่วไปไม่อาจยืนหยัดด้วยความเร็วสูงสุดได้ตลอดเวลา เกรงว่าหลังจากสิบกว่าวินาที คงไม่มีพลังกายแบบก่อนหน้านี้แล้ว
การต่อสู้ที่เข้มข้นก็เป็นเช่นนี้ ตอนอยู่ในทีมรบพิเศษ ซูเหลยเคยปะทะกับหัวหน้าทีมของตนเอง หัวหน้าทีมของตนเองเป็นที่ยอมรับว่าแกร่งสุดในกองทัพ ส่วนตัวของเขาเองก็ยอมรับ ยังยืนหยัดได้เพียงสองนาทีกว่า หลังจากสองนาที เขาก็ยากจะยืนหยัดกำลังต่อสู้ดังก่อนหน้านี้เอาไว้ได้
ส่วนภาพเงาสามคนที่อยู่ตรงหน้านี้ พอเวลาผ่านไป ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบกว่านาที แต่ระดับความเร็วและกำลังของพวกเขาไม่มีอ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย ซูเหลยตื่นตกใจราวกับเห็นผีเข้าให้
แต่ไม่นานซูเหลยก็ยอมรับขึ้นมาได้แล้ว คนที่สู้รบกับราชาหลงผู้น่าเกรงขามได้ จะเป็นคนไม่สำคัญได้อย่างไรกัน?
การต่อสู้ที่เข้มข้นเช่นนี้ สามารถอธิบายได้อย่างชัดแจ้ง
ตอนที่ซูเหลยกำลังสงสัยภาพเงาของสองคนนั้น ทันใดนั้น หล่อนมองเห็นใบหน้าของจิง ร่างกายสั่นรุนแรง
แวบหนึ่งซูเหลยจึงนึกขึ้นได้ สีหน้าของหล่อนตกใจซับซ้อน ในใจเกิดคลื่นโหมซัดสาดขึ้น
นี่เป็นไปได้อย่างไร ดวงตาของซูเหลยจ้องหน้าของจิงไม่ขยับ หล่อนนึกขึ้นได้ในแวบหนึ่ง ตอนแรกที่หล่อนอยู่ทีมรบพิเศษ รับคำสั่งไปที่สามเหลี่ยมทองคำและกวาดล้างพวกค้ายาเสพติดจนได้รับชัยชนะกลับมา ตอนนั้นคนที่มามอบรางวัลให้ทีมรบพิเศษก็คือจิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
เดิมทีซูเหลยไม่มีทางลืมเขาได้ ใบหน้าที่หล่อสง่าใบนั้น ลักษณะท่าทางที่ลุ่มลึกลึกลับ ขอเพียงคนใดเจอหน้าครั้งหนึ่ง ย่อมไม่มีทางลืมการมีตัวตนของเขาไปได้
คาดไม่ถึงจะเป็นเขา
ในใจของซูเหลยยากจะสงบดังเดิม อย่างไรเสียหล่อนก็ไม่อยากเชื่อว่าคนที่เฉินเป่ยประมือด้วยนั้นจะเป็นบุคคลที่สถานะสยองขวัญเช่นนี้
ในตอนแรกเขาถูกหัวหน้าทีมของตนเองเรียกว่าการมีตัวตนที่อำนาจเกรียงไกรในเยี่ยนจิง ตอนนี้เขาได้ร่วมมือกันกับอีกคนหนึ่ง สู้ดุเดือดกับเฉินเป่ย
และอีกคนหนึ่ง เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าจิงสักเท่าไรหรอกมั้ง?
ซูเหลยมองทางหู้ที่ดูอายุน้อยกว่าจิงอยู่บ้าง บุคลิกมีเอกลักษณ์เหมือนกัน นั่นเป็นออร่าพิเศษที่เป็นของผู้มีตำแหน่งสูงมาอย่างยาวนานถึงจะพัฒนาขึ้นได้ ยากที่จะเลียนแบบ
ชั่วขณะนั้นซูเหลยเกือบจะวินิจฉัยออกมาได้เลย หู้กับจริงล้วนเป็นบุคคลที่ตำแหน่งสูงมาก แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ ไม่ได้ให้ทุกคนก้มหัวสยบ คาดไม่ถึงกำลังสู้รบกับเฉินเป่ย
ซูเหลยมองทางหน้าของหู้ รอยเลือดบนหน้าของหู้นับวันยิ่งมีเลือดสดไหลออกมามาก ทำให้เขาดูขึ้นอัปลักษณ์อย่างยิ่ง ทำให้ในใจซูเหลยสั่นไม่หยุด มองทางเฉินเป่ย ก่อนจะเพิ่มความตกใจหลายระดับ
คาดไม่ถึงจะได้รับบาดเจ็บแล้ว……สองคนร่วมมือกัน ไม่เพียงไม่ทำให้เฉินเป่ยพ่ายแพ้ และยึดครองความเป็นต่อ คนหนึ่งในนั้นยังได้รับบาดเจ็บจนเสียโฉม
เฉินเป่ยแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่? นี่คือความสามารถของราชาหลงเหรอ? สองคนนั้นแกร่งขนาดนั้น ยังโดนราชาหลงหยุดยั้งได้
“พวกนายมีความสามารถแค่นี้เหรอ?” ทันใดนั้น เฉินเป่ยหลบการโจมตีของจิงและหู้ออก ตอบกลับเย็นชา ในน้ำเสียงยังมีการเสียดสีจางๆ
“ราชาหลง เป็นนายหมดแรงเอง” หู้ทำเสียงฮึดฮัด ดาบยาวแทงออกมาฉับพลันนับครั้งไม่ถ้วน ภาพวืดแสงดาบแต่ละสายพุ่งไปยังเฉินเป่ย
“ฉันหมดแรง?” เฉินเป่ยส่งเสียงหัวเราะ มองทางหู้และจิง สายตาเพิ่มความหมายเยาะเย้ยหลายระดับ “เป็นพวกนายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงต่างหาก”
ซูเหลยมองทางจิงและหู้ คาดไม่ถึงทั้งสองคนเริ่มหอบหน่อยๆ ถึงแม้ว่าจะเบาบางมาก แต่ว่ายังถูกเฉินเป่ยกวาดล้างมองจนทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรกแล้ว
“ไม่เสียแรงที่เป็นราชาหลง ฉันประเมินต่ำไปเอง” จิงมองทางเฉินเป่ย สายตาล้ำลึกไร้ขอบเขต เขาพยักหน้าแล้ว เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม ลมหายใจสม่ำเสมอ ไม่ได้ดูกระเซอะกระเซิงแบบจิงและหู้โดยสิ้นเชิง
“ตอนนั้นคนที่อยากฆ่าฉันมีมากมาย แต่มีแค่พวกนายสองคนยังดื้อดึงเข้าไป ฉันไม่ถือสาอะไรแล้ว แต่พวกนายยังใส่ใจอยู่อีก” เสียงของเฉินเป่ยเผยความหมายเย็นยะเยือก
หู้ยิ้มแบบอัปลักษณ์ “นายไม่ถือสาอยู่แล้ว แต่นายใส่ใจคนในครอบครัวของนายมั้ยล่ะ?”
“นายพูดอะไร?”
พอเฉินเป่ยได้ยินประโยคนี้ของหู้ ชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันใด ระเบิดลักษณะท่าทางที่ดุเดือดไร้ที่เปรียบดุจดาบแหลมออกมาจากบนตัว
“เป็นราชาหลงแล้วยังไง แม้แต่คนในครอบครัวตัวเองยังหาไม่เจอ นายยังมีหน้าอะไรมาอยู่ต่อ” หู้ยิ้มพูดถากถาง เวลานี้ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยเลือดสด หัวเราะขึ้นมายิ่งเหมือนกับปีศาจร้ายตัวเป็นๆ
“ปัง!”
ในที่สุดสีหน้าเฉินเป่ยเปลี่ยนไปมาก เฉินเป่ยก้าวเท้าออกมา พื้นเกิดเสียงดังปังขึ้นทันที ระเบิดออกโดยตรง
ส่วนเฉินเป่ย ชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏตัวต่อหน้าของหู้ คว้าคอเสื้อของหู้เอาไว้ ยกตัวหู้ขึ้นมา “พวกเขา……อยู่ที่ไหน?”
เฉินเป่ยค่อยๆ สอบถาม น้ำเสียงมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ พลันพูดว่า “บอกฉันมา ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้นายรู้สึกเสียใจอย่างหาที่สุดไม่ได้แน่!”
หู้มองเฉินเป่ยอยู่ หัวเราะฮาๆ “บอกนาย? นายคิดว่าเป็นไปได้เหรอ?”
“ปึง!”
เฉินเป่ยต่อยหู้กระเด็น ทันใดนั้นกุมมีดหลงหยาไว้แน่น กวาดสายตาทางหู้และจิง ดวงตาสาดส่องความโหดเหี้ยมมหึมาอันโจ่งแจ้ง และไม่ได้ปิดซ่อนแต่อย่างใดออกมา
นี่คือความโกรธของราชาหลง
ในที่สุดเฉินเป่ยเกิดความคิดที่จะสังหารแล้ว
ซูเหลยเฝ้ามองทุกอย่างนี้อยู่ในระยะไกล หล่อนไม่เข้าใจเป็นธรรมดา ทำไมเฉินเป่ยถึงมีปฏิกิริยาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาฮึกเหิมขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกัน?
ในใจของหู้ยิ่งสงสัย ส่วนสายตาของจิงที่มองเฉินเป่ยยิ่งลุ่มลึกขึ้น กระทั่งหลังจากที่เฉินเป่ยเกิดความคิดที่จะสังหารขึ้น แววตาของเขาก็เพิ่มความหวาดกลัวนิดๆ
“พวกนายไม่พูด งั้นฉันจะให้ตระกูลของพวกนายมองดูศพพวกนายแล้วพูด!” เฉินเป่ยตะโกนชัดถ้อยชัดคำ กล้ามเนื้อทั้งตัวผุดขึ้น กล้ามเนื้อแต่ละก้อนบนตัวเขาค่อยๆ นูนขึ้น เส้นเลือดแต่ละเส้นใหญ่และแน่นดุจงูเขียวราวกับจะแหวกออกจากการห่อหุ้มของผิวหนังระเบิดออกมา
หู้ลุกขึ้นยืนแบบกระเซอะกระเซิง เฉินเป่ยในเวลานี้ ในที่สุดก็ทำให้ในใจเขากำลังสั่นเทา
เฉินเป่ยกุมมีดไว้ในมือ จ้องจิงและหู้ตาไม่กะพริบ ราวกับปีศาจร้ายAsuraก้าวเท้าออกมา
“มังกร!” เฉินเป่ยตะโกน ท่วงท่าที่ไร้รูปร่างกำลังก่อหวอดรวมตัวอย่างบ้าคลั่ง
“บุก!” ตอนที่เฉินเป่ยตะโกน ในใจของจิงปรากฏความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตที่รุนแรงขึ้น นั่นคือความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน
เฉินเป่ยในเวลานี้น่ากลัวมาก ทำให้เขาหวาดผวาอย่างยิ่ง ถ้าเขาไม่หยุด ผลลัพธ์มีความเป็นไปได้มากว่าคือความตาย
ในมือหู้ถือดาบยาว บุกฆ่าไปที่เฉินเป่ยตั้งแต่แรก ความรู้สึกของจิงนั้น หู้ก็มีเช่นกัน
“ตัด!” เฉินเป่ยก้าวเท้าเหยียบพื้น พื้นสั่นสะเทือนครืนๆ ราวกับแผ่นดินไหว ทั่วทั้งตัวเฉินเป่ยมีท่วงท่าที่ไร้รูปร่างรวมตัวกัน มีดหลงหยาในมือ มีดคมที่บางดุจปีกจักจั่นสั่นวึ้งๆ เหมือนกำลังตื่นเต้น
“เจ็ด!” ทันใดนั้นเฉินเป่ยหายไปจากที่เดิม ภาพวืดผ่านไปกลางอากาศ พุ่งโจมตีไปยังหู้ด้วยความรวดเร็ว
“ขั้น!”
พอขาทั้งคู่ของเฉินเป่ยกระโดดขึ้น พื้นที่ใต้เท้าปรากฏหลุมยุบขนาดใหญ่หลุมหนึ่งขึ้น ส่วนดาบของหู้หยุดชะงัก เขาคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเฉินเป่ยจะหายตัวไปจากที่เดิม ดาบนั้นจึงฟันอากาศทันที
“ไม่ดีแล้ว!”
สีหน้าของจิงซีดขาวฉับพลัน หน้าตาโกรธมาก ทันใดนั้นความหวาดผวาใหญ่โตระเบิดออกในความคิดของเขา
แต่รอให้จิงตอบสนองเข้ามาก็สายไปเสียแล้ว
ซูเหลยมองทางท้องฟ้าสูง หล่อนท่าทางเหม่อลอยไปตั้งนานแล้ว ลมหายใจเร่งถี่สุดๆ
ภาพเงาคนคนหนึ่งลงมาจากด้านบนท้องฟ้า พัวพันกับพลังที่สยองขวัญไร้ขอบเขต ระเบิดโจมตีมา
“อัยย่าห์—” หู้กัดฟันแน่น ใช้ดาบฟันออก แต่เดิมทีช่างไร้ประโยชน์
ภาพเงาคนคนนั้นระเบิดมาที่ดาบยาวตรงๆ พลังที่สยองขวัญม้วนเข้ามาระเบิด เสียงดังกังวานหลายรอบ
ดาบยาวเล่มนั้นในมือของหู้หักจนสั้นกุด
“นี่เป็นไปไม่ได้!” หู้จ้องมองดาบยาวเล่มนั้นไม่ขยับ มึนงงไปทั่วทั้งตัว นี่คือดาบยาวเล่มหนึ่งที่เขารักที่สุด เป็นเขาที่ลดเกียรติไปเชิญปรมาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งจากภูเขาลึกออกมาด้วยตนเองถึงสามครั้ง และมีทักษะหลอมตีเหล็กขึ้นรูปแบบโบราณที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ นำเหล็กบริสุทธิ์ระดับสูงนั้นมาทำเป็นดาบยาว…ผู้อาวุโสท่านนั้นเคยบอกกับเขาว่าบนโลกนี้แทบจะไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำลายดาบยาวลงได้ ทางด้านมูลค่าของมันคือของที่ประเมินค่าไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้ ดาบยาวเล่มนี้ในมือของเขากลับถูกเฉินเป่ยหักไปตรงๆ
และในวินาทีต่อมา แสงดำเส้นหนึ่งแวบผ่าน เลือดสดนับไม่ถ้วนพุ่งกระฉูดตรงหน้าของหู้
จิงมองเห็นฉากนั้น สั่นเทาอย่างแรงไปทั้งตัว
แสงดำเส้นนั้นหมุนวนแยกออกอย่างบ้าคลั่งบนแขนของหู้ ตัดเอ็นแขนข้างซ้ายของหู้จนขาดทั้งหมด ราวกับพายุสีดำลูกหนึ่ง ทุกที่ที่ผ่านไปล้วนมีเลือดเหม็นคาวกระจายไปหมด
หลังจากวินาทีหนึ่งสั้นๆ แขนของหู้ร่วงลงมาอย่างหมดแรง ห้อยค้างกลางอากาศไร้เรี่ยวแรง สีหน้าซีดเผือด กำลังสั่นเทาไปทั่วตัว แยกไม่ออกว่าหวาดกลัวหรือว่าไม่อยากจะเชื่อ
“ยังมีนายอีก!”
ทันใดนั้น เฉินเป่ยตะโกนออกมาดังสนั่น ก่อนจะมองทางจิง
ภายในจิงสั่นเทา ถอยหลังไปโดยจิตใต้สำนึก ไม่มีลังเลสักนิดเดียว
ความรู้สึกที่เฉินเป่ยมอบให้เขา ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหมดแรงเป็นครั้งแรก ความรู้สึกว่าตนเองเล็กกระจิริดอย่างยิ่งแบบนั้น ทำให้จิตใจเขาตื่นตระหนก
ตนเองไม่สามารถต้านทานได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นตนเองคงมีจุดจบเช่นเดียวกับหู้เป็นแน่
ในที่สุดจิงก็เข้าใจแล้ว ที่ตนเองยั่วโมโหไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่เป็นมังกรที่โกรธเคืองเป็นพิเศษ เขาจำเป็นต้องยอมรับความโมโหของราชาหลง
“ฟิ้ว!”
เสียงสะเทือนในอากาศดังขึ้น ในใจของจิงสั่นรุนแรง เขา…ถึงอย่างไรก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว
“ฟรึ่บ!”
จิงหลับตาทั้งคู่อย่างหมดหวัง แต่กลับไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอันนั้น แต่เป็นท่อนล่าง ทันใดนั้นเย็นยะเยือกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
จิงก้มหน้า พบว่าแสงดำเส้นนั้นปาดกางเกงของเขาออก เผยกางเกงขาสั้นลายดอกที่อยู่ด้านในออกมา…….
จิงทั้งตกใจทั้งอาย แต่เวลานี้ในใจเขาโล่งลงไปทีหนึ่ง เขาไม่มีความหมายสู้รบแม้แต่น้อย หันหน้าแทบไม่ทัน รีบร้อนยกกางเกงของตนเองขึ้น หนีไปทางระยะไกลของโรงแรมแบบล้มลุกคลุกคลาน
“ไป ไปสิ!”
จิงพุ่งไปจากด้านข้างของหู้ คว้าหู้มาอย่างแรง ตะโกนเสียงดุ ถึงเรียกหู้ที่ตกตะลึงจนได้สติ รีบหนีไปกับจิงด้วยความหวาดผวาอย่างยิ่ง…….
ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วเหลือเกิน แม้กระทั่งพวกเขาสองคนเองยังนึกไม่ถึงว่าตนเองจะมีจุดจบแบบนี้ ผลลัพธ์เช่นนี้
พวกเขาเป็นถึงผู้นำของเมืองสองแห่งเชียวนะ……ใครจะไปคิดว่าตอนมาพวกเขาที่ลักษณะท่าทางดุดัน มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ตอนที่ไป กลับรีบร้อนเช่นนี้……เหมือนหมาจนตรอก