สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 607

ตอนที่ 607

บทที่ 607 ผู้อาวุโสปรากฏตัว

“ใคร” เสียงชราดังออกมาจากปลายสาย

“เกิดเรื่องกับเฉินเป่ย” ชิงเหนียนถอนหายใจออกมา

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงเหนียนพูด ชายชราที่อยู่ปลายสายถึงกับชะงักไป จากนั้นจึงถามขึ้น “เฉินเป่ยถูกพวกนายจับตัวไปเหรอ”

“ตอนนี้เขาอยู่ในสถานกักกันที่เมืองหู้ไห่ ผมเป็นเพื่อนของเขา” ชิงเหนียนพูด

“นายไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม” ชายชราเอ่ยถามอีกครั้ง

ชิงเหนียนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจังว่า “ผมจะหลอกคุณทำไม เรื่องของคุณกับเฉินเป่ย..ผมรู้หมดแล้ว”

“เฉินเป่ยเป็นอะไร” ชายชรารู้สึกถึงความผิดปกติ จึงถามออกไป

“เขาถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญ” เฉินเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความกังวล

ชายชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “วางใจเถอะ จากความสามารถของเขา ในเมืองหู้ไห่ยังไม่มีใครทำอะไรเขาได้”

“อืม แค่นี้นะ” ชิงเหนียนไม่ได้คุยอะไรต่อ และวางสายทันที

หลังจากวางสาย ชิงเหนียนก็ถอนหายใจออกมา ถ้าเป็นเช่นนี้ เฉินเป่ยคงจะไม่เป็นอะไร

วันต่อมา ฟ้ายังไม่ทันสว่างหลีชิงเยียนก็ตื่นขึ้นมา เธออาบน้ำล้างหน้าอย่างเหม่อลอย จากนั้นเธอจึงใส่เสื้อผ้าและแต่งหน้าอ่อนๆ เธอรีบไปที่บริษัทโดยไม่ได้ทานข้าวเช้า สองสามวันนี้เธอนอนไม่หลับ จึงไม่มีกะจิตกะใจไปทำเรื่องอื่น

ซูเหลยขับรถมายบัคจนมาถึงใต้อาคาร

หลีชิงเยียนก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในอาคาร

“นี่ รอก่อนสิประธานคนสวย” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง

หลีชิงเยียนชะงักฝีเท้าด้วยความตกใจ เธอหันไปมอง

เห็นวัยรุ่นหน้าตาสะสวยคนหนึ่งลงมาจากรถออฟโรดยี่ห้อมาเซราติ เธอวิ่งเขามาช้าๆ

ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้ามาและหยักหน้าให้หลีชิงเยียน “ประธานคนสวย ฉันอยากถามหน่อยว่าเฉินเป่ยไปไหน ช่วงนี้ฉันติดต่อเขาไม่ได้เลย”

สาวสวยคนนั้นกะพริบตา และถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

หลีชิงเยียนได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไป ตัวของเธอสั่นเล็กน้อย เธอเงียบไม่พูดอะไร เพราะเธอไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

หลีชิงเยียนอย่างจะพูดโกหกออกไป แต่เมื่อเห็นแววตาเป็นกังวลของผู้หญิงคนนั้น ราวกับเธอเห็นเงาของตัวเอง ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นห่วงเฉินเป่ยมากเหมือนกันเหรอ

ตอนนี้ประธานเทพธิดายิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ เธอเงียบอยู่นาน สุดท้ายจึงพูดความจริงออกมา

“เฉินเป่ยถูกจับ” หลีชิงเยียนพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้เธอเหนื่อยใจกับเฉินเป่ยมาก

หลีชิงเยียนเล่าเรื่องของเฉินเป่ยให้ผู้หญิงคนนั้นฟังอย่างละเอียด เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความกังวลของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ความรู้สึกนี้เหมือนกับความรู้สึกในใจของเธอ จนทำให้เธอไม่สามารถปิดบังความจริงเอาไว้ได้

“ขอบคุณนะคะ ประธานคนสวย” ผู้หญิงคนนั้นวิ่งออกไป โดยไม่รอให้หลีชิงเยียนได้พูดอะไร

เสียงเครื่องยนต์ของรถออฟโรดยี่ห้อมาเซราติดังขึ้น จากนั้นก็เคลื่อนตัวออกไปทันที

เธอมองรถที่เคลื่อนตัวออกไป แววตาของเธอฉายแววความสับสนออกมา ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่

รถมาเซราติเคลื่อนตัวออกไป ผู้หญิงคนนั้นเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจเมืองหู้ไห่

รถมาเซราติสีขาวเบรกลงตรงหน้าประตูสถานี ตำรวจเมืองหู้ไห่ ผู้หญิงคนนั้นรีบลงจากรถและวิ่งเข้าไปข้างในสถานีตำรวจ

“มีเรื่องอะไรเหรอสาวน้อย” เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างใน เห็นสาวสวยวิ่งเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลนก็อดถามไม่ได้

สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นนิ่ง จากนั้นจึงตวาดออกมาว่า “เรียกผู้บัญชาการของพวกนายออกมา!”

เจ้าหน้าที่ต่างพากันอึ้งไป จากนั้นจึงอธิบายว่า “นี่สาวน้อย ขอโทษด้วยนะ ผู้บัญชาการของเรางานยุ่งมาก เธอมีเรื่องอะไรบอกพวกเรามาเถอะ ถ้าจะมาแจ้งความก็ไปลงชื่อข้างหน้า”

สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเย็นชา เธอพูดด้วยความโมโหว่า “ได้ งั้นพวกนายฟังให้ดีนะ ฉันบอกให้ปล่อยตัวเฉินเป่ยออกมาเดี๋ยวนี้!”

เจ้าหน้าที่อึ้งไป และมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด แววตาของพวกเขาเหมือนกับกำลังเยาะเย้ยและล้อเลียน ปล่อยเฉินเป่ยงั้นเหรอ ตอนนี้เขาได้รับโทษอย่างแน่นอนแล้ว จะปล่อยตัวคนที่ทำผิดร้ายแรงขนาดนี้ออกไปได้อีกเหรอ ยิ่งไปกว่านั้น สาวน้อยคนนี้ไม่มีเอกสารอะไรที่เป็นทางการเลยสักอย่าง เดินเข้ามาตะโกนให้ปล่อยคน เห็นสถานีตำรวจเป็นสวนสนุกหรือไง

“นี่สาวน้อย ที่นี่คือสถานีตำรวจไม่ใช่สวนสนุก เธอช่วยจริงจังหน่อย” ตำรวจหญิงวัยกลางคนพูดเตือน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็นิ่งไป “ฉันดูเหมือนคนมาก่อกวนอย่างนั้นเหรอ”

เจ้าหน้าที่ต่างพากันมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด เหมือนกำลังจะสื่อว่าเธอกำลังมาก่อกวน!

“เรียกผู้บัญชาการออกมา ฉันจะคุยกับเขา!” ผู้หญิงคนนั้นเอามือเท้าเอว ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเย็นชา

พวกตำรวจไม่ได้สนใจเธอ และทำเป็นเมินเธอ ผู้บัญชาการเป็นบุคคลสำคัญของที่นี่ เด็กคนนี้อยากเจอก็จะได้เจออย่างนั้นเหรอ

ที่สถานีตำรวจชั้นสาม ในห้องของบอส

โล่ก้วนจองนั่งเอนสูบซิการ์อยู่บนเก้าอี้ ในหัวมีแต่ภาพอนาคตอันยิ่งใหญ่

จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงโวยวายเบาๆ ของผู้หญิงดังมาจากโถงข้างล่าง

โล่ก้วนจองเรียกเลขาเข้ามา เขาถามอย่างสงสัยว่า “ข้างล่างมีอะไรเกิดขึ้น เสียงโหวกเหวกโวยวาย”

เลขาโค้งตัวให้และพูดอย่างหวาดระแวง “ข้างล่างมีผู้หญิงแปลกหน้ามาโวยวาย บอกว่าต้องการเจอท่านค่ะ”

โล่ก้วนจองพ่นควันออกมาอย่างไม่พอใจ “เธอมาหาฉันทำไม”

“เธอบอกว่าต้องการให้ท่านปล่อยตัวของเฉินเป่ยที่ก่อคดีร้ายแรงค่ะ” เลขาพูดเบาๆ

โล่ก้วนจองหรี่ตาลง สีหน้าของเขานิ่ง จากนั้นก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ท่านคะ ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นอะไรกับเฉินเป่ย เมื่อเห็นว่าผู้ชายของเธอถูกจับ ก็เลยมาสร้างความวุ่นวายค่ะ” เลขาพูดถึงความเป็นไปได้ออกมา

โล่ก้วนจองสูดหายใจและหลับตาลง เขาโบกมือไปมา “เอาตัวเธอออกไป ถ้าเกิดยังวุ่นวายอีก ให้ขังเธอเพราะก่อกวนความสงบเรียบร้อยของประชาชน”

“ค่ะ” เลขาพยักหน้าแล้วเดินออกไป

โล่ก้วนจองแสยะยิ้มร้ายกาจ จุดจบของเฉินเป่ยในครั้งนี้..อนาคตของเขากำลังจะสว่างไสว!

ข้างล่างสถานีตำรวจ ผู้หญิงคนนั้นกำลังยืนเท้าสะเอวเถียงกับเจ้าหน้าที่ด้วยความโมโห

“นี่คนสวย ฉันขอเตือนให้เธอรีบออกไป ถ้าเธอยังไม่ออกไป อย่ามาว่าพวกเราที่จับเธอในข้อหาก่อกวนความสงบเรียบร้อยก็แล้วกัน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดออกมาอย่างเย็นชา เหมือนกำลังข่มขู่เธอ

เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

“ได้สิ พวกนายจะฉันใช่ไหม ฉันจะดูสิว่าในเมืองหู้ไห่ ใครหน้าไหนจะกล้าแตะตัวฉันบ้าง” เมื่อพูดจบ เธอก็ยื่นแขนออกไปเหมือนรอให้พวกเขาใส่กุญแจมือ

ตอนนี้เธอเหมือนผู้หญิงที่เอาแต่เล่น เธอหมดหนทาง ตอนนี้เธอได้แค่ทำตัวอันธพาล เพราะเธอไม่รู้สาเหตุสำคัญของเรื่องที่เกิดขึ้น จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพื่อที่จะช่วยเฉินเป่ย

เหล่าตำรวจหมดคำจะพูดกับสาวสวยที่ทำตัวเป็นอันธพาล เธอมาสร้างความวุ่นวายชัดๆ

ตำรวจหญิงวัยกลางคนทนไม่ไหว เธอหยิบกุญแจมือออกมาจากตู้เซฟโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอยกกุญแจมือเดินเข้ามา ราวกับเดินเข้ามาหานางร้ายในละครอย่างไรอย่างนั้น

“ที่นี่คือสถานีตำรวจ ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะมาก่อความวุ่นวาย!” ตำรวจหญิงคนนั้นเดินเข้ามาด้วยความโมโห กุญแจมือคงจะใส่ไว้ที่ข้อมือของผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่แท้

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึ่มอยู่ข้างนอกสถานีตำรวจ

รถออดี้สีดำจอดลงหน้าสถานีตำรวจ

ผู้อาวุโสคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ เมื่อเขาเห็นภาพที่เกิดขึ้นในสถานีตำรวจ ตำรวจหญิงคนหนึ่งกำลังจะใส่กุญแจมือผู้หญิงคนนั้น สีหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไปทันที ผู้อาวุโสที่สุขุม ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว

“หยุดเดี๋ยวนี้” เสียงของผู้อาวุโสดังก้อง แต่มันเหมือนกำลังตวาดออกมาด้วยความโมโห

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังอึ้ง เรื่องนี้ยังไม่ทันเคลียร์ ก็มีคนมาอีก สองสามวันมานี้คนมายื่นคำร้องที่สถานีตำรวจไม่มากนัก แต่หลังจากที่เฉินเป่ยถูกจับ ข้าราชการจากทุกสำนักในเมืองหู้ไห่ต่างพากันเข้ามา อีกทั้งยังมีทนายระดับสูงจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาเจรจา สถานีตำรวจเกือบจะกลายเป็นที่พักขนาดย่อม พวกเขาอยู่ไม่เป็นสุขแม้แต่วินาทีเดียว

เขารีบก้าวเข้ามาในสถานีตำรวจ สีหน้าขอเขาจริงจังเป็นอย่างมาก เขาเดินมาหยุดตรงหน้าเจ้าหน้าที่ผู้หญิง และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เย็นชา “เธอรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่” ตอนนี้ผู้อาวุโสมีความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด

เจ้าหน้าที่ผู้หญิงสีหน้าเย็นชาไม่ต่างกัน เธอเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ยังไม่เคยมีใครกล้าไร้มารยาทและเย็นชากับเธอขนาดนี้ เธอยกกุญแจมือขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ถูกต้องสงสัยว่ากำลังขัดขวางความสงบเรียบร้อย ฉันเลยสั่งสอนเธอไปนิดหน่อย ทำไม นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

แววตาของผู้อาวุโสราบเรียบและเย็นชา เขาจ้องเจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นเขม็ง

“ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สำหรับบางคน คุณไม่มีสิทธิ์ไปแตะต้องตัวเขา..” ผู้อาวุโสพูดเนิบๆ น้ำเสียงของเขาชัดเจนไม่มีอะไรแอบแฝง มันแสดงความจริงออกมา

เจ้าหน้าที่หญิงหัวเราะอย่างเยาะเย้ย เธอมองผู้อาวุโสอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “นายเป็นใคร มาสถานีตำรวจทำไม ถ้าไม่มีอะไรก็รีบออกไป ที่นี่เป็นหน่วยงาน ไม่ใช่ที่ที่จะมาสร้างความวุ่นวาย”

เจ้าหน้าที่หญิงพูดออกมาตรงๆ เพื่อที่จะให้สองคนนี้ออกไป

สีหน้าของผู้อาวุโสนิ่งเฉย เขาพูดออกมาว่า “ฉันคือหัวหน้าแห่งเยี่ยนจิง”

“หัวหน้าอะไร ไม่เคยได้ยิน! รีบออกไปซะ!! ที่นี่คือสถานีตำรวจ ถ้าทั้งสองคนยังไม่ออกไป อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!” เจ้าหน้าที่หญิงพูดออกมาอย่างเผด็จการ

เจ้าหน้าที่ที่อยู่รอบๆ มองทั้งสองคนด้วยแววตาขำขันเหมือนกำลังดูละครอยู่ ทั้งสองคนมาก่อเรื่องชัดๆ

ผู้อาวุโสสีหน้าราบเรียบ “ช่วยไปบอกผู้บัญชาการของพวกนายด้วยว่าหัวหน้าแห่งเยี่ยนจิงต้องการพบ”

เจ้าหน้าที่หญิงกำลังจะอ้าปากด่า แต่วินาทีต่อมาคำพูดก็จุกอยู่ที่คอของเธอ

เพราะเหมือนเธอนึกอะไรออกมาบางอย่าง หัวหน้า?

เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันอึ้ง ทุกคนจ้องไปที่ผู้อาวุโสกับผู้หญิงคนนั้น ทุกคนต่างพากันคาดเดาและสงสัยอยู่ในใจ

“นายคือหัวหน้าอะไรนะ” เจ้าหน้าที่หญิงถามอย่างไม่แน่ใจ

สีหน้าของผู้อาวุโสนิ่งเฉย จากนั้นจึงพูดว่า “ฉันบอกไปแล้วว่าเยี่ยนจิง”

เมื่อได้ยินดังนั้น จู่ๆ ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่ว จากนั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นระรัว

เจ้าหน้าที่หญิงแววตาวูบไหว เธอมองผู้อาวุโสและมองไปยังรถออดี้ที่จอดอยู่หน้าสถานีตำรวจ

ขณะนั้นตัวของเธอสั่นเทาเพราะความตกใจ เธอตกใจตัวตนของผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้า

“รบกวนไปบอกผู้บัญชาการด้วยว่าฉันต้องการพบ” ผู้อาวุโสพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงราบเรียบ

เจ้าหน้าที่หญิงถอยออกอย่างตัวสั่นงันงก เสียงของเธอสั่นระรัว “เอ่อ คุณรอสักครู่ ฉันจะไปแจ้งให้…”

เธอพูดพลางหันหลังวิ่งออกไปที่ห้องทำงานของผู้บัญชาการ

ห้องทำงานชั้นสาม

โล่ก้วนจองกำลังหลับตาพักผ่อน เขาพ่นควันออกมาเบาๆ

จู่ๆ เสียงเคาะประตูอย่างร้อนรนก็ดังขึ้น

“ปังๆๆๆ” เสียงเคาะประตูเต็มไปด้วยความร้อนรน

“ใคร” โล่ก้วนจองตื่นเพราะเสียงเคาะประตู เขาตะโกนออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

ประตูห้องค่อยๆ เปิดออก เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าตื่นตระหนก “ผะ..ผู้บัญชาการโล่ มีคนอยากพบคุณอยู่ข้างล่าง เขาเป็น…”

เจ้าหน้าที่หญิงยังไม่ทันได้พูดจบ โล่ก้วนจองเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้

“ผู้หญิงคนไหน น่ารำคาญนัก กล้าดียังไงมาก่อความวุ่นวายในถิ่นของฉัน ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นใคร” ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา เขากำลังหลับตาวาดฝันภาพอันสวยงามในอนาคต นังผู้หญิงคนนั้นยังไม่เลิกวุ่นวาย เขาอยากเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถึงกล้ามาหาเขา

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ข้อหาก่อกวนความสงบมาจับผู้หญิงคนนั้น และสั่งสอนอีกฝ่ายให้สาสม!

สีหน้าของโล่ก้วนจองโมโหและเย็นชา เขาเดินออกจากห้องทำงานและลงไปข้างล่าง

เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นอึ้งไป เธอกำลังจะบอกว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่โล่ก้วนจองเดินอย่างรวดเร็วลงไปข้างล่าง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท