เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 609 กลับบ้าน
ภายในสถานกักกันพิเศษ โล่ก้วนจองเพิ่งทำเอกสารปล่อยตัวเสร็จ สีหน้าของเขาขุ่นมัวเป็นอย่างมาก เขาไม่มีทางเลือกอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องในวันนี้ทำให้เขาทุกข์ใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาทุกข์ใจที่สุด
ผู้อาวุโสจับมือหลานสาว ทั้งสองยืนเงียบๆ อยู่อีกด้าน ราวกับดอกไม้สดที่ยังคงงดงาม
ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่สองคนวิ่งกุลีกุจอออกมา
“ผู้บัญชาการโล่ เฉินเป่ยไม่ยอมออกมาครับ” เจ้าหน้าที่พูดอย่างกระอักกระอ่วน
“อะไรนะ” โล่ก้วนจองได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไป ก่อนหน้านี้ที่จับตัวเขา เขาใช้หลายร้อยวิธีเพื่อหลุดพ้นจากความผิด แต่พอจะปล่อยตัวกลับไม่ยอมออกมา
ผู้อาวุโสงงไปหมด ทำไมหมอนั่นไม่ยอมออกมา
“ลากเขาออกมา!” โล่ก้วนจองสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เขาพูดออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
เจ้าหน้าที่กลับเข้าไป
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่พวกนั้นก็เดินออกมามือเปล่า
“ผู้บัญชาการโล่…เขาไม่ยอมออกมาครับ พวกเราลากเขาออกมาไม่ไหวครับ…” สีหน้าของเจ้าหน้าที่ดูเหนื่อยใจ
โล่ก้วนจองอึ้งไป เขาเกือบจะระเบิดอารมณ์มา ไอ้เวรนี่ อุตส่าห์ปล่อยตัวแล้วยังจะเล่นตัวอีก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผู้อาวุโสเดินเข้ามาถาม
โล่ก้วนจองสีหน้ากระอักกระอ่วน “เอ่อ..คุณดูสิครับ เฉินเป่ยเขาไม่ยอมออกมาเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ”
ขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งออกมาจากข้างในอีกคนหนึ่ง “ผู้..ผู้บัญชาการโล่ครับ ขะ..เขาบอกว่าให้คุณเข้าไป..ขอโทษเขาด้วยตัวเอง เขาถึงจะยอมออกมา”
“อะไรนะ” โล่ก้วนจองโกรธจนถลึงตาออกมา ตัวของเขาสั่นไปหมด มือทั้งสองข้างกำแน่น มันเป็นท่าทางของคนที่กำลังจะฆ่าคน!
ผู้อาวุโสอึ้งไป เขางงไปหมด เฉินเป่ยเป็นคนที่แปลกจริงๆ เขาไม่เคยเห็นใครไม่ยอมออกมาจากสถานกักกัน
“บังอาจนัก! เขาอยากอยู่ก็ให้อยู่ไป!” โล่ก้วนจองสะบัดแขนเสื้ออย่างโมโห และกำลังจะเดินออกไป
“ผู้บัญชาการโล่ครับ..เขายังบอกอีกว่า…” เจ้าหน้าที่รีบเดินเข้ามาพูดต่อ “เขาบอกว่าถ้าคุณไม่เข้าไปขอโทษ เขาจะนำเรื่องบางอย่างยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด เรื่องที่ว่าคุณน่าจะรู้ดี…”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของผู้บัญชาการโล่ก็เปลี่ยนไปทันที สีหน้าของเขาไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
โล่ก้วนจองสั่นไปทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธเป็นอย่างมาก ถ้าตอนนี้เขาสามารถฆ่าคนได้ เขาต้องยิงไอ้เวรนั่นเป็นคนแรก ฆ่าเพื่อปิดปากมัน!
โล่ก้วนจองสะบัดแขนเสื้ออย่างโมโห เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เข้าเดินเข้าไปในสถานกักกันอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของเขาดังเหมือนแฝงไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง
ผู้อาวุโสกับหลานสาวมึนงงไปสองสามวินาที จากนั้นจึงรีบเดินตามไป
…
ห้องดำภายในสถานกักกัน เฉินเป่ยพิงตัวกับมุมกำแพง เขายกเหล้าเหมาไถขึ้นดื่มอย่างเงียบๆ
ชายชราที่อยู่ห้องข้างๆ หัวเราะจนแทบจะหายใจไม่ทัน
“น่าสนใจนี่ เฉินเป่ย นายคือเด็กหนุ่มที่น่าสนใจที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเจอมา…” เสียงหัวเราะของชายชราแฝงไปด้วยความยโสและไม่แยแส “ฉันไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มที่แปลกแบบนายมาก่อนเลย คิดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมออกไป น่าสนใจจริงๆ โว้ย”
ชายชราหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และหลุดสบถออกมา
เฉินเป่ยดื่มเหล้าไปหนึ่งอึก จากนั้นก็พูดประชดออกมาว่า “นี่ ความแปลกของผมมันมีอะไร ผมยังห่างชั้นกับคุณอีกเยอะ”
“แค่กๆๆๆ” ชายชราสำลักกับคำโต้แย้งของเฉินเป่ย
“ไอ้เด็กนี่ พูดแรงจริงๆ” ชายชราพูดอบรม
เฉินเป่ยไม่สนใจเขา และดื่มเหล้าต่อไป
“นี่เฉินเป่ย ฉันมีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง เธอสวยจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง ถ้าครั้งหน้ามีโอกาส ฉันจะแนะนำให้นายรู้จัก” ชายชราหัวเราะแล้วพูดขึ้น
เฉินเป่ยยังคงไม่สนใจ พูดไร้สาระ เก้าในสิบของคำพูดชายชราเชื่อไม่ได้
ขณะนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าหนักๆ บนทางเดินอันเงียบงัน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท่านั้น เฉินเป่ยก็แสยะยิ้มออกมา ฟังจากเสียงย่ำเท้า เจ้าของฝีเท้าคงจะอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
เฉินเป่ยแสยะยิ้ม ในที่สุดก็มาแล้วสินะ
“ผัวะ” ประตูเหล็กในห้องดำถูกเปิดออกอย่างแรง
โล่ก้วนจองยืนหน้าดำหน้าแดงอยู่หน้าประตู เขาพูดออกมาด้วยความโมโห “เฉินเป่ย นายจะทำอะไรกันแน่”
“โอ้ นี่ผู้บัญชาการโล่นี่นา ลมอะไรหอบคุณมาถึงที่นี่ได้ล่ะ” เฉินเป่ยยิ้มบางๆ น้ำเสียงของเขาร้ายกาจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความประชดประชัน
โล่ก้วนจองยืนตัวสั่นอยู่ที่หน้าประตู ถ้าเป็นไปได้ เขาแทบอยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าเฉินเป่ยให้ตาย!
“เฉินเป่ย นายระวังตัวให้ดีเถอะ!” โล่ก้วนจองพูดด้วยความโมโห เสียงของเขาสั่นระรัว
“อืม ขอบคุณผู้บัญชาการโล่ที่เตือน…” เฉินเป่ยพยักหน้า จากนั้นจึงยกเหล้าขึ้นดื่ม เหมือนกับกำลังรออะไรบางอย่าง
“ออกไปเถอะ นายได้รับการปล่อยตัวแล้ว” โล่ก้วนจองกัดฟันพูดออกมาเหมือนกับกำลังระงับความโกรธในใจ
การที่ทำให้ผู้บัญชาการที่สูงส่งอย่างเขา พูดแบบนี้กับนักโทษได้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่มันเป็นเรื่องน่าอายสำหรับโล่ก้วนจองเป็นอย่างมาก
“โอ้ ผู้บัญชาการโล่ นี่คือคำขอโทษเหรอ ทำไมผมรู้สึกเหมือนคุณกำลังโมโหใส่ผมล่ะ” เฉินเป่ยพูดเนิบๆ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความยียวน
โล่ก้วนจองกำหมัดแน่น จนได้ยินเสียงกระดูกลั่น รับรู้ได้เลยว่าเขากำลังโกรธขนาดไหน!
ทั้งสองคนมองภาพในห้องดำอย่างเหม่อลอย นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างๆ เหงื่อไหลเต็มศีรษะ เหตุการณ์วันนี้มันน่าตกใจมาก พวกเขาทำงานในสถานกักกันพิเศษมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัยคนไหนอวดดีขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะให้ผู้บัญชาการระดับสูงขอโทษเขา
“ถ้าผู้บัญชาการโล่ไม่เต็มใจก็ช่างเถอะ ก็เหมือนที่คุณบอกไว้ว่ามีทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลชัดเจน การที่ผมถูกจับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว แต่หลักฐานพวกนั้น ผมคิดว่าทำตามกระบวนการจะดีกว่านะ..จะตัดสินยังไงก็ตัดสินไปเลย” เฉินเป่ยพูดเนิบๆ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความประชดประชันและดูหมิ่น
โล่ก้วนจองหายใจฟึดฟัด เขาเข้าใจสิ่งที่ไอ้เวรเฉินเป่ยต้องการจะสื่อ หนึ่งในหลักฐานของเฉินเป่ยคือวิดีโอที่ปลอมขึ้นมา ถ้าทำตามขั้นตอนแล้วถูกจับได้ขึ้นมา
เขาคงไม่ต้องคิดที่จะทำอาชีพนี้ต่อ กลัวว่าคนที่จะอยู่ในนี้จะเป็นตัวเขาเองน่ะสิ
แต่เฉินเป่ยกำความลับนั้นเอาไว้ และกำลังข่มขู่เขา
โล่ก้วนจองกัดฟันกรอด จนได้ยินเสียงฟันเสียดสีกัน ตอนนี้เขาโกรธเป็นอย่างมาก
“เฉินเป่ย ลูกน้องของฉันตรวจสอบคดีของนายผิดพลาดเอง ตอนนี้นายได้รับการปล่อยตัวแล้ว ขอ…โทษ” โล่ก้วนจองกัดฟันพูดออกมา นั่นเป็นการพูดด้วยความอัปยศอดสูและความโกรธที่สุดในชีวิตของเขา!
เจ้าหน้าที่ในนั้นงงไปหมด ผู้บัญชาการที่สูงส่งขอโทษผู้ต้องสงสัยด้วยตัวเอง!
หัวหน้าสับสนไปหมด ตอนนี้เขาไม่รู้จะพูดอะไร เฉินเป่ยทำให้คนเดาอะไรไม่ถูกเลย
ชายชราที่อยู่ในห้องดำข้างๆ เอนตัวพิงประตูเหล็ก เขาฟังเสียงนอกประตู แล้วแสยะยิ้มออกมาเหมือนกำลังดูละครเรื่องหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่ปรากฏออกมาตั้งแต่เขาผ่านอะไรมาหลายสิบปี น่าสนใจจริงๆ
เมื่อได้ยินคำขอโทษของโล่ก้วนจอง เฉินเป่ยจึงยิ้มออกมา
เขาปัดฝุ่นบนตัวออก จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน และเดินออกไปจากห้องดำ
โล่ก้วนจองยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน ตอนนี้เขานิ่งเหมือนรูปปั้นแกะสลัก ตัวของเขาสั่นด้วยความโกรธ
เฉินเป่ยเดินไปยืนข้างโล่ก้วนจอง จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ผู้บัญชาการโล่ ถือโอกาสขอร้องคุณสักเรื่องละกัน..”
“ผัวะ” โล่ก้วนจองซัดหมัดลงบนประตูเหล็ก จากนั้นจึงพูดด้วยความโมโห “นายคิดจะทำอะไรอีก”“ใจเย็นๆ” เฉินเป่ยพูดเตือนเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และแสยะยิ้มออกมา เขาชี้ไปยังห้องดำที่อยู่ข้างๆ
“ย้ายห้องให้ตาเฒ่าที่อยู่ข้างๆ ด้วยสิ ขังคนแก่ไว้ในห้องดำ มันจะเกินไปหน่อยมั้ง…”
“บังอาจ! นายคิดว่าที่นี่เป็นอะไร คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ” น้ำเสียงของโล่ก้วนจองโมโหเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาเหมือนภูเขาไฟที่กำลังปะทุออกมา
ขณะนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบข้างหูของโล่ก้วนจอง
จากนั้นโล่ก้วนจองก็หน้าเปลี่ยนสี และทรุดลงไปกับพื้น ตอนนี้สภาพของเขาดูแทบไม่ได้
เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผาก ตอนนี้โล่ก้วนจองรู้สึกมืดแปดด้าน
“พอได้แล้ว พวกนายรีบไสหัวออกไปซะ อย่ามารบกวนเวลาอันสงบของฉัน ฉันจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนทั้งนั้น” ชายชราที่อยู่ในห้องดำเอ่ยขึ้น
เฉินเป่ยได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไป ตาเฒ่านี่ประหลาดกว่าเขาเสียอีก หรือว่าจะเป็นโรคทางจิตอะไรบางอย่าง
โล่ก้วนจองได้ยินคำพูดของชายชรา หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น
ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต่างพากันเงียบ ขนาดหายใจยังไม่กล้าหายใจแรง
เมื่อเห็นว่าชายชราไม่ยอมออกไป เฉินเป่ยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาพูดกับคนที่อยู่ห้องข้างๆ ว่า “นี่ตาเฒ่า ผมไปแล้วนะ คงไม่ได้เจอกันอีก”
พูดจบ เขาก็สอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกไป
แสงอาทิตย์ส่องลงมาบนศีรษะ แสงส่องเข้ามาในตาของเขาจนลืมตาไม่ขึ้น
นี่คือโลกภายนอกสินะ ดีจริงๆ
เขาถูกขังอยู่ในนั้นไม่กี่วัน ในนั้นมีเพียงความมืดและเย็น แถมยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วย จู่ๆ ก็ได้ออกมาจากสถานที่แบบนั้น ทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก
เฉินเป่ยหันไปมองผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆ “ขอบคุณนะผู้อาวุโส” เรื่องวันนี้หัวหน้าออกโรงช่วยเขาด้วยตัวเอง เป็นเรื่องที่เฉินเป่ยคาดไม่ถึงจริงๆ
“ไม่เป็นไร อันที่จริงฉันก็ติดหนี้บุญคุณนายอยู่ เรื่องนี้ยังเทียบไม่ได้เลย อีกอย่าง ถ้านายอยากออกมา คนในหัวเซี่ยจะรั้งนายได้สักกี่คนเชียว”
เฉินเป่ยหัวเราะเสียงดัง จากนั้นจึงเดินออกไปเรียกรถแท็กซี่
“ผมไปก่อนนะ ถ้ามีเวลาว่างไว้ไปดื่มเหล้ากัน” เฉินเป่ยนั่งในรถและบอกลาผู้อาวุโส
เสียงเครื่องยนต์ของรถแท็กซี่ดังขึ้น จากนั้นก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของผู้อาวุโสสับสนจนผิดปกติ เขามองตามรถแท็กซี่คันนั้นและรู้สึกว่าชีวิตต่อจากนี้อาจจะต้องวุ่นวาย เมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
…
รถแท็กซี่จอดลงตรงหน้าประตูอาคารตระกูลหลี
เฉินเป่ยคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก จากนั้นจึงเดินเข้าไปในอาคาร
เขาขึ้นลิฟต์ตรงไปยังชั้นที่ 99
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขารีบเดินตรงไปที่ห้องประธาน
ตอนที่เขาเดินมาถึงหน้าประตูห้องประธาน ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย ความตื่นเต้นปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เขาสูดหายใจและดับก้นบุหรี่
จากนั้นจึงเปิดประตูเข้าไป
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาก็พบกับร่างอันสวยงามและมีเสน่ห์ เธอยืนอยู่ตรงมุมหน้าต่าง ผมยาวถูกปล่อยลงมาที่ไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ถึงแม้มันจะดูยุ่งเล็กน้อย แต่ยิ่งทำให้คนใจสั่น
ซูเหลยที่นั่งบนโซฟาหันขวับมามอง เธอไม่ได้ตกใจกับการปรากฏตัวของเฉินเป่ย ถ้าราชาหลงอยากออกมา ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
เหมือนร่างอันงดงามจะสัมผัสได้ว่ามีใครมา เธอหันกลับมามอง จากนั้นก็อึ้งไปทันที
ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนที่ทำให้เธอกังวลจนนอนไม่หลับ ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู ภาพตรงหน้ามันคือความจริงและชัดเจนจนทำให้ใจเต้นโครมคราม
ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนแดงระเรื่อ จากนั้นมันก็ค่อยๆ พร่าเลือนเพราะน้ำตา
เฉินเป่ยสูดหายใจ เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว ชายหนุ่มก้าวเข้าไปกอดหลีชิงเยียน
ดวงตาของหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความสับสน เธอตัวสั่นเล็กน้อยเพราะรู้สึกสับสน เธอไม่รู้จะระบายความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไร
เฉินเป่ยกอดหลีชิงเยียนเอาไว้แน่น เขาก้มหน้าสูดดมกลิ่นหอมของเธอ มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่น่าหลงใหลจนไม่อยากจากไปไหน ราวกับเป็นกลิ่นที่หอมที่สุดบนโลกใบนี้
คนที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างซูเหลยอึ้งไป เธอมองภาพนั้นเงียบๆ ตอนนี้เธอรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหลีชิงเยียนจะแพ้แล้วสินะ
จิตใจของซูเหลยสับสนไปหมด เธอคิดว่าอยู่ไปก็เป็นก้างขวางคอเปล่าๆ จึงเดินออกจากห้องทำงานเงียบๆ หลีชิงเยียนไม่รู้จะทำอย่างไร ร่างอันบอบบางสั่นเบาๆ เธอเหมือนลูกกวางที่กำลังตื่นตระหนก
เฉินเป่ยกอดผู้หญิงคนนี้เอาไว้แน่น ตอนที่เขาถูกขัง เขารับรู้สิ่งที่เธอทำเพื่อเขาทุกอย่าง เขายอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!
…
ขณะเดียวกัน ชานเมืองที่ห่างจากเมืองหู้ไห่ไปหลายสิบกิโลเมตร
เฮลิคอปเตอร์สองลำกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า บนเฮลิคอปเตอร์ เครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสุดยอดกำลังส่องลงมาดูเหตุการณ์ในป่านอกชานเมือง
“วิเคราะห์จากข้อมูลที่แสดง น่าจะอยู่บริเวณนี้!” เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์พูดอย่างจริงจัง
ป่านอกชานเมือง กลุ่มชายในชุดสูทสีดำกำลังปูพรมค้นหาในพื้นที่ สุนัขดมกลิ่นก็กำลังดมกลิ่นค้นหาอยู่ในป่า