บทที่646 ด้วยกำลังของคน
รถยนต์เป็นสุดยอดเครื่องจักรกลที่ยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรม มันครอบครองกำลังบิดหมุนอันสยองขวัญ เมื่อเชื้อเพลิงเผาไหม้ แรงบิดหมุนที่สยองขวัญแตกกระจาย…ร่างกายมนุษย์นั้น…เดิมทียากจะต้านทาน
ร่างกายของเฉินเป่ยกำลังถอยหลังไม่หยุด… กล้ามเนื้อแขนทั้งสองของเขาระเบิดแตก เลือดสดค่อยๆ ไหลออก… ทว่าหน้าตาของเขากลับนิ่งสงบเป็นพิเศษ…
“หึ่ม…!” เครื่องยนต์รถอาวดี้คำรามดุเดือด แต่ความเร็วในการเคลื่อนย้ายนับวันกลับยิ่งช้าลง… เฉินเป่ยขวางอยู่ที่หน้ารถเต็มที่…การสกัดกั้นของเขา…เหมือนจะปรากฏผลลัพธ์ขึ้นแล้วใช่ไหม?
ในที่สุด…หลังจากร่างกายของเฉินเป่ยหลุดออกจากรอยยุบขนาดใหญ่ที่ยาวเหยียดออกมาได้…เขากระโดดขึ้นฉับพลัน พื้นดินตรงนั้นพังยุบ…ทั้งตัวคนนิ่งอยู่ที่เดิมแล้ว
ส่วนรถอาวดี้ด้านหน้าเขาคันนั้นถูกพลังมหาศาลหยุดยั้งไว้เรียบร้อย…รถตกอยู่ในสถานการณ์จอดอยู่ที่เดิมไม่ขยับ…มีเพียงล้อด้านหลังสองล้อนั้นที่กำลังหมุนไม่หยุด…บนพื้นเกิดเสียงล้อรถเสียดสีกันอย่างรุนแรงออกมา…ฝุ่นฟุ้งกระจาย
“ตู้ม—!” เสียงโลหะระเบิดแตกทีหนึ่ง…ทันใดนั้นมีหมอกควันสีขาวโผล่ออกมาจากภายในหน้ารถของรถอาวดี้แล้ว เครื่องยนต์รถ…เดิมทีไม่มีทางรับแรงปะทะแบบนี้ได้…กระทั่งระเบิดแตกกระจายโดยตรง
กำลังของร่างกายคน…ฝืนสู้กับพลังของเครื่องยนต์? ท้ายที่สุด…แม้แต่เครื่องยนต์รถยังระเบิดแตก
ฉากนี้…ช่างน่าตกใจเหลือเกิน ร่างกายของคนธรรมดาคนหนึ่ง…นี่…เป็นไปได้อย่างไร?
ใบหน้าเย่ชวงซีดขาวอึ้งทึ่ง…ในเวลานี้ทั้งตัวเธอเหมือนจมสู่สภาพแข็งเป็นหิน…มองฉากนี้ด้วยความงุนงง…นี่…เกินกว่าขอบเขตการยอมรับในใจของเธอโดยสิ้นเชิง…นี่…เป็นกำลังของมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ เหรอ?
สายตาของเหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตื่นตกใจและตะลึง…จ้องเฉินเป่ยตาไม่กะพริบ…ผู้ชายคนนี้…มีความสามารถเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้เลยทีเดียว… นี่…ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาเด็ดขาด… ฝีมือระดับนี้…ช่างน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน
หวางอู๋ตี๋นั่งอยู่ในรถ รู้สึกว่าสีหน้าซีดเซียวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน… หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมาแล้ว
“กลับรถ!” หวางอู๋ตี๋ตะคอกบอก
สีหน้าคนขับรถซีดเผือดไปครึ่งหนึ่ง พูดแบบสั่นเครือ “คุณชาย…รถ…รถระเบิดแล้วครับ…”
ตู้ม! วินาทีนี้ หวางอู๋ตี๋รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นฉับพลัน เขาตัดสินใจทันที อยากจะดึงประตูรถออกแล้วพุ่งออกไปทันใด…
ร่างกายเฉินเป่ยแวบหายกะทันหัน ยกเท้าขึ้นทันใด…
“ปึง—!” แรงของเท้าข้างหนึ่งถีบไปยังประตูรถของรถอาวดี้จนยุบลงแล้วเปลี่ยนรูปในทันที
ประตูรถบานนั้นถูกถีบจนติดค้างทันที…หวางอู๋ตี๋ดุจนกตัวหนึ่งที่ถูกขังในกรง…ออกมาไม่ได้เลย
“สารเลว…ปล่อยฉันออกไปนะ! แกอยากจะทำอะไรกันแน่?” หวางอู๋ตี๋ใช้ร่างกายกระแทกประตูรถอย่างแรง สีหน้าของเขาดุร้าย ทั้งตัวแทบจะเสียการควบคุม
“แกกล้าแตะต้องฉันก็ลองดู? ตระกูลของฉันจะฆ่าแกหมดบ้าน…ไม่ให้เหลือสักคน! รวมทั้งหลีชิงเยียน…ทั้งบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป…จะต้องกลายมาเป็นของฝังในสุสานของฉัน!!” หวางอู๋ตี๋แค้นเคืองดุร้ายขั้นสุด ใช้ภาษาที่น่ากลัวข่มขู่ ในขณะนี้นี่คือวิธีการเดียวของเขา
เหล่าบอดี้การ์ดโดยรอบกลุ่มนั้นสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน จากนั้นพุ่งเข้ามาทันที…พยายามจะหยุดยั้งเฉินเป่ย…
แต่พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินเป่ยที่ไหนกัน?
“ตึงๆๆ…!” เกิดเสียงดังที่สยดสยองติดๆ กัน…เหล่าบอดี้การ์ดแต่ละคนถูกโจมตีลอยละลิ่ว…เลือดสาดกระจายกลางอากาศ
สายตาเฉินเป่ยนิ่งสงบอย่างยิ่ง จ้องหวางอู๋ตี๋ในรถอาวดี้แบบเย็นชา…ทั้งตัวเขาซีดเซียวดุร้าย กำลังกระแทกประตูรถอย่างแรง…
เฉินเป่ยจุดไฟที่บุหรี่มวนหนึ่ง ก่อนจะสูดเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เขาค่อยๆ มาที่ด้านหน้ารถอาวดี้ ทันใดนั้นโค้งตัวลง จากนั้นมือทั้งสองยกช่วงล่างรถอาวดี้ทันที
“ย่าห์—!” เฉินเป่ยตะโกนออกมา สีหน้าของเขาแดงขึ้นในชั่วพริบตา… กล้ามเนื้อแขนทั้งคู่ของเขา…ในเสี้ยววินาทีนั้นนูนขึ้นมาอีกครั้ง เส้นเลือดที่ราวกับงูที่สยองขวัญปูดขึ้น
ทั้งตัวของเฉินเป่ยสั่นเทารุนแรงเนื่องจากปล่อยกำลังมหาศาลออกมา… ขาของเขามีกำลังที่สยดสยองน่าตกใจระเบิดออกมา กล้ามเนื้อทั้งท่อนขาราวกับกบ ในชั่วขณะนั้นแตกออกเป็นเสี่ยง แข็งทื่อประหนึ่งหิน
“หยุดนะ…!!”
“คุณชาย…!”
เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น…สีหน้าของบอดี้การ์ดทั้งหมดซีดเผือดอัปลักษณ์…ในแววตาเผยความหวาดวิตกและตกใจอย่างรุนแรง
ดวงตาของเฉินเป่ยเปลี่ยนไปแดงก่ำหมดแล้ว กำลังที่สยองขวัญ…ระเบิดออกมาจากภายในร่างกายเขา ขีดจำกัดของมนุษย์…กำลังแฝงอันน่าสยองของร่างกายมนุษย์…ปล่อยออกมาในเสี้ยววินาทีนั้นแล้ว
“กึก…” ด้านหัวรถอาวดี้A6ที่หนักสองตันเต็มคันนั้นถูกเฉินเป่ยค่อยๆ ยกขึ้นมาแล้ว…
ฉากนี้…เขย่าขวัญแบบไร้ที่เปรียบ
ใบหน้าของเย่ชวงเหมือนจะอึ้งค้างไปแล้วในชั่วพริบตานี้ ดวงตาของเธอมีความตื่นตกใจ…ตกตะลึง… จ้องภาพเงาผู้ชายที่ดุจยอดมนุษย์คนนั้นแบบมึนงง…นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? นี่…ไม่ใช่กำลังฝันไปหรอกมั้ง?
กล้ามเนื้อแขนทั้งสองของเฉินเป่ยระเบิดแตก กำลังสั่นเทาไม่หยุด…เขาค่อยๆ ยกด้านหน้ารถอาวดี้ขึ้น ดุจยอดมนุษย์ที่สยองขวัญ
“ขึ้น—!” เฉินเป่ยตะโกนมาทีหนึ่ง
รถอาวดี้คันนั้น…คาดไม่ถึงจะโดนร่างกายของมนุษย์…ยกขึ้นฉับพลัน…
รถอาวดี้A6ราวกับสูญเสียการควบคุมทั้งคัน…ถูกเฉินเป่ยยกพลิกโดยตรง ตัวรถหมุนสามร้อยหกสิบองศาอย่างฉับพลันก่อนจะพลิกคว่ำลงไปบนพื้น
“ตึง—!”
รถอาวดี้ถูกยกพลิกถึงที่สุด…ท้องรถหงายขึ้นฟ้า…
ฝุ่นลอยฟุ้งแถบหนึ่ง บรรยากาศ…เงียบงัน
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตื่นตระหนกแข็งเป็นหิน ถลึงตามองฉากนี้ตาไม่กะพริบ… นี่…เป็นกำลังของมนุษย์จริงๆ เหรอ?
ใบหน้าเย่ชวงซีดขาว ทั้งตัวเธอนั้นเหมือนกับชะงักงันไป…เหลือเพียงเสียงลมหายใจที่แทบจะหยุดหายใจของตนเอง…หัวใจของเธอ…คล้ายจะหยุดลงในเสี้ยววินาทีนั้น
วินาทีนี้…เธอเหมือนสัมผัสกับโลกอีกใบหนึ่ง นั่น…คืออาณาเขตสยองขวัญที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนหน้านี้!
หลังคารถอาวดี้บดทับอยู่บนพื้นอย่างรุนแรง…ทั้งหลังคารถบิดเบี้ยวผิดรูปร่างถึงที่สุด…
กระโปรงรถโดนกดทับเปลี่ยนรูปร่าง…ทั้งตัวหวางอู๋ตี๋ถูกทับอยู่ในรถ…ลูกตาหดตัวรุนแรง…เลือดสดนิดๆ…ค่อยๆ ไหลออกมาตามหน้าผากของเขา…ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมทั้งใบหน้าของเขาแล้ว…
คุณชายรองตระกูลหวางผู้น่าเกรงขาม……คุณชายของยุคปัจจุบัน…หวางอู๋ตี๋ที่สร้างกระแสฮือฮาในวงการธุรกิจ… มาวันนี้…คาดไม่ถึงจะล้มอยู่ในมือของคนขับรถกระจอกคนหนึ่งของเมืองหู้ไห่เล็กๆ แห่งนี้แล้ว…
เลือดบนหน้าผากของหวางอู๋ตี๋กำลังไหลออกมาไม่หยุด…วินาทีนี้…ทั้งตัวหวางอู๋ตี๋กำลังสั่นเทิ้ม วันนี้…คาดไม่ถึงเขาจะเลือดตกยางออก…ในสถานที่เล็กๆ ของเมืองหู้ไห่แห่งนี้
เขาในเวลานี้น่าเวทนาดุจนกในกรงขัง…ทั่วตัวถูกเจตนาอาฆาตแค้นอันสยดสยองปกคลุมล้อมรอบไว้จนหมด นี่คือความอัปยศอดสู…ความอัปยศอดสูใหญ่หลวงของหวางอู๋ตี๋ ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงของทั้งตระกูลหวางแห่งเยี่ยนจิง
ลูกตาเฉินเป่ยนิ่งสงบไร้ที่เปรียบราวกับยมทูต เขากวาดตามองหวางอู๋ตี๋ที่อยู่ในรถด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง…
ในขณะนี้ ทั่วตัวคุณชายหวางท่านนี้ล้วนเป็นเลือด ติดอยู่ในรถอาวดี้ที่พลิกคว่ำ เดิมทีไม่สามารถขยับเขยื้อนได้สักนิด
“หวางอู๋ตี๋…ความอดทนของฉันมีจำกัด…อย่าหาเรื่องฉัน” เสียงของเฉินเป่ยนิ่งสงบผิดปกติ แต่กลับมีการข่มขู่ที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ด้วย
วินาทีนี้ หวางอู๋ตี๋ที่ติดอยู่ในรถร่างกายเริ่มสั่นอีกครั้ง… ตั้งแต่วินาทีที่เขาเกิดมา…ทั้งเมืองหลวงเมืองจิง…ไม่เคยมีใครกล้าพูดจาเช่นนี้กับเขา… ไม่มีใครกล้าข่มขู่เขาเช่นนี้ เพราะ…เขาแซ่หวาง แต่วันนี้ เพียงชั่วครู่เดียวเขาเหมือนเจอความอัปยศอดสูทั้งหมดในชีวิตแล้ว
เฉินเป่ย…ทำลายตำนานที่กล่าวว่าหวางอู๋ตี๋เป็นลูกพระเจ้าไร้ศัตรูลง ที่เมืองหู้ไห่แห่งนี้ เขาหวางอู๋ตี๋…ตัดสินไม่ได้
เฉินเป่ยจุดไฟบุหรี่มวนหนึ่ง เหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลย ค่อยๆ เดินมาที่ข้างกายเย่ชวง ดึงมือของเธอขึ้น…
เย่ชวงยังคงมึนงงไปทั้งตัว…ถึงแม้เธอจะสวมเครื่องแบบตำรวจ…แต่เวลานี้…สภาพของเธอไม่เหมือนกับตำรวจโดยสิ้นเชิง…ลักษณะการแสดงออกอึ้งทึ่งแข็งเป็นหิน…ทั้งยังไม่ได้สติกลับมาจากเหตุการณ์ที่ตื่นตระหนกเมื่อสักครู่นี้เลยแม้แต่น้อย…
“ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงละมุน
เย่ชวงตามเขาเข้าไปนั่งในรถไมบัคแบบงุนงง…
หลังจากสตาร์ทรถไมบัคขึ้น ค่อยๆ ขับออกไป…
เหลือเพียงสภาพระเกะระกะที่พื้นนั้น…รวมทั้งเหล่าบอดี้การ์ดที่บาดเจ็บไปทั้งตัวกลุ่มนั้นอีก…
ระหว่างทาง เย่ชวงนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ…อารมณ์สับสนไปหมด…เมื่อสักครู่ เธอเห็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนจิตใจนั้นมาด้วยตาตนเอง…ผู้ชายคนนี้…คาดไม่ถึงอาศัยแค่กำลังของคนคนเดียว…ต้านทานกำลังของเครื่องยนต์รถ…นี่…เกินกว่าประสบการณ์ความรู้ปกติทั้งหมดของเย่ชวงแล้ว
ในที่สุดเย่ชวงก็ทนไม่ไหว…จ้องเฉินเป่ยตาเขม็ง ถามด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง “เฉินเป่ย สรุปนาย…เป็นใครกันแน่?”
เฉินเป่ยขับรถไมบัคอยู่ ในปากคาบบุหรี่ไว้ บนแขนของเขายังเปื้อนเลือดอยู่…เพียงแค่บาดแผลค่อยๆ สมานตัว…จนกระทั่งหายสนิท
“ฉันเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาเท่านั้นเอง” เฉินเป่ยพูดอย่างนิ่งเรียบ
ในดวงตาของเย่ชวงสาดส่องความแหลมคม ใช้น้ำเสียงแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามขึ้น “คนธรรมดา? คนธรรมดาสามารถใช้กำลังร่างกายมาต้านทานกำลังของรถยนต์ได้ด้วยเหรอ? คนธรรมดาสามารถยกรถยนต์หนักสองตันคันหนึ่งพลิกได้ตามชอบใจเลยเหรอ?”
“นั่นคือรถยนต์….!” เสียงของเย่ชวงแทบจะพังทลายไปบ้าง…เพราะเธอในขณะนี้…สับสนมาก เธอตื่นตะลึงอึ้งทึ่งกับฝีมือที่สยองขวัญแบบนี้ของเฉินเป่ย
ความคิดที่น่าสยองแอบปรากฏขึ้นในหัวสมองของเย่ชวง…ในตอนแรก…เธอเคยได้ยินหัวหน้าฉีบอกว่า…บนโลกใบนี้…มีบางคน…พวกเขาอยู่เหนือความสามารถของโลกใบนี้…พวกเขา…ครอบครองพลังซ่อนแฝงของมนุษย์ที่สยองขวัญน่ากลัวไว้…พวกเขา…ถูกเรียกว่านักรบพิเศษ
“นายบอกฉันมาตามตรง…นายเป็น…นักรบพิเศษหรือเปล่า?” เย่ชวงจ้องเฉินเป่ยตายไม่กะพริบ ราวกับอยากจะมองเขาให้ทะลุปรุโปร่ง สถานะสยองขวัญของผู้ชายคนนี้เกินกว่าจินตนาการของเธอ บุคคลระดับนี้ ช่างน่าตกใจเหลือเกิน
ได้ยินคำพูดนี้ของเย่ชวง หัวใจเฉินเป่ยเต้นแรงเล็กน้อย…จากนั้นเขาหัวเราะนิ่งๆ
“บนโลกใบนี้ไม่มีมนุษย์ที่ความสามารถเหนือชั้นหรอก…และไม่มียอดมนุษย์ด้วย คุณตำรวจเย่…คุณดูหนังฮอลลีวูดมากไปมั้ง?” เสียงของเฉินเป่ยมีเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์หยอกเย้า
“แต่ถ้า…เป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนพิเศษมาล่ะ? ถ้าเป็นคนที่ผ่านวิธีการพิเศษ…กระตุ้นพลังซ่อนแฝงของร่างกายมนุษย์มาล่ะ?” เย่ชวงจ้องเขาตาไม่กะพริบ ความชัดเจนแหลมคมในแววตาล้ำลึกขึ้น
“หลักการฟิสิกส์ของอาร์คิมีดีสเคยชี้ออกมาว่า…กำลังซ่อนแฝงของร่างกายคนสามารถกระตุ้นอานุภาพมหาศาลออกมาได้หลายร้อยเท่า…สามารถยกรถที่หนักสองตันด้วยมือเปล่า…นี่คือกำลังซ่อนแฝงหรือเปล่า?” เย่ชวงไล่ถามไม่ปล่อย
วินาทีนี้ ในแววตาของเฉินเป่ยเผยความลุ่มลึกที่น่าประหลาดออกมา…ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนกำลังยืนยันคำพูดทั้งหมดเมื่อสักครู่ของเย่ชวงอยู่…
“ชวง เธอกำลังพูดอะไรกัน? พลังแฝงพลังลับอะไรกัน…ฉันเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป หวังว่าเธออย่ามาถามอีก ได้มั้ย?” เสียงของเฉินเป่ยนิ่งสงบไร้ที่เปรียบ มีความล้ำลึกที่พูดไม่ถูก
ถึงแม้ว่าเฉินเป่ยพยายามปฏิเสธที่จะยอมรับ…แต่…คำตอบในใจของเย่ชวงนับวันยิ่งชัดเจน ในขณะเดียวกัน ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งเหมือนกำลังค่อยๆ เปิดเผย…ถ้าพูดว่า…เฉินเป่ยคนนี้…เป็นนักรบพิเศษจริง…อย่างนั้น…คดีฆาตกรรมต่อเนื่องใหญ่โตหลายคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เมืองหู้ไห่…
เย่ชวงไม่อยากไปนำสองอย่างนี้มาสรุปรวมกัน…แต่สถานการณ์ในเวลานี้…ทำให้เธออดไม่คิดไปถึงจุดนั้นไม่ได้ เฉินเป่ย…เป็นฆาตกรสยองขวัญที่ตามหามาโดยตลอดจริงเหรอ?
เวลานี้เห็นได้ชัดว่าเย่ชวงอึ้งทึ่งผิดปกติ…หัวใจยุ่งเหยิงไร้ที่เปรียบ…ยามความจริงที่หลับใหลปรากฏออกมาเลือนรางจนกระทั่งนับวันยิ่งชัดเจนขึ้น…เธอไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้าอย่างไรดี
เฉินเป่ยเหมือนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเธอแล้ว หลังจากสูบบุหรี่เข้าลึกๆ ทีหนึ่ง จึงค่อยๆ พูดขึ้น “ไม่ต้องคิดมากไป…มีบางครั้ง…เธอต้องไปดูธาตุแท้…”
ความซับซ้อนในแววตาของเย่ชวงยิ่งเข้มข้นขึ้น…คำพูดของเขาหมายความว่าอะไร? กำลังยอมรับและสารภาพ…เรื่องราวพวกนั้นเหรอ?
คืนนี้…ลิขิตให้มีคนสับสน…มีคนนอนไม่หลับ…
…
เมืองหู้ไห่ โรงพยาบาลผู่ตง
ห้องคนไข้วีไอพีของโรงพยาบาล หวางอู๋ตี๋นอนอยู่บนเตียงคนไข้…สายตาของเขาตกตะลึงล้ำลึก เหมือนกำลังประสบกับความทรมานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…
หมอพยาบาลระดับสูงสุดในโรงพยาบาลหลายคนกำลังยืนอยู่หน้าเตียงคนไข้ จัดการบาดแผลบนตัวของหวางอู๋ตี๋ด้วยความระมัดระวัง…
จางจ้านพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งของตระกูลมาเฝ้าด้วยความเคารพนอบน้อมที่หน้าประตูห้องคนไข้ ในมือของจางจ้านถือมีดยาวไว้เล่มหนึ่ง ทั้งตัวปล่อยจิตอาฆาตที่ไร้ขอบเขตทอดยาวออกมา
หลังจากนั้นตั้งนาน เหล่าคุณหมอพยาบาลถึงจัดการบาดแผลบนตัวหวางอู๋ตี๋เสร็จ บนศีรษะของเขาถูกผ้าพันแผลห่มหุ้มไว้หนามาก…บนแขน…บนคอ…ถูกผ้าพันแผลหุ้มไว้เช่นกัน…เนื้อเยื่ออ่อนบนตัวได้รับบาดเจ็บหลายที่…เห็นได้ชัดว่ากระเซอะกระเซิงไปทั้งตัว
ตั้งแต่หวางอู๋ตี๋เกิดมา นี่คือการได้รับบาดเจ็บที่หนักที่สุดและน่าสังเวชที่สุด
หวางอู๋ตี๋นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ดวงตาอึ้งทึ่งดุร้ายว่างเปล่า จ้องเพดานเหนือศีรษะโดยตรง
หลังเห็นเหล่าคุณหมอทำแผลเสร็จ…จางจ้านถึงรีบพุ่งเข้ามาในห้องคนไข้วีไอพี
“คุณชายหวาง…คุณ…ไม่เป็นไรนะครับ?” จางจ้านยืนอยู่หน้าเตียงคนไข้แบบเคร่งเครียด น้ำเสียงมีความห่วงใยขั้นสุด
หวางอู๋ตี๋เหม่อลอยอยู่ตั้งนาน ถึงค่อยๆ ส่ายหน้า…เขาในขณะนี้ หลังผ่านเหตุการณ์ที่น่ากลัวนั้นมา…ในที่สุดก็กลับคืนสู่สภาพสุขุมเยือกเย็นดังเดิมแล้ว
“คุณชายหวาง…คุณวางใจได้ครับ! ผมจะไปฟันเอ๋อตงเฉินเดี๋ยวนี้เลย มันจะมีชีวิตรอดไม่พ้นคืนนี้เด็ดขาด!!” จางจ้านยกดาบยาวในมือขึ้นมา สีหน้าเย็นยะเยือกแถบหนึ่ง แรงอาฆาตแค้นพุ่งขึ้นชั่วพริบตาเดียว
คุณชายหวางคือแขกพิเศษของตระกูลจาง ยิ่งเป็นกำลังสำคัญสำหรับการประกาศตัวเป็นใหญ่ในอาณาเขตหัวเซี่ยตะวันออกของตระกูลจางในอนาคต วันนี้…คุณชายหวางถูกคนทำร้ายจนบาดเจ็บหนักเช่นนี้…นี่…อยากสวนกระแส อยากเป็นปรปักษ์กับตระกูลจาง เฉินเป่ยคนนั้น…จะต้องโดนฟันแบบไม่มีข้อสงสัย
แววตาหวางอู๋ตี๋ซับซ้อน ในตามีเส้นเลือดฝอย…เขาค่อยๆ ส่ายหน้าอีกครั้ง
“นาย..ออก…ไปก่อนเถอะ” เสียงของหวางอู๋ตี๋ทอดยาวอย่างอ่อนแรง เขาในเวลานี้ดูเหมือนผิดปกติเป็นพิเศษไปทั้งตัว
จางจ้านลังเลอยู่ไม่กี่วินาที…ท้ายที่สุดก็โค้งตัวพยักหน้าแบบเคร่งขรึม…ค่อยๆ ถอยออกไปจากห้องคนไข้
สายตาของหวางอู๋ตี๋น่าสะพรึงกลัว มองเพดานแบบเหม่อลอย หลังจากนั้นตั้งนาน ทันใดนั้นเขาค่อยๆ หยิบมือถือขึ้นแล้ว
หวางอู๋ตี๋นิ้วมือสั่นเบาๆ ในที่สุดต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง…
…
ช่วงค่ำ เมืองหลวงเยี่ยนจิง
อาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง ในห้องทำงานยังคงมีแสงไฟสว่างอยู่
ผู้รับผิดชอบแผนกที่อายุน้อยที่สุด หวางเหวินห้าวที่อายุไม่ถึงสามสิบกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน จัดการเอกสารและตรวจสอบข่าว
บนหน้าของเขาสวมแว่นตาอันหนึ่งไว้ ปิดซ่อนกำลังฮึกเหิมที่โหดร้ายนิดๆ เอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามีท่าทางสง่าลุ่มลึกไปทั้งตัว
ทันใดนั้น เสียงมือถือส่วนตัวที่หวางเหวินห้าววางไว้บนโต๊ะดังขึ้น
หวางเหวินห้าวตะลึงนิดหน่อย หยุดงานในมือลง เวลานี้เป็นช่วงดึกแล้ว…ในตระกูลยังมีใครที่โทรศัพท์หาเข้าในช่วงกลางดึกอีก?
พอเขาหยิบมือถือขึ้นมาดูด้วยความสงสัย สายที่โทรเข้ามา: น้องชายหวางอู๋ตี๋
ในตาหวางเหวินห้าวแอบมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนิดๆ แวบผ่าน…น้องชายของตนเองคนนี้…จิตใจหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างหนัก…แต่ไหนแต่ไรทำอะไรด้วยตนเอง แทบจะไม่เคยโทรศัพท์มาหาตนเองก่อนเลย…แต่ว่าวันนี้…กลับโทรศัพท์มาหาตนเองแบบกะทันหัน? แถมยังเป็นช่วงกลางดึก? หรือว่า…เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?
หวางเหวินห้าวค่อยๆ รับสายโทรศัพท์ ถามอย่างลุ่มลึกน่าประหลาด “อู๋ตี๋ ดึกขนาดนี้แล้วยังโทรศัพท์มาหาฉัน…มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
ในสายโทรศัพท์นั้นเงียบงันอยู่นาน หวางอู๋ตี๋ผู้เป็นน้องชายถึงเอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “พี่…ช่วยผมด้วย”
หวางอู๋ตี๋พูดออกมาเพียงสามคำนี้…แต่ราวกับมีเจตนาอยากฆ่าทอดยาวที่ไม่เคยมีมาก่อน
วินาทีนี้ หวางเหวินห้าวตะลึงค้างแล้ว น้องชายแท้ๆ ของตนเองคนนี้…คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงเอ่ยปากขอร้องตนเอง?
“เกิดเรื่องอะไรแล้ว?” หวางเหวินห้าวถามอย่างเคร่งเครียด สามารถทำให้น้องชายโทรศัพท์เข้ามาหาเขาด้วยตนเองได้…แสดงว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเป็นแน่…
“ผม…บาดเจ็บหนักอยู่โรงพยาบาล…” ในสายนั้น เสียงหวางอู๋ตี๋แหบแห้งและไม่แน่ใจ พูดจาอย่างลังเล