บทที่634 ระเบิดร่างคน
ท้องฟ้ายามค่ำเงียบสนิท อากาศสั่นสะเทือน กระสุนดุเดือดแต่ละลูกแหวกทะลุอากาศยามค่ำ มีพลังที่สู้ได้มหาศาลจู่โจมไปยังเฉินเป่ย
“ปังๆๆ—!” เฉินเป่ยแบกอาวุธไว้ ว่องไวดุจฟ้าแลบ สกัดกระสุนพวกนั้นจนร่วงไปหมด น่าสยองขวัญถึงเพียงนี้
มือปืนซุ่มยิงคนหนึ่งกำลังอยากลั่นไกอาวุธปืน…ชั่วพริบตาเดียว…กระสุนลูกหนึ่งก็ยิงลอยเข้ามาทันใด…จากนั้นยิงเข้าในช่องบรรจุกระสุนอาวุธของเขาอย่างแรง…
“ตู้ม!” เสียงระเบิดดังทีหนึ่ง ช่องบรรจุกระสุนของอาวุธระเบิดแตกโดยตรง มือปืนซุ่มยิงคนนั้นล้มลงจมกองเลือดทันใด
“หมายเลขสี่! หมายเลขสี่!!” ในเครื่องสื่อสารไร้สาย เสียงของเหล่ามือปืนซุ่มยิงโกรธแค้นและดุร้าย ในเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ…พวกเขาสูญเสียเพื่อนร่วมรบหลายคนไปอย่างคาดไม่ถึง?
“สารเลว!! ฉันจะฆ่าแก!!” มือปืนซุ่มยิงคนหนึ่งคลุ้มคลั่ง ยกอาวุธขึ้นซุ่มกราดยิงไปที่เฉินเป่ยอย่างบ้าคลั่ง
อากาศสั่นสะเทือนรุนแรง กลางท้องฟ้ายามค่ำที่สูงหลายร้อยเมตร…กระสุนยิงประสานกัน ควันปืนตลบอบอวลแถบหนึ่ง
“ปัง—!” ชั่วขณะหนึ่งในช่วงค่ำที่เงียบงันนั้น…กระสุนลูกหนึ่งตามเส้นรัศมีของแสงจันทร์…กระหน่ำยิงเข้ามารวดเร็ว
“ฉึก!” กระสุนยิงเข้าลำคอของเขาทันใด…ทะลุผ่านกลางคอ เลือดสาดกระจายขึ้นมา…ทั้งตัวของมือปืนซุ่มยิงคนนี้ล้มลงโดยตรง…
มือปืนซุ่มยิงล้มลงติดต่อกันหลายคน… วินาทีนี้ ผู้ควบคุมสีหน้าเขียวปัดดูแย่ผิดปกติ นี่…คือการลอบสังหารที่น่ากลัวและหนักหน่วงที่สุดตั้งแต่เกิดมาเขาเคยประสบพบเจอ มือปืนซุ่มยิงด้วยปืนบาร์เรตต์สิบห้าคนเต็มๆ คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงว่าไม่มีทางสังหารฝ่ายตรงข้ามคนเดียวได้…ทั้งยังถูกฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนตำแหน่งซุ่มยิงในสถานการณ์รบ…เริ่มดักยิงกลับ…
ลูกตาที่สั่นสะเทือนของผู้ควบคุมกวาดมองสถานการณ์ที่ซับซ้อนโดยรอบนิดหน่อย จากนั้นทำการตัดสินใจเฉียบขาด
“เปลี่ยนกลยุทธ์! เปลี่ยนกลยุทธ์! หมายเลขห้า หมายเลขหก ซุ่มยิงโจมตีรถไมบัคสีดำคันนั้น!! ดึงดูดย้ายความสนใจของเป้าหมาย! ล้อมจุดหนึ่งเพื่อช่วยอีกจุดหนึ่ง!!” ผู้ควบคุมตะโกนเสียงดุ
ซู่! อาวุธดักยิงที่ดำขลับน่าสะพรึงกลัวสองกระบอกเล็งไปยังรถไมบัคที่อยู่ห่างไปพันเมตรทันที
“กลุ่มจู่โจม! เตรียมพร้อมลงมือ!”ผู้ควบคุมบอกเสียงดุอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน กลางถนนด้านล่างตึกห่างไปพันเมตร…นักจู่โจมพร้อมอาวุธชุดดำปิดหน้ากลุ่มหนึ่งพุ่งโจมตีเข้าไปฉับพลัน พวกเขาหลบซ่อนอยู่ในความมืดมานานตั้งแต่แรก ในที่สุดตอนนี้ก็ออกโจมตีแล้ว
พวกเขา…กลุ่มซุ่มยิง กลุ่มจู่โจม นี่คือการล่าสังหารให้ถึงที่สุด
หลีชิงเยียนใบหน้าอึ้งทึ่ง…มองด้านนอกหน้าต่างรถด้วยดวงตาสับสน…
ในท้องฟ้ายามค่ำ นักจู่โจมชุดดำผิดหน้ากลุ่มนั้นพุ่งโจมตีเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม แรงอาฆาตล้นหลาม
นักจู่โจมคนหนึ่งกุมระเบิดเอาไว้ในมือ พยายามฝืนระเบิดเกราะป้องกันกระสุนของรถไมบัค
“ปัง—!” เขาเพิ่งพุ่งมาด้านหน้ารถไมบัค กระสุนลูกหนึ่งก็ทะลุผ่านระหว่างคิ้วในชั่วพริบตา
“ปึง” นักจู่โจมล้มลงที่พื้นทั้งตัว
เหล่านักโจมตีกลุ่มนั้นพุ่งไปที่รถไมบัคด้วยแรงอาฆาตเดือดดาล…พยายามระเบิดทำลายรถไมบัค…
แต่ว่าในท้องฟ้ายามค่ำ มีกระสุนแต่ละลูกยิงลอยเข้ามากะทันหัน
เห็นเพียงเฉินเป่ยกำลังหมอบอยู่บนดาดฟ้าตึก แบกอาวุธปืนบาร์เรตต์ไว้ ดวงตาลุ่มลึกไร้ที่เปรียบขยับเข้าใกล้ด้านเลนส์เล็งเป้า ดักยิงนักจู่โจมกลุ่มนั้นที่ด้านล่าง
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในรถ หัวใจกำลังเต้น“ตุบๆ”…เธอรู้…เป็นเฉินเป่ย เป็นเฉินเป่ยกำลังช่วยเธอ ถึงแม้ตอนนี้ เดิมทีเธอจะหาภาพเงาของเฉินเป่ยไม่เจอก็ตาม…แต่เขาอยู่ในความมืดยามค่ำ…อยู่ในมุมหนึ่งคอยคุ้มครองตนเองอยู่
ค่ำคืนที่ทอดยาว การสังหารนองเลือดไร้ขอบเขต
นี่ คือสนามรบที่เป็นของเฉินเป่ย
ชั่วขณะนั้นที่เขาแบกปืนบาร์เรตต์ขึ้น ทั้งสถานการณ์สู้รบเปลี่ยนแปลงถึงที่สุดแล้ว
มีคนบอกว่ามือปืนซุ่มยิงเป็นบทบาทที่น่ากลัวที่สุดบนโลก เขาสามารถยิงคนตายได้ในระยะห่างออกไปไกล สังหารคนแบบมองไม่เห็นตัว เขาสามารถควบคุมสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมดในขอบเขตหนึ่งกิโลเมตร
แต่วินาทีที่ราชาหลงแบกอาวุธดักยิงขึ้นนั้น นั่นจะกลายเป็นป่านรกผืนหนึ่ง
ภายในขอบเขตสองกิโลเมตร…ขอเพียงอยู่ในรัศมีการยิงของปืนสไนเปอร์บาร์เรตต์ จะกลายเป็นสนามรบของเฉินเป่ยทั้งหมด ภายในสองกิโลเมตร เขาคือราชาแห่งสนามสู้รบ
ภายในเวลาสองวินาทีสั้นๆ กลุ่มจู่โจมเหล่านั้น…ถูกดักยิงระเบิดศีรษะทั้งหมดในที่เกิดเหตุ น่าสะพรึงกลัวสยองขวัญ
หลีชิงเยียนในเวลานี้ปลอดภัยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้ว่าเฉินเป่ยจะไม่อยู่ข้างกาย…แต่ดวงตาของราชาหลงกำลังจ้องที่นี่ไม่ขยับ…นี่เป็นสนามรบของราชาหลง
“รายงาน…กลุ่มจู่โจม…พ่ายแพ้ทั้งกองทัพ!” เสียงที่เศร้าและดุเดือดเสียงหนึ่งรายงานอยู่ในเครื่องสื่อสารไร้สาย
เครื่องสื่อสารไร้สายเงียบสนิทมากๆ
ลูกตาของผู้ควบคุมแดงสดน่ากลัวอย่างยิ่ง ทั้งตัวเขากำลังสั่นเทา นั่นคือความตกใจสั่นสะเทือนรุนแรง นั่นคืออารมณ์โกรธแค้นขั้นสุด
“ทุกคน…ฆ่า…ฆ่ามัน…ให้ฉันเดี๋ยวนี้! จะต้องฆ่ามันให้ตาย! เพิ่มแรงกระสุนเข้าไปอีก!!” เสียงของผู้ควบคุมแค้นเคืองร้องคำราม กำลังสั่นเทาไปทั้งตัว
แต่ทว่า…คำพูดของผู้ควบคุมพึ่งจบลง…มือปืนซุ่มยิงคนหนึ่งที่อยู่อีกอาคารก็โดนยิงเข้าอีกครั้งจนล้มลง
“อำพราง!! ทุกคนอำพรางตัวเร็ว!!” วินาทีนี้ ในที่สุดผู้ควบคุมพังทลายแล้ว
“ทุกคน อำพรางตัว…ถอยหลบ!!” เสียงของผู้ควบคุมสั่นเครือหวาดวิตก มีความน่าสะพรึงกลัวยิ่งใหญ่
เหล่ามือปืนซุ่มยิงกลุ่มหนึ่งสีหน้ายากลำบากขั้นสุด นี่คือ…ความล้มเหลวใหญ่สุดที่พวกเขาเคยประสบมาในชีวิต ไม่กี่วินาทีสั้นๆ…กลุ่มซุ่มยิงสยองขวัญสิบห้าคน…คาดไม่ถึงพลีชีพไปครึ่งใหญ่แบบเต็มๆ เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ในที่สุดพวกเขาพบว่า…ที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่เป็นการมีตัวตนอย่างไรกัน? นี่…คือเทพเจ้าแห่งการสังหารจากนรกที่น่ากลัวผู้หนึ่ง
ในขณะนี้ มีเพียงอย่างเดียว—หนี
ช่วงยามค่ำคืน ดาดฟ้าอาคารแต่ละแห่ง…เหล่ามือปืนซุ่มยิงไม่กี่คนแยกหลบหนีอย่างรวดเร็ว…แม้กระทั่งไม่ทันที่จะเก็บกวาดอาวุธลูกกระสุน…เวลานี้ แยกหลบหนีเอาชีวิตรอดต่างหากที่สำคัญที่สุด
มือปืนซุ่มยิงคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้า พยายามอาศัยค่ำคืนที่ชุลมุนหลบหนี…
“ฟึ่บ!” ทันใดนั้นกระสุนลูกหนึ่งทะลุผ่านกำแพงทันใด อาศัยอานุภาพที่เหลืออยู่นิดๆ ยิงเข้าท้ายทอยของเขาเฉียบพลัน…
วินาทีที่เขาล้มลงนั้น…ทั้งตัวยังคงหวาดวิตกสั่นสะเทือนอยู่เลย ฝ่ายตรงข้าม…เป็นไปได้อย่างไร…เป็นไปได้อย่างไรกัน ทั้งที่กั้นด้วยผนังชั้นหนึ่งทว่ากลับสามารถเล็งเป้ามายังเขาได้แม่น? แต่เขาก็ไม่มีโอกาสไปครุ่นคิดอีกแล้ว…
ฝ่ายตรงข้ามอยู่บนดาดฟ้าอาคารแห่งหนึ่ง มือปืนซุ่มยิงคนหนึ่งขาเคล็ดหลบอยู่ในผนังตรงดาดฟ้า…เคลื่อนย้ายด้วยความระมัดระวัง…
“แกร๊ก!” ทันใดนั้นผนังที่ด้านหน้าแตกร้าวในชั่วขณะนั้น…กระสุนลูกหนึ่งยิงทะลุเข้ามาทันที…ยิงเข้าขมับของเขาแล้ว…
ค่ำคืนที่ทอดยามไร้ขอบเขต ราชาหลงราวกับเทพแห่งการสังหารจากนรก ควบคุมทั้งสถานการณ์ไว้ มือปืนซุ่มยิงกลุ่มนั้นเดิมทีไม่มีโอกาสหนีรอด
ปืนสไนเปอร์บาร์เรตต์สยองขวัญไร้ที่เปรียบ อยู่ภายใต้การควบคุมน่ากลัวของราชาหลง ราวกับเล็งเป้าด้วยแสงอินฟราเรด…ล่าสังหารมือปืนซุ่มยิงในเหตุการณ์ทั้งหมด
บนดาดฟ้าอีกแห่งหนึ่ง มือปืนซุ่มหญิงคนหนึ่งคลานอยู่บนพื้นดาดฟ้าไปทั้งตัว…ตกใจจนไม่กล้าขยับเขยื้อนสักนิด สีหน้าของเขาหวาดกลัวซีดเซียวขั้นสุด…บนหน้ามีเหงื่อผุดออกมานับไม่ถ้วน สามารถจินตนาการระดับความตกใจหวาดกลัวของเขาในเวลานี้ได้ดี เวลานี้เขาได้แต่หมอบอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับเขยื้อน มีเพียงแบบนี้ ถึงจะสามารถหลบหนีขอบเขตการดักยิงของฝ่ายตรงข้ามได้ รักษาชีวิตไว้ได้
“ปัง—!” ทันใดนั้นกระสุนลูกหนึ่งลอยมารวดเร็ว ยิงบนเสาล่อฟ้าที่ดาดฟ้าโดยฉับพลัน
เสาล่อฟ้าอันนั้นโดนกระสุนยิงหัก…โงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ จากนั้นล้มลงมาบนพื้นทันใด
“ตึง!” เสาล่อฟ้าที่แหลมคมล้มลงฉับพลัน เสียบทะลุศีรษะมือปืนซุ่มยิงที่คลานอยู่บนพื้นคนนั้น
ถึงแม้จะคลานหลบซ่อน…ก็ยังไม่มีทางรอดพ้นจากการโจมตีสังหารของราชาหลงได้
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที…บนท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตร…เงียบงันไปแถบหนึ่ง เลือดสดแดงเถือกเหนือทั้งท้องฟ้า
มือปืนซุ่มยิงสิบห้าคนเต็มๆ…เสียชีวิตกันในที่สุด
เหลือเพียงผู้ควบคุมคนเดียว… เขาหมอบอยู่บนดาดฟ้า สีหน้าท้อแท้ซีดเซียวไปหมด พ่ายแพ้ทั้งกองทัพ…กลุ่มซุ่มยิงของเขา…พังทลายย่อยยับทั้งกองทัพแล้ว
ร่างกายของเขากำลังสั่นเทารุนแรง ลูกตาแดงก่ำ…เขาในขณะนี้หวาดวิตกดุร้ายถึงขีดสุด…
ผู้ควบคุมกวาดสายตาน่าสะพรึงกลัวและระแวงมองโดยรอบดาดฟ้าทีหนึ่ง… เวลานี้เขาจำเป็นต้องถอยหนี พยายามคิดทุกวิถีทางหลบหนี
ท้ายที่สุดสายตาของเขาหยุดชะงักที่หน้าบันไดที่ใช้หนีไฟ…
“ปัง!” ทันใดนั้นกระสุนลูกหนึ่งโจมตีมาบนประตูใหญ่ของช่องทางหนีไฟ
หัวใจผู้ควบคุมเต้นระรัว นี่คือ…ฝ่ายตรงข้ามกำลังแจ้งเตือน?
สีหน้าผู้ควบคุมซีดเผือดทั้งแถบ ฝ่ายตรงข้าม…เดิมทีไม่คิดจะปล่อยเขาไป ฝ่ายตรงข้ามคิดจะจับเขาเป็นๆ
ผู้ควบคุมหยิบเส้นลวดสลิงออกมาจากในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว…เขาค่อยๆ ล้อมหน้าเขตหลบซ่อนของดาดฟ้าอาคาร จากนั้นนำลวดสลิงโยนลงไปทันใด…เขาพยายามปีนหลบหนีผ่านลวดสลิง…
“ปัง!” ทันใดนั้นกระสุนลูกหนึ่งสั่นสะเทือนเข้ามาจากท้องฟ้ายามค่ำ
ชั่วขณะนั้นลวดสลิงเส้นนั้นถูกยิงขาด…เหลือเพียงขดลวดที่ว่างเปล่าไว้…
ผู้ควบคุมลูกตาแข็งทื่อทันที แม้แต่ลวดสลิงยังขาดเลย…ทางหนีทั้งหมดของเขา..ล้วนถูกปิดกั้น
ผู้ควบคุมยกอาวุธขึ้นฉับพลัน พยายามคุ้มกันตนเองให้หลบหนีไปที่หน้าทางหนีไฟได้
แต่ทันทีที่ยกอาวุธขึ้น…กระสุนลูกหนึ่งก็ยิงเข้ากลางช่องบรรจุกระสุนอาวุธของเขามาอย่างจัง…เขาตื่นตกใจ ทิ้งอาวุธลงทันที ปืนบาร์เรตต์กระบอกนั้นระเบิดแตกในความมืด
บนตึกสูงระฟ้า เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ในปาก มือแบกปืนบาร์เรตต์ไว้ จ้องภาพเงาของผู้ควบคุมคนนั้น…ที่อยู่ห่างหลายร้อยเมตรด้วยแววตาลุ่มลึกมีเลศนัย…
“แกหนีไม่รอดหรอก…” เสียงของเฉินเป่ยตะโกนดุเดือดกลางท้องฟ้ายามค่ำ มีการสั่นสะเทือนที่น่ากลัว
ลูกตาผู้ควบคุมเย็นยะเยือกแดงก่ำ ตวาดแบบโมโห “สารเลว! แน่จริงแกเข้ามาสิ? ไม่งั้นก็ฆ่าฉันเลย!”
ระยะห่างของผู้ควบคุมและเฉินเป่ยทั้งสองฝ่ายห่างกันหลายร้อยเมตรช่วงตึกใหญ่…ระยะห่างที่ไกลขนาดนี้ ถ้าเฉินเป่ยวิ่งมาถึงอาคารฝั่งตรงข้าม…อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักห้านาที… ห้านาทีนี้ เพียงพอจะทำให้ผู้ควบคุมหลบหนีถอยไปได้โดยสิ้นเชิง
“ฮาๆๆๆ! แกเข้ามาไม่ได้หรอก! แน่จริงฆ่าฉันเลยสิ!!” ผู้ควบคุมแค้นเคืองหัวเราะบ้าคลั่ง ทั่วทั้งตัวดูโหดร้ายไปหมด ฝ่ายตรงข้ามอยากจับเป็นตนเอง? นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่เป็นก็ต้องตาย
เฉินเป่ยค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่มีเลศนัย…มองไปที่ตึกสูงระฟ้าฝั่งตรงข้ามแห่งนั้นซึ่งอยู่ห่างไปหลายร้อยเมตรตรงๆ…
ชั่วขณะหนึ่ง เขาสะบัดมือขวาทันที มีดหลงหยายิงลอยเข้ามา
ชั่วพริบตาเดียว เฉินเป่ยใช้ทักษะเหยียบย่ำออกมา ทั้งตัวกลายเป็นสายฟ้าแลบเส้นหนึ่ง พอเท้าเหยียบบนตัวมีดของมีดหลงหยา คนกับมีดรวมเป็นหนึ่ง ราวกับฟ้าแลบ ลอยพุ่งไปยังตึกสูงระฟ้าที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
ครืน! วินาทีนี้ ลูกตาผู้ควบคุมเบิกโตฉับพลัน จ้องฉากที่เหลือเชื่อนี้ตาเขม็ง คนผู้นั้น…คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงเหยียบผ่านที่ว่างกลางอากาศ ข้ามเข้ามาได้? นี่…ฉากนี้ช่างตื่นตระหนกไปทั้งโลกจริงๆ นี่เกินกว่าขีดจำกัดศักยภาพของร่างกายคนแล้ว เขาทำได้อย่างไรกัน?
เมื่อความเร็วของคนคนหนึ่งไวถึงขั้นสุด…ขอเพียงใต้เท้าแตะลงพื้นลงเบาๆ…ยิ่งสามารถพุ่งทะลุขีดจำกัดแรงโน้มถ่วงร่างกายคนได้…ชั่วพริบตาเดียวก็ข้ามไปหลายร้อยเมตรแล้ว…
มีดหลงหยาไวดุจสายฟ้าแลบ…เวลานี้แทบจะเกินว่าระดับความเร็วหลายเท่าของความเร็วเสียง เฉินเป่ยเหยียบเท้าไว้ด้านบน…ทักษะวาร์ปหายถูกความเฉื่อยแรงกระแทกที่ยิ่งใหญ่พุ่งโจมตีทั้งตัว ข้ามท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตร ราวกับบินวนอยู่เหนือท้องฟ้าสูง น่าสั่นสะเทือนเช่นนี้
ใต้เท้าลอยอยู่บนท้องฟ้า เหลือเพียงถนนและรถยนต์ที่ยาวเรียวดุจมดกระจิริดนั้น…เสียงลมคำรามสั่นสะเทือน ภาพเงาเฉินเป่ยราวกับกระสุนยิงลอยเข้ามา
ชั่วขณะนั้น…เฉินเป่ยข้ามผ่านระยะห่างของท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตรมาแล้ว…กระโดดเข้ามาในดาดฟ้าของตึกสูงระฟ้าทันที
สายตาผู้ควบคุมตื่นตระหนกตกใจ…ทั้งตัวแข็งทื่อเป็นหินอยู่ในที่เกิดเหตุ ชีวิตนี้ของเขา…ไม่เคยเจอบุคคลที่สยองขวัญเช่นนี้มาก่อน ข้ามท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตร…?? นี่…นี่เกินกว่าความสามารถการยอมรับในใจของเขาถึงที่สุด ระยะห่างหลายร้อยเมตร…นี่พอจะเป็นระยะห่างรัศมีการยิงของปืนกระบอกหนึ่ง แต่ว่า…แต่ว่าผู้ชายคนนี้…คาดไม่ถึง…จะสามารถควบคุมแรงดึงดูดได้…กระโดดข้ามมาหลายร้อยเมตร นี่คือปีศาจร้ายชัดๆ
เฉินเป่ยเก็บมีดหลงหยาไว้แล้ว แววตาล้ำลึกไร้ที่เปรียบ เดินมายังผู้ควบคุมทีละก้าว
“เป็นใครส่งพวกแกมากัน?” เสียงของเฉินเป่ยสงบอย่างยิ่ง
ผู้ควบคุมสีหน้าซีดเซียวไร้ที่เปรียบ ไม่เอ่ยปากสักนิด
“ดูแล้วต้องให้ฉันใช้ลูกไม้สักอย่างสินะ…” เฉินเป่ยหรี่ดวงตาเล็กน้อย มีความหมายสังหารเหี้ยมโหด จากนั้นค่อยๆ พูดขึ้น
ทันใดนั้นลูกตาของเฉินเป่ยแข็งตัว หมุนตัวแล้ววาร์ปไปโดยตรงทั้งตัว
“ตู้ม—!” เสียงดังสนั่นทีหนึ่ง ร่างกายของผู้ควบคุมราวกับระเบิดลูกหนึ่ง ระเบิดแตกรุนแรง เปลวไฟที่ดุเดือดแทบจะกลืนกินทั้งดาดฟ้ายามค่ำคืน เนื้อหนังมังสาระเบิดออก
ทั้งตัวเฉินเป่ยถูกแรงระเบิดโจมตีเข้าโดยตรง…กระเด็นออกนอกดาดฟ้าไปทันใด…แรงโน้มถ่วงความเฉื่อยที่มหาศาล…เดิมทีร่างกายของเฉินเป่ยไม่มีทางรับไหว…จึงร่วงลงไปยังพื้นดินหลายร้อยเมตรด้านล่าง
เสียงลมคำรามสั่นสะเทือน…แรงดึงดูดนับวันยิ่งแข็งแกร่ง ร่างกายของเฉินเป่ยเหมือนกับเนื้อเลน ล้มลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง
ครั้งนี้เขาพึ่งรู้สึกถึงความตายนิดๆ ขึ้นมากะทันหัน ถ้าเขาไม่มีวิธีหยุดยั้งใดๆ…อย่างนั้นวินาทีนี้…เขาคงร่วงหล่นจนเนื้อเละไปแล้ว
เสียงลมที่ข้างหูคำรามดุเดือด…ร่างกายของเฉินเป่ยกำลังร่วงลงอย่างรวดเร็ว…เวลานี้แรงโน้มถ่วงของเขาบรรลุถึงปริมาณหลายร้อยตันแล้ว…แรงกระแทกระดับนี้ร่วงลงไป…เขาคงไม่เหลือซากศพ
ชั่วพริบตาเดียว…เฉินเป่ยดึงมีดหลงหยาออกมาทันที เสียบไปบนผนังกระจกของอาคารอย่างแรง
“เพล้ง—!” เสียงกระจกแตกสั่นสะเทือนดังขึ้นไม่หยุด
มีดหลงหยาร้าวกับเขี้ยวแหลมคม ถูกความเฉื่อยของร่างกายเฉินเป่ยลากไว้ ตกร่วงลงไปทางด้านล่าง เดิมทีมีดไม่สามารถหยุดยั้งแรงโน้มถ่วงไว้ได้…บนผนังของอาคารกรีดแหวกออกเป็นร่องรอยยาวที่น่าตกใจ กระจกผนังทุกที่ที่ผ่านไประเบิดแตกละเอียดทั้งหมด
เฉินเป่ยกุมมีดไว้ในมือ เสียบไปบนผนังกระจกอย่างแน่น…ถือโอกาสนี้แก้ไขแรงกระแทกสยองขวัญที่หนักอึ้ง…บนศีรษะมีเศษกระจกนับไม่ถ้วนลอยร่วงลง…ทั้งตัวเขาดูกระเซอะกระเซิงไร้ที่เปรียบ…ร่วงลงไปบนพื้นด้านล่างอย่างฉับพลัน
“ตึง—!” เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
ชั่วขณะนั้นร่างกายของเฉินเป่ยกระแทกไปด้วยกันกับพื้น…พื้นทั้งหมดแตกร้าวยุบลงถึงที่สุด…
ฝุ่นฟุ้งกระจายหนักหนาไปหมด
“เฉินเป่ย!!” หลีชิงเยียนสูญเสียการควบคุมตนเองไป…เดิมทีไม่ได้สนใจว่าโดยรอบมีอันตรายหรือไม่ ก้าวออกมาจากรถไมบัคโดยตรง วิ่งไปทิศทางซากปรักหักพังฝุ่นคลุ้งนั้นอย่างสับสนยุ่งเหยิง
ระหว่างทาง รองเท้าส้นสูงของเธอพลิกล้ม…อารมณ์ของเธอพังทลายสับสน…เตะรองเท้าส้นสูงออกไปทันที ไม่ใส่ใจความเจ็บที่ข้อเท้า วิ่งเข้าไปทางซากปรักหักพังด้วยเท้าเปล่า
ฝุ่นค่อยๆ เลือนหายไป…หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่บนพื้น ทั้งตัวเฉินเป่ยกระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง นอนอยู่ในหลุมใหญ่ ทั่วตัวคือฝุ่นดิน…เขาหลับตาสนิท…เหมือนว่าสลบไปแล้ว…
“เฉินเป่ย! เฉินเป่ยนายฟื้นสิ!!” หลีชิงเยียนพุ่งไปในหลุมใหญ่ ตอนที่เห็นว่าเฉินเป่ยสลบอยู่ในหลุม…ใบหน้าของเธอซีดเซียวถึงที่สุด…ใบหน้างดงามอาบน้ำตา เดิมทีไม่สนใจน้ำตาบนใบหน้า ออกแรงผลักบนตัวเฉินเป่ย พยายามอยากเรียกเขาให้ได้สติ
น้ำตาระยิบระยับในดวงตาของเธอไหลออกมา…ไหลรินลงมาตามใบหน้าที่งดงาม…น้ำตาที่ระยิบระยับหยดหนึ่งร่วงลงบนริมฝีปากของเฉินเป่ย
ดวงตาที่ปิดสนิทนั้นของเฉินเป่ยสั่นเบาๆ…เขายื่นลิ้นออกมา…เลียความชุ่มชื้นที่ริมฝีปากสักหน่อย…นั่นคือรสชาติที่หวานฉ่ำนิดๆ…ราวกับมีความรักใคร่ของเทพธิดาด้วย…
เฉินเป่ยไออย่างแรงทีหนึ่ง เลือดกระอักออกมาจากในปากทันที…ท้ายที่สุดเขาลืมตาขึ้นมาแล้ว…
ที่สะท้อนเข้าม่านตา…เป็นใบหน้าสับสนยุ่งเหยิงของเทพธิดาหลีชิงเยียนที่ใบหน้าอาบน้ำตา เธอกำลังนั่งยองอยู่ตรงหน้าตนเอง ในแววตาแดงก่ำ…น้ำตาไหลรินตาใบหน้าของเธอไม่ขาดสาย
“ยัยโง่…คุณร้องไห้อะไรกัน?” เฉินเป่ยถามอย่างอ่อนแรง
พอได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย…หลีชิงเยียนยิ่งร้องไห้หนักขึ้น…น้ำตาที่แวววาวในดวงตาไหลพรากไม่หยุด…ทำให้คนลำบากใจและปวดใจมาก
เฉินเป่ยค่อยๆ ยันตัวขึ้นมาจากที่พื้น ร่างกายของเขากระเซอะกระเซิงไร้ที่เปรียบ เศษดินและฝุ่นเต็มตัว บนหน้าก็เป็นเศษฝุ่นเช่นกัน เหมือนปีนออกมาจากกองขยะอย่างนั้นเลย
“แม่งเอ๊ย…นึกไม่ถึงจะระเบิดร่างคนเรื่องโสโครกแบบนี้…เชี้ย เกือบตายอยู่ในมือมันแล้ว…” เฉินเป่ยสะบัดแขนที่เจ็บไปทั้งหมด กระเซอะกระเซิงสั่นเบาๆ จากนั้นพูดขึ้น
หลีชิงเยียนสูญเสียการควบคุมอารมณ์…เดิมทีไม่สนใจเศษสกปรกทั่วตัวเฉินเป่ย กระโจนเข้าในอ้อมอกของเขาโดยตรง ใช้แขนโอบหน้าอกของเขาไว้แนบแน่น ราวกับชีวิตนี้ไม่อยากสูญเสียผู้ชายคนนี้ไป
เฉินเป่ยตะลึงค้างแล้ว…สัมผัสถึงร่างกายอ่อนโยนกลางหน้าอกแบบอึ้งทึ่ง กลิ่นหอมที่น่าหลงใหลของเธอนั้นลอยเข้าในจมูกของเฉินเป่ยแล้ว เห็นได้ชัดว่าเย้ายวนเซ็กซี่เช่นนี้
“ชิงเยียน…นี่ทั้งตัวผมเป็นฝุ่นสกปรกไปหมดเลย…คนดี ไม่ดื้อ ปล่อยก่อนนะ…” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงละมุน
หลีชิงเยียนกลับไม่สนใจ วางใบหน้างดงามไว้บนไหล่ของเขา และไม่สนรอยเลือดที่หน้าอกของเขาด้วย…กอดเขาไปทั้งตัวแบบนี้…ชั่วขณะนี้ บรรยากาศเหมือนเปลี่ยนไปสงบเงียบลงมาแล้ว
เฉินเป่ยลังเลอยู่สักพัก ค่อยๆ ยื่นมือออกไป โอบร่างกายของเธอไว้เบาๆ เอามือวางไว้บนหลังที่อ่อนนุ่มของเธอ แล้วปลอบโยนเบาๆ
“ไม่ดื้อ…ชิงเยียน ไม่ต้องร้องไห้แล้ว…นี่ผมไม่ใช่ไม่เป็นไรเหรอ” เฉินเป่ยพูดปลอบอย่างอ่อนโยน
ฟังคำปลอบใจของเฉินเป่ยอยู่ หลีชิงเยียนกลับเสียการควบคุมขึ้นอีก ซุกใบหน้าอยู่ที่หัวไหล่ของเขาสั่นเบาๆ ร้องไห้สะอื้นแบบใบหน้าอาบน้ำตา
“ขอโทษ…ขอโทษ…” เสียงของหลีชิงเยียนดูสั่นเครือ พยายามพูดขอโทษพลางตำหนิตนเอง
“ยัยโง่ คุณกำลังพูดอะไรกัน คุณมาขอโทษผมทำไม…” เฉินเป่ยพูดเสียงละมุน
“ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน…นายถึงโดนพวกเขารุมโจมตี…เพราะฉัน…ทำให้นายได้รับอันตรายถึงชีวิตมากขนาดนี้…ขอโทษ…ขอโทษ…” หลีชิงเยียนขอโทษและตำหนิอย่างต่อเนื่อง วินาทีนี้ เธอเหมือนเด็กสาวที่ทำเรื่องผิดมาแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกผิดในใจที่ไร้ขอบเขต
เฉินเป่ยเงยศีรษะของเธอขึ้นเบาๆ จากนั้นขยับเข้าไปใกล้ จูบซับหยดน้ำตาบนหน้าของเธอทิ้งเบาๆ…
“ยัยโง่ คุณไม่ต้องขอโทษผม…ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณ เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผมยินยอมพร้อมใจทำ…” เสียงของเฉินเป่ยอ่อนโยนมาก มีพลังที่พิเศษ
หลีชิงเยียนร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะค่อยๆ สงบลงมา ขนตาเรียวยาวของเธออ่อนเพลียเบาๆ เห็นได้ชัดว่ากระเซอะกระเซิงน่าสงสารอย่างยิ่ง
“พอแล้ว ไม่เป็นไร…ความสามารถผมมากจะตาย จะเป็นอะไรได้ยังไงกันล่ะ?” เฉินเป่ยพูดเสียงละมุน “เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะผมประมาทไป…คงไม่โดนทำให้เจ็บตัวหรอก…คุณดูสิ ตอนนี้ผมไม่ใช่กำลังฮึกเหิมอยู่เหรอ?”
ดวงตาหลีชิงเยียนกวาดผ่านบนตัวเขาเบาๆ ทีหนึ่ง เหมือนกำลังตรวจสอบบาดแผลของเขา
“ฉันพานายไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยแล้วกัน…” หลีชิงเยียนกะพริบดวงตาที่มีน้ำตาระยิบระยับ พูดจาเสียงเบา