บทที่636 หึงหวง
ซุนเจียเจียใส่รองเท้าส้นสูงสีขาวสุดเซ็กซี่ ค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องประชุมแล้ว
สายตาของหล่อนกวาดตาผ่านทุกคนเบาๆ หลังจากที่แน่ใจว่าทุกคนมากันครบแล้ว ถึงเดินมาที่หน้าโต๊ะประชุมโดยตรง
ส่วนเฉินเป่ยกำลังนั่งอยู่แถวหน้าของโต๊ะประชุม เขายิ้มทักทายไปทางซุนเจียเจียแล้ว
ซุนเจียเจียกะพริบดวงตาเบาๆ ถือว่าตอบรับ…แต่ว่าบนใบหน้างดงามกลับไม่มีอารมณ์เผยออกมาแม้แต่น้อย เพราะนี่คือพื้นที่สาธารณะ…ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสถานที่ประชุมอีก หล่อนไม่สามารถแสดงความรู้สึกของตนเองออกมาได้ตามใจชอบ
ซุนเจียเจียแสดงเจตนาให้ทราบเบาๆ ทุกคนจึงสงบลงมาในชั่วขณะนั้น
จากนั้นซุนเจียเจียจึงเริ่มพูดถึงเนื้อหาของการประชุมวันนี้แล้ว
การประชุมในวันนี้ ประเด็นหลักคือปัญหาด้านความปลอดภัย…เตือนทุกคนต้องเพิ่มความระวังในด้านความปลอดภัยแต่ละส่วนของบริษัทให้มาก…
สามารถมองออกได้ว่าในเวลานี้หลีชิงเยียนผู้หญิงคนนี้ตื่นตัวสูงขึ้นจริงๆ แล้ว…การลอบสังหารเมื่อคืนนี้…เหมือนได้ตราตรึงในใจของเธอเข้าแล้ว ทำให้เส้นหัวใจที่เดิมทีผ่อนคลายอยู่บ้างของเธอนั้นตึงแน่นขึ้นอีกครั้ง…บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปยังคนถูกคนจ้องตาเป็นมัน…ยังคงมีคนกำลังแอบพยายามเล่นแผนสกปรกไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล
ซุนเจียเจียเสยผมยาวเบาๆ เห็นได้ชัดว่าใบหน้างดงามจริงจังเคร่งขรึมอยู่บ้าง สั่งกำชับเรื่องเกี่ยวกับระบบการจัดการความปลอดภัยของบริษัทด้วยความตั้งใจ
ทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม ฟังอย่างตั้งใจ ขณะเดียวกันล้วนกำลังจดบันทึก
มีเพียงเฉินเป่ยคนเดียวนั่งที่แถวหน้าโต๊ะประชุมอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้ฟังการประชุม…และไม่ได้จดบันทึกด้วย…เขาเพียงแค่จ้องร่างกายของเจียเจียแบบหื่นกาม…กำลังจินตนาการภาพในสมอง~
“เฉินเป่ย” ในที่สุดซุนเจียเจียทนดูต่อไปไม่ไหวเท่าไร…เรียกออกไปเบาๆ หล่อนเป็นผู้นำการประชุมในวันนี้…ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูสถานการณ์ลำดับขั้นการประชุมไว้…
หนึ่งเฉินเป่ยไม่จดบันทึก…สองไม่ตั้งใจฟังการประชุม…ทั้งยังเอาแต่ใช้สายตาหื่นกามจ้องหน้าอกตนเองอีก…ซุนเจียเจียทนดูต่อไปไม่ไหวแน่นอน…
เฉินเป่ยถูกซุนเจียเจียเรียก จึงได้สติกลับเข้ามาบ้าง มองหล่อนแบบเฉยเมย
“ขอให้นายช่วยตั้งใจฟังด้วย จดบันทึกไว้ พวกนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของบริษัท สำคัญอย่างมาก” ซุนเจียเจียพูดด้วยใบหน้าจริงจัง เหมือนมีความหมายตำหนิ
เฉินเป่ยได้ยิน…อดตะลึงไม่ได้…น้องสาว…คาดไม่ถึงตนเองถูกซุนเจียเจียผู้หญิงคนนี้ตำหนิเข้าแล้ว…แถมยังอยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานมากขนาดนี้ด้วย…นั่นเรียกว่าความอับอายเลยนะ
ชั่วขณะนั้นเหล่าเพื่อนร่วมงานในเหตุการณ์เงียบปากกันแล้ว…มีการแสดงออกที่น่าประหลาดกัน…
เฉินเป่ยหน้าตากลัดกลุ้ม ภายใต้การจ้องมองของซุนเจียเจียที่แววตามีความโกรธเคืองอยู่บ้าง จากนั้นถึงหยิบปากกาขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจ ขีดๆ เขียนๆ ลงบนสมุดจดบันทึกแล้ว
เห็นว่าเฉินเป่ยเชื่อฟังแบบนี้ ซุนเจียเจียจึงเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะผ่อนคลายลงมาบ้าง ขณะเดียวกันข้างริมฝีปากแดงฉีกรอยยิ้มได้ใจขึ้น…
ซุนเจียเจียประชุมต่อไป ใบหน้ากลับคืนสู่ความสงบและเรียบเฉย ได้แต่พูดว่าตอนที่เจียเจียจริงจังขึ้นมา ยังดูมีบุคลิกมาก…โดยเฉพาะเลขาฯท่านประธาน…ทั่วทั้งตัวเผยกิริยาท่าทางที่เป็นมืออาชีพโดดเด่นออกมา เห็นได้ชัดว่ามีกลิ่นอายผู้หญิงมาก
เฉินเป่ยกำลังขีดๆ เขียนๆ อะไรลงบนสมุดจดบันทึก…หลังจากเขียนเสร็จ ทันใดนั้นเขาถือโอกาสตอนที่ทุกคนเผลอ ยกสมุดขึ้นมาแล้วชูไปยังซุนเจียเจีย
ซุนเจียเจียเดิมทีกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะประชุมพูดเรื่องเกี่ยวกับความรู้ความปลอดภัยกับทุกคนอยู่…พอเห็นสมุดบันทึกของเฉินเป่ยที่ชูขึ้นมากะทันหันนั้น…ใบหน้าซุนเจียเจียตะลึง…หลังจากดวงตาของหล่อนจ้องมองเนื้อหาบนกระดาษสมุดบันทึก…อึ้งไปทั้งตัวเลย…รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่เกือบจะพลิกจนเท้าเคล็ด…
เห็นเพียงเฉินเป่ยวาดรูปสวยมากรูปหนึ่งบนกระดาษสมุดบันทึก…เป็นผู้ชายคนหนึ่งจับมือของผู้หญิงไว้ รูปวาดมีชีวิตชีวา…ในภาพ ผู้ชายขยับเข้าไปใกล้ข้างหูผู้หญิงอย่างอ่อนโยน เหมือนกำลังพูดคำพลอดรัก…ด้านข้างยังมีตัวอักษรประกอบด้วย: เจียเจีย ฉันรักเธอ
เห็นรูปภาพนี้เข้า ในใจของซุนเจียเจียสับสนอยู่บ้าง…ความหวานชื่นผุดขึ้นที่หัวใจมาช้าๆ…เพียงแต่ถูกหล่อนฝืนกดลงไป…นี่คือสถานที่ประชุมนะ เจ้าอันธพาลคนนี้
“เฉินเป่ย ขอให้นายช่วยรักษาวินัยด้วย…นี่กำลังประชุมอยู่” เพื่อไม่ให้เฉินเป่ยสร้างผลกระทบต่อตนเอง ซุนเจียเจียจึงเอ่ยปากดุอีกครั้ง
เฉินเป่ยอดอัดอั้นใจไม่ได้…เจียเจียผู้หญิงคนนี้…ไม่ไว้หน้าเขาเอาเสียเลย
เฉินเป่ยพลิกเปิดสมุดบันทึกอย่างจำใจ เบ้ปาก…เวลานี้ซุนเจียเจียกำลังยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะประชุม ประชุมอย่างตั้งใจ
ส่วนเฉินเป่ยก็นั่งอยู่แถวหน้าของโต๊ะประชุม ระยะห่างของสองคนใกล้กันมาก…เฉินเป่ยขยับความคิด…ทันใดนั้นเขาแตะรองเท้าหนังทิ้ง จากนั้นยื่นเท้าออกไปใต้โต๊ะประชุม ขยับเข้าไปใกล้ทางซุนเจียเจียเบาๆ…
เดิมทีซุนเจียเจียกำลังประชุมอยู่…เกิดความรู้สึกโดนสัมผัสใต้ขาขึ้นกะทันหันจนตกใจไปทีหนึ่ง…ลนลานรีบก้มหน้ามองดู…เฉินเป่ยเจ้าหมอนี่…คาดไม่ถึง
ใบหน้าซุนเจียเจียแดงมาบ้างในชั่วขณะนั้น…แต่หล่อนไม่กล้าเปิดโปงออกมาโผงผาง…เงยหน้างดงามขึ้นมา กวาดตามองเฉินเป่ยแบบมีความหมายโมโห…ราวกับกำลังแจ้งเตือน…
เห็นเจียเจียแสดงความรู้สึกโกรธเคืองเขินอายแบบนี้ ในใจเฉินเป่ยยิ่งยิ้มเจ้าเล่ห์เพิ่มขึ้น…ถูที่ข้อเท้าของซุนเจียเจียใต้โต๊ะประชุมเบาๆ
ซุนเจียเจียเกือบสูญเสียการควบคุมจนเอกสารการประชุมในมือร่วงลงไป…เจ้าหมอนี่ ตอนนี้อยู่ในที่ประชุมด้วย เจ้าหมอนี่มากำเริบเช่นนี้ ซุนเจียเจียนั่นเรียกว่าเดือดดาลเลยทีเดียว
“เฉินเป่ย ขอให้ช่วยรักษาวินัยการประชุมด้วย…ถ้าไม่อยากฟัง ก็เชิญนายออกไป” ในที่สุดซุนเจียเจียไม่มีทางทนการหยอกล้อแบบนี้ของเฉินเป่ยได้ ส่งเสียงตำหนิ อยากถือโอกาสไล่เขาออกไป…เจ้าอันธพาลคนนี้…รีบออกไปให้ไวไวเถอะ…ขืนเฉินเป่ยอยู่ในห้องประชุมต่อ…หล่อนคงไม่มีวิธีประชุมได้ปกติแล้ว
“รับทราบ เลขาซุน…ฉันจะตั้งใจฟังแน่ ขอเธอให้โอกาสฉันสักครั้ง” เฉินเป่ยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมจริงจัง เพียงแค่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากยิ่งลึกขึ้น~
ถึงแม้ว่าซุนเจียเจียจะสับสนจนหน้าแดงระเรื่ออยู่บ้าง แต่หล่อนก็พยายามทำให้ตนเองรักษาความสุขุมไว้…หล่อนถลึงดวงตาใส่เฉินเป่ยแวบหนึ่ง อยากยับยั้งแจ้งเตือนเขา…แต่เดิมทีกลับไม่ได้สนใจ…เฉินเป่ยเจ้าหนุ่มตัวแสบที่สมควรตายคนนี้…อันธพาล การประชุมครั้งนี้ อารมณ์ของซุนเจียเจียถูกเขาทำเสียหมดเลย…เพื่อไม่ให้ถูกเหล่าเพื่อนร่วมงานพบความผิดปกติ…
ซุนเจียเจียรีบดึงเก้าอี้ประชุมออกตัวหนึ่ง นั่งลงไปบนเก้าอี้เบาๆ สกัดเส้นสายตาของทุกคนไว้…หล่อนนั่งลงมาที่หน้าโต๊ะประชุมแบบนี้ จัดการประชุมให้ทุกคนต่อไป
เหล่าเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งเพียงรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ทำไมรู้สึกว่าวันนี้เลขาซุนไม่ปกติเท่าไร? แต่เหล่าเพื่อนร่วมงานก็ไม่กล้าสอบถามมากเกินเหตุ…ซุนเจียเจียเป็นผู้นำใหญ่ของพวกเขา ตำแหน่งสูงอำนาจมาก พวกเขาไม่กล้าขัดจังหวะกระบวนการประชุมตามอำเภอใจ
การประชุมดำเนินต่อไป…ซุนเจียเจียนั่งอยู่หน้าโต๊ะประชุม บนใบหน้าสีหน้าซับซ้อน ดวงตาของหล่อนถลึงใส่เฉินเป่ยแวบหนึ่ง คล้ายกับแจ้งเตือน
ในห้องประชุม ซุนเจียเจียดำเนินการประชุมต่อไป…ตอนที่หล่อนกำลังพูดมาครึ่งหนึ่ง…ทันใดนั้นก็เสียงสั่นเครือ…
ในห้องประชุม เหล่าเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งหน้าตาตะลึง…มองหล่อนอย่างมึนงง
“เลขาซุน…คุณ…คุณไม่เป็นอะไรนะครับ?” เพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งถามด้วยความห่วงใย
“ขอโทษค่ะ…เมื่อกี้มีแมงตัวหนึ่ง” ซุนเจียเจียพูดอธิบายแบบหน้าแดงระเรื่อ
“…พวกเราประชุมต่อเถอะค่ะ” ซุนเจียเจียพยายามปรับอารมณ์ ฝืนกดความยุ่งเหยิงในใจและความผิดปกติของร่างกายลง นำการประชุมทุกคนต่อไป
บนโต๊ะประชุม การประชุมที่เรียบนิ่งและเคร่งขรึม…
ในที่สุดซุนเจียเจียไม่มีทางทนไหว เริ่มตอบโต้กลับ…หล่อนประชุมพูดถึงปัญหาความปลอดภัยไปพลางยกรองเท้าส้นสูงขึ้น โจมตีกลับรุนแรง
“ด้านล่าง…เกี่ยวกับส่วนข้อมูลความปลอดภัยของบริษัทจุดนี้…พวกเราต้องเคร่งครัดเน้นหนัก ขอเพียงเป็นข้อมูลข่าวสารทั้งหมด…จะต้องผ่านการตรวจ…” ซุนเจียเจียพึ่งพูดมาได้ครึ่งหนึ่ง…ก็ร้องตกใจเสียงหลงออกมาอีกครั้งหนึ่ง
เหล่าเพื่อนร่วมงานในที่ประชุมมองหน้ากันและกัน…มึนงงโดยทั่วกัน…สงสัยขึ้นมา
“เลขาซุน…คุณ…คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?” เหล่าเพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นห่วง
ใบหน้าซุนเจียเจียโมโห ในขณะนี้หล่อนอยากจะเอาแล็ปท็อปเครื่องหนึ่งปาเข้าไป ปาเฉินเป่ยให้สลบถึงระบายอารมณ์ได้…หล่อนกัดริมฝีปากแน่น พูดเสียงเบา “ไม่…แค่โดนมดกัดแล้วค่ะ…”
เหล่าเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งหน้าตางุนงง…โดนมดกัดเข้าแล้ว? นี่มันเรื่องอะไรกัน? ห้องประชุมอยู่ตั้งสำนักงานชั้นเก้าสิบเก้า ตึกที่สูงขนาดนี้…มดสามารถปีนขึ้นมาได้?
จะว่าไป…โดนมดกัดเข้าให้…ต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองมากขนาดนี้เลยเหรอ? แม้แต่สีหน้ายังแดงแล้ว? นั่นไม่ใช่มด…ก็คงเป็นตัวต่อล่ะมั้ง?
“เลขาซุน…ถ้าคุณไม่สบายตัว…เรื่องประชุมพวกเราสามารถเปลี่ยนวันต่อทีหลังได้…” เหล่าเพื่อนร่วมงานพูดโน้มน้าวอย่างระมัดระวัง
“ใช่แล้ว เลขาซุนร่างกายของคุณสำคัญกว่านะ…” เหล่าเพื่อนร่วมงานต่อยๆ พยักหน้า
“ฉันบอกแล้ว…ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราต่อ…” ซุนเจียเจียพูดด้วยใบหน้าจริงจัง แต่ทันทีที่หล่อนพึ่งพูดจบ…
ซุนเจียเจียก็อดร้องออกมาอีกทีหนึ่งไม่ได้…ในขณะนี้ใบหน้าของหล่อนแดงเป็นแถบ
บรรดาเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งมองหน้ากัน ใช้สายตาที่สงสัยมองทางซุนเจียเจียทั้งหมด
“เลขาซุน…ถ้าร่างกายคุณไม่สบายล่ะก็…พวกเราประชุมพรุ่งนี้อีกทีก็ได้…” เพื่อนร่วมงานหลายคนพูดด้วยความห่วงใย
ซุนเจียเจียกัดริมฝีปากแน่น กลั้นความรู้สึกที่ว้าวุ่น ตอบว่า “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราต่อกันเลย…”
แต่ว่าเฉินเป่ยกลับยิ่งกำเริบเสิบสาน…
ในที่สุดซุนเจียทนไม่ไหว ยกเอกสารปึกหนึ่งขึ้น โยนเข้าไปยังเฉินเป่ยโดยตรง
“ป้าบ” ปาเอกสารลงบนศีรษะของเฉินเป่ยเข้าโดยตรง…
ซู่! ที่เกิดเหตุเงียบสงบ เหล่าเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งในห้องล้วนตะลึง นี่คือ…เรื่องอะไรกัน?
เหล่าเพื่อนร่วมงานคนนู้นมองคนนี้ คนนี้มองคนนั้น…ทุกคนงุนงงกันไปหมด…
เฉินเป่ยค่อยๆ วางเอกสารงานบนหน้าไว้ที่โต๊ะ มุมปากฉีกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เหมือนหยอกล้อ
“เฉินเป่ย…ขอให้ช่วยรักษาวินัยการประชุมด้วย ตั้งใจจดบันทึกฟังการประชุม~” ซุนเจียเจียแกล้งทำเป็นโกรธ พูดต่อว่าแบบเดือดดาล ในดวงตามีความหมายที่แจ้งเตือน
เฉินเป่ยค่อยๆ พยักหน้า รอยยิ้มยิ่งเข้มขึ้น “ได้ เลขาซุนชี้แนะถูกต้อง ฉันจะตั้งใจฟังการประชุมดีๆ”
ในห้องประชุม เหล่าเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง…นี่เฉินเป่ยเป็นอะไรเหรอ? เขาเหมือนว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ? ทำไมเลขาซุนถึงต้องพุ่งเป้าไปยังเขาแบบน่าประหลาดใจด้วย?
เฉินเป่ยยิ้มมีเลศนัยมาตลอด เขาจ้องมองเจียเจียอยู่แบบนี้ ในแววตาราวกับมีลักษณะน่ารำคาญ~
ซุนเจียเจียอดกลั้นไว้ขนาดนี้ พยายามอธิบายการประชุมครั้งนี้ให้เสร็จสิ้นลง
หลังจากประชุมเสร็จ ใบหน้าของซุนเจียเจียยังคงแดงระเรื่อ
ส่วนเฉินเป่ยก็ค่อยๆ เก็บเท้ากลับ…มุมปากของเขามีรอยยิ้มแบบเล่นแง่อยู่
ถึงแม้ว่าบรรดาเพื่อนร่วมงานในที่เกิดเหตุจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามมาก…
เหล่าเพื่อนร่วมงานค่อยๆ ออกไปจากห้องประชุม…
ซุนเจียเจียถลึงดวงตาเหมือนโกรธเคืองใส่เฉินเป่ยทีหนึ่ง จากนั้นก็ใส่รองเท้าส้นสูงรีบเดินออกไป…
เฉินเป่ยหัวเราะเจ้าเล่ห์ จุดไฟบุหรี่มวนหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ เดินไป
ซุนเจียเจียเดินเข้าไปในห้องทำงานของตนเองแบบหงุดหงิด กำลังอยากปิดประตู…ทันใดนั้นฝ่ามือหยาบหนาข้างหนึ่งก็ยันหน้าประตูไว้
เฉินเป่ยมุดเข้าในห้องทำงานของหล่อนโดยตรง จากนั้นพลิกล็อกประตูไว้แล้ว
“นายเข้ามาทำอะไร?” ซุนเจียเจียถามอย่างโมโห บนใบหน้ามีความโกรธ
เฉินเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ ถือโอกาสโอบเอวเรียวของเจียเจียเอาไว้แล้ว
“เจียเจีย เมื่อกี้อยู่ในห้องประชุมเธอทำให้ฉันขายขี้หน้าเต็มๆ เลยนะ~” เฉินเป่ยหัวเราะอย่างมีความหมายแฝง
ซุนเจียเจียผลักเขาออกไปทีหนึ่ง พูดอย่างโมโห “นายยังจะมาพูด…ใครใช้ให้นายไม่ยอมตั้งใจฟัง!”
“ฉันก็ไม่ใช่ตั้งใจฟังอยู่เหรอ ฉันยังวาดรูปเหมือนของพวกเราสองคนด้วยนะ” เฉินเป่ยยิ้มตอบ
“นายยังมีหน้าพูดมาอีก! วันนี้ฉันพูดเรื่องความปลอดภัย นายไม่จดบันทึก วาดรูปเหมือนอะไรกัน?” ซุนเจียเจียต่อว่าเดือดดาล
เฉินเป่ยดึงมือของเจียเจียไว้ กอดหล่อนเข้ามาในอ้อมอกทันที เผด็จการอย่างยิ่ง
“นี่นายทำอะไร…ปล่อยฉันนะ~” ซุนเจียเจียตกใจอยู่บ้าง ตะโกนใส่
“ไม่ปล่อย” เฉินเป่ยกอดหล่อนไว้แน่น บนหน้ามีรอยยิ้มชั่วร้าย
“ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าของนาย…ถ้านายยังทำแบบนี้อีก ฉัน…ฉัน…จะหักเงินเดือดนาย~” ซุนเจียเจียพูดข่มขู่ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ เพียงแต่ว่าคำข่มขู่ของหล่อนเห็นได้ชัดว่าหวานเลี่ยนขนาดนั้น เหมือนกับความขัดแย้งระหว่างคู่รักวัยรุ่น
“เจียเจีย เธอไปเหมือนกับหลีชิงเยียนแม่เสือตัวนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน…ทำอะไรนิดหน่อยก็หักเงินเดือนแล้ว?” รอยยิ้มเล่นแง่ของเฉินเป่ยลึกขึ้น ขยับเข้าไปใกล้หน้าอกของเจียเจียเบาๆ รู้สึกถึงกลิ่นหอมสดชื่นของเธอที่น่าหลงใหลดุจดอกลิลลี่
ใบหน้าซุนเจียเจียสับสน พูดข่มขู่อย่างโกรธเคือง “ที่นี่คือในบริษัท…ถ้านายกล้ามาก้าวร้าว ฉันหักเงินเดือนนายจริงนะ~”
ซุนเจียเจียพึ่งพูดจบ…เฉินเป่ยก็ก้มหน้าลงทันที ปิดปากหล่อนเอาไว้แล้ว
ซุนเจียเจียดิ้นรนเบาๆ แต่เดิมทีกลับดิ้นไม่หลุด…
ไม่นานหล่อนก็เหมือนกับกวางน้อย โดนหมาป่ายักษ์รุกรานเข้ายึดครอง
ทั้งสองนัวเนียอยู่ในห้องทำงานกันตั้งนาน เฉินเป่ยถึงปล่อยหล่อนออกแบบอาลัยอาวรณ์ เฉินเป่ยโอบหล่อนไว้ พูดคำพลอดรักที่หวานชื่นไม่กี่ประโยคที่ข้างใบหูอ่อนนุ่มของหล่อน~
ซู่! ใบหน้าของซุนเจียเจียแดงเถือกเป็นแถบในชั่วขณะนั้น
“ตอนนี้เป็นเวลาทำงานอยู่นะ” ซุนเจียเจียต่อว่าแบบสับสนลนลาน
“ไม่เป็นไร” เสียงเฉินเป่ยชั่วร้ายไร้ที่เปรียบ
“ที่นี่คือบริษัท…” ซุนเจียเจียพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ “นายออกไปเถอะ ฉันจะทำงานแล้ว”
“อย่าไร้ความรู้สึกแบบนี้สิ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว” เดิมทีเฉินเป่ยไม่คิดจะไป ยิ้มเจ้าเล่ห์นั่งอยู่ในห้องทำงาน
“นายยังไม่ไปอีก ฉันจะหักเงินเดือนนายจริงนะ!!” ซุนเจียเจียกระวนกระวายใจอยู่บ้าง พูดจาข่มขู่
“หักเลย…ฉันไม่ร้อนเงิน” เฉินเป่ยนั่นเรียกว่านิสัยอันธพาลอย่างยิ่ง
มุมปากเฉินเป่ยมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาจับซุนเจียเจียแน่น พูดหยอกล้อ “เรียกพี่สิ!”
ซุนเจียเจียไม่รับปาก…
“ไม่เรียกงั้นเหรอ~ยัยหนู” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากเฉินเป่ยลุ่มลึกไร้ที่เปรียบ
ชั่วขณะนั้นซุยเจียเจียลนลานไปทั้งตัว หล่อนโดนบีบไร้ทางเลี่ยง ในที่สุดเรียกเสียงเบา “พี่เฉินเป่ย…”
เฉินเป่ยโอบหล่อนไว้อย่างอ่อนโยน พูดว่า “ใครให้เธอถลึงตาใส่ฉันตอนอยู่ในห้องประชุม…นี่คือการลงโทษ…”
ในห้องทำงาน อากาศค่อยๆ อุ่นขึ้น ในห้องทำงานของเจียเจียอบอุ่นมาก มีกลิ่นหอมดอกกล้วยไม้แบบอ่อนๆ นั่นคือน้ำหอมของลังโคมที่ยั่วยวน เหมือนกับนิสัยของหล่อน เรียบหรูและน่าหลงใหล ทำให้คนติดใจ ปล่อยมือไม่ลง
“ก๊อกๆๆ!” ในเวลานี้ มีเสียงเคาะประตูลอยมากะทันหันจากด้านนอกประตู
ซู่! บรรยากาศเงียบงันฉับพลัน
เฉินเป่ยสีหน้าเปลี่ยน รีบปีนขึ้นมาจากบนตัวซุนเจียเจีย สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นลุกลน…
ส่วนซุนเจียเจียก็ใบหน้าแดงเขินอาย…ดึงกระโปรงให้เรียบร้อย…ทั้งสองคนเห็นได้ชัดว่ายุ่งเหยิงอย่างยิ่ง
เสียงเคาะประตูนั้นดังขึ้นอยู่ด้านนอกตั้งนาน…ส่วนหัวใจดวงน้อยของซุนเจียเจียก็เต้นแรงไม่หยุดตามเสียงเคาะประตูนั้น
หล่อนอารมณ์สับสนขึ้นมาก่อน จากนั้นปลดล็อกประตูห้องทำงานออกแล้ว เปิดประตูห้องออก
ตอนที่เห็นผู้หญิงรูปร่างงดงามอยู่หน้าประตู…บรรยากาศยิ่งเพิ่มความกระอักกระอ่วนและเงียบงัน
ท่านประธานเทพธิดาหลีชิงเยียนกำลังยืนอยู่หน้าห้องทำงาน กวาดดวงตาที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงมองในห้องทำงานของเจียเจีย…ตอนที่เธอเห็นเฉินเป่ยอยู่ในห้องทำงานของเจียเจียด้วย…อารมณ์ของหลีชิงเยียนยิ่งยุ่งเหยิงซับซ้อนขึ้น…ชายหญิงอยู่ตามลำพัง…อยู่กันในห้องทำงานเดียวกัน…โดยเฉพาะยังล็อกประตูห้องทำงานอีก?
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้หลีชิงเยียนไม่คิด…ความคิดก็จะย้ายไปด้านนั้นเองโดยอัตโนมัติ…
“พวกเธอ…กำลังทำอะไร?” เสียงของหลีชิงเยียนสับสนอย่างยิ่ง ถามแบบมึนงงพอสมควร
“เอ่อ…คือว่า…ผมกับเจียเจียกำลังถกเถียงกันถึงปัญหาความปลอดภัยของบริษัทอยู่…” เฉินเป่ยเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน พูดอธิบาย
ซุนเจียเจียใบหน้าแดงระเรื่อ พยักหน้าแบบอึ้งทึ่งอยู่บ้าง
“ถกเถียงปัญหาความปลอดภัย?” ดวงตาท่านประธานเทพธิดาสงสัยและสับสน “ถกเถียงปัญหา…ต้องล็อกประตูด้วยเหรอ?”
ซู่! ชั่วขณะนั้นบรรยากาศเงียบงันลงมาอีก มีความกระอักกระอ่วนนิดๆ
“คือว่า…พวกเราถกเถียงคือปัญหาป้องกันความปลอดภัยของบริษัท เพื่อให้เป็นความลับยิ่งขึ้น เลยล็อกประตูไว้ จะได้ปลอดภัยหน่อย” เฉินเป่ยอธิบายแบบจริงจัง
แววตาของหลีชิงเยียนยิ่งสงสัยและเย็นชาขึ้น จ้องเขาตรงๆ ราวกับอยากมองเขาให้ทะลุ
เฉินเป่ยเพียงรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว…นี่คือการแสดงออกที่หวาดผวาขั้นสุด…
“คือว่า…พวกคุณคุยกันไปก่อนนะ…ผมไปก่อนแล้ว…”เฉินเป่ยตัดสินใจฉับไวหายตัวหลบไป…แม่ง…เวลาแบบนี้ หนีได้ก่อนเป็นดี
เฉินเป่ยวิ่งกลับไปในห้องทำงานของตนเองอย่างรวดเร็ว…ในขณะนี้ หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรง…สถานการณ์ฉากเมื่อสักครู่นั้น…แม่งน่าตกใจเสียจริง…เกือบจะโดนท่านประธานเทพธิดาเจอเรื่องลักลอบได้เสียกันแล้ว~
เฉินเป่ยจุดบุหรี่มวนหนึ่งด้วยอารมณ์ที่ยุ่งเหยิง…
เฉินเป่ยถอนหายใจทีหนึ่ง ยื่นมือออกไปด้านหน้า ด้านบนยังหลงเหลือกลิ่นหอมหวานของเจียเจียอยู่นิดๆ…เฮ้อ ดมกลิ่นหอมบนมือ…ในใจเฉินเป่ยทอดถอนใจอย่างแรง…ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนเขาดูหนังมาครึ่งเรื่อง…ผลสุดท้ายไฟดับกะทันหัน…ทำให้คนแทบคลุ้มคลั่งเอาเสียจริงๆ
พลบค่ำหลังเลิกงาน รถไมบัคเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย จอดอยู่ใต้อาคารบริษัท
หลีชิงเยียนใส่รองเท้าส้นสูง มุดเข้ามาที่นั่งข้างคนขับแบบอารมณ์สับสน
ในรถเห็นได้ชัดว่าเงียบสงบกระอักกระอ่วนพอสมควร…ชัดเจนมาก หลีชิงเยียนยังคงไม่ได้เดินออกมาจากในเรื่องราวฉากเมื่อสักครู่นี้…
ทั้งสองไม่ได้เอ่ยปากพูดจากัน เห็นได้ชัดว่าอึดอัดมาก
เฉินเป่ยขับรถยนต์อย่างระมัดระวัง แม้แต่ลมหายใจยังไม่กล้าปล่อยออกมาแรง
“นายกับซุนเจียเจีย ความสัมพันธ์น่าจะดีมากสินะ?” ทันใดนั้นหลีชิงเยียนเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงน่าดึงดูด
เฉินเป่ยได้ยิน ในใจหนักอึ้งมาหน่อย…มองเธอแบบหวาดผวาอยู่บ้าง
“ไม่นะ…ผมกับเจียเจีย…เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาเท่านั้น” เฉินเป่ยพูดอธิบายแบบลำบากใจ
ตอนได้ยินคำพูดของเขา อารมณ์ของหลีชิงเยียนยิ่งสับสน…เจียเจีย? ถึงขั้นเรียกหล่อนว่าเจียเจีย…ยังเป็นแค่ความสัมพันธ์เพื่อนร่วมงานทั่วไปอีกเหรอ? อารมณ์ของหลีชิงเยียนสับสนแบบไม่เคยเป็นมาก่อน…ในใจแอบปวดร้าวชอกช้ำนิดๆ …นี่ทำให้เธอรู้สึกว่ายุ่งเหยิงมาก…ตนเอง…ทำไมถึงมีอารมณ์แบบนี้ได้? นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด