บทที่ 651 โหดเหี้ยมอำมหิต
จู่ๆ แววตาของหวางเหวินห้าวก็นิ่งไป “แกว่าอะไรนะ คนของตระกูลฉินกำลังตรวจสอบอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ…วันนี้ทั้งวันคนของตระกูลฉินตรวจสอบหาที่มาของข่าวซุบซิบจากทุกช่องทาง…” เสียงของลูกน้องสั่นด้วยความกลัว
“งั้นแกถูกหาตัวเจอไหม” หวางเหวินห้าวแววตานิ่ง แล้วเอ่ยถามช้าๆ
“ยังครับ ตอนที่ผมปล่อยข่าวลือ ผมใช้ช่องทางที่ลับเป็นพิเศษ ตอนนี้พวกเขาน่าจะไม่สามารถตรวจสอบได้” ลูกน้องพูดอย่างจริงจัง
แววตาของหวางเหวินห้าวนิ่งลง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้แกรีบไปที่ท่าเรือ ฉันจะส่งคนไปรับแก แกออกไปหลบเรื่องราววุ่นวายสักพักหนึ่ง”
“ครับ คุณชาย ผมจะรีบไปท่าเรือเดี๋ยวนี้!” ลูกน้องพยักหน้า และตอบรับอย่างจริงจัง
เมื่อวางสายลง หวางเหวินห้าวถอดแว่นออกช้าๆ ความโหดเหี้ยมและน่ากลัวฉายออกมาทางแววตาขอเขา เขากดโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
“เป้าหมายอยู่ที่ท่าเรือ จัดการให้เรียบร้อย อย่าลืมจัดการคนในครอบครัวมันด้วย ห้ามเหลือไว้แม้แต่คนเดียว!” น้ำเสียงของหวางเหวินห้าวเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ราวกับงูพิษที่ร้ายกาจ!
เขาสามารถทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะทำลายเบาะแสทั้งหมด รวมไปถึงการฆ่าลูกน้องของตัวเองทั้งครอบครัว!
ดวงจันทร์กลมโตลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ณ เรือนสี่ประสานของตระกูลฉินที่เมืองจิง
ท่านผู้นำฉินเฉิงยืนเอามือไพล่หลัง เขายืนนิ่งอยู่หน้าตรงมุมทะเลสาบสีมรกตในสวน ในมือของเขาถือเบ็ดตกปลาคันบางที่ไม่มีเหยื่อสักตัว มีเพียงตะขอสีเงินเพียงอันเดียวเท่านั้น ถึงกระนั้น ปลาหงหลี่สองสามตัวก็แหวกว่ายเหนือผิวน้ำเบาๆ มันว่ายวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตะขอ ทำท่าราวกับจะยอมให้ตก
ขณะนั้น จู่ๆ ก็มีคนใช้วิ่งกุลีกุจอเข้ามาตามทางเดินของศาลาสีดำ
“นายท่านครับ ข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูยางที่ถูกเผยแพร่ออกไป ตอนนี้หาที่มาได้แล้วครับ” คนใช้โค้งตัวรายงานอย่างนอบน้อม
“ใครเป็นคนทำ” สีหน้าของฉินเฉิงราบเรียบ เขายังคงถือเบ็ดตกปลาอยู่ในมือ และตกปลาแบบไร้เหยื่อ
“ตระกูลหวังแห่งเมืองหู้ไห่ครับ” คนใช้พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของฉินเฉิงนิ่งไปทันที
“ตระกูลหวัง…” ฉินเฉิงพึมพำกับตัวเอง แววตาของชายชราลุ่มลึก
“ไอ้แก่นั่น มันคันไม้คันมือหรือไง” น้ำเสียงของฉินเฉิงราบเรียบ ราวกับว่าไม่เห็นตระกูลหวังอันยิ่งใหญ่อยู่ในสายตา
“บอกฉินเกอให้เอาข่าวนี้ไปเปิดเผยให้ผู้ชายที่ชื่อเฉินเป่ย” ฉินเฉิงพูดเนิบๆ
คนใช้พยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นจึงถอยออกไปอย่างระแวดระวัง
แววตาของชายชรายังคงทอดมองไปที่ทะเลสาบยามค่ำคืน เขาเงียบอยู่นาน จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นและพูดพึมพำว่า “ทิวทัศน์ทางตอนเหนือหลายพันลี้ถูกแช่แข็ง หิมะลอยไปหลายพันลี้”
พระอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นจากทิศตะวันออก มันเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น
เฉินเป่ยขับรถยนต์มายบัคมุ่งตรงไปยังอาคารตระกูลหลี
ตอนที่กำลังจะถึงหน้าประตูอาคารตระกูลหลี จู่ๆ แววตาของเฉินเป่ยก็นิ่งลง
มีรถออดี้ A6 จอดอยู่ที่ประตูอาคารตระกูลหลี ตัวรถสีดำขลับ และป้ายทะเบียนรถสุดพิเศษที่เป็นตัวเลขสีแดง
“รถคันนั้นของใคร” หลีชิงเยียนนั่งอยู่ข้างคนขับ แววตาคู่สวยมองไปยังรถออดี้ที่จอดอยู่ไม่ไกล
เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาช้าๆ จากนั้นจึงพูดว่า “รถของเพื่อนเก่าคนหนึ่งน่ะ”
รถยนต์มายบัคจอดลงที่หน้าอาคาร เฉินเป่ยคาบบุหรี่อยู่ที่ปาก และก้าวลงจากรถ
เขาหันไปมองหลีชิงเยียนแล้วพูดว่า “คุณขึ้นไปข้างบนก่อน”
ขณะนั้น ประตูรถยนต์ออดี้ก็เปิดออกทันที
ชายในชุดสูทสูบเรียบกริบค่อยๆ เดินลงมาจากรถ บุคลิกของเขาเย็นชา เขาเหมือนกับกระบี่ที่แหลมคมเล่มหนึ่ง
หลีชิงเยียนค่อยๆ ชะงักฝีเท้าลง เธอไม่ได้ขึ้นไปข้างบนตามที่เฉินเป่ยบอก แต่เธอยืนดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านหนึ่ง
เธอแอบรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“โอ๊ะ คุณชายฉินรองใช่ไหม” เฉินเป่ยคาบบุหรี่อยู่ในปาก และมองคุณชายฉินรองในชุดสูทเรียบกริบที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เมื่อวานพี่ใหญ่ของฉันมาหานายที่นี่” คุณชายฉินรองจ้องเขาและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เฉินเป่ยพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร
“นายกล้าการวาดปืนพกอย่างรวดเร็วและยิงพี่ใหญ่ของฉันอย่างนั้นเหรอ” คุณชายฉินรองซักถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นขึ้น และแฝงไปด้วยความอาฆาต
เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาช้าๆ และแสยะยิ้มยียวนออกมา “พี่ใหญ่ของนายเอาปืนมาจ่อฉัน ฉันเลยต้องตอบกลับตามมารยาท”
คุณชายฉินรองสีหน้าเยือกเย็น เขาเดินเข้ามาและชี้หน้าเฉินเป่ย “นายดูถูกฉันได้ แต่นายดูถูกพี่ใหญ่ของฉัน ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
เฉินเป่ยเลิกคิ้วขึ้น “เหรอ ดูถูกพี่ใหญ่ของนายอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่ได้ดูถูกพี่ใหญ่ของนายเลย เขายอมแพ้เองต่างหาก แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันไม่ทราบ อย่าบอกนะว่าพวกแซ่ฉินจะเอาปืนมาจ่อฉันได้เท่านั้น แต่ฉันไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างนั้นเหรอ”
“บังอาจ! นายซ่อนตัวน้องสาวฉันเอาไว้ เหตุผลนี้พอไหม” คุณชายฉินรองสีหน้าเย็นชา และก้าวเข้าไปชกเฉินเป่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เฉินเป่ยไม่รีรอ เขารับหมัดของคุณชายฉินรองเอาไว้ได้ทันที เขาใช้แรงเหวี่ยงตัวของคุณชายฉินรอง
“ผัวะ” ตัวของคุณชายฉินรองกระเด็นออกไปหลายเมตร เขาเด้งตัวขึ้นไปในอากาศ และเห็นการทรงตัวของเขา
ประธานเทพธิดาที่อยู่อีกด้านอึ้งไป มองทั้งสองที่เอะเอะก็ใช้กำลัง ตอนแรกเธออยากห้าม แต่พอได้ยินคำพูดของคุณชายฉินรองที่พูดออกมาเมื่อครู่ ซ่อนและหลอกล่อน้องสาวของเขา เมื่อคิดถึงประโยคนี้ ในใจของหลีชิงเยียนก็สับสนไปหมด ตอนที่เธอกำลังสับสน เธอจึงเหม่อลอยและไม่รู้จะห้ามอย่างไร
คุณชายฉินรองระเบิดความโกรธออกมา เขาเหวี่ยงหมัดอันน่ากลัวออกไปอีก
“บังอาจนักนะเฉินเป่ย! วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนแกให้ได้!” น้ำเสียงของคุณชายฉินรองโมโหเป็นอย่างมาก รับรู้ได้ถึงความโกรธที่มีอยู่ในขณะนี้ น้องสาวคนที่สามโดนผู้ชายตรงหน้าหลอกล่อไป แถมพี่ใหญ่ยังโดนผู้ชายตรงหน้าทำร้ายจนบาดเจ็บ ศักดิ์ศรีของตระกูลฉินย่อยยับเพราะผู้ชายคนนี้ นี่มันกำลังตบหน้าตระกูลฉินชัดๆ
หมัดของคุณชายฉินรองดุดันจนสามารถเข้าไปในผิวได้เลย
เฉินเป่ยหลบซ้ายหลบขวา เขาจับแขนของคุณชายฉินรองเอาไว้และล็อกข้อต่อของกล้ามเนื้อ จากนั้นจึงเตะด้านข้าง
“ผัวะ!” คุณชายฉินรองถูกเตะจนกระเด็นออกไป
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแน่วแน่ โดยคาบบุหรี่อยู่ในปากด้วยสีหน้าราบเรียบ
“มีปัญญาแค่นี้เหรอ คุณชายฉินรอง นายกลับไปฝึกอีกสักสองสามปีเถอะ” น้ำเสียงของเฉินเป่ยแฝงไปด้วยการเยาะเย้ย
“ไอ้เวร!” คุณชายฉินรองเสียหน้า เขาโกรธเป็นอย่างมาก ทักษะของเขาพลุ่งพล่าน แรงอาฆาตแผ่กระจายไปทั่ว
คนที่อยู่อีกด้านอย่างหลีชิงเยียนรีบห้ามด้วยความตื่นตระหนก “พวกนายอย่าทะเลาะกัน!”
แต่ทว่าเสียงห้ามของหลีชิงเยียนไม่เป็นผล ผู้ชายทะเลาะกัน ผู้หญิงไม่สามารถเข้ามาก้าวก่ายได้
ทักษะของทั้งสองคนระเบิดออกมา
คุณชายฉินรองเหวี่ยงเท้าออกมา ทักษะทางทหาร เขายกขาขึ้นมาเตะวงกว้าง ขายาวๆ เหวี่ยงเข้าไปจู่โจม
เฉินเป่ยเอามือทั้งสองข้างขึ้นมากันไว้ จากนั้นจึงใช้มือจับขาของคุณชายฉินรองเอาไว้ และตอบโต้กลับทันที
คุณชายฉินรองสูญเสียการทรงตัว เขาถูกแรงเหวี่ยงตัวไปในอากาศ จากนั้นจึงล้มลงไปบนพื้นโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“ผัวะ” พื้นแตกกระจายออกมา ตัวของคุณชายฉินรองกระแทกลงไปจนพื้นยุบ ฝุ่นลอยตลบอบอวล มันน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
ประธานเทพธิดาที่ยืนอยู่อีกด้านอึ้งไป พื้นหน้าอาคารตระกูลหลีแตกกระจายเพราะการต่อสู้ของทั้งสองคน มันเหมือนกับเผชิญกับการถูกจู่โจมที่น่ากลัว นี่มันน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
รอบๆ เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมงานที่มาทำงานตอนเช้า ทุกคนมองสงครามตรงหน้าด้วยแววตาหวาดกลัว
ภาพตรงหน้าสั่นสะเทือนและลบล้างความสามารถในการแบกรับความกดดันของพวกเขาใหม่เกือบทั้งหมด
คุณชายฉินรองลุกขึ้นยืนจากหลุมที่ยุบลงไปด้วยร่างที่สั่นสะท้าน ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นและดิน ดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
“นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน” เฉินเป่ยมองเขาด้วยสายตาราบเรียบ ใบหน้าของเขานิ่งมาก
คุณชายรองฉินกำมือทั้งสองข้างจนแน่น กล้ามเนื้อสั่นไปหมดทั้งตัว มันเกิดจากความโมโห
ทันใดนั้นมีรถออฟโรดสำหรับใช้ในทางทหารสามคันเบรกขวางหน้าอาคาร
“งั้นก็เพิ่มฉันไปด้วยอีกคนสิ” เสียงดังออกมาจากรถออฟโรด
ฉินเกอในชุดเครื่องแบบทหารก้าวลงมาจากรถออฟโรดอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาเย็นยะเยือกและเคร่งขรึม
“พี่ใหญ่!” คุณชายฉินรองตกใจกับการปรากฏตัวของพี่ใหญ่
ตอนนี้สองบุรุษผู้แข็งแกร่งได้รวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว!
ฉินเกอก้าวเข้ามาและปลดกระดุมชุดเครื่องแบบทหาร เขาถอดเสื้อตัวนอกของเครื่องแบบทหารออก ร่างกายที่กำยำและมัดกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีเขียวแนบเนื้อ บรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นมา
เฉินเป่ยมองสองบุรุษแห่งสวรรค์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองจิง ณ ตอนนี้ด้วยสายตายียวน มุมปากของเขายกขึ้น น่าสนุกนี่
“สองพี่น้องตระกูลฉินจะเข้ามาพร้อมกันเลยไหม” มุมปากของเฉินเป่ยยกขึ้นอีก เขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังพูดด้วยยั่วโมโหอีกต่างหาก
แววตาของพี่ใหญ่อย่างฉินเกอดุดันเป็นอย่างมาก เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ถ้าวันนี้นายส่งตัวของฉินหยางมาให้เรา เราจะรีบออกไปทันที และจะไม่สร้างความวุ่นวายแม้แต่น้อย!”
เฉินเป่ยยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอโทษด้วยที่ฉันไม่สามารถฟังคำสั่งของพวกนายได้ พวกนายเข้ามาพร้อมกันเลยแล้วกัน”
ขณะนั้นบรรยากาศก็เงียบลงทันที
ฉินเกอสีหน้านิ่ง ภายในเวลาไม่กี่วินาที ในที่สุดร่างกายของเขาก็ขยับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาเหวี่ยงหมัดออกไป
แววตาของเฉินเป่ยจ้องเขม็ง เขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว
หมัดของฉินเกอชกเข้ากับความว่างเปล่า พละกำลังน่ากลัวราวกับจะฆ่าคนได้ มันสั่นสะเทือนไปทั่ว
เฉินเป่ยยังไม่ทันได้ตั้งตัว มีเงาอันน่ากลัวโผล่มาข้างหลัง เงานั่นคือคุณชายฉินรอง
ขายาวของคุณชายฉินรองราวกับแส้ เขาเหวี่ยงขาออกมา
เฉินเป่ยรีบขยับตัวอย่างรวดเร็ว ขายาวที่น่ากลัวของคุณชายฉินรองพาดผ่านหน้าอกของเขาไป ไม่แทบจะไม่สามารถหลบได้
“ผัวะ!” เฉินเป่ยเพิ่งทรงตัวได้ ฉินเกอก็เหวี่ยงหมัดมาจากข้างหลัง
หลังของเฉินเป่ยถูกจู่โจมด้วยหมัดอันรุนแรง เขาสั่นไปทั้งตัวเพราะถูกจู่โจมด้วยแรงมหาศาล จากนั้นตัวของเขาก็กระเด็นออกไป
“เฉินเป่ย…” สีหน้าของหลีชิงเยียนเครียดเป็นอย่างมาก เธอตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก “พวกนายอย่าทะเลาะกัน!”
เฉินเป่ยส่งสายตาบอกให้เธอไม่ต้องเป็นกังวล
หลีชิงเยียนตกใจกับสายตาของเฉินเป่ย เหมือนเธอเห็นความนิ่งและแน่วแน่จากแววตาของเฉินเป่ย ความรู้สึกนั้นทำให้ความเป็นกังวลในใจของเธอค่อยๆ หายไป
เฉินเป่ยค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น เขาแสยะยิ้มออกมา “น่าสนุกดีนี่ สองพี่น้องตระกูลฉินร่วมมือกัน…”
สีหน้าของฉินเกอดุดันเป็นอย่างมาก เขาจ้องเฉินเป่ยเขม็ง “ฉันให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย ส่งตัวฉินหยางมา!”
“แค่ทะเลาะกันทำไมต้องพูดมากขนาดนี้ น่ารำคาญไหม” เฉินเป่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะเดียวกันเขาก็ถอดสูทตัวนอกออก เสื้อเชิ้ตแนบเนื้อสีขาวลู่ไปตามร่างกายอันกำยำของเขา มันเหมือนกับสัตว์ที่ดุร้าย
สีหน้าของฉินเกอนิ่ง เขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หมัดอันน่ากลัวตามแบบทหารพุ่งออกมาจู่โจม
ผู้เป็นน้องอย่างคุณชายฉินรองเคลื่อนไหวด้วยทักษะที่รวดเร็ว เขาพุ่งตามเข้าไป สองบุรุษแห่งตระกูลฉินร่วมมือกันด้วยความแข็งแกร่ง
เฉินเป่ยมองสองพี่น้องที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตี เขาจ้องเขม็ง นี่คือสงครามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
ภายในพริบตา ร่างกายของเฉินเป่ยสว่างวาบอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาอยู่ในอากาศและเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า ทุกที่ที่เขาเคลื่อนตัวไปเหมือนจะเงียบลงทันที
ทันใดนั้นเหมือนดาวตกพุ่งตัวเข้าหากัน
เฉินเป่ยกับสองบุรุษตระกูลฉินปะทะทักษะกัน
“ผัวะๆๆๆ” การปะทะอันน่ากลัวรวดเร็วดั่งสายฟ้าและคลื่นลม
หมัดนับไม่ถ้วนอยู่ตรงหน้าของเฉินเป่ย พละกำลังที่น่ากลัวสั่นสะเทือนไปทั่ว ขายาวๆ เหวี่ยงออกมาอย่างรวดเร็ว การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การนองเลือดไม่มีที่สิ้นสุด
สงครามอันน่ากลัวที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เหล่าพนักงานที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันอ้าปากค้างและตกใจเป็นอย่างมาก เหมือนฉากในภาพยนตร์ไซไฟจากฮอลลีวูด
ผู้จัดการรักษาความปลอดภัยอย่างจางหยุ่งกำมือทั้งสองข้างแน่น เขาหายใจอย่างรุนแรงและจ้องเขม็งไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างของทั้งสามคนปะทะกันโดยไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสามคนได้ด้วยตาเปล่า เพราะมันรวดเร็วมาก ได้ยินเพียงเสียงสั่นสะเทือนที่อยู่ในอากาศและเสียงหมัดเท้าปะทะกับเนื้อบนร่างกาย
“ผัวะๆ” หมัดของฉินเกอรวดเร็วดั่งสายฟ้าและพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง
เฉินเป่ยหลบจนไม่สามารถจะหลบได้ ไหล่ของเขาปะทะกับหมัดจนสั่นไปทั้งตัวและกระเด็นออกไป ตัวของเฉินเป่ยลอยไปในอากาศ ภาพที่เขาเห็นกำลังเคลื่อนที่ถอยหลัง
“ผัวะ!” เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง พื้นปูนที่ได้รับแรงกระแทกจากตัวเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และยุบลงไปเป็นหลุมลึก
เฉินเป่ยน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก เขายืนโงนเงนและลุกขึ้นมาจากหลุมนั่น ดวงตาของเขาฉายแววความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เข้ามาอีกสิ สองพี่น้องตระกูลฉิน!” เสียงของเฉินเป่ยดังออกมาและแฝงไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าเป็นสงครามที่หลุดออกจากโลกปัจจุบัน นี่คือการต่อสู้ระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เพื่อสงครามเท่านั้น และไม่สนใจอะไรอีก
แววตาของฉินเกอจ้องเขม็ง เขาพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนสัตว์ร้าย
คุณชายฉินรองระเบิดพลังทักษะออกมา เขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้า
เฉินเป่ยยืนอยู่อย่างนั้น แววตาของเขากำลังจ้องเขม็ง ความกระหายเลือดฉายออกมาทางแววตาของเขา
นี่สิคือสงครามของบุรุษ
“สวบ!” ตัวของเขาระเบิดพลังออกมา
“สวบๆๆ” เฉินเป่ยจู่โจมด้วยหมัดทั้งสองข้าง หมัดอันรุนแรงพุ่งไปในอากาศอย่างต่อเนื่องและจู่โจมอย่างนับไม่ถ้วน
สองพี่น้องตระกูลฉินเหมือนฝนดาวตก ความอาฆาตแผ่ซ่านไปทั่ว พวกเขาพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ตู้มม” เฉินเป่ยโดนโจมตีจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง ตัวของเขาปะทะกับเสาหินของอาคารอย่างรุนแรง เสาหินต้นนั้นพังลงมา แม้แต่เหล็กเส้นอย่างหนาที่อยู่ในนั้นยังขาดกระจาย
“พรวด!” เฉินเป่ยรู้สึกถึงของเหลวในลำคอ จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา
ตอนนี้ บรรยากาศเงียบเป็นอย่างมาก เฉินเป่ยราชาหลงในต่างแดนที่น่ากลัว คิดไม่ถึงว่าจะโดนคนในหัวเซี่ยทำร้ายจนกระอักเลือดออกมา
“เฉินเป่ย!” หลีชิงเยียนเห็นสภาพที่น่ากลัวของเฉินเป่ย เธอทนไม่ไหวแล้ว เธอกระทืบส้นสูงกำลังจะวิ่งเข้ามา
“อย่าเข้ามา!” จู่ๆ เฉินเป่ยก็ตะคอกออกมาเพื่อห้ามหลีชิงเยียนเอาไว้
“ผู้ชายทะเลากัน ผู้หญิงอย่าเข้ามาแทรก!” น้ำเสียงของเฉินเป่ยดุดันเป็นอย่างมาก ตอนนี้ลมหายใจแห่งเลือดที่ไม่มีใครสู้ได้แผ่ซ่านออกมาบนตัวของเขา เฉินเป่ยแสยะยิ้มอย่างตื่นเต้น “ไม่เลวนี่ สองพี่น้องตระกูลฉิน เข้ามาสิ!”
ตัวของเฉินเป่ยเคลื่อนไหวจนเกิดเงา เขาพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ทันใดนั้น สายตาของฉินเกอจ้องเขม็งราวกับว่าเขาเห็นเงาที่คุ้นเคย คนที่อยู่ตรงหน้ามีอำนาจที่ไม่สามารถเทียบได้ วิธีการฆ่าที่น่ากลัว และเหมือนว่าจะเห็นวิธีการต่อสู้ทางทหารที่คุ้นเคยอีกด้วย
ชื่อของใครบางคนผุดเข้ามาในหัวของฉินเกอ เบอร์หนึ่ง เบอร์หนึ่งในตอนนั้น การแข่งขันการต่อสู้ที่กองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิงในครั้งนั้น เบอร์หนึ่งที่เคยยอดเยี่ยมเหนือมนุษย์!! เฉินเป่ยเหมือนคนนั้นเป็นอย่างมาก เหมือนคนที่เป็นเบอร์หนึ่งในตอนนั้น
ฉินเกอไม่มีเวลามาคิดอะไร หมัดของเฉินเป่ยพุ่งเข้ามา
ฉินเกอใช้วิธีล็อกข้อแบบทหารอย่างรวดเร็ว เขารับหมัดที่ไม่มีใครสู้ได้ของเฉินเป่ย แรงมหาศาลปะทะเข้ามาจนฉินเกอถอยหลังไปสิบกว่าก้าว เขารับหมัดของเฉินเป่ยเอาไว้ได้ สีหน้าของเขาดุดัน
ขณะเดียวกัน คุณชายฉินรองพุ่งเข้ามาทางข้างหลังอย่างรวดเร็ว เขาใช้การต่อสู้แบบทหาร คุณชายฉินรองถือกำเนิดในกองกำลังพิเศษในกองทัพที่น่ากลัว ฝีไม้ลายมือของเขาเพียงพอที่จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือน!
คุณชายฉินรองพุ่งเข้ามา เขาใช้มือจับไหล่ของเฉินเป่ยและทุ่มตัวของเฉินเป่ย
ตัวของเฉินเป่ยกระเด็นออกไป “ผัวะ” ร่างของเฉินเป่ยกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ฝุ่นควันตลบอบอวลไปทั่วทุกทิศ
ตอนนี้ราชาหลงที่น่ากลัวในต่างแดนน่าอนาถจนไม่อยากจะเชื่อ ในตอนที่สองพี่น้องตระกูลฉินรวมพลังกัน ถึงจะเป็นราชาแห่งหลงหุน ก็ไม่สามารถต้านทานได้
คุณชายฉินรองใช้โอกาสนี้เหวี่ยงขาออกไปจู่โจมอีกครั้ง
เฉินเป่ยรีบเคลื่อนตัวหลบอย่างรวดเร็ว เขาสามารถหลบการจู่โจมได้
เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาอีกครั้ง รู้สึกถึงความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อบนตัว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มือทั้งสองข้างของเฉินเป่ยสั่นเบาๆ เขาหายใจอย่างรุนแรง เหมือนลมหายใจของสัตว์ร้าย วันนี้ราชาหลงเจอกับศัตรูที่ไม่สามารถรับมือได้ สองพี่น้องตระกูลฉิน!
เมื่อสองพี่น้องตระกูลฉินร่วมมือกัน มันน่ากลัวจนไม่สามารถรับมือได้
“มีความสุขจริงๆ เข้ามาอีกสิ!!” เฉินเป่ยตะโกนออกมา ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ เส้นเลือดอยู่ในดวงตาเต็มไปหมด เขาเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังจะออกล่า
แววตาของฉินเกอจ้องไปที่ร่างอันน่ากลัวที่กำลังพุ่งเข้ามาตรงหน้า เงาแบบนี้มันเหมือนมาก เหมือนกับคนที่อยู่ในสนามรบในปีนั้น เหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
“เบอร์หนึ่ง!!” ฉินเกอแผดเสียงออกมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความสับ