บทที่ 43 ข้ารู้สึกพอใจนัก + บทที่ 44 คำขออันเรียบง่าย
Ink Stone_Romance
บทที่ 43 ข้ารู้สึกพอใจนัก
หนิงเมิ่งเหยาค่อนข้างแปลกใจ นางคิดว่าชายผู้นี้เป็นคนไม่เลว อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้สืบทอดนิสัยของนางเฉินมาด้วย หากไม่เช่นนั้นคงทำให้ผู้คนนึกรังเกียจเป็นแน่
นางเฉินพูดอะไรไม่ออก เพราะคำพูดของหยางฮว๋าย หยางชุ่ยที่มาพร้อมกับพวกเขากลับมีท่าทีไม่พอใจขึ้นมา นางชี้นิ้วไปที่หยางฮว๋ายพร้อมกับคำรามออกมา “เจ้าพูดกับท่านแม่เช่นนี้รึ? หยางฮว๋าย เจ้าท่องหนังสือตั้งมากขนาดนั้นเพื่อสิ่งใดกัน?”
“เจ้าเงียบปากเสีย หากไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนไร้ยางอาย เรื่องราวมันจะเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? สิ่งที่เจ้าได้กระทำลงไปด้วยตัวเองนั้น ข้าไม่ได้มีหน้าที่อันใดที่จะต้องปกปิดให้” หยางฮว๋ายกล่าวกับหยางซุ่ยอย่างไม่มีเยื่อใยแม้แต่น้อย
น้องสาวผู้นี้ของเขาถูกตามใจจนเสียคนด้วยฝีมือของเขาผู้นั้น จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะใช้วิธีใดจัดการกับนางดี
หยางชุ่ยขึงตามองพี่ชายของนาง ตั้งแต่เล็กจนโต พี่ชายผู้นี้มิใช่หนึ่งในผู้ที่ตามใจนางที่สุด หากจะกล่าวกันในเรื่องตามใจแล้วละก็ พี่ชายคนโตของนางต่างหากที่เป็นผู้ที่ยอมเอาอกเอาใจและตามใจนางมากที่สุด ในขณะที่พี่ชายผู้นี้ของนางกลับไม่ได้ชอบนาง ซ้ำยังดูถูกนางเสียอีก
นางเฉินจ้องเขม็งไปยังลูกชายของตน แรกเริ่มเดิมทีนางก็มิได้รู้สึกพอใจกับลูกคนนี้อยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งมาได้ยินในสิ่งที่เขากล่าวต่อน้องสาวตนเองอีกนั้น หัวใจของนางก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ทรมานขึ้นไปอีก “นี่คือสิ่งที่เจ้าปฏิบัติต่อน้องสาวของเจ้าเองงั้นรึ?”
หยางฮว๋ายไม่ได้กล่าวอะไร เขาเพียงแค่ส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง เขาจะไม่ชอบน้องสาวของตนได้อย่างไรกัน? เมื่อสมัยพวกเขายังเล็กๆ เขาเองก็เอาอกเอาใจนาง แต่น่าเสียดายยิ่งนัก บัดนี้นางกลับถูกตามใจจนเสียผู้เสียคนไปเสียแล้ว
หยางชุ่ยตวัดสายตาจ้องเขม็งไปยังหนิงเมิ่งเหยาอย่างฉุนเฉียว และกล่าวด้วยความโมโห “หนิงเมิ่งเหยา ยายผู้หญิงไร้อางอาย เจ้าต้องการจะสร้างความร้าวฉานในความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพี่ชายของข้า เพื่อให้พี่ชายของข้าช่วยเจ้าสินะ”
หนิงเมิ่งเหยาหมดความอดทนอย่างแท้จริงกับตระกูลนี้ “ช่วยพาน้องสาวและมารดาของท่านไปจากที่นี่ด้วยเถอะ”
ความอับอายฉาบผ่านใบหน้าของหยางฮว๋าย การต้องมาเสียหน้าต่อหน้าหญิงสาวผู้นี้นั้นทำให้จิตใจของหยางฮว๋ายไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย
“ท่านแม่ กลับกันเถิด อย่าก่อปัญหาให้ผู้อื่นต่อไปอีกเลย นี่เป็นสิ่งที่หยางชุ่ยสมควรได้รับแล้ว” หยางฮว๋ายกล่าวเบาๆ น้ำเสียงมีความหงุดหงิดอย่างยิ่งยวด
คำพูดเหล่านั้นมิได้ตบหน้านางเฉินเพียงผู้เดียว หากแต่ช่วยคนนอกให้ทำลายเกียรติยศของน้องสาวตนด้วย
นางเฉินโมโหจนแทบอยู่ไม่สุข แต่ไม่อาจพูดอะไรได้ นางชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังลูกชายของตนและพูดอะไรไม่ออกไปราวครึ่งวัน ในที่สุด นางก็ทำได้เพียงแค่พาบุตรสาวกลับไปด้วยความโกรธเคือง
วันนี้นางเสียหน้ามามากพอแล้ว ลูกชายของนางเองยังช่วยผู้อื่นกลั่นแกล้งพวกนาง จะมีอะไรน่าขันไปกว่านี้อีกหรือ?
หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว หยางฮว๋ายมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยความรู้สึกผิด “ข้าต้องขออภัยด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้นั้นล้วนเป็นความผิดของน้องสาวข้าเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะให้อภัยและไม่ถือสาหาความใดๆ นางยังเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น”
ขนาดเขาเองยังไม่เชื่อคำพูดเหล่านี้เลย แล้วผู้อื่นจะเชื่อได้อย่างไรกัน?
“เด็กคนหนึ่ง? นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ตระกูลท่านคิดไปเอง ท่านควรดูแลน้องสาวท่านไม่ให้มาหาเรื่องข้าอีกมากกว่า มิเช่นนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องมันจบลงง่ายๆ อย่างแน่นอน” หากไม่ใช่ความจริงที่ว่าหยางฮว๋ายไม่ใช่คนนิสัยเสียแล้วล่ะก็ นางก็คงไม่ยอมให้เรื่องจบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ พวกเขามาหานางถึงหน้าประตูบ้านแล้วยังด่าทอต่อว่านางเสียยกใหญ่ แต่ยังสามารถกลับไปได้ครบสามสิบสอง สวรรค์ทรงโปรด แน่นอนว่าไม่มีใครเคยโชคดีขนาดนี้มาก่อน
จริงๆ แล้วหยางฮว๋ายยังคงอยากจะรู้จักหนิงเมิ่งเหยาให้มากขึ้น เขารู้สึกชอบพอหญิงสาวผู้นี้ แต่ภายใต้คำพูดอันสงวนท่าทีของนาง ใบหน้าของหยางฮว๋ายมีแต่ความประหม่าแสดงออกมา เขาทำได้เพียงขอตัวกลับพร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความอับอาย
หลังจากยืนอยู่ที่หน้าประตูได้ครู่หนึ่ง หนิงเมิ่งเหยาก็กลับเข้าบ้าน เมื่อนางกลับไปถึง เด็กๆ ก็ทำงานที่นางได้มอบหมายไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาแย้มรอยยิ้มบางเมื่อเห็นเหล่าศิษย์ตัวน้อย การได้อยู่กับเด็กพวกนี้นั้นยังมีความสุขเสียกว่า
เมื่อเด็กๆ ค่อยๆ ทยอยกลับกันไปทีละคนในยามบ่าย หยางซิ่วเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับขมวดคิ้วมองหน้าหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าคุยกับหยางชุ่ย?”
แม้ว่าถ้อยคำเหล่านั้นจะถามหนิงเมิ่งเหยา หากน้ำเสียงอันชัดเจนในนั้นฟังดูราวกับการสอบสวน
หนิงเมิ่งเหยาเหลือบตามองหยางซิ่วเอ๋อร์ นางทำเพียงเก็บของของนางที่ลานโดยไม่ได้โต้ตอบอะไร
เมื่อเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่สนใจนาง และปฏิบัติกับนางราวกับเป็นอากาศธาตุ สีหน้าของหยางซิ่วเอ๋อร์ก็บูดเบี้ยว
“หนิงเมิ่งเหยา ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าไม่ได้ยินหรือ? ถ้าเจ้าขอร้อง ข้าช่วยเจ้าได้นะ ความสัมพันธ์ของข้ากับหยางชุ่ยไม่แย่นัก” หยางซิ่วเอ๋อร์มองไปที่หนิงเมิ่งเหยาอย่างอวดตัว
ในที่สุด นางก็มีสิ่งที่จะสามารถต่อกรกับหนิงเมิ่งเหยาได้เสียที นางจะต้องทำให้หนิงเมิ่งเหยาอับอายต่อหน้านางให้ได้
บทที่ 44 คำขออันเรียบง่าย
หยางซิ่วเอ๋อร์เป็นเพื่อนกับหยางชุ่ยตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะฐานะทางบ้านของหยางชุ่ยนั้นดีกว่านาง นางจึงยอมเล่นกับหยางชุ่ยด้วยความหวังว่าจะช่วยให้ฐานะครอบครัวของนางดีขึ้นบ้าง แต่เพราะว่านางไม่ค่อยได้เข้าไปในเมืองสักเท่าใดนัก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางทั้งสองจึงค่อยๆ จางลง
แต่ตอนนี้นางกลับมาแล้ว แม้ว่าหยางชุ่ยจะเป็นคนโอ้อวดถือตัว แต่ความสัมพันธ์ของพวกนางก็ยังคงจัดว่าอยู่ในระดับดี
ความต้องการที่อยากจะให้หยางชุ่ยเลิกตอแยกับหนิงเมิ่งเหยานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ด้วยคำพูด แน่นอนว่าค่าตอบแทนที่หนิงเมิ่งเหยาต้องจ่ายนั้นไม่ใช่อะไรที่นางจะคาดเดาได้
หนิงเมิ่งเหยายังคงไม่พูดอะไร หลังจากจัดระเบียบโต๊ะเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อย นางก็เดินตรงไปยังห้องครัว เพราะอยู่คนเดียวนางจึงไม่อยากลงมือทำอะไรที่มันยุ่งยากมากนัก จึงทำอาหารง่ายๆ อย่างไข่ทอดสองฟองแทน หลังจากราดด้วยน้ำปรุงรสทำจากเนื้อกระต่ายลงไป นางก็กินอาหารในจานจนหมด
เมื่อเห็นสิ่งที่หนิงเมิ่งเหยากิน ประกายความอยากก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหยางซิ่วเอ๋อร์ กลิ่นของน้ำปรุงรสจากขวดนั้นช่างหอมติดจมูก ทำเอานางน้ำลายไหลอย่างเสียไม่ได้
“เจ้าทำอะไร? ข้าก็อยากกินเหมือนกัน” หยางซิ่วเอ๋อร์รีบพูดเมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาเอาขวดนั้นไปเก็บ
เมื่อมองไปทางหยางซิ่วเอ๋อร์ หนิงเมิ่งเหยาไม่สนใจนาง แต่หมุนตัวหันหนีและวางสิ่งที่อยู่ในมือกลับเข้าที่
หยางซิ่วเอ๋อร์ยังคงคาดหวังให้หนิงเมิ่งเหยามาร้องขอให้นางช่วยอยู่ เจ้าคงรู้สินะว่าพี่ชายของหยางชุ่ยเป็นถึงซิ่วไฉ แต่เมื่อมองหนิงเมิ่งเหยา นางกลับไม่มีท่าทีสนใจแต่อย่างใด
เมื่อคิดได้ดังนั้นสีหน้าของหยางซิ่วเอ๋อร์ก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้นอีก นางทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อหนิงเมิ่งเหยาตั้งใจจะเดินออกไป แต่ก็เห็นหนิงเมิ่งเหยาสะพายตะกร้าใส่หลังเสียก่อน “ข้าจะออกไปข้างนอก ถ้าเจ้าไม่มีธุระอื่นแล้วก็เชิญกลับไปได้”
น้ำเสียงนิ่งๆ นั้นบ่งบอกว่าหยางซิ่วเอ๋อร์เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
น้ำเสียงโอ้อวดของหยางซิ่วเอ๋อร์ทำให้หญิงสาวไม่ค่อยพอใจนัก โดยเฉพาะสีหน้าของหยางซิ่วเอ๋อร์ด้วยแล้ว
อย่างน้อยเมื่อไม่ต้องเห็นหน้าหยางซิ่วเอ๋อร์ ใจนางก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกหงุดหงิด เพราะคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นักถ้าหากนางโมโหขึ้นมา
เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหยางซิ่วเอ๋อร์ ริมฝีปากของหนิงเมิ่งเหยาก็เหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน
นางออกไปพร้อมกับสะพายตะกร้าไว้บนหลัง หยางซิ่วเอ๋อร์โดนไล่ให้ออกจากบ้านและทำได้เพียงจ้องมองหนิงเมิ่งเหยาซึ่งเดินมุ่งไปยังบนภูเขาอย่างไม่พอใจ ม่านหมอกอันน่าสงสัยปรากฏอย่างชัดเจนอยู่ภายในดวงตาของหยางซิ่วเอ๋อร์ สีหน้าของนางหมองคล้ำขึ้นก่อนเดินจากไป
เมื่อเห็นหยางซิ่วเอ๋อร์เดินเข้ามาในบ้านของนาง หยางชุ่ยก็รีบถามอย่างอดรนทนไม่ได้ “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“จะเป็นอย่างไรเสียอีก? นางไม่มีเจ้าอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ” หยางซิ่วเอ๋อร์เบะปาก และตอบอย่างหงุดหงิด
เมื่อหยางชุ่ยได้ยินดังนั้น นางตวัดสายตาไปมองหยางซิ่วเอ๋อร์ พอดูจากสีหน้าของนางแล้วก็รู้ว่านางพูดเรื่องจริง
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
“แน่นอน นางพูดเองว่า ข้าบอกว่าเพียงแต่นางจะมาขอโทษเจ้าโดยดี เจ้าก็จะให้อภัยนาง แต่นางไม่ตอบอะไรเลยสักคำ” ระหว่างที่พูด นางก็เสแสร้งปั้นสีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาใส่หยางชุ่ย สีหน้าท่าทางนั้นทำให้หยางชุ่ยโกรธจัดจนต้องปาสิ่งที่อยู่ในมือลงพื้น
หนิงเมิ่งเหยา หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญนักหรือ ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่คนดี แต่นางก็เป็นถึงน้องสาวของซิ่วไฉเชียวนะ
แล้วนางผู้เป็นเด็กกำพร้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาดูถูกนางกัน?
“นางกล้าดูถูกข้าหรือ? พี่ชายของข้าเป็นซิ่วไฉเชียวนะ” ณ จุดนี้หยางชุ่ยได้ลืมไปแล้วว่าเมื่อตอนอยู่ที่บ้านของหนิงเมิ่งเหยานั้นหยางฮว๋ายเองก็ไม่ได้ไว้หน้านางเช่นกัน
หยางซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าพลางกล่าวกับหยางชุ่ย “ใช่แล้ว ทำอย่างนี้มากเกินไปแล้ว จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร แต่ยังไงเสียเจ้าก็เป็นถึงน้องสาวของซิ่วไฉ แล้วนางเป็นใครกัน? นางจึงกล้าที่จะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้”
คำพูดเหล่านี้ช่วยทำให้หยางชุ่ยสบายใจ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ยิ่งทำให้หยางชุ่ยโมโหหนักกว่าเดิม
และเป็นอย่างที่คิด หลังจากได้ยินวาจาของหยางซิ่วเอ๋อร์ สีหน้าบนใบหน้าของหยางชุ่ยก็ดูย่ำแย่ราวกับนางเพิ่งจะกลืนแมลงวันลงคอไป
หยางชุ่ยขว้างสิ่งที่อยู่ในมือของนางลงพื้นและคำรามอย่างกราดเกรี้ยว “ข้าจะทำให้หนิงเมิ่งเหยาต้องรู้สึกเสียใจในสิ่งที่นางทำลงไปอย่างแน่นอน” ความเกลียดชังและความมุ่งร้ายในน้ำเสียงนั้นทำให้หยางซิ่วเอ๋อร์หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว
ไปทะเลาะกัน ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และเมื่อถึงเวลานั้น นางก็จะเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มาอย่างง่ายดาย
ทั้งสองร่วมกันวางแผนการ แต่สิ่งที่พวกนางไม่ได้คาดคิดเอาไว้นั้นคือการที่ทุกสิ่งที่พวกนางพูดคุยกันจะถูกได้ยินโดยเพื่อนบ้านอย่างเฉียนเทียนช่าง
เขาได้ยินเรื่องที่นางเฉินเอาแต่ไปรังควานและสร้างปัญหาให้กับหนิงเมิ่งเหยามาตลอดสองสามวันมานี้ และเขาเองก็อยากจะช่วย แต่เขามั่นใจว่าถ้าหากเขาไปปรากฏตัวในตอนนั้นก็รังแต่จะทำให้เรื่องมันยุ