บทที่ 99 ข่าวลือ + บทที่ 100 ไม่ไว้วางใจ
Ink Stone_Romance
บทที่ 99 ข่าวลือ
หนิงเมิ่งเหยาไม่คิดจะสนใจข่าวลือต่างๆ ในหมู่บ้าน หญิงสาวไม่จำเป็นต้องอธิบายความจริงให้กับผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวนางรับรู้ และในขณะเดียวกัน นางก็ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรกับคนที่ไม่ไว้ใจนาง เพราะมันไร้ประโยชน์สิ้นดี
หญิงสาวเห็นว่า คงจะดีกว่าหากใช้เวลาช่วงนี้ในการพูดคุยกับเฉียวเทียนช่างเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวฉีเทียนได้ให้คนสองถึงสามคนนำดอกแอปริคอทมาให้หนิงเมิ่งเหยา และแจ้งว่าคราวหน้าเขาจะส่งมาเพิ่มอีก ขณะเดียวกัน เขาก็ฝากคนกลุ่มนั้นให้มาถามนางว่าสุราดอกแอปริคอทจะพร้อมดื่มเมื่อไหร่
หนิงเมิ่งเหยาตระหนักว่าตนเองนั้นยังมีสิ่งต่างๆ สำหรับเรื่องนี้ให้ทำอีกมากมาย
นอกจากเซียวฉีเทียนแล้ว ทางด้านของเฉียวเทียนช่างเองก็หาดอกแอปริคอทจากที่ไหนไม่ทราบมาได้จำนวนมากเช่นกัน
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นดอกแอปริคอทกองโตอยู่ในโรงงาน หญิงสาวก็มองเห็นเป็นภาพเงินจำนวนมหาศาลกำลังลอยมาหานาง
เมื่อทุกอย่างพร้อม หนิงเมิ่งเหยาจึงเริ่มให้คำแนะนำกับคนงานในการทำสุราดอกแอปริคอท แน่นอนว่าชิงเสวี่ยนั้นจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเอง โดยที่คนอื่นๆ รวมถึงเหล่าชาวบ้านจะไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้
ในช่วงเวลานี้ ข่าวลือต่างๆ เริ่มดุเดือดขึ้น พวกเขาพูดกันว่าหยางเล่อเล่อได้รับประโยชน์จากหนิงเมิ่งเหยา นางจึงต้องช่วยเหลือหญิงสาวต่อ และจริงๆ แล้วหยางเล่อเล่อนั้นก็ไปเป็นอนุภรรยาของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งนั่นเอง
หนิงเมิ่งเหยายุ่งมากจนไม่ได้ยินข่าวลือดังกล่าว แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าหยางเล่อเล่อจะไม่รับรู้เรื่องนี้ เนื่องจากข่าวลือนั้นเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของนางโดยตรง
ดังนั้นผู้คนจึงต่างทยอยเข้ามาถามไถ่นางเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนกระทั่งได้รู้ว่านางหลัว ซึ่งเป็นแม่ของหยางซิ่วเอ๋อร์นั้นเป็นคนแพร่สะพัดข่าวลือนี้นั่นเอง
เมื่อนางหลัวเป็นคนกระจายข่าว หมายความว่าหยางซิ่วเอ๋อร์ก็ต้องรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
หยางเล่อเล่อเดินเข้าไปในบ้านของหยางซิ่วเอ๋อร์ และมองนางด้วยแววตาเยือกเย็นเช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นว่า “หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงเรื่องอะไร” หยางซิ่วเอ๋อร์สบตาเพียงแวบเดียว ก่อนจะก้มศีรษะลงและเอ่ยตอบ
ฟ้าดินเป็นพยานได้ว่า ความอิจฉาริษยาในจิตใจของหยางซิ่วเอ๋อร์นั้นก่อตัวอย่างรุนแรงเพียงใด ตอนที่นางเห็นว่าหยางเล่อเล่อเปลี่ยนไปขนาดนี้ ก่อนหน้านี้หยางเล่อเล่อเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าตอนนี้ หากมีใครบอกว่านางเป็นลูกสาวมหาเศรษฐี ผู้คนก็คงจะเชื่อหัวปักหัวปำ
‘เป็นเพราะอะไรกันนะ หยางเล่อเล่อมีอะไร ที่นางไม่อาจมีได้กันหรือ”
“หยางซิ่วเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่เห็นโลงศพ ก็คงไม่หลั่งน้ำตาสินะ เจ้ากล้าพูดหรือไม่เล่า ว่าเจ้ามิได้เป็นคนปล่อยข่าวลือนั่นออกไป” หยางเล่อเล่อยิ้มอย่างเยือกเย็น
ในที่สุด หยางซิ่วเอ๋อร์จึงเงยหน้าขึ้น และสบตาหยางเล่อเล่อที่ดูเมินเฉย “ต่อให้ใช่ หรือไม่ใช่ แล้วเจ้าจะทำไมรึ”
“จริงอยู่ว่าข้าไม่อาจทำอะไรได้ ข้าเพียงอยากจะเตือนว่าอย่าทำสิ่งเหล่านี้เลย ไม่เช่นนั้น เจ้าอาจจะติดบ่วงของตัวเองก็เป็นได้” ‘เหยาเหยาเพียงแค่ไม่มีเวลามาสนใจ นางจึงคิดว่าเหยาเหยานั้นหวาดกลัวนางจริงๆ หรือนี่ ช่างน่าขำชะมัด’
‘ทุกครั้งที่เจอกัน หยางเล่อเล่อเคยเป็นคนที่อยู่ต่ำกว่าเสมอ แล้วเด็กสาวผู้นี้กล้าดีเช่นไร ถึงมาพูดกับนางอย่างจองหองเช่นนี้’
เมื่อหยางซิ่วเอ๋อร์เห็นท่าทีของหยางเล่อเล่อนั้น ก็อยากจะฉีกหน้าของผู้หญิงสำส่อนเช่นนางทิ้งเสีย
“หยางเล่อเล่อ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เจ้าคิดหรือว่าการติดตามหนิงเมิ่งเหยานั้นจะทำให้ตนเองยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้จริงๆ ไม่ช้าก็เร็ว ชีวิตของเจ้าจะต้องจบสิ้นลงด้วยข่าวลือเหล่านั้น” เมื่อเห็นว่าหยางเล่อเล่อกำลังจะจากไป หยางซิ่วเอ๋อร์จึงเอ่ยขึ้นในทันที
ฝีเท้าของเด็กสาวหยุดชะงัก ก่อนจะหันมาจ้องมองใบหน้าถมึงทึงของหยางซิ่วเอ๋อร์ “นั่นมันเรื่องของข้า เจ้าไม่เกี่ยว และไม่ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร ข้าก็ขอเตือนความจำเจ้าสักหน่อยแล้วกัน เจ้าจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเจ้าบ้าง” หลังจากพูดจบ หยางเล่อเล่อก็หันหลังกลับไป โดยไม่สนใจว่าหยางซิ่วเอ๋อร์และนางหลัวจะมีสีหน้าเช่นไร
เมื่อหยางเล่อเล่อออกมาจากบ้านของหยางซิ่วเอ๋อร์ ใบหน้าของนางก็เคร่งเครียดขึ้น
ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าเหตุผลที่หยางซิ่วเอ๋อร์ปล่อยข่าวลือนั้น เป็นเพราะนางนั่นเอง
หยางเล่อเล่อมองเห็นความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง และความรู้สึกอื่นๆ ที่นางเองก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ จากแววตาคู่นั้นของหยางซิ่วเอ๋อร์
แม้จะมิได้ซักถามจากหนิงเมิ่งเหยา แต่เด็กสาวก็สามารถคาดเดาได้ไม่ยากนัก
เด็กสาวกลับบ้านของตนไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะออกมาหาหนิงเมิ่งเหยา
ขณะนั้น ไม่มีใครอยู่ในบ้านของนางเลย หยางจื้อไปยังสถาบันศึกษาเอกชน ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปทำงานให้กับหนิงเมิ่งเหยากันหมด ในหนึ่งวันนั้น พวกเขาสามารถหาเงินได้ไม่น้อยทีเดียว
“เหยาเหยา ก่อนหน้านี้หยางซิ่วเอ๋อร์มาหาเจ้าหรือไม่” เมื่อหยางเล่อเล่อพบหนิงเมิ่งเหยา นางถามหญิงสาวตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม
บทที่ 100 ไม่ไว้วางใจ
ในตอนแรกนั้น หนิงเมิ่งเหยาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะพลางมองหยางเล่อเล่อ “ใช่แล้ว เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา นางมาหาเพื่อขอให้ข้าส่งตัวนางไปทำงานข้างนอกด้วยเช่นกัน แต่ข้าไม่ยอม”
เมื่อหยางเล่อเล่อได้ยินว่าเหตุผลทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องนี้จริงๆ ท่าทีของนางจึงเคร่งเครียดขึ้น “แล้วเจ้าจะปล่อยหยางซิ่วเอ๋อร์ไว้เช่นนี้หรือ”
“สำหรับตอนนี้ก็ใช่ ข้าต้องดูแลจัดการเรื่องต่างๆ มากมายนัก ตอนนี้จึงไม่มีเวลาไปต่อกรกับนางน่ะ” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น
ตราบใดที่หยางซิ่วเอ๋อร์ไม่มารบกวนหนิงเมิ่งเหยาอีก นางก็จะทำเช่นเดียวกัน แต่ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับไม่คิดเช่นนั้น
“เจ้าควรจะระวังตัวหน่อยนะ หยางซิ่วเอ๋อร์ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” หยางเล่อเล่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยอย่างสรุปความ
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” หนิงเมิ่งเหยารับรู้ดีว่าหยางซิ่วเอ๋อร์นั้นเปลี่ยนไป ไม่สิ นางไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก เพียงแค่หัวใจของนางโลภมากยิ่งกว่าเดิม นางหลงคิดว่าจะครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองได้เหมือนแต่ก่อน
ในช่วงแรกๆ ที่หนิงเมิ่งเหยาเข้ามาอยู่ที่นี่ หยางซิ่วเอ๋อร์ยังไม่ทำตัวเกินขอบเขตไปนัก หญิงสาวจึงไม่ใส่ใจมากมาย ด้วยเหตุนั้น จึงทำให้ตอนนี้ ทั้งหยางซิ่วเอ๋อร์กับแม่ของนางกลับยิ่งปีกกล้าขาแข็งและทำอะไรเกินเลย
“เจ้ารับรู้ไว้ก็ดีแล้ว ว่าแต่เจ้าอยากทำอะไรหรือ ให้ข้าช่วยอะไรไหม” หยางเล่อเล่อไม่เซ้าซี้อะไรต่อ หลังจากเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังพูดพึมพำกับตนเองขณะเขียนสิ่งต่างๆ อยู่
มือของหนิงเมิ่งเหยาหยุดลงชั่วครู่ ก่อนเงยหน้ามองอีกฝ่าย “เจ้าพอจะรู้วิธีคำนวณเงินหรือไม่”
“ข้าไม่รู้วิธีหรอก แต่ข้าเรียนรู้ได้นะ และข้าเองก็อยากช่วยเจ้าด้วย” ตั้งแต่หนิงเมิ่งเหยาช่วยชีวิตพี่ชายของหยางเล่อเล่อ นางก็สาบานว่า ไม่ว่าหญิงสาวผู้นี้ต้องการอะไร นางก็จะช่วยเหลืออย่างแน่นอน แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม
“ตกลง เมื่อเจ้ากลับไป ข้าจะส่งคนมาสอนวิธีคำนวณเงินให้เจ้าก็แล้วกันนะ” หลังจากที่คิดทบทวนอยู่นั้น หนิงเมิ่งเหยาจึงพูดขึ้นตามตรง
“ดีเลย! ”
สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วก็ถึงเวลาที่หยางเล่อเล่อจะต้องเดินทางกลับ ในวันนั้น นางหยางรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่จะต้องเห็นผู้เป็นลูกสาวต้องจากไป “ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ”
“ท่านแม่วางใจได้เลย ข้าจะดูแลตัวเองอย่างดี และไม่ว่าท่านพ่อกับท่านแม่อยากจะกินอะไรก็ไปหาซื้อได้เลยนะ ไม่จำเป็นต้องตระหนี่อีกแล้ว เข้าใจหรือไม่ พี่ชาย ข้าฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วยนะ” หยางเล่อเล่อเองก็รู้สึกใจหายที่จะต้องลาจาก แต่อย่างไรนางก็จะกลับมาอีกครั้งในเร็วๆ นี้ จึงยังพอจะรับไหว
“อย่ากังวลเลย ข้าจะอยู่ที่นี่กับพ่อและแม่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
หยางเล่อเล่อผงกศีรษะและเข้าไปในเกวียนรถม้า แต่เมื่อล้อรถม้าเคลื่อนตัวจากไป ทันใดนั้น ก็มีคนๆ หนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงด้านหน้า และก่อนที่ผู้ชนจะทำอะไรได้ทัน นางผู้นั้นก็ปีนขึ้นรถม้า และเกาะไว้แน่นราวกับจะไม่มีวันปล่อยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เมื่อหยางเล่อเล่อเห็นการกระทำของหยางซิ่วเอ๋อร์ ก็หัวเราะเยาะ ‘นี่คือสิ่งที่เหยาเหยาเคยบอกไว้เลย ว่าหยางซิ่วเอ๋อร์จะต้องพยายามตามนางไปอย่างแน่นอน’
“เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ หยางซิ่วเอ๋อร์” หยางเล่อเล่อเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคือง
“ข้าทำอะไรรึ ทำไมนังนั่นถึงดีกับเจ้านักนะ แต่ทำไมจึงทำกับข้าเช่นนี้เล่า ข้าอยากไปกับเจ้าด้วย” หยางซิ่วเอ๋อร์พูดอย่างร้ายกาจ
‘ไม่ว่ายังไง นางจะต้องออกไปพร้อมกับหยางเล่อเล่อให้จงได้ นางจะต้องไปเห็นสถานที่ที่หนิงเมิ่งเหยาจัดสรรให้กับหยางเล่อเล่อ และจะได้รู้ว่าทำไมแค่ช่วงเวลาอันสั้นถึงทำให้หยางเล่อเล่อเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้’
หยางเล่อเล่อหัวเราะเยาะหยางซิ่วเอ๋อร์ผู้ทำตัวเหมือนกับเป็นคนร้าย “ข้าต้องขอบอกไว้เลยนะ หยางซิ่วเอ่อร์ เจ้าเป็นพวกอันธพาลหรือไร เจ้าบอกว่าเหยาเหยาเป็นผู้หญิงสำส่อนและทำตัวไม่ดีกับเจ้า ข้าขอถามหน่อยได้ไหม ว่าเหยาเหยาทำอะไรกับเจ้าหรือ ในขณะที่อีกแง่หนึ่งนั้น คนละโมบโลภมากไม่รู้จักพอเช่นเจ้ากลับก่อกวนเหยาเหยาไม่หยุดหย่อน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าแม่ของเจ้านั้นเคยก่อเรื่องที่ไปบ้านของนางจนเกิดเป็นปัญหาใหญ่โตน่ะ”
หยางเล่อเล่อพูดแทงใจดำของหยางซิ่วเอ๋อร์ และรอดูว่านางจะทำเช่นไรต่อ
แน่นอนว่าดวงตาของหยางซิ่วเอ่อร์นั้นดูตื่นตระหนกอย่างยิ่ง นางโกรธแค้นอย่างมาก “ข้าช่วยเหลือนางไว้หลายครั้งนัก ทำไมนางจึงไม่รู้จักบุญคุณบ้างเลย”
เมื่อหยางเล่อเล่อกำลังจะตอบกลับ นางก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของหนิงเมิ่งเหยาดังขึ้นมา “เจ้าบอกว่าเจ้าช่วยข้าไว้มากมายเช่นนั้นรึ ข้าขอถามสักหน่อยสิว่าเจ้าช่วยข้าเรื่องอะไรบ้างหรือ”
น้ำเสียงของหนิงเมิ่งเหยาทำให้หยางซิ่วเอ๋อร์กลัวจนหัวหดในทันที นางลดศีรษะลงต่ำแล้วเงียบไป
“หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าบอกว่าเหยาเหยาติดหนี้บุญคุณเจ้านี่ ถ้าเช่นนั้นก็พูดออกมาต่อหน้าผู้คนเหล่านี้เลยสิ มาดูว่าใครกันแน่ที่เป็นหนี้บุญคุณมากกว่ากัน” หยางเล่อเล่อพูดโพล่งขึ้นมา
ในที่สุด ใบหน้าของหยางซิ่วเอ๋อร์ก็เผยให้เห็นความตื่นตระหนก และความลนลานอยู่เต็มไปหมด นางเริ่มพูดตอบอย่างตะกุกตะกักเพราะตระหนักได้ว่าตนเองไม่เคยช่วยเหลืออะไรหนิงเมิ่งเหยามาก่อนเลย