บทที่ 253 บ้านคือที่ที่มีเจ้าอยู่ด้วย
เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาที่คิดฟุ้งซ่านอยู่อย่างหลงใหล ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของนาง ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวเป็นคนใจดีและใจอ่อนอย่างยิ่ง หากในครั้งนี้พวกนั้นไม่ทำเกินเลยไปนัก นางก็คงจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้เป็นแน่
“ไม่ว่าเจ้าอยากจะทำอะไร ข้าก็จะสนับสนุนเจ้า” เฉียวเทียนช่างมองหญิงสาว
ไม่ว่านางตัดสินใจจะทำสิ่งใด เขาก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ
หนิงเมิ่งเหยายิ้มพลางผงกศีรษะ “ขอให้พี่เขยและคนอื่นๆ หยุดกดดันสองตระกูลนั้นเถิด และฝากเขาไปบอกด้วยว่าหากผู้ใดให้ความร่วมมือกับสองตระกูลนั้น ก็เท่ากับว่าคิดจะต่อต้านทงเป่าไจด้วย”
เฉียวเทียนช่างเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก เขาอยากจะเอ่ยถามว่า ‘แล้วการกระทำเช่นนี้ กับการข่มเหงพวกเขานั้น มันแตกต่างกันตรงไหนเล่า’
แม้ทงเป่าไจไม่กดดันพวกเขาอีกต่อไป แต่คำพูดดังกล่าวนั้นก็โหดร้ายยิ่งกว่าการบีบบังคับพวกเขาเสียอีก
แล้วในอนาคต ใครเล่าจะกล้าร่วมมือกับสองตระกูลนี้ ช่างไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลยมิใช่หรือ
หนิงเมิ่งเหยาเหลือบมองเฉียวเทียนช่างแวบหนึ่งพร้อมเผยรอยยิ้มแผ่วเบาบนใบหน้า “แม้ข้าจะไม่อยากเอาเรื่องพวกเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นพวกเขาก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ดี”
พวกเขาต้องชดใช้ให้สาสมกับความผิดของตนเอง
เฉียวเทียนช่างหัวเราะขึ้นทันที “เจ้าพูดถูก เมื่อคนเราทำความผิดก็ย่อมต้องรับผิดชอบ”
“ในเมื่อเจ้าไม่ติดใจกับเรื่องนี้แล้ว แล้วเจ้าคิดจะทำอะไรต่อหรือ” ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาในหมู่บ้านไป๋ซานนั้นช่างสะดวกสบายและสมบูรณ์แบบ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่เลวร้ายนัก แต่เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหาย
“ข้าอยากกลับไปแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยพลางกะพริบตา และมองเฉียวเทียนช่างอย่างคาดหวัง
“ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นเรากลับบ้านกัน”
“แต่เจ้า…”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็มีอำนาจระดับหนึ่งนะ” เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีสงครามเกิดขึ้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในราชสำนัก และในเมื่อหญิงสาวไม่ปรารถนาจะอยู่ที่นี่ต่อไป เขาก็จะกลับไปพร้อมกับนางด้วยเช่นกัน
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างอุ่นใจ และเมื่อคิดถึงการกลับไปยังลานบ้านขนาดเล็กของตนเอง ดวงตาของหญิงสาวก็ส่องประกาย
นางสั่งชิงเสวี่ยและคนอื่นๆ เก็บข้าวของสัมภาระ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ
เหล่าข้ารับใช้ต่างรู้สึกสับสนเล็กน้อย ‘ทำไมพวกเขาต้องกลับด้วยเล่า แต่ในเมื่อคุณหนูเอ่ยเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องยอมเชื่อฟังแต่โดยดี’
ไม่ว่าความคิดนี้จะดีเพียงใด แต่ในความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้ายสิ้นดี เพราะเซียวฉีเทียนรู้ข่าวว่าทั้งสองอยากจะจากไปแต่จะไปที่ใดก็ไม่ทราบได้
เขารีบออกจากจวนขุนนางของตน ไปยังจวนแม่ทัพเพื่อทำการรั้งทั้งสองคนเอาไว้ “พวกเจ้าคิดจะจากไปเช่นนี้หรือ ไม่มีทาง”
“ทำไมพวกเราจะจากไปไม่ได้เล่า” พวกเขาทั้งคู่ขมวดคิ้วพร้อมกัน พลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
เซียวฉีเทียนเอามือทาบหน้าผากอย่างหมดคำพูดพร้อมกับมองทั้งสองคน “พวกเจ้าไม่สังเกตเลยหรือว่ามีสายลับอยู่ทั่วจวนแม่ทัพน่ะ”
‘พวกเขาทั้งคู่เป็นต้นเหตุของสถานการณ์ต่างๆ หลังจากจบเรื่องแล้วก็คิดจะทิ้งไปดื้อๆ เช่นนี้หรือ ช่างดีเสียจริง’
เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วขึ้น “แล้วทำไมหรือ” เขารู้สึกรังเกียจ และไม่อยากเก็บกวาดพวกตัวตลกเหล่านั้น
เซียวฉีเทียนได้ยินน้ำเสียงของชายหนุ่ม ก็เข้าใจได้ในทันที ‘พวกเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว’
“ข้ารู้ว่าพวกคนเหล่านั้นไม่อยู่ในสายตาของพวกเจ้า แต่ท่านพี่ต้องการให้ข้านำสิ่งนี้มาให้พวกเจ้าน่ะ” เซียวฉีเทียนหยิบจดหมายลับออกมายื่นให้เฉียวเทียนช่าง
ชายหนุ่มรับมันไว้ก่อนจะไล่อ่านข้อความ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เทียนช่าง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” หนิงเมิ่งเหยาเป็นกังวลเล็กน้อยขณะมองดูท่าทีของเฉียวเทียนช่าง
“เมืองหลิงส่งคนมาที่นี่ และคนที่มาก็มีเจตนาไม่ดีเท่าไรนัก” เรื่องนี้เป็นข่าวกรองที่ถูกต้องอย่างแน่นอน เนื่องจากสายลับของเซียวชวี่เฟิงส่งจดหมายลับมาให้ แต่มันก็ระบุว่าองค์รัชทายาทแห่งเมืองใกล้เคียงนั้นออกเดินทางมานานแล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขากำลังซ่อนตัวตนอยู่ เขาอาจจะเข้ามายังเมืองหลวงและอยู่ที่ใดสักแห่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องส่งคนไปจัดการ
“เกิดปัญหาขึ้นหรือ” หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาพลางถามอย่างสงสัย
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ “เป็นปัญหายุ่งยากเสียด้วย คนจากเมืองหลิงมาที่นี่แล้ว และเมืองอื่นๆ ก็กำลังจะมาถึง ขอโทษด้วยนะเหยาเหยา ข้าเกรงว่าไม่อาจจะกลับไปกับเจ้าได้แล้ว” ชายหนุ่มมองไปทางหนิงเมิ่งเหยาอย่างรู้สึกผิดและเสียใจอย่างยิ่ง
เขาจำเป็นต้องอยู่เพื่อช่วยเหลือเซียวชวี่เฟิง
แม้ว่าหนิงเมิ่งเหยาจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่านี่คือหน้าที่ของเฉียวเทียนช่าง หากชายหนุ่มเพิกเฉยต่อทุกสิ่งเพียงเพื่อจะกลับบ้านพร้อมกับนาง หญิงสาวก็คงไม่สบายใจนัก
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะอยู่รอเจ้าที่นี่ และเราจะกลับไปหลังจากเจ้าจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอันสดใส
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่าทุกที่คือบ้านของตน ขอเพียงมีชายผู้นี้อยู่ด้วยเท่านั้นก็พอ
บทที่ 254 ปล้นชิงทรัพย์
เฉียวเทียนช่างอึ้ง เพราะไม่คาดคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาจะพูดเช่นนี้ ชายหนุ่มซึ้งใจอย่างยิ่ง “ขอบคุณเจ้ามาก เหยาเหยา”
หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”
หญิงสาวสั่งชิงเสวี่ยและคนที่เหลือให้เอาสัมภาระออกมาเหมือนเดิม ก่อนจะสั่งให้ชิงเซวียนส่งคนไปสืบหาเหตุผลว่าทำไมผู้คนจากสองสามเมืองนั้นจึงเดินทางมาที่นี่
ความร่วมมือของหนิงเมิ่งเหยานั้นช่วยเหลือเซียวฉีเทียนได้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย “ขอบคุณเจ้ามาก เมิ่งเหยา”
หญิงสาวกวาดตามองเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “เจ้าคือสหายของเทียนช่างนี่” พวกเขาทั้งสองคนเคยทำงานด้วยกันมาก่อน และต่างเคยร่วมมือกันมาอย่างดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงที่นางจะช่วยเหลือ
เซียวฉีเทียนมองหนิงเมิ่งเหยาโดยไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีที่ความสำคัญของเขาน้อยถึงเพียงนั้น
“อย่างไรก็ตาม ฝูงปลาและกุ้งในบ่อนั้นใกล้จะถึงเวลาจับมาขายแล้ว ส่งคนของเจ้าไปจับพวกมันมาได้เลย ปลาราคาตัวละสามตำลึงเงิน ปูราคาตัวละห้าตำลึงเงิน กุ้งราคาตัวละสองตำลึงเงิน ส่วนตะพาบน้ำนั้นราคาตัวละสิบตำลึงเงิน” หนิงเมิ่งเหยาค่อยๆ เสนอราคาอย่างตั้งใจ
ในตอนที่หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยถึงเรื่องนี้ เซียวฉีเทียนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แต่หลังจากได้ยินราคา เขาก็อึ้งไป
‘ราคาดังกล่าวช่างสูงลิบลิ่วนัก’
“ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นชิงทรัพย์จากผู้คนเสียเลยเล่า” เซียวฉีเทียนประชดพลางขบฟันกรอด
บรรดาพ่อค้าต่างมีความตระหนี่ถี่เหนียวเหมือนกันหมด แม้ว่าเซียวฉีเทียนจะไม่ได้ขี้งกเท่ากับพ่อค้าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ต่างกันนัก ร่างกายของเขารู้สึกปวดร้าวหลังจากรับรู้ว่าตนเองจะต้องจ่ายเงินจำนวนมาก
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “แน่ใจหรือว่าเจ้าไม่ต้องการซื้อมัน”
ท่าทีของหญิงสาวทำให้เซียวฉีเทียนรู้สึกเหมือนถูกจับได้ เขาจึงขบฟันแน่น “ข้าจะซื้อ ตกลงไหม”
“ทำใจให้สบายเถิด แล้วเจ้าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน” หนิงเมิ่งเหยายิ้มพลางเอ่ยตอบ
เซียวฉีเทียนรู้สึกตงิดใจ เขาอยากเห็นเองกับตาว่าปลา กุ้ง และปูชนิดใดกันที่จะมีราคาแพงขนาดนี้
“เทียนช่าง ข้าจะแบ่งขายปลาให้กับเจ้าครึ่งหนึ่งด้วย” เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นท่าทีของเซียวฉีเทียน นางจึงหันหน้ามองเฉียวเทียนช่าง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง เซียวฉีเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แทบจะกระอักเลือด
“ได้เลย”
หนิงเมิ่งเหยาโบ้ยความผิดให้กับเซียวฉีเทียน ที่ทำให้นางและคนอื่นๆ ไม่อาจกลับบ้านได้ ดังนั้นนางจึงตักตวงผลประโยชน์จากเขาบ้าง
หลังจากเซียวฉีเทียนจากไปพร้อมกับความเสียใจ เฉียวเทียนช่างก็หัวเราะเบาๆ แล้วมองหญิงสาว “เจ้านี่นะ”
“กลับกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยายิ้มก่อนจะจูงมือของเฉียวเทียนช่างเดินกลับไป
ชิงเสวี่ยและคนอื่นๆ ต่างมองสัมภาระด้านหลังของตนเอง พลางรู้สึกทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมรับสถานการณ์อย่างจำใจ ก่อนจะนำข้าวของต่างๆ ออกมาอีกรอบหนึ่ง
หนิงเมิ่งเหยาอ่านรายงานลับจากชิงเซวียน ก่อนมุมปากของนางจะคลี่ยิ้มอย่างแผ่วเบา
“อะไรกัน”
“ดูสิ รัชทายาทแห่งเมืองหลิงนามว่าหนานกงเช่อมาถึงเมืองหลวงแล้ว นอกจากนี้เขายังพักในโรงเตี๊ยมของเซียวฉีเทียนอีกด้วย แม้แต่องค์หญิงแห่งเมืองหลิง รวมถึงราชทูตและขุนนางของพวกเขาก็ยังมาถึงพร้อมกันด้วย” หนิงเมิ่งเหยายื่นรายงานนี้ให้เฉียวเทียนช่าง พลางเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
หญิงสาวพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับรัชทายาทแห่งเมืองหลิงนามว่าหนานกงเช่อผู้นี้อยู่บ้าง เขาดูราวกับเป็นคนอ่อนโยนและถูกอบรมมาอย่างดี แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมและไร้ความปรานีอย่างยิ่ง นางเคยได้ยินว่าหนานกงเช่อเคยโบยข้ารับใช้ทุกคนในวังหลวงจนถึงแก่ชีวิต เพียงเพราะว่าพวกเขาทำถ้วยดินเผาใบโปรดของเขาแตกเท่านั้นเอง
แม้ว่าหนานกงเช่อจะปิดข่าวไว้ แต่นางก็ยังคงรู้ข่าวของเขาอยู่ดี
“พวกเขาต้องการที่จะแต่งงานกันเพื่อสานไมตรีหรือ” เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองหลิงและเมืองเซียวนั้นไม่ได้เลวร้ายฉะนั้น หากพวกเขาประสงค์จะแต่งงงานเพื่อสานไมตรีจริงๆ ข้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
“นอกจากนี้…หนานกงเช่อยังได้พบกับหลิงอ๋องเมื่อสามวันก่อนอีกด้วย” หนิงเมิ่งเหยาทิ้งประเด็นอีกหนึ่งเรื่อง จนเฉียวเทียนช่างต้องลุกขึ้นยืนในทันใด
“ข้าต้องรีบเข้าวังหลวงเดี๋ยวนี้เลย” หลิงอ๋องผู้นี้จะต้องมีเจตนาไม่ดีอันยากจะคาดเดาได้อย่างแน่นอน เป็นไปได้ว่าเขากำลังสร้างกองทัพส่วนตัวอยู่
“ไปเถิด ข้าเกรงว่าจะต้องใช้เวลาสืบหาว่าพวกเขาพูดคุยเรื่องอะไรกันอีกสักพักหนึ่งเลย” หลังจากเฉียวเทียนช่างรู้ข่าวนี้ ก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้อีก
ชายหนุ่มผงกศีรษะ ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันที
เซียวชวี่เฟิงประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเฉียวเทียนช่างมาหาที่นี่ “เทียนช่าง มาที่นี่ทำไมกัน มิใช่ว่าเจ้าอยู่กับเมิ่งเหยาหรอกหรือ” เขาได้ยินว่าทงเป่าไจหยุดกดดันจวนของหลิงอ๋องและจวนของเซียวอ๋องแล้ว พร้อมกับแจ้งว่าหากผู้ใดให้ความร่วมมือกับทั้งสองตระกูล จะถือว่าต่อต้านทงเป่าไจไปโดยปริยาย
‘ตามหลักแล้ว ตอนนี้พวกเขาควรจะอยู่ด้วยกันมิใช่หรือ แล้วทำไมเขาจึงมีเวลามาที่นี่ได้เล่า’
เฉียวเทียนช่างเมินเฉยต่อคำหยอกล้อของเซียวชวี่เฟิง ก่อนจะแสดงท่าทีจริงจัง “รัชทายาทแห่งเมืองหลิงมาถึงเมืองหลวงแล้ว”