จิ่งเหิงปัวฟังเจ็ดสังหารขุดคุ้ยอดีตของกันและกันตาปริบๆ รู้สึกว่าตัวเองรีบดีใจเกินไปหน่อย
ที่จริงแล้วพละกำลังแค่นี้ยังไม่พอจัดการสินะ
“เผ่าจั๋นอวี่มีของดีอะไร?” นางถาม
“เรื่องอื่นยังไม่ถึงขั้น ทว่าเผ่าจั๋นอวี่โด่งดังเรื่องช่างฝีมือดี” เทียนชี่เอ่ยว่า “เรียกกันว่าจั๋นอวี่ ประการแรกหมายถึงหินแร่ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณบึงโคลนจั๋นอวี่ ผสมโคลนจากบึงโคลนจั๋นอวี่ มีดกระบี่ที่ตีออกมาคมกริบไร้เทียบเทียม สะบั้นขนห่านป่ายามโบยบิน อีกประการหนึ่งหมายถึงช่างฝีมือของจั๋นอวี่เชี่ยวชาญชำนาญด้านอุปกรณ์ สิ่งของที่ทำออกมาจำนวนมากมีความสามารถในการสะบั้นขนห่านป่ายามโบยบิน”
“พวกเจ้าคนโง่เขลาฝูงนี้ รู้เพียงด้านเดียวไม่รู้ทุกด้าน” เผยซูพลันชะโงกหน้าเข้ามา สีหน้าเหยียดหยาม เอ่ยว่า“อาวุธยุทโธปกรณ์นับเป็นของดีอะไร? พวกเรามีแหล่งแร่ของหุบเขาเทียนฮุย ขาดแคลนอาวุธชั้นเลิศด้วยหรือ? ช่างฝีมือของเผ่าจั๋นอวี่เก่งจริง เก่งตรงพวกเขาเชี่ยวชาญการต่อเรือบึงโคลน!”
หมู่นี้เผยซูมีสภาพไม่เลว สีเทาบนใบหน้าลดลงไปมาก เริ่มค่อยๆ ผุดเผยหน้าตาน่าตื่นตะลึง เขาไม่รู้สึกดีใจกับเรื่องนี้ ทว่านึกย้อนเสียใจยิ่งนัก…หากรู้แต่แรกว่าออกมาแล้วไม่สิ้นชีพ ซ้ำยังมีโอกาสได้ฟื้นคืนหน้าตา เหตุใดต้องซ่อนอยู่ในหุบเขาไม่ยอมออกมาด้วยเล่า?
จิ่งเหิงปัวหัวเราะเยาะว่าเขาคิดง่ายไป ถ้าไม่ใช่เพราะเจอนาง เขาออกมาจะได้เจอพี่น้องเจ็ดสังหารเหรอ? แม้เจ็ดสังหารไว้ใจไม่ได้แต่วรยุทธ์สูงส่ง ทุกคนยังมีวิชาอัศจรรย์ล้ำเลิศเฉพาะตัว หาวิธีรับมือพิษของเขาได้เสมอ บนโลกนี้มีคนมากมายแค่ไหนที่อยากจะขอร้องเจ็ดสังหารแต่ไม่เคยได้พบหน้าครั้ง กล่าวกันตามจริงเขาแค่โชคดีเท่านั้น
“เรือบึงโคลนมีสิ่งใดแปลกประหลาด? มีกันทุกชนเผ่า” เทียนชี่พ่นลมออกจมูก เอ่ยว่า “ไม่ใช่เพียงเรือที่แล่นกลางบึงโคลนได้อย่างอิสระหรือ? ไม่ว่าเป็นเรือบึงโคลนอย่างไร เจอบึงโคลนเฮยสุ่ยย่อมไม่มีหวัง!”
“เอ่ยว่าเจ้าโง่เจ้ายังไม่ยอมรับ!” เผยซูหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “จั๋นอวี่มีเรือวิเศษนั่นล่ะ! เผ่าจั๋นอวี่ไม่มีเหมืองแร่ไม่มีสัตว์อัศจรรย์ไม่มีทองคำไม่มีเพชรพลอย อาศัยสิ่งใดร่ำรวย? ด้วยเพราะพวกเขาครอบครองทักษะการต่อเรือวิเศษดีที่สุดนั่นเอง! เหตุใดสามสำนักสี่พรรคเจ็ดกลุ่มใหญ่สิบสามองครักษ์ถึงยืนหยัดมั่นคงบนบึงโคลนเฮยสุ่ยของไต้เม่า กลายเป็นอำนาจชั้นหนึ่งของที่นั่นได้? ด้วยเพราะพวกเขาซื้อเรือวิเศษจากเผ่าจั๋นอวี่ตลอดมานั่นเอง ทำให้เดินทางบนบึงโคลนเฮยสุ่ยได้อย่างราบรื่นมากกว่าผู้อื่น ผ่านมาหลายปีบึงโคลนเฮยสุ่ยของต้าฮวงทำให้ผู้คนได้ยินชื่อแล้วหน้าถอดสี พากันนึกว่าเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่า ทว่านอกจากชาวไต้เม่าแล้ว ผู้ใดต่างรู้ว่าบึงโคลนเฮยสุ่ยเป็นบึงโคลนใหญ่อันดับหนึ่งบึงโคลนล้ำค่าอันดับหนึ่งของต้าฮวง ความลึกลับระหว่างนั้นยากจะเอ่ยด้วยวาจา เล่ากันว่าต่อให้มีเรือวิเศษคอยช่วยเหลือ ยามนี้สามสำนักสี่พรรคเจ็ดกลุ่มใหญ่สิบสามองครักษ์เพิ่งสำรวจได้เพียงหนึ่งในสามส่วน พวกเจ้าลองจินตนาการดูสิ!”
จิ่งเหิงปัวจินตนาการชั่วครู่ รู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง
“ยอดเยี่ยมขนาดนี้นี่เอง ที่แท้ตำนานน่าหวาดกลัวเป็นเพียงระเบิดควัน!”
“มิใช่ม่านควัน เป็นความจริง” เผยซูเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ทั่วโลกหล้าไม่แน่ว่าจะล่วงรู้ความล้ำค่าของบึงโคลนเฮยสุ่ย ทว่าความน่ากลัวของบึงโคลนเฮยสุ่ยโด่งดังทั่วโลกหล้า หลายปีที่ผ่านมาคนมากเพียงใดไม่เชื่อเรื่องนี้ ย่อมมีคนมากเพียงนั้นสิ้นชีพอยู่ที่นั่น เรือวิเศษเทียนซิงของเผ่าจั๋นอวี่เป็นเรือชนิดหนึ่งซึ่งแข็งแรงที่สุดน้ำหนักเบาที่สุด การป้องกันแข็งแกร่งที่สุดในหมู่เรือบึงโคลนทั้งมวล เรือบึงโคลนธรรมดาแล่นไปได้ไม่กี่ก้าวคงถูกควันพิษจากบึงโคลนเฮยสุ่ยรมควันเปื่อยยุ่ย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสัตว์มีพิษในบึงโคลนทุกรูปร่างลักษณะที่ปรากฏกายด้วยวิธีประหลาดทุกชนิดเหล่านั้น หากหวังครอบครองตำแหน่งที่บึงโคลนเฮยสุ่ย เรือวิเศษเทียนซิงเป็นสิ่งจำเป็น”
“ซื้อๆๆ!” จิ่งเหิงปัวเรียกจื่อหรุ่ยมานับเงินทันที
“เจ้าคิดเป็นหรือไม่!” เผยซูโกรธจนเนื้อเต้น กระโจนขึ้นมาชี้หน้าจิ่งเหิงปัว เอ่ยว่า “เจ้าซื้อไหวหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรือวิเศษลำหนึ่งราคาเท่าใด พอจะซื้อเมืองเป่ยซินได้ครึ่งเมือง!”
“แพงขนาดนั้นเชียว?” จิ่งเหิงปัวกัดนิ้วมือคำนวณ ไม่รู้ว่าขายเจ็ดสังหารแล้วจะซื้อได้สักลำไหม? ถ้าอย่างนั้นเพิ่มเผยซูด้วย จะซื้อไม้พายเพิ่มได้สักเล่มไหม?
“เจ้านึกว่าของสิ่งนี้สร้างง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?” เผยซูใกล้จะชี้จนจมูกนางแบนแล้ว เอ่ยว่า “ช่างฝีมือหลายร้อยคนทำงานทั้งวันทั้งคืนหนึ่งปียังต่อเรือได้เพียงสองลำ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงวัสดุล้ำค่าทุกชนิดที่จำเป็นสำหรับการต่อเรือ ของสิ่งนี้ราคาสูงลิ่วแต่ไม่มีขายทั้งสิ้น ต่อให้มีเงินเจ้าก็ซื้อไม่ได้ มิฉะนั้นกำลังคนพร้อมเรือจากบึงโคลนเฮยสุ่ยคงยึดครองต้าฮวงนานแล้ว!”
“แย่งๆๆ!” เจ็ดสังหารเริ่มถลกแขนเสื้อ
“อู่ต่อเรือของพวกเขาอยู่ที่ใด? แย่ง!”
“ช่างฝีมืออยู่ที่ใด? แย่ง!”
“หรือจะไปแย่งที่บึงโคลนเฮยสุ่ย!”
“โง่!” จิ่งเหิงปัวพลันตบโต๊ะกะทันหัน สั่นสะเทือนจนในห้องตกใจ กล่าวว่า “แย่งเรือแย่งคนได้อะไร? พกง่ายหรือ? สะดวกหรือ?”
เจ็ดสังหารมองดูนางอย่างงงงวย
“เช่นนั้นเจ้าว่าแย่งสิ่งใด”
จิ่งเหิงปัวหัวเราะฮิๆ มองเผยซูแวบเดียว
คนชั่วร้ายคู่หนึ่งผุดเผยความคิดเพียงมองตาย่อมเข้าใจ เอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน
“แย่งพิมพ์เขียว!”
“กดไลค์!” จิ่งเหิงปัวกับเผยซูปรบมือ เสียงเพียะดังกังวาน
สิ่งใดสำคัญที่สุด? ฝีมือ!
เจ็ดสังหารเริ่มวางแผนร้ายแล้ว
“พิมพ์เขียวย่อมอยู่ในพระราชวัง”
“แย่ง!”
“อาจวางกับดักชั้นแล้วชั้นเล่า หากใช้กำลังยื้อแย่งแล้วทางนั้นเกิดทำลายพิมพ์เขียวขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“หรืออาจใช้กลยุทธ์พ่อรูปงาม!”
“อ๊ะ กลยุทธ์พ่อรูปงาม ข้าคงต้องไปเอง!”
“เจ้าหน้าตาคล้ายฉบับร่างยามเทพเจ้าสร้างมนุษย์ ไปทางนั้นเลย!”
“ด้วยหน้าตาเช่นเจ้านี้ เจ้าไล่ตามข้าสามพันลี้ ข้าหันหน้ากลับมายังนับว่าข้าข่มขืนเจ้า”
“เจ้างดงามหรือ? ความแตกต่างของเจ้ากับตะกร้าอุจจาระคือไม่มีตะกร้า”
“พี่ใหญ่งดงามที่สุด งดงามจนคล้ายหลบหลีกทุกผู้คนอย่างแม่นยำ”
“เจ้าเจ็ดเจ้าอย่าหัวเราะ พอเจ้าหัวเราะขนจมูกใกล้จะทิ่มผู้อื่นแล้ว”
…
ไม่มีคนสนใจพวกเขา
เผยซูยกเท้าขึ้น มองจิ่งเหิงปัวด้วยหางตา เอ่ยอย่างเฉื่อยเนือยว่า “ข้ากับมารดาของผู้นำเผ่าจั๋นอวี่สนิทสนมกันอยู่บ้าง ข้ามั่นใจว่าเอาพิมพ์เขียวนี้มาได้ ทว่าเจ้าต้องให้รางวัลข้านิดหน่อย”
จิ่งเหิงปัวกำลังแทะเม็ดแตง การแทะเม็ดแตงขณะดูเจ็ดสังหารทะเลาะวิวาทเป็นความสุขยิ่งใหญ่ในชีวิต ได้ยินประโยคนี้พ่นออกมาดัง “พรวด” เสียงหนึ่ง
“มารดาของผู้นำเผ่าจั๋นอวี่…” นางชี้เผยซูพลางหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “เจ้านี่มัน…ได้รับการยอมรับยิ่งนักเชียว…”
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร? มารดาบุญธรรมของเขา! ภรรยาคนสุดท้ายของบิดาเขา!” เผยซูตบมือของนางลงไปดังเพียะ เอ่ยว่า “โฉมสะคราญ! ซ้ำยังดำรงตำแหน่งจั๋นอวี่เซ่าซือ งดงามกว่าเจ้าหลายเท่านัก!”
“อ้อๆ เช่นนั้นเจ้าไปพยายามสักครั้ง” จิ่งเหิงปัวใช้สองมือทาบอกสายตาเปล่งประกาย เอ่ยว่า “ข้าเชื่อเจ้า เจ้าทำได้ เจ้าเป็นบิดาบุญธรรมจำเป็นของผู้นำเผ่าจั๋นอวี่ได้แน่!”
“ผู้เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมสติปัญญาเช่นข้าไปดำเนินกลยุทธ์พ่อรูปงาม” เผยซูมองนางด้วยหางตา เอ่ยว่า “เจ้าไม่กลัวหรือว่าคราวนี้ข้าจะถูกล่อลวงให้พักอยู่จั๋นอวี่ตลอดไป?”
“แล้วแต่เลย” จิ่งเหิงปัวโบกมือ กล่าวว่า “ลูกเขยที่ออกเรือนไปเปรียบดังสายน้ำที่สาดออกไปแล้ว ฝนจะตกจากฟ้า เจ้าจะสมรสเข้าตระกูล ข้าควบคุมไม่ได้หรอก จุ๊บๆ”
“จิ่งเหิงปัว” เผยซูไม่โกรธเคืองด้วย ซ้ำยังมีสายตาแปลกประหลาดเช่นนั้น เอ่ยว่า “เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าจะต้องใช้สตรีหรือความรู้สึกรั้งข้าไว้ก่อน เช่นนี้ถึงรับรองได้ว่าข้าจะไม่ทรยศ เจ้าจะได้รับพิมพ์เขียว?”
“หา?” จิ่งเหิงปัวชะงักงัน บ่นอุบอิบว่า “บุรุษเช่นพวกเจ้าใจแข็งมากกว่าเหล็กกล้าเสียอีก หากจะทรยศจริงคงกล้าสังหารแม้แต่บิดามารดา ข้าไม่รู้สึกว่าสตรีจะรั้งเจ้าไว้ได้หรอกนะ…” นางชำเลืองตามองเผยซู รู้สึกว่าวันนี้เขาเอ่ยวาจาท่าทางแปลกประหลาดมาก
จากนั้นนางก็เหลือบมองจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ย คนหนึ่งกำลังอ่านหนังสืออย่างเงียบสงบ ส่วนอีกคนกำลังปักผ้าอย่างเงียบเชียบ ต่างเป็นสตรีที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เผยซูผ่านอุปสรรคครึ่งชีวิต นิสัยดื้อรั้น น่าจะรู้สึกสนใจสาวสวยแนวเรียบร้อยแบบนี้ได้ง่ายที่สุด คงไม่ใช่ว่าเขาถูกใจพวกนางสักคนเข้าแล้วกระมัว?
นางจำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนคล้ายจื่อหรุ่ยเคยช่วยส่งยาให้เผยซู คล้ายยงเสวี่ยเคยช่วยเขาซักผ้า?
จิ่งเหิงปัวรู้สึกปวดศีรษะอยู่บ้าง เฮ้อ ถ้าเขาเอ่ยปากจริง นางจะช่วยให้สมหวังหรือไม่ช่วยให้สมหวังดีล่ะ? จื่อหรุ่ยเหมือนจะรู้สึกดีกับเถี่ยซิงเจ๋ออยู่บ้าง แต่เถี่ยซิงเจ๋อเป็นองค์ประกัน ซ้ำยังต้องอยู่ตี้เกอออกมาไม่ได้ นางคงไม่คิดเลือกคู่ครองมั่วซั่วกระมัง? แต่ในทางกลับกัน เถี่ยซิงเจ๋อเหมือนจะมีคู่หมั้นแล้ว ซ้ำยังมีการหมั้นครั้งเก่าที่ยกเลิกไม่ได้ ปัญหารอบด้าน ไม่แน่ว่าจื่อหรุ่ยจะมีความหวัง เผยซูก็ไม่เลวเหมือนกัน ลองโน้มน้าวให้นางเปลี่ยนใจดีไหมนะ?
หรือว่าเผยซูเป็นพวกโคแก่ชอบกินหญ้าอ่อน เกิดถูกใจยงเสวี่ยเข้า? อ๊ะๆๆ แม่นางน้อยยังไม่เติบโตเป็นสาวเต็มตัวเลย แบบนี้จะดีจริงๆ เหรอ? อีกอย่างนางก็เสียดายไม่อยากให้พวกนางออกเรือนเร็วขนาดนี้ด้วยสิ…
จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมา มองดูจิ่งเหิงปัวอย่างประหลาดใจ…เหตุใดจู่ๆ ต้าปัวก็พลันมีสีหน้าสับสนขนาดนั้น? ประหนึ่งมารดาชราที่เป็นห่วงเรื่องสมรสของบุตรสาวกระนั้น…
จิ่งเหิงปัวยังคงสับสน เรื่องนี้จะเริ่มบอกพวกนางอย่างไรดีล่ะ…เสียงของเผยซูลอยเข้ามากระท่อนกระแท่น นางไม่ได้ยิน
เฮ้อ ขออย่าให้เป็นยงเสวี่ยเลย นางอายุน้อยเกินไปหน่อย…
เสียงดังลั่นเสียงหนึ่งปลุกนางให้ฟื้นคืนสติกะทันหัน นางเงยหน้าปากอ้าตาค้าง
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เจ็ดสังหารกระโจนขึ้นคล่อมร่างเผยซูแล้ว ร่างกายใหญ่โตของทั้งเจ็ดคนกำลังทับเขาไว้ข้างล่างรุมต่อยตุบตับๆ ซ้ำยังได้ยินเสียงตะโกนโวยวายของอีชีว่า “แม่งเอ๊ย ภรรยาของข้าเจ้ายังกล้าแย่ง…”
เผยซูดิ้นรนยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากข้างล่างฝูงชน ตะโกนลั่นบอกนางว่า “อย่างน้อยเจ้าก็ตอบสักคำสิว่าได้หรือไม่!”
จื่อหลุ่ยกับยงเสวี่ยกำลังหัวเราะคิกคัก
จิ่งเหิงปัวถามอย่างงงงวยว่า “อะไรหรือ? เขาถามว่าอะไร”
เทียนชี่ร้องฮึออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ โยนถั่วปากอ้าลงในปากอย่างเอื่อยเฉื่อย ก่อนเคี้ยวเสียงดังกร๊อบ
“เขาถามเจ้าว่าจะรีบสมรสกับเขาหรือไม่”
“หา?!