เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] – ตอนที่ 33.3

ตอนที่ 33.3

นางคว้าแขนของจั้นซินไว้

 

 

จั้นซินชักกลับโดยพลัน

 

 

จิ่งเหิงปัวชะงัก

 

 

ผิดปกติ!

 

 

ก่อนหน้านี้นางสัมผัสร่างกายของไอ้บ้ากามคนนี้ตรงไหนเขาพอใจทั้งนั้น ทำไมไม่ยอมให้คว้าแขน?

 

 

ก้นโผล่ออกมาแล้ว แต่ปกป้องแขนเนี่ยนะ?

 

 

บนแขนมีอะไร?

 

 

สนับข้อมือ!

 

 

นางเอื้อมมือไปคว้าสนับข้อมือของจั้นซินทันที!

 

 

จั้นซินเปลี่ยนสีหน้า เปล่งเสียงตวาดว่า “เป็นเจ้าจริงด้วย…” หัวเราะเยาะพลางตบมือเพียงครั้ง

 

 

รอบสระน้ำพลันดังทึบ กระแสน้ำพวยพุ่ง น้ำพุใหญ่เท่าถังน้ำสี่สายฉีดพ่นเลียบสระปานมังกรพิโรธ กระแสน้ำในสระพลันพลุ่งพล่าน คลื่นใต้น้ำนับไม่ถ้วนดุจกระแสฝ่ามือ กระแทกจากทั่วสารทิศมาทางจิ่งเหิงปัวอย่างรุนแรง

 

 

จิ่งเหิงปัวเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้ายิ้มเยาะของจั้นซิน มิน่าล่ะเขาวางมาดไม่หวาดกลัว ที่แท้ในสระมีกับดักด้วย

 

 

ตอนนี้นางหายตัวได้โดยสิ้นเชิง แต่ไม่ยอมปล่อยสนับข้อมือนั้นไป

 

 

“นี่!” นางตะโกน

 

 

พริบตาหนึ่งก่อนนางตะโกน เสียงน้ำดังซ่า เงาคนทะยานขึ้นจากก้นสระ

 

 

จั้นซินหันหลังด้วยความตกตะลึง ก่อนหันหลังดีดนิ้วมือเพียงครั้ง ประกายไฟเล็กน้อยพุ่งสู่ท้องฟ้า

 

 

แทบจะโดยพลัน นอกภูเขาจําลองเกิดความวุ่นวายแล้ว

 

 

ทว่าอิงไป๋กระโจนออกมาแล้ว

 

 

เขาคล้ายสะสมความกลัดกลุ้มไว้มากมาย ยามปรากฏกายท่วงท่าน่าตื่นตะลึง น้ำในสระทั่วบึงโคลนยาคล้ายถูกเขาพามาด้วย ซัดสาดคำรามกลางอากาศ ราวกับเสื้อคลุมขาวราวหิมะปลิวว่อนอยู่ข้างหลังเขา

 

 

จั้นซินพลันเงยหน้า แววตาหวาดกลัว นัยน์ตาเขาสะท้อนเงาร่างผู้ถวายงานวังหลวงที่เข้ามาช่วย ทว่าเงาร่างอิงไป๋เร็วกว่าทุกผู้คน!

 

 

เขาทะยานดุจมังกรพิโรธ ชั่วพริบตาก้าวข้ามพันหมื่นลี้ คลื่นขาวพวยพุ่งอยู่ข้างหลัง ห่อหุ้มด้วยคลื่นลมพุ่งชนทางจั้นซิน เรือนร่างสองคนวาดร่องน้ำดุจคมมีดสายหนึ่งบนผิวน้ำ ก่อเกิดฟองละเอียดนับมิถ้วนดุจบุปผาโปรยปราย พริบตาต่อมาจั้นซินถูกเขากระแทกเข้าข้างสระทั้งอย่างนั้น แม้แต่ภูเขาจําลองใหญ่โตข้างหลังยังคล้ายกำลังโคลงเคลงดังครืน

 

 

จั้นซินกระอักโลหิตออกมา หวังตะโกน แต่มือข้างหนึ่งบีบลำคอของเขาไว้อย่างเย็นชาแล้ว

 

 

มืออีกข้างหนึ่งของอิงไป๋เชิดขึ้น จิ่งเหิงปัวถูกเขาเหวี่ยงไปอีกฝั่งหนึ่งของบึงโคลนยา

 

 

ภูเขาจําลองแตกร้าวดังครืน เผยซูพุ่งออกมาจากฝุ่นควัน มีดที่ไม่รู้ว่าแย่งมาจากผู้ใดอยู่ในมือ หัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “แม่งเอ๊ย ข้ารอตั้งนาน! รับดาบของข้า!”

 

 

เขาสะบั้นมีดดุจไหมขาว ครอบคลุมครึ่งท้องฟ้า มีดเดียวสกัดกั้นผู้ถวายงานวังหลวงสิบคนนั้นที่ลงมาจากภูเขาจําลองหวังช่วยเหลือไว้ ลมคลั่งซัดสาด ผลักทุกคนร่นถอย

 

 

จั้นซินมีสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลายคนนี้จะเป็นยอดฝีมือเลิศล้ำทั่วหล้าหาได้ยาก

 

 

อิงไป๋ใช้มือหนึ่งบีบลำคอเขาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งถอดสนับข้อมือของเขา

 

 

จั้นซินพลันกระทืบเท้าเพียงครั้ง

 

 

ใต้ดินสั่นสะเทือนเลือนราง คล้ายมีเสียงกระแสน้ำเวียนวน

 

 

อิงไป๋สะท้านเล็กน้อย คลายลำคอของจั้นซิน เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เจ้าจะทำอะไร!”

 

 

จั้นซินไอ หัวเราะลั่น เอ่ยว่า “ข้าเปิดทางลึกใต้ฐานราก ข้างในนั้นมีธารนิลจากบึงโคลนเฮยสุ่ย! ยามนี้ธารนิลคงซึมเข้ามาแล้วแน่แท้ พวกเจ้าออกไปไม่ทันแล้ว…ฮ่าๆ ข้าเคยกินยาถอนพิษแล้ว พวกเจ้าเคยกินหรือไม่?” เขาเหล่ตามองอิงไป๋ เอ่ยว่า “ยังไม่รีบปล่อยข้าอีก? คุกเข่าขอร้องให้ข้ามอบยาถอนพิษให้พวกเจ้า? เจ้าไม่รู้หรือว่าธารนิลจากบึงโคลนเฮยสุ่ย กัดกร่อนกระดูกกล้ามเนื้อ พอจะทำให้คนร้องตะโกนสามเดือนกว่าจะสิ้นชีพ!”

 

 

อิงไป๋มองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้ขยับเขยื้อน

 

 

จิ่งเหิงปัวก้มหน้ามองผิวน้ำ เอ๊ะ ยังใสแจ๋วอยู่เลย ธารนิลล่ะ?

 

 

จั้นซินหัวเราะลั่นระลอกหนึ่ง พลันรู้สึกผิดปกติ พอก้มหน้าหน้าถอดสี

 

 

ซ่า ดังขึ้นอีกครั้ง เงาคนทะยานจากสระสู่ท้องฟ้า เรือนร่างกลางอากาศยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “เฮ้อ สระใต้ดินนี้เหม็นนัก ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว พวกเจ้าเล่นน้ำสุขสันต์อยู่ที่นี่ ส่วนข้าต้องอุดโพรงอยู่ใต้ดิน!”

 

 

จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มเงยหน้า โยนพาหุรัดของจั้นซินให้เขา กล่าวว่า “เหยียลี่ว์ฉี มอบกำไลตกรางวัลให้เจ้า!”

 

 

เหยียลี่ว์ฉีหัวเราะแผ่วเบา ยกมือเขี่ยพาหุรัดออกไป เอ่ยอย่างเฉื่อยเนือยว่า “พาหุรัดวงนี้ของจั้นซินเป็นเพียงของเล็กของน้อย ข้าไม่เอาดีกว่า”

 

 

จิ่งเหิงปัวหัวเราะ…เหยียลี่ว์ฉีมีความสูงศักดิ์กับความโอหังของตัวเขาเอง นางสะเพร่าแล้ว

 

 

เหยียลี่ว์ฉีร่วงลงข้างนาง หันหน้ายิ้มให้นาง กระซิบว่า “แน่นอน หากเป็นสิ่งที่ตัวเจ้าเองมอบให้ข้า ข้าย่อมยินดียิ่งนัก”

 

 

ตูม เผยซูร่วงลงมาด้วยแล้ว ถือมีดตีน้ำในน้ำ หัวเราะลั่นเอ่ยว่า “พวกเจ้าแช่น้ำร้อนกับนาง ข้าเอาด้วย!”

 

 

จิ่งเหิงปัวหลุดหัวเราะพรืด

 

 

บางครั้งเจ้าคนนี้น่ารักยิ่งนัก

 

 

นางรู้สึกผ่อนคลาย เอนหลังเล็กน้อย ชื่นชมพ่อรูปงามสามคนร่วมแช่น้ำร้อนด้วยกัน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคันจมูกยุบยิบ…ไม่ไหวแล้วเลือดจะพุ่งออกมาแล้ว!

 

 

กล่าวกันว่าเปียกโชกยั่วยวนคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง? ผู้ชายสามคน ผู้ชายหนุ่มแน่นแข็งแรงหล่อเหลาหุ่นดีสามคน ตอนสวมเสื้อผ้ามองไม่ออก หลังจากเปียกโชกแล้ว ทั้งหุ่นสามเหลี่ยมคว่ำกล้ามท้องเอววีคัท ทั้งผิวอ่อนนุ่มยืดหยุ่นเป็นเงาตะคุ่มใต้เสื้อผ้าโปร่งแสง เผยให้เห็นความมันวาวกับความโค้งเว้าของกล้ามเนื้อ กล่าวกันว่ามองทะลุยั่วยวนยิ่งกว่าเปลือย เป็นความจริงโดยแท้

 

 

เมื่อก่อนตอนสมัยปัจจุบันเหมือนเคยดูรายการดารากระโดดน้ำอะไรสักอย่าง ถ้าเจ้าสามตัวนี้ไปกระโดดบ้าง โอ้ ไม่สิไม่ต้องกระโดดด้วยซ้ำ กระโจนขึ้นเวทีทำท่าทาง คะแนนนิยมพุ่งกระฉูดทันที พวกผู้หญิงเลือดพุ่งเป็นลมกันยกใหญ่

 

 

นางอารมณ์ไม่เลว ผ่อนคลายเพลิดเพลิน ไม่ได้ระวังเลยว่าเผยซูกำลังใช้ใบมีดส่องนาง เหยียลี่ว์ฉีนั่งข้างนางมองนางอย่างไม่สะทกสะท้าน ส่วนอิงไป๋ แม้หันหลังให้ทางนี้ ซ้ำยังบีบคอจั้นซินไว้อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย แต่แววตาเย็นเยือก

 

 

บนผิวน้ำคล้ายมีลมหนาวโชยมา…

 

 

“สนับข้อมือของเขา!” จิ่งเหิงปัวร้องเตือนดังลั่น

 

 

อิงไป๋ฉีกสนับข้อมือออกมาด้วยมือข้างเดียว โยนสนับข้อมือให้จิ่งเหิงปัว จั้นซินเปลี่ยนสีหน้า กลางแววตาเปล่งประกายโกรธแค้น

 

 

จิ่งเหิงปัวหยิบสนับข้อมือไว้จ้องมองพลิกไปพลิกมา กล่าวกันตามตรง มองไม่ออกเลยว่าสนับข้อมือนี้เหมือนพิมพ์เขียวตรงไหน ซ้ำยังไม่เหมือนสนับข้อมือ อ่อนบางอย่างยิ่ง เหมือนเครื่องประดับมากกว่า ปลายทั้งสองของสนับข้อมือมีตะขอกระดุม กลัดส่วนข้อมือไว้แน่น นางพินิจตะขอกระดุมสักพัก ไม่มีอะไรผิดปกติ

 

 

ลวดลายบนสนับข้อมือไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยด้วย เหมือนภาพขุนพลตัดหัวศัตรู แม้ลวดลายประณีต แต่ลักษณะสนับข้อมือทั้งอันไม่เหมือนสิ่งของที่ผู้นำชนเผ่าอย่างจั้นซินจะสวมไว้

 

 

แม้ลูบคลำสนับข้อมืออย่างไรก็รู้สึกว่าไม่มีชั้นประกบ แต่พิมพ์เขียวไม่อยู่บนผิวสนับข้อมือนี้แน่นอน

 

 

“ยืมมีดหน่อย” จิ่งเหิงปัวแบมือ

 

 

เหยียลี่ว์ฉีส่งกระบี่ของตนเองมาให้ จิ่งเหิงปัววางสนับข้อมือไว้ข้างสระ แกว่งกระบี่ฟันลงไป

 

 

ตัวกระบี่ทะลุผ่านสนับข้อมือก่อเกิดเสียงหินหนักหน่วง สนับข้อมือไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เหลือแค่ริ้วรอยสายหนึ่ง ไม่นาน แม้แต่ริ้วรอยยังค่อยๆ ย้อนกลับ ฟื้นคืนสภาพเดิม

 

 

“แข็งจัง” จิ่งเหิงปัวอุทาน

 

 

“สัตว์ประหลาดหลายชนิดที่ดำรงชีวิตในบึงโคลนของต้าฮวง ผิวหนังอ่อนนุ่มแข็งแกร่ง ฟันแทงไม่เข้า” เหยียลี่ว์ฉีเอ่ยว่า “สิ่งนี้สร้างจากผิวหนังดั้งเดิม ข้างในไม่มีชั้นประกบแน่แท้”

 

 

จิ่งเหิงปัวพินิจสนับข้อมือ ในใจงงงวยสับสน ผิวสนับข้อมือไม่ได้วาดพิมพ์เขียวไว้ ข้างในไม่มีชั้นประกบ หรือว่าหาผิดตำแหน่ง?

 

 

เบนสายตามองเหยียลี่ว์ฉี เขากำลังยิ้มแย้ม ไม่รีบร้อน คล้ายในใจวางแผนไว้แล้ว

 

 

อิงไป๋ไม่ได้เอ่ยวาจาตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่เชื่อว่าอิงไป๋จะไม่มีวิธีบังคับให้จั้นซินบอกความจริง เขาควบคุมจั้นซินไว้แต่ไม่ได้ลงมือขั้นต่อไป คงกำลังรอนางล่ะมั้ง?

 

 

นางเริ่มเข้าใจแล้ว

 

 

ผู้ชายหลายคนนี้ อยากให้นางหาคำตอบด้วยตัวเองสินะ

 

 

นางหันหน้ากลับมาทันที

 

 

แวบหนึ่งเห็นจั้นซินกำลังจ้องนาง แสงรุ่งโรจน์กลางแววตาเหยียดหยามหยิ่งผยองรำไร

 

 

แม้เขาเห็นนางหันหน้ากลับมา เบนสายตาออกอย่างรวดเร็ว แต่นางยังคงสังเกตเห็นสีหน้าครู่หนึ่งนี้ของเขา

 

 

ไม่ใช่สนับข้อมือจริงด้วย

 

 

จิ่งเหิงปัวลุกขึ้นเดินไปข้างกายจั้นซิน ห้านิ้วกลายเป็นกรงเล็บ จิกสักส่วนบริเวณศีรษะเขาไว้ทันที

 

 

แววตาของอิงไป๋สว่างวูบเล็กน้อย คล้ายนึกไม่ถึงว่านางจะทำท่าทางนี้ ซ้ำยังคล้ายปลาบปลื้ม

 

 

จิ่งเหิงปัวออกแรงทั้งห้านิ้ว จั้นซินเปล่งเสียงร้องเจ็บปวดทรมานเสียงหนึ่ง จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มถามว่า “พิมพ์เขียวอยู่ที่ใด”

 

 

จั้นซินแหงนหน้าอ้าปากกว้างหอบหายใจ ขมวดหัวคิ้วแน่น ขบฟันดังกรอด ทว่าไม่ยอมเอ่ยสักวาจา

 

 

ไม่ว่าอย่างไรเขาเป็นผู้ชาย เป็นผู้นำทั้งชนเผ่า นิสัยของผู้อยู่เบื้องบนส่วนใหญ่แข็งแกร่งแข็งกร้าว เทียบกับผู้หญิงรักตัวกลัวตายอย่างเฟยหลัวไม่ได้เลย

 

 

จิ่งเหิงปัวขมวดคิ้ว คลายมือออก นางไม่ชอบทรมานให้สารภาพ แม้จั้นซินไร้น้ำใจไร้คุณธรรม ทำได้แม้แต่เรื่องบังคับข่มเหงมารดาบุญธรรม ข่าวลือยังเอ่ยว่าเขาโหดเ**้ยมชอบเข่นฆ่า ดื้อรั้นมั่นใจในตัวเองเสมอ แต่นางไม่คิดว่าตัวเองมีอำนาจตัดสินเขา

 

 

ไม่บอก อย่างนั้นหาเองดีกว่า

 

 

นิ้วมือของนางค่อยๆ กรีดลงมาตามศีรษะของจั้นซิน เล็บแข็งแรงลากลงข้างล่างตลอดทาง

 

 

ที่ซึ่งเล็บกรีดผ่าน ลำคอของจั้นซินสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ เผยให้เห็นรอยตะปุ่มตะป่ำ

 

 

จิ่งเหิงปัวกรีดตลอดทาง สังเกตปฏิกิริยาของเขาตลอดเวลา ตอนที่นิ้วมือกรีดถึงแขนเขา จั้นซินพลันสั่นสะท้าน จะเบนแววตาลงไปโดยสำนึก แต่หยุดยั้งไว้

 

 

จิ่งเหิงปัวชะงัก

 

 

ภาพเหตุการณ์สองภาพแล่นผ่านในสมองปานฟ้าแลบทันที

 

 

บนหลังคาตำหนัก เห็นเหยียลี่ว์ฉีใช้กระบี่แทงมาทางจั้นซิน จั้นซินเคยเอื้อมมือไปขวาง แต่วางมือลงกะทันหัน

 

 

เมื่อครู่นางใช้สองมือดึงแขนจั้นซินไว้ จั้นซินหดมือทันที

 

 

…ปัญหายังอยู่ที่แขน

 

 

ทั้งที่สนับข้อมือฟันแทงไม่เข้า ทำไมจั้นซินยังไม่กล้าใช้สนับข้อมือรับกระบี่ของเหยียลี่ว์ฉี? โอ้ ไม่ใช่เขาไม่กล้า เพราะว่าตรงนั้นมีสิ่งของแสนสำคัญ เขาปกป้องโดยสำนึก

 

 

แม้ไม่ใช่สนับข้อมือ แต่ส่วนสำคัญยังอยู่ที่แขน

 

 

นางนึกถึงการดึงครั้งนั้น

 

 

ดึง…

 

 

นางยื่นสองมือออกมากะทันหัน คว้าสองมือของจั้นซินไว้

 

 

จั้นซินหน้าเปลี่ยนสี ดิ้นรนจะหดมือ จิ่งเหิงปัวออกแรงแล้ว คว้าปลายนิ้วเขาไว้ กระชากมาตรงหน้าตัวเองอย่างแรง!

 

 

แคว่ก คล้ายถอดถุงมือ บนมือจั้นซินจรดข้อศอกถูกกระชาก ‘ผิวหนัง’ ชั้นหนึ่งออกมา!

 

 

จั้นซินหน้าซีด

 

 

สายตาของอิงไป๋อ่อนโยนชื่นชม มุมปากของเหยียลี่ว์ฉีวาดโค้ง

 

 

องค์ราชินียังคงเฉลียวฉลาดยิ่งนัก

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

Status: Ongoing

ยามนั้น อสนีเปรี้ยงเวหา พสุธายุบหลุมลี้ เพชรพลอยเกลื่อนธรณี เกิดจานเหินที่กลางอากาศ มีนารีนางหนึ่งจักกำเนิดตนจากฟ้าถล่มดินทลาย…กลายเป็นราชินีแห่งต้าฮวง!

คำทำนายจากสรวงสวรรค์ ก่อกำเนิดเป็นความอัศจรรย์จากฟากฟ้า นำพาให้ จิ่งเหิงปัว หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ผู้เลอเลิศในปฐพี (?) ต้องตกอยู่ในสถานะราชินีแห่งลุ่มแม่น้ำต้าฮวงด้วยความจำยอม… แต่ใครเล่าจะรู้ว่าตำแหน่งราชินีสูงส่งที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่นพัน จะกลายเป็นเพียง ‘ตำแหน่ง’ กันชนเพื่อการช่วงชิงอำนาจระหว่างราชครูฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย…

หากนางรู้ว่า ตำแหน่งราชินีที่นาง ‘จำยอม’ รับมาด้วยความสุข จะเป็นเพียงแค่หมากเกมหนึ่งในกระดานของชายหนุ่มทั้งสอง…ครานั้นนางจะทำอย่างไรดีเล่า

“หนีสิโว้ยยย!”

“กระหม่อมอนุญาตให้พระองค์หนีสามครา ฝ่าบาท”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท