“ก็นะการตัดสินใจของพี่หลินก็เป็นอะไรที่มีเหตุผลมากที่สุดแล้วหละ”
เห็นความสำนึกผิดของหลินเฉิงหยูซานก็ยังกังวลอยู่บ้าง “ก็จริงอยู่ตามที่พี่หลินพูด เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกนัก เพราะไหนจะเรื่องผู้ใช้พลัง และเรื่องของป้าฉินอีก…”
ก่อนที่หยูซานจะได้พูดจบหลินเฉิงก็เข้าขัด “ใช่แล้วหละ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าเรามัวแต่กังวลก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหนเหมือนกัน! เราจะหมกตัวอยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ได้ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องไปทำ และไม่มีเรื่องไหนที่สำคัญน้อยไปกว่ากันเลยสักนิด!”
“งั้นหมายความว่า..?”
หยูซานนึงถึงเรื่องที่พบเจอในวันนี้ได้ขึ้นมาที่หลินเฉิงบอกว่ามีเป้าหมายต่อไปหลังจากออกไปจากฐานทัพแล้ว!
เห็นหยูซานเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อออกมาแล้วหลินเฉิงก็หยักหน้าอย่างแรง “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เหมือนที่เธอคิดอยู่นั้นแหละเราต้องรีบทำทุกอย่างของที่นี้ให้สำเร็จได้แล้ว!”
“เข้าใจแล้วค่ะ…”
เห็นหลินเฉิงยอมพูดตรงๆหยูซานก็ยังกังวล แต่ก็พยักหน้าเข้าใจไปโดยที่ไม่รู้ตัว “งั้นพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปหละค่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะนำทางไปเอง…”
ได้ยินข้อสงสัยของหยูซานไปแล้วหลินเฉิงก็ไม่ได้ตอบเธอไป เขานั้งบนเก้าอี้หินอ่อน จุดบุหรี่ และนั่งขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากที่สำรวจเรื่องราวของฐานทัพมากว่า1 สัปดาห์ พวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของที่แห่งนี้แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้โง่พอที่จะคิดว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ตราบใดที่เขายังไม่ออกตัวมากเกินไป ยามรักษาการณ์ก็คงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร พวกเขาเก็บกวาดงานของหลินเฉิงที่ทำไว้ตอนสู้กับมังกรม่วงอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนถึงตอนนี้ศัตรูที่แท้จริงของเขาก็คือพวกปีศาจรัตติกาลและฉางเหวินฉวน ฉางเหวินฉวนเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นเป้าหมายของหลินเฉิงเลยสักนิด
พูดได้ง่ายๆว่า หลินเฉิงอยู่ในจุดที่มองเป้าหมายได้ชัดโดยที่เป้ามหายไม่รู้ตัวเลยก็ว่าได้ เพราะงั้นจึงได้ข้อมูลต่างๆ มามากมายที่อีกฝ่ายพยายามเก็บเป็นความลับ เขาจึงวางแผนต่อไปที่จะทำในฐานทัพแห่งนี้ได้ในที่สุด!
แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเรื่องข้อมูลที่เขาได้ในเมืองปักกิ่งจากหลินเหยาเหวย เขาจึงไม่ต้องการที่จะตั้งรกรากในฐานแห่งนี้อีกนานไปมากกว่านี้แล้ว เพราะยังมีสิ่งสำคัญที่รอเขาอยู่ข้างนอกอีกมาก!
ต้นกำเหนิดของซอมบี้และพวกตัวกินคนนั้น ต้องเกียวกับผู้หญิงปริศนาคนนั้นที่ควบคุมพวกมันได้อย่างแน่นอน ความลับของปีศาจรัตติกาลและเหตุผลของวันโลกาวินาศ ไหนจะเรื่องของพลังที่ตื่นขึ้นมาอีก ทุกอย่างกำลังเชื่อมโยงกันอยู่ในหัวของหลินเฉิง นั้นทำให้เขาหวังว่ามันจะชี้นำเข้าไปสู้เป้าหมายได้!
เมื่อเทียบกับทุกอย่างแล้วฉางเหวินฉวนนั้นไม่ใช่เรื่องเลย!
ตอนแรกเขาไม่กล้าจะออกตัวมากกลัวว่างานของเขาจะส่งผลกระทบกับครอบครัวของผู้มีพระคุณมากเกินไป เพราะเขาไม่รู้ว่าชายคนนี้มีพลังมากขนาดไหน เขาจึงต้องค่อยๆ หาข้อมมูลจนมาถึงจุดนี้
เขารู้แล้วว่าพลังของไอหมอนั้นมันเป็นอย่างไรหลินเฉิงจึงไม่อยากจะตั้งรับไปให้นานกว่านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าฉางเหวินฉวนนั้นเกียวข้องกับพวกปัศาจรัตติกาลอย่างไร เมื่อวัดพลังของปีศาจรัตติกาลกับฉางเหวินฉวนแล้ว เขาก็พอที่จะคาดเดาไว้ได้บ้างแล้ว ตราบใดที่เราไม่ประหมาดคู่ต่อสู้ ต่อให้ปีศาจรัตติการและฉางเหวินฉวนเข้ามาพร้อมกัน เขาก็ยังรับมือไหว!
“ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้วฉันจะไปหาฉีเซี่ยวฮันก่อนในตอนเช้า และไปยังที่ทำงานของหลงซงในตอนเย็น หลังจากที่เสร็จงานแล้ว เราจะมาวางแผนกันใหม่อีกรอบ หลังจากจัดการเรื่องจิ๊บจ๊อยพวกนี้จนหมดแล้ว เราจะมาลุยกันต่อ!”
หลังจากคิดแล้วคิดอีกหลินเฉิงก็ทิ้งก้นบุหรี่ไป ก่อนที่จะหันไปพูดกับหยูซาน
ได้ยินแบบนั้นหยูซานก็เห็นด้วยและถามต่อไปว่า “พี่หลินจะมาลุยกันต่อนี้หมายถึงเรื่องอะไร…?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็แสยะยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงอันมืดมัว “แน่นอนว่าจัดการกับฉางเหวินฉวนอย่างไงหละ!”
“จัดการเลยหรอ!”
เห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วหยูซานก็รู้สึกสั่นกลัวอีกครั้ง “หมายถึงให้หนูตามไปแล้วรอจังหวะแบบวันนี้หนะหรอ?”
“ไม่ใช่!”
“เราจะถามเรื่องทั้งหมดกับเขาเองเลยไหนๆ เราก็ได้ข้อมูลมาไม่มากพอจากกาติดตามและทดสอบแล้ว เราก็มาทำสิ่งที่พวกเราถนัดดีกว่า!”
“ฉันรู้ว่าเธอยังกังวลเรื่องนั้นอยู่พลังด้านการต่อสู้ของไอหมอนั้นแข็งแกร่งและโดดเด่นมาก แต่ถ้าเธอไม่คิดดูดีๆ นะ เธอจะไม่รู้เลยว่ามีช่วงโหว่ที่จะจัดการเขาได้อยู่ เธอก็บอกกับฉันหนิว่าฉางเหวินฉวนไม่ชอบคนรอบตัวนัก เขาย่อมชอบที่จะปลีกตัวออกมา และเราก็จะใช้จังหวะนั้นเข้าประชิดตัวเขาได้ง่ายใช่ไหมหละ”
“ใช่แล้วค่ะแต่จะแน่ใจได้อย่างไงค่ะว่าเขาจะไม่ตอบโต้เรากลับมา?”
ได้ฟังบทวิเคราะห์ของหลินเฉิงหยูซานพยักหน้าก่อน และยิงข้อสงสัยออกไป
หลินเฉิงก้โบกมืออย่างไม่คิดอะไร“ฉันมีแผนรองรับเอาไว้แล้วหละ รอบนี้เธอเชื่อใจฉันได้เลย เธอแค่ต้องจับจังหวะของเขาให้ดี ที่เหลือฉันจะจัดการเอง!”
“โฮ่…”
เห็นหลินเฉิงไม่ยอมบอกให้แน่ชัดหยูซานก็คิดแล้วคิดอีกอยู่ในใจ แต่เธอก็ไม่ถามอะไรต่อแล้ว
เธอนิ่งเงียบและคิดถึงแผนที่หลินเฉิงวางไว้คิดถึงความเป็นไปได้ของแผนนั้น และในที่สุดเธอก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ยากเลย
เมื่อหยูซานเหมือนจะเข้าใจเแผนของเขาแล้วหลินเฉิงก็สรุปให้ฟังว่า “ฉางเหวินฉวนไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเรา แม้ว่าเขาจะชอบทำตัวให้เป็นปริศนา ยังไงซะเขาก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรา เขาจะมีมุมหนึ่งที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น ตอนนี้สิ่งที่เราต้องระวังคือพวกปีศาจรัตติการพวกนั้นต่างหาก!”
———————–SC: บทที่ 395 คำตำหนิของฉินชูหยี
เห็นความสำนึกผิดของหลินเฉิงหยูซานก็ยังกังวลอยู่บ้าง “ก็จริงอยู่ตามที่พี่หลินพูด เราไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกนัก เพราะไหนจะเรื่องผู้ใช้พลัง และเรื่องของป้าฉินอีก…”
ก่อนที่หยูซานจะได้พูดจบหลินเฉิงก็เข้าขัด “ใช่แล้วหละ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าเรามัวแต่กังวลก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหนเหมือนกัน! เราจะหมกตัวอยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ได้ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องไปทำ และไม่มีเรื่องไหนที่สำคัญน้อยไปกว่ากันเลยสักนิด!”
“งั้นหมายความว่า..?”
หยูซานนึงถึงเรื่องที่พบเจอในวันนี้ได้ขึ้นมาที่หลินเฉิงบอกว่ามีเป้าหมายต่อไปหลังจากออกไปจากฐานทัพแล้ว!
เห็นหยูซานเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อออกมาแล้วหลินเฉิงก็หยักหน้าอย่างแรง “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เหมือนที่เธอคิดอยู่นั้นแหละเราต้องรีบทำทุกอย่างของที่นี้ให้สำเร็จได้แล้ว!”
“เข้าใจแล้วค่ะ…”
เห็นหลินเฉิงยอมพูดตรงๆหยูซานก็ยังกังวล แต่ก็พยักหน้าเข้าใจไปโดยที่ไม่รู้ตัว “งั้นพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปหละค่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะนำทางไปเอง…”
ได้ยินข้อสงสัยของหยูซานไปแล้วหลินเฉิงก็ไม่ได้ตอบเธอไป เขานั้งบนเก้าอี้หินอ่อน จุดบุหรี่ และนั่งขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากที่สำรวจเรื่องราวของฐานทัพมากว่า1 สัปดาห์ พวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของที่แห่งนี้แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้โง่พอที่จะคิดว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ตราบใดที่เขายังไม่ออกตัวมากเกินไป ยามรักษาการณ์ก็คงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร พวกเขาเก็บกวาดงานของหลินเฉิงที่ทำไว้ตอนสู้กับมังกรม่วงอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนถึงตอนนี้ศัตรูที่แท้จริงของเขาก็คือพวกปีศาจรัตติกาลและฉางเหวินฉวน ฉางเหวินฉวนเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นเป้าหมายของหลินเฉิงเลยสักนิด
พูดได้ง่ายๆว่า หลินเฉิงอยู่ในจุดที่มองเป้าหมายได้ชัดโดยที่เป้ามหายไม่รู้ตัวเลยก็ว่าได้ เพราะงั้นจึงได้ข้อมูลต่างๆ มามากมายที่อีกฝ่ายพยายามเก็บเป็นความลับ เขาจึงวางแผนต่อไปที่จะทำในฐานทัพแห่งนี้ได้ในที่สุด!
แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเรื่องข้อมูลที่เขาได้ในเมืองปักกิ่งจากหลินเหยาเหวย เขาจึงไม่ต้องการที่จะตั้งรกรากในฐานแห่งนี้อีกนานไปมากกว่านี้แล้ว เพราะยังมีสิ่งสำคัญที่รอเขาอยู่ข้างนอกอีกมาก!
ต้นกำเหนิดของซอมบี้และพวกตัวกินคนนั้น ต้องเกียวกับผู้หญิงปริศนาคนนั้นที่ควบคุมพวกมันได้อย่างแน่นอน ความลับของปีศาจรัตติกาลและเหตุผลของวันโลกาวินาศ ไหนจะเรื่องของพลังที่ตื่นขึ้นมาอีก ทุกอย่างกำลังเชื่อมโยงกันอยู่ในหัวของหลินเฉิง นั้นทำให้เขาหวังว่ามันจะชี้นำเข้าไปสู้เป้าหมายได้!
เมื่อเทียบกับทุกอย่างแล้วฉางเหวินฉวนนั้นไม่ใช่เรื่องเลย!
ตอนแรกเขาไม่กล้าจะออกตัวมากกลัวว่างานของเขาจะส่งผลกระทบกับครอบครัวของผู้มีพระคุณมากเกินไป เพราะเขาไม่รู้ว่าชายคนนี้มีพลังมากขนาดไหน เขาจึงต้องค่อยๆ หาข้อมมูลจนมาถึงจุดนี้
เขารู้แล้วว่าพลังของไอหมอนั้นมันเป็นอย่างไรหลินเฉิงจึงไม่อยากจะตั้งรับไปให้นานกว่านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าฉางเหวินฉวนนั้นเกียวข้องกับพวกปัศาจรัตติกาลอย่างไร เมื่อวัดพลังของปีศาจรัตติกาลกับฉางเหวินฉวนแล้ว เขาก็พอที่จะคาดเดาไว้ได้บ้างแล้ว ตราบใดที่เราไม่ประหมาดคู่ต่อสู้ ต่อให้ปีศาจรัตติการและฉางเหวินฉวนเข้ามาพร้อมกัน เขาก็ยังรับมือไหว!
“ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้วฉันจะไปหาฉีเซี่ยวฮันก่อนในตอนเช้า และไปยังที่ทำงานของหลงซงในตอนเย็น หลังจากที่เสร็จงานแล้ว เราจะมาวางแผนกันใหม่อีกรอบ หลังจากจัดการเรื่องจิ๊บจ๊อยพวกนี้จนหมดแล้ว เราจะมาลุยกันต่อ!”
หลังจากคิดแล้วคิดอีกหลินเฉิงก็ทิ้งก้นบุหรี่ไป ก่อนที่จะหันไปพูดกับหยูซาน
ได้ยินแบบนั้นหยูซานก็เห็นด้วยและถามต่อไปว่า “พี่หลินจะมาลุยกันต่อนี้หมายถึงเรื่องอะไร…?”
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็แสยะยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงอันมืดมัว “แน่นอนว่าจัดการกับฉางเหวินฉวนอย่างไงหละ!”
“จัดการเลยหรอ!”
เห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วหยูซานก็รู้สึกสั่นกลัวอีกครั้ง “หมายถึงให้หนูตามไปแล้วรอจังหวะแบบวันนี้หนะหรอ?”
“ไม่ใช่!”
“เราจะถามเรื่องทั้งหมดกับเขาเองเลยไหนๆ เราก็ได้ข้อมูลมาไม่มากพอจากกาติดตามและทดสอบแล้ว เราก็มาทำสิ่งที่พวกเราถนัดดีกว่า!”
“ฉันรู้ว่าเธอยังกังวลเรื่องนั้นอยู่พลังด้านการต่อสู้ของไอหมอนั้นแข็งแกร่งและโดดเด่นมาก แต่ถ้าเธอไม่คิดดูดีๆ นะ เธอจะไม่รู้เลยว่ามีช่วงโหว่ที่จะจัดการเขาได้อยู่ เธอก็บอกกับฉันหนิว่าฉางเหวินฉวนไม่ชอบคนรอบตัวนัก เขาย่อมชอบที่จะปลีกตัวออกมา และเราก็จะใช้จังหวะนั้นเข้าประชิดตัวเขาได้ง่ายใช่ไหมหละ”
“ใช่แล้วค่ะแต่จะแน่ใจได้อย่างไงค่ะว่าเขาจะไม่ตอบโต้เรากลับมา?”
ได้ฟังบทวิเคราะห์ของหลินเฉิงหยูซานพยักหน้าก่อน และยิงข้อสงสัยออกไป
หลินเฉิงก้โบกมืออย่างไม่คิดอะไร“ฉันมีแผนรองรับเอาไว้แล้วหละ รอบนี้เธอเชื่อใจฉันได้เลย เธอแค่ต้องจับจังหวะของเขาให้ดี ที่เหลือฉันจะจัดการเอง!”
“โฮ่…”
เห็นหลินเฉิงไม่ยอมบอกให้แน่ชัดหยูซานก็คิดแล้วคิดอีกอยู่ในใจ แต่เธอก็ไม่ถามอะไรต่อแล้ว
เธอนิ่งเงียบและคิดถึงแผนที่หลินเฉิงวางไว้คิดถึงความเป็นไปได้ของแผนนั้น และในที่สุดเธอก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ยากเลย
เมื่อหยูซานเหมือนจะเข้าใจเแผนของเขาแล้วหลินเฉิงก็สรุปให้ฟังว่า “ฉางเหวินฉวนไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเรา แม้ว่าเขาจะชอบทำตัวให้เป็นปริศนา ยังไงซะเขาก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรา เขาจะมีมุมหนึ่งที่ซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น ตอนนี้สิ่งที่เราต้องระวังคือพวกปีศาจรัตติการพวกนั้นต่างหาก!”
———————–SC: บทที่ 395 คำตำหนิของฉินชูหยี