หยิบระเบิดC4 ขึ้นมาหนึ่งลูก หลินเฉิงขมวดคิ้วไปทางหลิงเชิง “นายแน่ใจนะว่าจะให้ใช้เจ้านี่ในการระเบิดประตูหินแห่งรูนนั่น? ฉันจะเตือนนายอีกครั้งนะ ว่าแรงระเบิดนี่ รุนแรงพอจะเป่าทั้งประตูหินหรือดีไม่ดีมันก็อาจจะเป่าฐานของนายให้กลายเป็นฝุ่นเลยก็ได้นะ!”
“เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว!”
หลิงเชิงโบกไม้โบกมือแล้วยิ้มให้จากนั้นเขาก็มองไปยังหยุนเฟิง และตัวเธอเองเมื่อได้สบตากับอีกฝ่าย ก็สามารถเข้าใจได้ทันที เธอพยักหน้าให้หลินเฉิงก่อนจะรีบออกไปจากที่นี่
“เอาล่ะฉันขอให้หยุนเฟิงไปช่วยบอกผู้คนให้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เพราะงั้นเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้แล้วล่ะ ตั้งสมาธิไปตรงสิ่งที่ต้องทำดีกว่า!” หลังจากที่หยุนเฟิงออกไปแล้วหลิงเชิงก็อธิบายให้หลินเฉิงฟัง
หลินเฉิงนั้นรู้สึกได้เลยว่าคนๆนี้ได้วิเคราะห์สถานการณ์เช่นนี้มานานแล้วเขาไม่ได้คิดเลยว่าหลิงเชิงจะเด็ดเดี่ยวกว่าตัวเขาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ความมุ่งมั่นที่แรงกว่าที่ตั้งใจจะไม่ถอยกลับจนกว่าจะเจอกำแพงหนา
หลังจากที่เข้าใจวิสัยทัศน์ของหลิงเชิงแล้วหลินเฉิงก็เริ่มที่จะซื่อตรงต่อทัศนคติของตนเองบ้าง ถึงจะเป็นผู้ที่มาทีหลัง แต่เขาก็ไม่อยากจะยอมแพ้ มีเหตุผลอะไรที่เขาจะยอมแพ้ง่ายๆในขณะที่คนอื่นได้พยายามทำทุกอย่างจนทุกสิ่งมันมาถึงขั้นนี้กันแล้ว?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลินเฉิงก็หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เลิกพูดอะไรไร้สาระ เขาหยิบ C4 ทั้ง 3 ลูกขึ้นมาและตรงไปยังประตูแห่งรูนทันที
หลังจากที่จัดการวางระเบิดพวกนั้นอย่างระมัดระวังไปที่ช่องว่างของประตูแห่งรูนแล้วหลินเฉิงก็หันกลับไปมองหลิงเชิงก่อนจะพูดขึ้น “ฉันจะกดระเบิดนี่ทันที เพราะงั้นตอนนี้นายต้องออกไปจากที่นี่ เพราะไม่งั้นนายจะถูกฝังไว้ในนี้ทันที!”
“โอเค!”
ได้ยินคำเตือนจากหลินเฉิงหลิงเชิงก็ไม่ประมาท เขารีบพาหลิงเหมิงออกไปจากที่นั่นเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้หลินเฉิงรับรู้ว่าพวกเขาออกมาได้แล้ว
รับรู้ได้ดังนั้นหลินเฉิงก็โล่งออกเขารีบกดระเบิดจากจากนั้นก็รีบวิ่งออกมาจากประตูแห่งรูนนั้นทันที
*ตู้ม!!*
ไม่กี่วินาทีต่อมาเสียงระเบิดก็ดังกระหึ่มพร้อมแผ่นดินที่สั่นไหว ประตูแห่งรูนที่อยู่ใจกลางของการระเบิดครั้งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันที่มาจาก C4 ทั้ง 3 ลูก และด้วยแรงระเบิดขนาดใหญ่นั้น มันทำให้จุดที่หลินเฉิงให้พ่อลูกไปหลบก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย ก้อนหินหลากหลายขนาดตกลงสู่พื้นดินจนเกิดเป็นแผ่นดินไหวและพวกมันบางส่วนก็เกือบจะปะทะกับหลินเฉิงแล้วดีที่เขานั้นระวังตัวเองดี โล่น้ำแข็งถูกสรา้งขึ้นมาเพื่อปกป้องคนทั้งสามนี้ ไม่รู้ว่าถ้าหากประตูแห่งรูนนั้นถูกเปิดออกจริงๆ มันจะถูกอัดแน่นไปด้วยกรวดหินพวกนี้หรือเปล่า
หลังจากที่รอมากว่า10 นาที ควันหลงจากแผ่นดินไหวที่มาจากการระเบิดก็จบลง หลินเฉิงสลายโล่น้ำแข็งนั้นไปและสังเกตุการณ์ดูสถานการณ์รอบๆตัวรวมไปถึงถ้ำใต้นิดนั้นด้วย เมื่อเขาพบว่าไม่มีอันตรายใดๆแล้ว เขาก็โบกมือให้ทั้งสองที่อยู่ด้านหลังทั้งหลิงเชิงและหลิงเหมิงนั้นตามเขาไปด้วย
“แค่ก–”
ทันทีที่เดินเข้ามาโดยปราศจากโล่น้ำแข็งหลิงเชิงก็ไอออกมาเพราะฝุ่นที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น “ความรุนแรงของระเบิดนั่น แค่ก—แรงขนาดนี้เลยเหรอ?”
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็โบกมือพัดเอาฝุ่นตรงหน้าออกก่อนจะพูดขึ้น“เสียใจเหรอ? นายต้องการความรุนแรงระดับนี้เองนี่ เสียใจตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
“ไม่ได้เสียใจก็แค่ไม่คาดคิดว่าแรงระเบิดจะรุนแรงขนาดนี้ และฉันก็แค่เกรงว่าที่อยู่ของเราจะได้รับผลกระทบ….”
ครั้นเมื่อโดนหลินเฉิงหยอกล้อเขาก็รีบโบกมือปัด “เพราะยังไงก็ตาม เราก็ยังต้องอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น มันคงไม่ดี…”
“อย่ากังวลไปเลยน่าขนาดพวกเราอยู่ใกล้ขนาดนี้ยังไม่เป็นไรเลย แคมป์ของนายอยู่ตั้งไกล เพราะงั้นแรงระเบิดนี่ทำอะไรไม่ได้หรอก”
เมื่อเห็นหลิงเชิงดูกังวลกับความปลอดภัยของที่อยู่ของพวกเขาถึงแม้ว่าหลินเฉิงจะกระตือรือล้นที่จะเข้าไปยังประตูแห่งรูน แต่เขาก็อดทนที่จะช่วยทำให้หลิงเชิงสบายใจขึ้นก่อน
หลิงเชิงไม่ใช่คนที่จัดลำดับความสำคัญไม่ถูกเมื่อเขาเห็นว่าทางเดินต่อไปข้างหน้านั้นยังแข็งแกร่งอยู่เขาก็พยักหน้าให้หลินเฉิงและรีบเดินเข้าไปต่อยังประตูหินแห่งรูนด้านใน
หลังจากที่เกือบจะ10 นาทีแล้วที่พวกเขาต้องปีนป่ายเข้ามาตามถนนที่ขรุขระมากขึ้น ทั้งสามก็กลับมายังประตูหินแห่งรูนได้ แต่ทว่าตัวประตูนั้นถูกหินขนาดใหญ่ปิดทับไว้อยู่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
เมื่อเห็นดังนั้นหลินเฉิงก็ทำให้แค่ถอนหายใจ เขาแผ่มือออกไปและหันไปบอกทั้งสอง “จะมองจนถึงเมื่อไหรน่ะ งานอยู่ตรงหน้าแล้วนะ”
ทั้งหลิงเชิงและหลิงเหมิงส่ายหน้าพร้อมฝืนยิ้มแต่พวกเขาก็พูดอะไรไร้สาระไม่ได้ พวกเขารีบก้มลงและจัดการพวกเศษหินตรงหน้าทันที
หลังจากที่ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงประตูหินแห่งรูนก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งตรงหน้าพวกเขา หลินเฉิงนั้นเริ่มที่จะส่ายหน้าและพูดไม่ออกอีกครั้ง
หลิงเชิงเองก็ช็อกไปมากๆเลยเพราะประตูหินนั้น ไม่แม้ตะจะมีรอยหรืออะไรที่เกิดจากการระเบิดของ C4 นั่นเลย แรงระเบิดมหาศาลที่มากพอจะเป่าเขาเล็กๆให้กระจุยได้ แต่เมื่อใช้กับประตูนี่มันไม่มีแม้กระทั่งรอยอะไรทั้งสิ้น!
“น-นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?”
หลิงเชิงนั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเขาเข้าไปดูรอบๆประตูหินด้วยความระมัดระวังหลายต่อหลายครั้ง และเมื่อพบว่ามันไม่มีรอยจริงๆ มันเลยทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา เสียงกร่นด่าด้วยความโกรธมันจึงเริ่มปะทุขึ้น!
“ฉันไม่รู้นะว่าเจ้านี่คืออะไรกันแน่แต่ตอนนี้ฉันรู้อย่างหนึ่ง นี่มันเป็นความฝันโง่ที่จะใช้วิธีรุนแรงในการเปิดไอ้ประตูบ้านี่มากๆ!”
เมื่อเห็นหลิงเชิงเริ่มที่จะหัวเสียกับประตูหินนี่แล้วหลินเฉิงก็รู้สึกพึงพอใจ เขารู้สึกยู่แล้วว่าสิ่งนี้มันน่าจะไม่ได้ผล และในตอนนี้ ดูเหมือนหลิงเชิงจะต้องทำงานหนักอีกแล้วล่ะ
“พ่อคะอย่างเพิ่งโกรธสิคะ” เมื่อเห็นพ่อของเธอยืนโวยวายอยู่หน้าประตูหินนั้นหลิงเหมิงก็ช้ำใจ ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอนั้นพยายามจะสร้างบรรยากาศรอบๆตัวเธอให้น่าอยู่ก็จริง แต่เธอก็สามารถเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของพ่อเธอตอนนี้ได้อย่างดี ในฐานะของผู้นำที่เป็นผู้แบกความหวังของเหล่าสมาชิกเผ่ารัตติกาลทั้งหมดเอาไว้
ความกดดันของหลิงเชิงจึงไม่ยากเลยที่จะจินตนาการความที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้นั้นมันหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจของทุกๆคนในเผ่า นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้หลิงเชิงถึงกระตือรือร้นที่จะทำลายประตูหินแห่งรูนนี่เพื่อจะหาคำตอบให้กับตัวพวกเขาเอง
“อ่า…”
พลันได้ยินเสียงหลิงเหมิงบอกให้สงบหลิงเชิงก็ถอนหายใจเป็นเวลานานและเริ่มกลับมาเป็นหลิงเชิงแบบปกติอีกครั้ง เขาทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้ที่หยั่งลึกลงไปในใจและลุกขึ้นยืด จากนั้นก็พูดกับหลินเฉิง “เอาล่ะ บางทีมันอาจจะเหมือนกับที่นายพูด โชคชะตาของเราและประตูหินนี่ บางทีอาจจะยังไม่มาบรรจบกัน เพราะงั้น ไปกันดีกว่า!”
หลังจากนั้นแม้แต่ตัวหลินเฉิงเองก็ไม่ได้หันไปมองประตูหินที่อยู่ด้านหลังและพร้อมที่จะเดินออกไปแล้วเพียงแค่ก้าวเท้า
*กรรรร*
ก่อนที่หลิงเชิงจะเริ่มเดินออกเสียงคำรามที่ดังกึกก้องก็เล็ดรอดมาจากรอยแตกของประตูหินแห่งรูนนั้น!
——————————