SC:บทที่520 กลับมาตอนมืด
พวกนายสองคนกำลังคุยเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
มองไปยังหลินเฉิงและเฉินฉีที่ดูเหมือนจะเข้าใจกันอยู่สองคนโดยที่เหล่าฟ่างไม่ได้เข้าใจอะไรด้วยเพราะงั้นเขาจึงเริ่มรู้สึกไม่เป็นสุขแล้ว น้องฉี ฉันเข้าใจนะว่านายหมายถึงอะไร แต่แล้วทำไมนายถึงอยากให้น้องหลินออกไปเช่นนั้น?
ได้ยินแบบนั้นเฉินฉีก็พยักหน้าและพูด ใช่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่น้องหลินพูดตอนนี้ ฉันก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขาหรอก…
แต่…
เฉินฉีนั้นดูเหมือนจะไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มันยิ่งทำให้ผู้อาวุโสฟ่างขมวดคิ้วและหันไปมองทางหลินเฉิงทันทีเพื่อถาม น้องชาย บอกความจริงฉันมา ว่านายกำลังจะไปทำอะไรในหยางจิง มันสำคัญหรือไง?
เมื่อรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของผู้อาวุโสฟ่างนั้นเริ่มจะซีเรียสขึ้นมาแล้วหลินเฉิงก็พยักหน้าช้าๆและพูดไปอย่างชัดเจน สำคัญมากๆเลยล่ะ!
อ่า…
ท่าทีที่ดูจริงจังมากๆของหลินเฉิงทำให้คิ้วที่ก่อนหน้านี้ขมวดของผู้อาวุโสฟ่างนั้นคลายลงพร้อมกับถอนหายใจ ในเมื่อเรื่องนี้ต้องทำอย่างจริงจังและบอกได้แค่ว่ามันสำคัญมากๆ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เต็มใจนักที่จะให้น้องหลินไป แต่ฉันก็คงจะปล่อยผ่านโดยที่ไม่แยแสไม่ได้ เพราะงั้นในเมื่อมันสำคัญกับนายมากๆ ที่จะไปหยางจิง ดังนั้นแล้วก็จงไป! ฉันนั้นทำได้แค่หวังให้นายเดินทางปลอดภัยตลอดรอดฝั่ง เพราะไม่มีใครรู้แล้วว่าหยางจิงในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายต้องระมัดระวังและระแวงในทุกๆสิ่งๆไว้ก่อน!
ไม่ต้องกังวลไปพี่ฟ่างฉันสามารถเดินจากซงโจวมาถึงนี่ได้โดยที่ยังไม่ตาย นั่นก็เพราะพลังของฉันเอง ถึงแม้ว่าโลกข้างนอกจะอันตรายถึงเพียงใด ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะสามารถรับมือกับมันได้ด้วยพลังนี้!
ฟังคำของผู้อาวุโสฟ่างหลินเฉิงก็พยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาที่ฐานแห่งนี้เป็นเวลานาน แต่เขาก็รู้จักคนๆนี้มานานมากแล้ว ถึงแม้ว่าพลังของอีกฝ่ายจะเทียบเท่าเขาแทบไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ยังคอยเป็นห่วงเขามากที่สุดเท่าที่จะห่วงได้ หลินเฉิงนั้นไม่เคยรู้สึกได้รับแบบนี้มาก่อน เพราะงั้นแล้วเขาจึงรู้สึกขอบคุณผู้อาวุโสฟ่างมากๆ
ดีในเมื่อน้องหลินอยากจะออกไป ตามปกติแล้วเหตุผลที่ใช้ออกไปก็เพราะไม่อยากจะเป็นมือสมัครเล่นอยู่ที่นี่ไปวันๆ เพราะงั้นเราก็มากินอาหารกันอีกซักจานสองจานแล้วไปฝึกกังฟูกันดีกว่า!
เมื่อเห็นว่าปมของผู้อาวุโสฟ่างนั้นคลายแล้วเฉินฉีก็ช่วยเปลี่ยนเรื่องในวงเหล้าให้ในทันที ไหนนายบอกว่าอาหารร้านนี้อร่อยไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นแล้วเราจะไม่กินแค่จานสองจาน! แต่กินไปก่อน ฉันหิว!
ในเวลาเดียวกันนั้นเด็กเสิร์ฟก็เข้ามาพร้อมกับเสิร์ฟอาหารร้อนๆพอดี มันช่วยเติมเต็มให้โต๊ะที่ว่างเปล่านี้เต็มไปด้วยอาหารจากนั้นเขาก็เดินออกไป
หลังจากที่เด็กเสิร์ฟเดินออกไปพร้อมปิดประตูแล้วหลินเฉิงก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาอีกและพูดขึ้น โอเค ยังไงก็เถอะ ฉันดีใจที่ได้พบกับพี่ฟ่างและพี่เฉินในครั้งนี้ ฉันหวังว่าพวกนายจะมีความสุขและปลอดภัยรวมถึงมีความสุขแม้ฉันจะไม่อยู่ที่นี่นะ แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไป!
พูดจบก็กระดกเบียร์นั้นเข้าไปเลย
ได้ยินคำสรรเสริญของหลินเฉิงผู้อาวุโสฟ่างและเฉินฉีก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พวกเขาพยักหน้าแล้วก็กระดกเบียร์ในขวดไปจนหมด!
แต่เดี๋ยวก่อนฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับพี่เฉิน เรื่องบางอย่าง หลังจากที่หยิบตะเกียบและเริ่มกินผักเข้าไปแล้วหลินเฉิงก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เขารีบวางตะเกียบและหยิบบัญชีเงินฝากของเขาภายในฐานสมุทรสีครามออกมาจากในกระเป๋าและส่งให้เฉินฉีทันที สมุดเงินฝากนี่ไม่มีประโยชน์สำหรับฉันแล้ว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีมากกว่า 100000 ตั๋วสมุทรสีครามอยู่ในนี้ ไม่มากเท่าไหร่ เอาพวกนี้ไปช่วยพวกเด็กกำพร้านั่นแม้ว่านี่จะเป็นเพียงเศษใจน้อยๆของฉันก็ตาม…
มากกว่าแสนงั้นเหรอ!?นี่นายอยากจะละลายเงินเล่นหรือว่ามีจุดประสงค์อะไรอยู่กันแน่เนี่ย!?
เมื่อเห็นหลินเฉิงโยนสมุดบัญชีที่มีตั๋วสมุทรสีครามกว่าแสนชิ้นมาให้เขาด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นขยะชิ้นหนึ่ง เฉินฉีก็รู้สึกเวิ้งว้างก่อนจะรีบส่งสมุดนั้นกลับคืนเจ้าของไปในทันที ที่นี่มีพวกเด็กกำพร้าไม่เท่าไหร่เอง หลังจากที่โลกนี้มันเปลี่ยนไป แม้แต่ผู้ใหญ่ยังเอาชีวิตรอดยาก แล้วนับประสาอะไรกับเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองคอยดูแลแบบนี้มันยิ่งยากที่จะรอดเข้าไปอีก! แต่นั่นแหละ มันไม่เป็นไรหรอกตราบใดที่ฉันยังเป็นคนประหยัดแบบนี้ ฉันดูแลพวกเขาได้ เพราะงั้นนายไม่ต้องจ่ายส่วนนี้หรอก
หลินเฉิงยังคงยืนยันคำเดิมและยัดเยียดสมุดบัญชีนั้นให้เขา เอามันไป! ฉันจะออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว นายคิดว่าฉันจะเอาไอ้พวกนี้ไปทำอะไรข้างนอกได้กัน? นายไม่ต้องมาพูดด้วยว่าจะเอาไปให้ป้าฉิน เพราะฉันจัดการแบ่งส่วนให้พวกเธอมาตั้งนานแล้ว!
หลังจากที่ยัดสมุดบัญชีลงไปในกระเป๋าของเฉินฉีได้เขาก็หยิบเอาขวดเหล้าขึ้นมาและโยนมันให้กับผู้อาวุโสฟ่างต่อเลย
เอาเถอะน่าน้องฉีนั่นก็ไม่ได้ให้นายใช้เสียหน่อย เลิกปฏิเสธแล้วเก็บมันไปซะ!
หลังจากที่รับขวดเบียร์มาจากหลินเฉิงผู้อาวุโสฟ่างก็เรอออกมาก่อนที่จะช่วยหลินเฉิงโน้มน้าวเฉินฉีด้วยอีกคน
เฉินฉีได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มและพยักหน้าออกมาไม่ได้พอคิดว่าเงินที่หลินเฉิงให้นั้นเอาไว้ใช้เพื่อเหล่าเด็กๆพวกนั้นเขาก็ไม่ต่อต้านอะไรทั้งสิ้น เขายังคงพยักหน้ารัวๆและเก็บมันไป
เมื่อหลินเฉิงคิดได้ว่าเขาต้องกลับไปเพื่อเจอกับหยูซานและหลี่เหมิงเตี๋ยเขาก็ยกข้อมือขึ้นมาดูแล้วก็พบว่ามันเกือบจะ 2 ทุ่มแล้ว!
บ้าเอ้ยพวกนายดื่มต่อไปนะ!
ครั้นตระหนักได้ว่าพวกเขาดื่มเบียร์กันมา4-5 ชั่วโมงแล้วโดยไม่รู้ตัว หลินเฉิงก็มองไปยังขวดเบียร์ที่มีมากมายจนนับไม่ถ้วนที่ถูกวางเทระเนระนาดอยู่บนพื้น ไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขานั้นได้ดื่มเบียร์ทั้งหมดในร้านนี้ไปแล้ว!
เชื่อเลยพวกนายเนี่ย…
เห็นดังนั้นหลินเฉิงก็ส่ายหน้าแบบพูดไม่ออกเขานั้นขี้เกียจที่จะเป็นห่วงทั้งสองที่ยังดื่มกันอยู่แล้ว หลังจากที่เรียกเด็กเสิร์ฟมาคิดเงินเขาก็เดินออกไปช้าๆด้วยตัวคนเดียวทั้งๆที่ยังเซไปเซมาอยู่เลย เขาไม่ลืมที่จะพาคนเมาทั้งสองไปส่งบ้านอย่างปลอดภัยจนตอนนี้เขากลับมาอยู่คนเดียวเหมือนตอนออกจากร้านอีกครั้ง หลินเฉิงหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพ่นลมหายใจเย็นๆออกมาท่ามกลางลมกลางคืนที่พัดหวน เขาเดินกลับไปยังจักรยานที่จอดไว้หน้าสำนักงานทะเบียนจากนั้นก็ปั่นมันกลับไปยังบ้านของเขาอย่างเร่งรีบเลย
ความกังวลเกี่ยวกับหลี่เหมิงเตี๋ยที่ยังไม่แน่นอนเรื่องหยูซานหลินเฉิงก็รีบปั่นให้เร็วขึ้นและถึงหมู่บ้านด้วยเวลาไม่ถึง 10 นาที
หยูซาน?หลี่เหมิงเตี๋ย?
หลังจากที่เข้ามาในบ้านหลินเฉิงที่ไม่เห็นว่าใครอยู่ในห้องนั่งเล่นก็ตะโกนขึ้นไปด้านบนระหว่างเปลี่ยนรองเท้า
นี่พี่ทำไมกลับมาซะมืด?
เพียงแค่ตะโกนหลินเฉิงยังไม่ทันได้เปลี่ยนรองเท้าเขาก็เห็นหลี่เหมิงเตี๋ยโผล่ออกมาจากห้องชั้นบนและวิ่งตรงเข้ามาหาเขาพร้อมกับบ่นระหว่างวิ่งด้วย เสียเวลากับบางอย่างมากไปหน่อยเป็นยังไงบ้าง?
เมื่อเห็นหลี่เหมิงเตี๋ยยังอยู่ที่นี่หัวใจของหลินเฉิงก็ตกลงไปถึงตาตุ่ม เขาคิดว่าเธอคนนี้คงยังไม่ได้รับความเชื่อใจจากเด็กสาวแน่ๆ
อ่า…
หลี่เหมิงเตี๋ยผู้ที่กำลังจะพูดแต่เมื่อเธอเดินเข้าไปข้างๆหลินเฉิงและได้กลิ่นเหล้ารุนแรงเธอก็รีบปิดจมูกและใช้มือปัดกลิ่นนั้นทันที เธอบ่นเรื่องนี้กับเขา นี่พี่บอกฉันว่าจะไปจากที่นี่และให้ฉันไปเกลี้ยกล่อมหยูซานให้เพียงเพราะพี่จะไปดื่มงั้นเหรอ? ฉลาดซะจริง แบบนี้น่ะหลอกใครไม่ได้หรอก!