บทที่ 548 ใจจดใจจ่อ!
SC:บทที่548 ใจจดใจจ่อ!
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเขาพยักหน้า หลิงหยงเจี่ยนไม่กล้าที่จะชักช้า เขาหันหน้ากลับและวิ่งไปยังเซฟเฮ้าส์ทันที
พี่หลิน!พี่กลับมาแล้ว! ชายคนนั้นไม่ได้กดดันอะไรพี่ใช่มั้ย?
ฉันไม่คิดงั้นนะดูสิ พี่หลินไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลย…
อ้าวแล้วงี้ตานั่นจะเรียกพี่หลินไปทำไมอ่ะ?
ไม่รู้ไปถามสิ
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้องเหล่าผู้รอดชีวิตก็มองไปยังหลินหยงเจี่ยนที่กลับมาพร้อมกับเข้าไปห้อมล้อมเขาด้วย เมื่อพวกเขาพบว่าหลินหยงเจี่ยนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ พวกเขาจึงเริ่มถามถึงสถานการณ์เมื่อครู่
เขากดมือตัวเองลงเป็นสัญญาณให้คนอื่นๆใจเย็นหลินหยงเจี่ยนและคนอื่นหยุดไปครู่หนึ่ก่อนเขาจะเริ่มพูด ไม่ต้องกังวล เขาไม่ได้จะมาทำให้เราอึดอัดใจหรอก แต่เขาแค่ต้องการข้อมูลบางอย่างที่ฉันรู้ซึ่งมันเป็นประโยชน์กับเขา เพราะงั้นเขาเลยเรียกฉันออกไปคุยรายละเอียดน่ะ…
ดี…ดีมากๆเลย…
ได้ยินหลินหยงเจี่ยนอธิบายทุกๆคนก็โล่งใจ วิธีที่หลินเฉิงใช้บุกเข้ามาในห้องนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันไปตามๆกัน พวกเขากังวลเกี่ยวกับชายที่ไม่แยแสอะไรคนนี้ กังวลว่าเขาจะฆ่าทุกคนหากไม่เห็นด้วยกับเขา ตอนนี้พวกเขาเองต่างก็ไม่อยากจะชักศึกเข้าบ้านเพราะงั้นก็เลยต่างพากันรู้สึกอยากจะหาทางหนีทีไล่ไว้ตลอด
พี่หลินบอกทุกคนไปหรือยัง? เกี่ยวกับเรื่องที่นายรู้น่ะ
เมื่อทุกคนต่างเรียกร้องให้ออกจากวิกฤตินี้ชายผู้ที่อายุราวๆ 30 ก็เอ่ยถามหลินหยงเจี่ยนขึ้นมาทันทีอื่นๆใจเย็นหลินหยงเจี่ยนและคนอื่นหยุดไปครู่หนึ่ก่อนเขาจะเริ่มพูด ไม่ต้องกังวล เขาไม่ได้จะมาทำให้เราอึดอัดใจหรอก แต่เขาแค่ต้องการข้อมูลบางอย่างที่ฉันรู้ซึ่งมันเป็นประโยชน์กับเขา เพราะงั้นเขาเลยเรียกฉันออกไปคุยรายละเอียดน่ะ…
ดี…ดีมากๆเลย…
ได้ยินหลินหยงเจี่ยนอธิบายทุกๆคนก็โล่งใจ วิธีที่หลินเฉิงใช้บุกเข้ามาในห้องนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันไปตามๆกัน พวกเขากังวลเกี่ยวกับชายที่ไม่แยแสอะไรคนนี้ กังวลว่าเขาจะฆ่าทุกคนหากไม่เห็นด้วยกับเขา ตอนนี้พวกเขาเองต่างก็ไม่อยากจะชักศึกเข้าบ้านเพราะงั้นก็เลยต่างพากันรู้สึกอยากจะหาทางหนีทีไล่ไว้ตลอด
พี่หลินบอกทุกคนไปหรือยัง? เกี่ยวกับเรื่องที่นายรู้น่ะ
เมื่อทุกคนต่างเรียกร้องให้ออกจากวิกฤตินี้ชายผู้ที่อายุราวๆ 30 ก็เอ่ยถามหลินหยงเจี่ยนขึ้นมาทันที ท่ามกลางเหล่าผู้รอดชีวิตภายในกลุ่มของหลินหยงเจี่ยนคนที่เด็กที่สุดนั้นน่าจะราวๆ 10 ขวบเอง ขณะที่คนที่แก่สุดก็น่าจะราวๆ 50 ปี อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผู้รอดชีวิตหนุ่มหรือแก่ แต่พวกเขาก็เรียกหลินหยงเจี่ยนว่า พี่หลิน กันหมด
มันไม่ใช่ว่าเขาแข็งแกร่งหรือดีกว่าคนอื่นๆเหตุผลนั้นง่ายมากๆ เพราะไม่ใช่ผู้รอดชีวิตทุกคนในห้องนี้ที่ตามหลินหยงเจี่ยนมาตั้งแต่ต้น โดยไม่มีข้อกังขาอะไร ผู้รอดชีวิตทั้งหมดนั้นชินกับการที่จะอยู่กับความตายนั่นก็เพราะว่าเหตุผลส่วนตัวแล้วแต่คน ถึงแม้ว่ากลุ่มของหลินหยงเจี่ยนนั้นจะไม่ได้แข็งแกร่งในด้านต่อสู้นัก หากแต่เพราะการมีอยู่ของหลินหยงเจี่ยน มันทำให้เหล่าผู้รอดชีวิตเหล่านี้ยังคงอยู่ได้ในพื้นที่นี้!
ในวันโลกาวินาศไม่ว่าใครกำลังทำอะไรอยู่ ทุกคนต่างก็เป็นเพียง ผู้รอดชีวิต นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รอดชีวิตที่อยู่ล่างสุด ถึงแม้ว่าหลินหยงเจี่ยนจะไม่ใช่คนที่มีอายุเยอะและทรงพลังอะไรมากนัก แต่สมองเขานั้นก็ดีมากๆ เขาชัดเจน ดีไม่ดีเขายังทำอะไรหลายๆอย่างได้ดีกว่าคนที่ต้องทำหน้าที่พวกนี้จริงๆด้วยซ้ำไป และที่สำคัญ เขารู้วิธีการหลบหลีกอันตราย นี่เป็นอะไรที่สำหรับผู้รอดชีวิตที่ตื่นขึ้นมาพร้อมพลังพิเศษ มันสำคัญมากๆ นั่นก็เพราะครั้งหนึ่งที่ใครซักคนเกิดได้รับความแข็งแกร่งนี้มา พวกเขาจะยิ่งสร้างความเป็นไปได้ที่เกินจินตนาการได้มากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นจะทำให้พวกเขา เหล่าผู้รอดชีวิต สามารถก้าวเดินต่อไปด้วยกันได้ท่ามกลางเหล่าสัตว์ร้ายที่น่ากลัวเหล่านี้
เพราะงั้น
ตอนนี้เวลาล่วงเลยมานานแล้วพวกเรานั้นได้ติดตามกลุ่มของหลินหยงเจี่ยนมาเป็นเวลานาน พวกเราต่างชื่นชมพ่อหนุ่มหน้าเด็กที่คอยพาพวกเราออกจากวิกฤตต่างๆได้แบบครั้งแล้วครั้งเล่า ในกรณีนี้ เหล่าคนที่เด็กกว่าที่เลือกจะติดตามเขานั้นจะเรียกหลินหยงเจี่ยนว่า พี่หลิน กันก่อน และคนอื่นๆผู้ที่ได้รับอิทธิพลจากพวกเขาในภายหลังจึงเรียกตาม
ได้ยินคำถามของชายคนดังกล่าวหลินหยงเจี่ยนก็ขมวดคิ้วและมองไปยังใบหน้าของอีกคน นายหมายความว่ายังไง?
เมื่อเห็นว่าหลินหยงเจี่ยนมองมาที่เขาเขาก็กลืนน้ำลายและมองไปยังผู้รอดชีวิตทุกคนที่ซึ่งมองอยู่เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไรก่อนจะเริ่มอธิบาย ฉันหมายถึง ในเมื่อพ่อหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งแถมคนเขายังสนใจเรื่องที่อยู่ในหัวนายด้วย เพราะงั้นพวกเรา…
หุบปาก!
ไม่มีการรีรอหลินหยงเจี่ยนแสดงสีหน้าโกรธออกมาและตะครุบอีกฝ่ายเอาไว้ทันที!
ท่าทีโกรธเกรี้ยวของเขานั้นทำเอาผู้รอดชีวิตคนอื่นๆตกใจกันมากๆบางคนที่หัวค่อนข้างไว้นั้นเริ่มจะคิดแล้วว่า บางทีเขาอาจจะเจอวิธีการหารายได้แล้ว
พวกนายไม่เข้าใจหรอกว่าคนๆนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนไม่ว่าการต่อรองจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ปล่อยไปเถอะ กับคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แข็งแกร่งขนาดที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ทั้งนั้น!
หลินหยงเจี่ยนถอนหายใจยาวๆจากนั้นก็มองไปยังทุกคนที่กำลังมองเขาอยู่ด้วยความหวาดกลัวจากท่าทีเมื่อครู่เขาอธิบายให้ทุกคนฟังพร้อมกับท่าทีที่ดูหวาดกลัวเช่นกัน พวกเราก็น่าจะเห็นท่าทีของเขาแล้วจากในห้องนี้ ชีวิตของพวกเรานั้นขึ้นอยู่กับคนหนึ่งคนแล้วก็หมาหนึ่งตัวเท่านั้น อย่าลืมว่าภายในไม่กี่นาที ทั่วทั้งชั้นนี่ก็ยับเยินไปหมด ยิ่งไปกว่านั้น หมอนั่นยังสามารถทำลายประตูที่เฟยอุตส่าห์พยายามอย่างหนักเพื่อสร้างมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเลยด้วย ความสามารถระดับนั้นนะ เราเดาอะไรเขาไม่ถูกหรอก ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วยังจะอยากต่อรองอะไรกับเขาอยู่อีกมั้ย?
ใช่แล้วด้วยความสัตย์จริงเลยนะ! หากเราเปลี่ยนความสามารถของพวกเราในวันนี้ พวกเราคงไม่ได้อยู่จนถึงตอนนี้แน่ๆ! ถึงแม้ว่าพ่อหนุ่มนั่นจะดูเข้าถึงยาก แต่เขาไม่ได้มาช่วยเรา เขาแค่ต้องการแค่จะถามพี่หลินเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่างเท่านั้น หากนายไม่อยากตาย เฉิน ฉันขอแนะนำว่าอย่าคิดแบบนั้นอีก!
ฉันก็คิดเหมือนกันพวกเรานั้นอยู่บนโลกที่ปั่นป่วนนี้มาอย่างยาวนาน เราต้องไม่ลืมเรื่องนี้ไปเพียงเพราะความโลภ! ตอนนี้ฉันหวังแค่ว่าคนๆนั้นจะแค่ต้องการข้อมูลของเขาไปให้ครบๆแล้วไปจากพวกเราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ส่วนคนอื่นๆ ฉันไม่มีความคิดอะไร!
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยงเจี่ยนเหล่าผู้รอดชีวิตที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับเขาต่างก็พูดความคิดในหัวตัวเองออกมา โดยไม่มีข้อยกเว้น เหล่าผู้รอดชีวิตที่ชาญฉลาดพวกนี้ไม่อยากจะติดต่อกับหลินเฉิงไปมากกว่านี้ เขาไม่สนใจการต่อรองกับผู้อื่นที่เรียกว่าการใช้สติปัญญา
โอเค…
เขาปรบมือและเรียกให้ทุกคนหยุดพูดเมื่อหลินหยงเจี่ยนเห็นว่าคนที่ซึ่งฉลาดที่สุดได้กลับไปนั่งยังมุมห้องตามเดิมและไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเขาแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพูด ฉันกลับมาเพื่อจะบอกทุกคนว่า คนๆนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพวกเรา เพราะงั้นไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น! แต่ฉันจะออกไปอีกครั้งหนึ่ง นั่นเพราะว่าอีกฝ่ายต้องการข้อมูลที่อยู่ในหัวฉันเพิ่มเติม และต้องการที่จะคุยเรื่องรายละเอียดระหว่างกินอาหาร เพราะงั้นทุกคนไม่ต้องรอฉัน ทำในสิ่งที่ต้องทำไปได้เลย เดี๋ยวฉันจะกลับมาหลังทุกอย่างอยู่ในการควบคุม เข้าใจใช่มั้ย?
เข้าใจแล้วพี่หลินพี่คงจะยุ่งมาก ไม่ต้องห่วงพวกเรานะ!
ได้ฟังคำพูดจากปากหลิยหยงเจี่ยนพวกเขาก็พยักหน้า ในเมื่อพวกเขามั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อจะทำร้าย เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่ได้กังวลสถานการณ์ทางหลินหยงเจี่ยนอีกต่อไป แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังอยากให้หลินเฉิง หรือ เทพเจ้าแห่งภัยพิบัติในสายตาของพวกเขา รีบๆออกไปเสียที ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังเตือนให้หลินหยงเจี่ยนระวังเนื้อระวังตัวไว้ด้วย
เมื่อเห็นว่าพวกเข้าไม่มีอะไรผิดปกติหลินหยงเจี่ยนก็โล่งอก เขาพยักหน้าให้พวกเขาและบอกให้ด่านหน้าอย่าง อาเฟย มาซ่อมแซมประตู ส่วนตัวเขาเองก็หันหน้ากลับและเดินออกไป