บทที่ 551 เข้าไปยังสถาบันวิจัย!
SC:บทที่551 เข้าไปยังสถาบันวิจัย!
ได้ยินหลินหยงเจี่ยนสัญญาหลินเฉิงก็หัวเราะเบาๆแล้วพูด นายไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่จำเป็นตอนนี้ ก็คือพาฉันไปยังที่นั่น ส่วนเรื่องอื่นๆมันไม่เกี่ยวกับนายแล้ว ถ้านายกลัวที่จะเจออันตรายใดๆ ก็ไม่ต้องตามเข้าไปก็พอ
ฮ่าๆ….
หลินหยงเจี่ยนยิ้มอย่างกระอั่กกระอ่วมและเลิกพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเขาหยิบเอาตะเกียบขึ้นมาและคีบเอาสิ่งที่เหลือในหม้อนั้นมากินจนหมด
ครู่ใหญ่ๆต่อมาหลินหยงเจี่ยนก็กินผักทั้งหมดในหม้อเรียบร้อยแล้ว เขานั่งลงไปบนเก้าอี้ด้วยพุงที่กลมขึ้นมาพร้อมกับดูดบุหรี่อย่างมีความสุข หลินเฉิงก็รีบทำความสะอาดบนโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนจะเอาทุกอย่างไปล้างและเก็บมันกลับเข้าไปยังคลังแคปซูล นายอิ่มแล้วใช่มั้ย?
หลังจากที่จัดการเครื่องครัวทุกอย่างแล้วหลินเฉิงก็เดินออกมาจากห้องครัว เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาก่อนจะถามหลินหยงเจี่ยน
ร่างใหญ่ของหลินหยงเจี่ยนนั้นเหมือนศพบนเก้าอี้ไม่มีผิดเขารีบลุกขึ้นมาแล้วพูดขึ้น อิ่มแล้วๆ ถึงเวลาแล้วเหรอ?
อ่าห้ะนี่มันจะบ่าย 2 แล้ว ฉันไม่รู้ว่าสถาบันที่นายพูดนั่นมันอยู่ที่ไหน ถ้าเราเสียเวลาไปมากกว่านี้ ข้างนอกจะมืดซะก่อน
หลินเฉิงพยักหน้าและอธิบาย แล้วก็ ฉันเองก็ไม่คิดว่านายอยากจะทำอะไรข้างนอกนี่ต้องกลางคืนซักเท่าไหร่ หรือนายจะทำ?
หึไม่!
ได้ยินดังนั้นหลินหยงเจี่ยนก็อดที่จะสั่นกลัวไม่ได้เลย แค่กลางวันก็น่ากลัวพอแล้ว ไม่ใช่ว่ากลางคืนจะมีผีอีกนับร้อยตัวเลยหรือไง?
ผีนับร้อยตัวตอนกลางคืนเหรอ?ช่วยมองกลับไปเมื่อกลางวันด้วยนะ!
หลินเฉิงได้ฟังเช่นนั้นก็แสยะยิ้มออกมาเเลย ฉันน่ะเคลื่อนไหวได้แค่ช่วงกลางคืนมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่วันสิ้นโลกมาถึง และความเสียหายที่ฉันต้องจ่ายไปในครั้งหนึ่งมันเกือบทำให้ฉันต้องเสียขาขวาไปตลอดชีวิตเลย!
เฮือก!?
หลินหยงเจี่ยนหายใจด้วยความหนาวสั่นหลังจากยินแบบนั้นเลยเขาไม่รู้ว่าหลินเฉิงนั้นแข็งแกร่งกว่าเขาขนาดไหน แต่ตอนนี้มันก็เห็นชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่าแล้ว ขนาดคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ยังเกือบจะสูญเสียขาขวาไปในยามค่ำคืนของวันสิ้นโลก เขาพอจะจินตนาการถึงความอนาถที่เขาจะได้เจอในยามค่ำคืนเลย เขาต้องตายแน่ๆหากตะวันลับฟ้าแล้วเขายังอยู่ด้านนอก!
เมื่อเห็นใบหน้าของหลินหยงเจี่ยนดูน่าเกลียดไปหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอีก ที่เขาเกือบจะเสียขาขวาไปนั่นก็เพราะว่าตอนนั้นเขายังเป็นแค่ไก่อ่อน แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกหลินหยงเจี่ยนให้ชัดๆ เขาแค่อยากจะให้อีกฝ่ายรีบๆพูดและเลิกเสียเวลาเสียที
เอาล่ะฉันจะลงไปข้างล่างเพื่อสตาร์ทรถไว้ก่อน ถ้ายังไง หากนายออกมาแล้วก็อย่าลืมปิดประตูด้วยล่ะ
หลินเฉิงพูดเรื่อยเปื่อยพร้อมทั้งโบกมือจากนั้นเขาก็แบกกระเป๋าพร้อมทั้งเปิดประตูและเดินออกไปก่อนเลย
เขารีบลงมาจากชั้น10 และเปลี่ยนแคปซูลให้กลายเป็นรถ SUV ก่อนที่หลินหยงเจี่ยนจะลงมาจากบันได และเมื่ออีกฝ่ายลงมาพร้อมกับนั่งในรถแล้ว เขาก็เหยียบคันเร่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ SUV คันใหญ่ออกตัวเข้าชนพวกซอมบี้ที่ขวางทางไว้และวิ่งมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว!
เลี้ยวขวาข้างหน้าจากนั้นก็ตรงไปอีก 5 แยก จากนั้นเลี้ยวซ้าย…
ขณะที่นั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับหลินหยงเจี่ยนก็ถือแผนที่พร้อมกับบอกทางไปด้วย เขาพยายามนึกถึงที่ตั้งของสถาบันวิจัยนั้นให้แม่นที่สุด พร้อมทั้งคิดคำนวนกับจุดที่หลินเฉิงอยู่
หลินเฉิงที่ฟังอีกฝ่ายนำทางนั้นขับเร็วขึ้นเรื่อยๆมันทำให้ใบมีดรอบๆรถนั้นตัดร่างเหล่าซอมบี้จนขาดไปกองกับพื้นในตลอดทางที่ผ่านมา และเมื่อหลินหยงเจี่ยนบอกถึงจุดจอดรถซึ่งมันอยู่ตรงหน้าตึกสีขาว เขาก็เหยียบเบรคทันที มันใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น
ที่นี่เหรอ?
หลังจากจัดการพวกซอมบี้ที่อยู่รอบๆไปอย่างรวดเร็วแล้วหลินเฉิงก็เขย่าให้เลือดที่ติดดาบนั้นหลุดไปก่อนจะมองไปยังตึกอาคารตรงหน้าเขาและถามหลินหยงเจี่ยน
เขารีบพยักหน้าหลังได้ยินหลินเฉิงถาม ใช่ ฉันเคยผ่านที่นี่ครั้งหนึ่งก่อนที่จะถึงวันโลกาวินาศ เพราะตึกรอบๆนั้นเป็นสีดำหมดเลย มีเพียงตึกนี้เท่านั้นที่เป็นสีขาว ฉันจำมันได้ขึ้นใจเลย!
ใช่ที่นี่แน่ๆ! เมื่อหลินหยงเจี่ยนยืนยันเช่นนั้นหลินเฉิงก็ไม่ได้สงสัยอะไรกับลูกจ้างคนนี้ของเขา ในกรณีที่เขาต้องคอยป้องกันอันตรายต่างๆที่อาจจะเกิดหลังจากเข้าไปภายในตึกนี้แล้ว เขายึดแม้แต่รถ SUV เอาไว้ ซึ่งมันสามารถเป็นประโยชน์ได้อย่างมากเมื่อพวกเขาต้องใช้มันเพื่อจะออกไป จากนั้นเขากับหลินหยงเจี่ยนและโคล่าเข้าไปในตึกนั้น
เมื่อเขามาถึงประตูหลินเฉิงก็เดินไปจนถึงประตูกระจกตรงหน้าเขา แต่พอใช้มือดันมัน ก็พบว่าประตูนั้นถูกล็อคจากด้านใน!
หลังจากที่รู้ว่าประตูถูกล็อคจากด้านในแล้วหลินเฉิงไม่ใช่แค่คิดว่าเจอปัญหาแล้วเท่านั้น แต่เขายังคิดถึงอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาทันทีเลยด้วย!
เขารู้ดีกว่าใครๆที่ได้เข้ามาค้นหาตึกต่างๆมากมายเหล่านี้การที่จู่ๆวันสิ้นโลกก็มาถึงนั้น กว่า 89% ของตึกพวกนี้จะต้องเปิดทิ้งไว้ เพราะพวกผู้คนจะโดนซอมบี้กินก่อนที่จะได้ล็อคประตู เพราะงั้นหลินเฉิงเลยติดนิสัยที่จะเข้าผลักประตูทุกทีที่ได้เจอ
แต่อย่างไรก็ตามการที่เขาเจอประตูที่ยังล็อคอยู่เช่นนี้ มันทำให้เขาสามารถรับรู้ได้ทันทีเลยว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งเขาตื่นเต้นมากๆเมื่อเห็นว่าประตูกระจกตรงหน้าถูกล็อคเช่นนี้
ในความจริงตึกอื่นๆที่มีผู้รอดชีวิตนั้นก็ไม่ได้ดึงดูดหลินเฉิงมากขนาดนี้ เพราะว่า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้รอดชีวิตเหล่านั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เกือบจะทั้งหมดก็เป็นคนทั่วๆไป คนที่ทั้งใจเสาะแล้วก็โลภ!
แต่สำหรับผู้รอดชีวิตภายในตึกตรงหน้านี้แล้วมันเหมือนบางสิ่งบางอย่างยิงเข้ามากลางใจเขาพยายามฝ่าฟันทุกอย่างตั้งแต่แผ่นดินหลักจนไปถึงเกาะหนานซีอได้ และตอนนี้เขาก็บินจากเกาะหนานซือมายังหยางจิง เพื่อที่จะได้เจอกับผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้ พวกเขา คือสิ่งที่มีความหมายกับหลินเฉิงมากๆ!
แทนที่จะทำลายประตูแบบไม่ไยดีหลินเฉิงหยิบดาบยาวของเขาออกมาจากด้านหลังแทงมันเข้าไปตรงล็อคของประตูและฟังเสียง คลิ๊ก และหลังเสียงนั้น กุญแจที่ล็อคประตูไว้ก็ร่วงลงมาอยู่บนพื้นตรงจุดที่แทงดาบเข้าไปนั่นแหละ
เขาเปิดประตูช้าๆและส่งสัญญาณให้หลินหยงเจียนเดินเข้ามาเบาๆจากนั้นทั้งคนและหมาทั้ง 2 ร่างก็เดินก้าวเท้าเบาเข้ามาภายในสถาบันวิจัยอย่างเงียบเชียบ
เพราะสภาพอากาศวันนี้นั้นค่อนข้างจะมัวหมองทันทีที่เข้ามาภายในสถาบันวิจัย หลินเฉิงก็รู้สึกได้ถึงความมืดมิดจนทำให้มองไปข้างหน้าไม่ได้
รอตรงนี้อย่าไปไหน ฉันจะไปสำรวจชั้นแรกนี่ก่อน
หลินเฉิงหรี่ตาลงและรีบปรับสภาพให้เขากับแสงไฟสลัวๆภายในนั้นเขากระซิบกับหลินหยงเจี่ยน ด้วยความร่วมมือของทั้งสอง มันทำให้เขารู้สึกได้ว่ามันมีทางเดินอยู่สองทาง ทางหนึ่งซ้ายและอีกทางอยู่ด้านขวา
ที่สถาบันวิจัยแห่งนี้มี6 ชั้น ครอบคลุมพื้นที่ 6700 ตารางเมตร หลังจากที่ได้ค้นหามาเกือบจะทุกออฟฟิศ หลินเฉิงก็พบว่าที่นี่ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ได้เลยนอกจากเครื่องใช้สำนักงาน
อย่างไรก็ตามเขายังพบสถานที่ที่น่าสนใจอยู่อีก เพราะงั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อะไรไปจากชั้น 1 แต่เขาก็พบว่าไม่มีร่องรอยของพวกที่อยู่ด้านนอกเข้ามาด้านใน และเขาไม่ได้จะหมายถึงพวกซอมบี้หรือนักล่าใดๆ ดังนั้นแล้วเขาจึงเริ่มสนใจในที่แห่งนี้มากๆขึ้นมาทันที!