จอมกระบี่ บรรพชนแมลงและประมุขโลกแสงดาวผู้เร้นลับยืนอยู่กลางท้องฟ้าเหนือเมืองหิมะเหิน ขวางอยู่หน้าราชันย์อนธการอมตะ
ฉากนี้กลับทำให้คนในดินแดนจิตโลกาที่กังวลใจและเป็นห่วง ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ พากันถอนหายใจออกมาได้เฮือกหนึ่ง
“ผู้แกร่งกล้าทั้งสามมาช่วยเหลือ ประมุขโลกจากหุบเขาเขี้ยวหักผู้นั้นยิ่งลึกล้ำเกินหยั่งเข้าไปใหญ่” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาใจร้อนจนแทบลุกไหม้มาตลอด ยามนี้ก็ผ่อนคลายลงได้บ้างเล็กน้อย เมื่อมีพวกเขาช่วยเหลือ เสวี่ยอิงคงจะสามารถผ่านภัยครั้งนี้ไปได้”
“‘ประมุขโลกแสงดาว’ จากหุบเขาเขี้ยวหักผู้นี้เป็นใครกัน เหมือนว่าจะทำให้ราชันย์อนธการอมตะหวั่นเกรงอยู่บ้าง” ภายในเมืองหิมะเหิน แม่เฒ่าอิงซานก็จับตามองอยู่ทุกขณะจิต เพราะถึงอย่างไรก็เกี่ยวพันถึงการคงอยู่หรือดับไปของทั้งตระกูลอิงซาน หากเมืองหิมะเหินถูกทำลาย ตระกูลอิงซานอยู่ต่อหน้าราชันย์อนธการอมตะก็ไร้แรงตอบโต้อย่างสิ้นเชิง
……
“มีพระคุณหรือ จ้าวหิมะเหินมีพระคุณต่อท่านอย่างนั้นหรือ” ราชันย์อนธการอมตะพูดอย่างโกรธเคือง “ประมุขโลกจากหุบเขาเขี้ยวหักผู้องอาจอย่างท่านคนหนึ่ง พลังของท่านคงเหนือกว่าเขาอีกกระมัง เขามีพระคุณต่อท่านหรือ”
“เขาช่วยบุตรสาวของข้าเอาไว้” บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวพูดยิ้มๆ “ราชันย์อนธการ เดิมทีจ้าวหิมะเหินก็มีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว ท่านจะสังหารเขา จำเป็นด้วยหรือ ถอยไปเสียจะดีกว่า!”
“ดีมาก”
ราชันย์อนธการอมตะกวาดสายตาไป กวาดผ่านจอมกระบี่ บรรพชนแมลง และจับจ้องไปที่บุรุษสวมอาภรณ์แสงดาวผู้นั้นในที่สุด “เจ้าก็แค่ประมุขโลกของโลกใบหนึ่งจากโลกมากมายในหุบเขาเขี้ยวหักเท่านั้นเอง บัดนี้เจ้าก็ออกจากโลกของตนแล้ว ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะมีพลังสักเท่าใดกันเชียว! ส่วนจอมเคารพกระบี่ปีศาจและบรรพชนแมลง…พวกเจ้ารีบไสหัวไปเสีย วันนี้ผู้ใดขัดขวางข้าก็ไร้ประโยชน์!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
มือทั้งคู่ของราชันย์อนธการอมตะก็บดบังท้องฟ้าเอาไว้ในทันใด ภายในฝ่ามือแต่ละข้างต่างก็มีโลกเปลวเพลิงสีดำอยู่ เมื่อเห็นแล้วก็ชวนใจสั่นและเกิดความสิ้นหวังขึ้นมา!
มือใหญ่มหึมาทั้งสองข้างตะปบเข้ามา
ฝ่ามือกวาดไปทางบรรพชนแมลงและจอมกระบี่
ฝ่ามือข้างหนึ่งกวาดไปทางบุรุษสวมอาภรณ์แสงดาว
ฝ่ามือใหญ่โตเกินไปแล้ว ถึงขั้นโอบอุ้มฟ้าดินเอาไว้ได้ จะหลบอย่างไรก็ไม่พ้น!
“แตก!”
จอมกระบี่กลับชักกระบี่ออกมา ประกายกระบี่ฟันฟาดไป ฟ้าดินปริแตก อานุภาพไร้ที่สิ้นสุด
“เฮอะๆๆ” บรรพชนแมลงกลับแค่นเสียงต่ำ อาภรณ์สีดำที่คลุมร่างเอาไว้แปรเป็นพลองสีดำเล่มหนึ่งในทันใด นี่เป็นอาวุธที่เหมาะสมกับเขาที่สุด บรรพชนแมลงถือพลองสั้นสีดำเอาไว้ในมือ แล้วทิ่มตรงขึ้นไปด้านบนทันใด! แขนขยายใหญ่ขึ้น พลองสีดำในมือก็ขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน ราวกับเสาค้ำฟ้าที่แทงตรงไปยังโลกเปลวเพลิงสีดำกลางฝ่ามือมหึมานั้นทันที
“ฟิ้ว…” ภายใต้การออกแรงเต็มฝ่ามือของราชันย์อนธการอมตะ ประกายกระบี่ของจอมกระบี่แหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปอย่างง่ายดาย บรรพชนแมลงถือพลองสีดำเอาไว้ในมือ มันแตกออกกลายเป็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนอีกครั้ง
ตัวจอมกระบี่เองถอยไปพลาง สำแดงศาสตร์กระบี่สุดกำลังเพื่อถ่ายแรงไปพลาง
บรรพชนแมลงขยับปีกคราหนึ่ง แล้วถอยผ่านอุปสรรคของมิติชั้นแล้วชั้นเล่าด้วยความเร็วสูง
“อ๊าก!”
แม้ราชันย์อนธการอมตะจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ทันใดนั้นกลับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา!
เนื่องจากประมุขโลกแสงดาวถือหอกยาวเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ แล้วแทงตรงเข้าไปกลางฝ่ามือมหึมาอีกข้างหนึ่งของราชันย์อนธการอมตะ ถึงขั้นแทงทะลุโลกเปลวเพลิงสีดำ ทำให้โลกนั้นถล่มทลายลง ฝ่ามือของราชันย์อนธการอมตะก็เผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมา มันถูกแทงทะลุจนกลายเป็นรู
“ประมุขโลกแสงดาวตัวดี! หากอยู่ในโลกของเจ้า ข้าก็จะยอมให้เจ้าบ้าง แต่อยู่ในดินแดนจิตโลกาน่ะหรือ ไสหัวไปให้ข้าเสีย!!!” ราชันย์อนธการอมตะคลุ้มคลั่งไปแล้ว ในหัวใจอันพิเศษประหนึ่งโลหะภายในร่างของเขา โลหิตสีทองหยดหนึ่งแผดเผาขึ้นมา พละกำลังสีทองอันแปลกประหลาดโหมซัดเข้าไปภายในมือซ้ายของเขาทันใด
มือซ้ายกลายเป็นสีทอง ดูสูงส่งหาใดเปรียบ ราชันย์อนธการอมตะขยับมือซ้ายทันที แล้วกวาดอย่างดุเดือดไปทางประมุขโลกแสงดาวอีกครั้ง
“นี่มันอะไรน่ะ” ประมุขโลกแสงดาวสีหน้าเปลี่ยนแปรไป เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากฝ่ามือสีทองมหึมานั้น! หากอยู่ในโลกของตน เขาก็จะไม่เกรงกลัวเลย แต่ตอนนี้อยู่ในดินแดนจิตโลกา พลังของเขาก็อ่อนแอลงขุมหนึ่งแล้ว
“ฟิ้ว”
หอกยาวในมือหมุนคว้างน้อยๆ แล้วเข้าไปสกัดกั้นเอาไว้
“ปัง!!!”
ฝ่ามือสีทองขนาดมหึมาตะปบลงไป เวลาหยุดนิ่ง มิติแหลกสลายกลายเป็นผุยผง ไม่มีที่ให้หลบได้เลย ประมุขโลกแสงดาวถูกตะปบเสียจนหอกยาวในมือสั่นสะท้าน มือทั้งสองถูกกระแทกเสียจนเต็มไปด้วยโลหิต ก่อนจะกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งกระเด็นลอยออกไปอย่างมิอาจควบคุมได้
ส่วนบรรพชนแมลงและจอมกระบี่ แม้ ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ จะมิได้งัดไพ่ใบสำคัญออกมาใช้ พวกเขาทั้งสองก็ถูกกำราบไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะถึงอย่างไรหากพูดถึงพลังแล้ว จอมกระบี่ก็ยังดีหน่อย เพราะมีพลังราวแปดส่วนของ ‘บรรพชนราตรีนิรันดร์’ ซึ่งนับได้ว่าถึงขั้นไร้ศัตรูแล้ว ส้วน ‘บรรพชนแมลง’ เมื่อเทียบกันก็ด้อยกว่าไม่น้อย เพราะเขาไม่มีเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง หากพูดถึงพลังรบก็แค่สูงกว่าขั้นสุดยอดทั่วไปเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้นเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งร่างแยกไปสักสองสามร่างแล้วร่วมมือกัน ก็ไม่แพ้บรรพชนแมลงแล้ว
ทว่าบรรพชนแมลงมีการรักษาชีวิตที่แข็งแกร่งเป็นอันมาก!
……
“อะไรกัน!” ภายในวังหลวงแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ จักรพรรดิเซี่ยมองดูการต่อสู้ดำเนินไปอยู่ตลอดเวลา ยามนี้สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปในที่สุด “ราชันย์อนธการอมตะผู้นี้ยังมีลูกไม้เช่นนี้ด้วยหรือนี่”
เขาจ้องมองฝ่ามือมหึมาซึ่งเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมาอย่างตาไม่กะพริบ!
หากกล่าวว่าลูกไม้ที่ราชันย์อนธการอมตะปะทุออกมาก่อนหน้านี้ แค่ทัดเทียมกับจักรพรรดิเซี่ยเท่านั้น ยามนี้ อานุภาพของฝ่ามือสีทองนี้ก็เหนือกว่าจักรพรรดิเซี่ยไปแล้ว!
“พลังของเขา แข็งแกร่งกว่าข้าอยู่บ้างจริงๆ” จักรพรรดิเซี่ยลอบพึมพำ “ทว่าต่อให้ถูกอิงซานเสวี่ยอิงทำลายการบูชาไปแล้ว เขาก็มิได้สำแดงพลังระดับนี้ออกมา เมื่อถูกประมุขโลกแสงดาวบีบจนร้อนใจจึงสำแดงออกมา เมื่อสำแดงกระบวนท่าออกมา อาจจะต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างก็เป็นได้”
หากเป็นกระบวนท่าที่ใช้เป็นประจำ
ไยจึงต้องแอบซ่อนมาถึงตอนนี้ด้วยเล่า
“แข็งแกร่งนัก”
“ร้ายกาจ”
“พลังของราชันย์อนธการอมตะเหนือกว่าจักรพรรดิเซี่ยจริงๆ”
“หากพูดถึงพลังแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งดินแดนจิตโลกาก็ยังคงเป็นราชันย์อนธการอมตะอยู่ดี!”
“ราชันย์อนธการอมตะ…เป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา”
สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูคนแล้วคนเล่ามองเห็นฉากนี้ ก็ตัดสินในใจขึ้นมา
“ไสหัวไป”
ราชันย์อนธการอมตะยืนอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายดำมืดที่สำแดงออกมาหอบม้วนฟ้าดินเอาไว้ ฝ่ามือหนึ่งแฝงโลกเปลวเพลิงสีดำเอาไว้ กดดันจอมกระบี่และบรรพชนแมลงเอาไว้ ทำให้จอมกระบี่และบรรพชนแมลงต้องหนีหัวซุกหัวซุนไป ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งกลับแปรเป็นฝ่ามือสีทองใหญ่โตอันโดดเด่นสะดุดตา เพียงฝ่ามือหนึ่งก็ตะปบจนประมุขโลกแสงดาวผู้นั้นต้องล่าถอยไป แล้วอีกฝ่ามือหนึ่งก็ตะปบตามไปติดๆ
กระแทกจนเกิดทางเชื่อมมิติสายหนึ่งขึ้นมา แล้วเขาก็ตะปบประมุขโลกแสงดาวเลียบทางเชื่อมมิติออกไป
“อิงซานเสวี่ยอิง ข้าเคยพูดแล้วว่า ผู้ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้!!!” สายตาของราชันย์อนธการอมตะกลับมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่กลางท้องฟ้าเหนือเมืองหิมะเหิน นัยน์ตาแฝงแววอาฆาตที่น่าหวาดหวั่นเอาไว้
ฝ่ามือสีทองขนาดมหึมาของเขาเก็บกลับมา แต่กลับตะปบลงไปยังเมืองหิมะเหินเบื้องล่าง
“พังไปเสียเถอะ!!!”
อานุภาพของฝ่ามือสีทองสูงเทียมฟ้า ฝ่ามือนี้เป็นการออกแรงเต็มที่ของผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกา! และเป็นการโจมตีอันเต็มไปด้วยความโกรธเคืองหาใดเปรียบอีกด้วย!
ยามนี้ แต่ละฝ่ายต่างก็ร้อนรนขึ้นมา
บรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านั้นที่ได้รับบุญคุณใหญ่หลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงร้อนใจหาใดเปรียบ
พวกคนที่นับถือตงป๋อเสวี่ยอิงก็ร้อนใจ
ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็เผยสีหน้าร้อนรนและสิ้นหวังออกมา “ข้าเคยพูดว่า ให้เขาอดทนสักหน่อย ก็ควรจะอดทนสิ!”
“นี่…นี่คือจุดจบของตระกูลอิงซานของข้าหรือนี่” แม่เฒ่าอิงซานยืนอยู่ภายในเมืองหิมะเหิน เงยหน้ามองดู ฝ่ามือสีทองมหึมากลางท้องฟ้าร่อนลงมา
ในยามนี้…
จอมกระบี่และบรรพชนแมลงที่ถูกกระแทกจนกระเด็นไป พวกเขาพากันร้อนใจหาใดเปรียบ
“อิงซานเสวี่ยอิง” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินอยากจะช่วยเหลือผู้มีพระคุณของตนจริงๆ
“เสวี่ยอิง!” จอมกระบี่ร้อนรนยิ่งกว่า
ทว่าไร้ประโยชน์…
พวกเขาล้วนแต่ไม่มีเรี่ยวแรงพอทั้งสิ้น แม้แต่ประมุขโลกแสงดาวก็ยังถูกกระแทกจนกระเด็นไป แม้เขาจะเร่งเดินทางกลับมาด้วยความร้อนใจ ก็สกัดกั้นฝ่ามือนี้ไว้ไม่ทัน!
ฝ่ามือนี้ เรียกได้ว่าฝ่ามือทำลายล้างโลก!
แม้ดินแดนจิตโลกาจะมีกฎเกณฑ์เข้มงวด แต่ฝ่ามือนี้ก็ยังสามารถทำลายล้างทั้งเมืองหิมะเหินได้สบายๆ
“ชิงเหอ!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไป หอกยาวสีดำทะมึนเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ
มือทั้งสองของเขายกหอกยาวเล่มนี้ขึ้นมาโดยพลัน
“โครมมมม…” ค่ายกลแห่งแล้วแห่งเล่าทั่วทั้งเมืองหิมะเหินหมุนเวียนขึ้นมา อักขระลับจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนเวียนไป ลำแสงสายแล้วสายเล่ารวมตัวกันบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ในยามนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงที่พกศูนย์กลางของจานค่ายกลเอาไว้ก็กลายเป็นศูนย์กลางของค่ายกลทั่วทั้งเมืองหิมะเหิน!
“คละถิ่น ทั้งฟ้าดิน เชือดเฉือน!!!”
นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขากวัดแกว่งหอกยาวในมือ แล้วฟันออกไปเบื้องบนอย่างดุเดือด!!!
ทันใดนั้นฟ้าดินรอบด้านก็มีรอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น พลังคละถิ่นอันดำมืดโหมซัดออกมาจากรอยแยก แล้วรวมตัวกันอยู่บนหอกยาวเล่มนี้จนสิ้น จากนั้นฝ่ามือทั้งสองของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ฟันลงไปอย่างดุเดือด!
แคว่ก….
ฟ้าดินปริแตกออกแล้ว!
ปริแตกออกจริงๆ ทั้งโลกกำเนิดปริแตกออกแล้ว รอยแยกดำทะมึนสายหนึ่งเหมือนจะแบ่งแยกฟ้าดินออกจากกัน และกรีดลงบนฝ่ามือสีทองมหึมานั้นจนเกิดเป็นรอยแยกสีดำสายหนึ่งขึ้นมา! ฟึ่บๆๆ แสงสีทองที่ผิวของฝ่ามือสีทองที่มีอยู่เดิมมอดดับลงทันใด จากนั้นแสงสีทองก็สลายหายไป ฝ่ามือมหึมานั้นแยกออกเป็นสองท่อน อีกทั้งอานุภาพนี้ยังกัดเซาะและทำลายฝ่ามือไปบางส่วน จากนั้นฝ่ามือก็สมานกันอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ราชันย์อนธการอมตะกำลังเบิกตาโพลงมองดูฉากนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ ท่าไม้ตายของตนถูกสกัดกั้นแล้วอย่างนั้นหรือ
…………………………….