Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน – ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 38 ปลีกวิเวก

ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 38 ปลีกวิเวก

ราชันย์เหยี่ยนถูกตงป๋อเสวี่ยอิงปฏิเสธ ก็รู้สึกผิดหวังและโกรธแค้น แต่จักรพรรดิวายุทิพย์กลับเผยสีหน้ายินดี เขารู้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับเขา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะชนะแน่นอนแล้ว! นอกเสียจากว่าราชันย์เหยี่ยนเลือกที่จะสู้กันจนวอดวายไปข้างหนึ่ง

“เหตุใดจึงช่วยเขา ไม่ช่วยข้าเล่า” นัยน์ตาสีเงินของราชันย์เหยี่ยนจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างเยียบเย็น ระงับความโกรธเอาไว้ “เจ้าต้องการสิ่งใด ข้าก็จะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยให้เจ้าได้มันมา”

“ราชันย์เหยี่ยน อย่าได้ดันทุรังอีกเลยดีกว่า” จักรพรรดิวายุทิพย์ที่อยู่ข้างๆ พูดด้วยรอยยิ้มหยัน “ในเมื่อน้องหิมะเหินไม่ช่วยเจ้า เจ้าก็อย่าได้ทำให้เขาลำบากใจอีกเลย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ข้างๆ แววตาสงบนิ่ง

ราชันย์เหยี่ยนได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็เข้าใจว่าโน้มน้าวไปก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว

“ตัดสินใจดีแล้วใช่หรือไม่” ขณะนี้จักรพรรดิวายุทิพย์รู้สึกสุขใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากความตื่นเต้นที่จะได้รับสมบัติล้ำค่ามาในเร็วๆ นี้แล้ว ยังมีความอิ่มเอมใจที่สามารถกดดันจนราชันย์เหยี่ยนยอมก้มหัวให้ได้ด้วย! เพราะเขากับราชันย์เหยี่ยนต่อสู้กันมาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ในที่สุดก็สามารถกดดันจนราชันย์เหยี่ยนยอมก้มหัว กดดันจนราชันย์เหยี่ยนต้องเลือกได้! ทำให้จักรพรรดิวายุทิพย์มีความสุขล้นหัวใจ

“ตัดสินใจหรือ” ราชันย์เหยี่ยนหุบปีกที่ปกคลุมด้วยเกล็ดที่สยายออกเข้าด้วยกันแล้วห่อหุ้มตนเองเอาไว้ นัยน์ตาสีเงินยวงถลึงมองจักรพรรดิวายุทิพย์

“คิดจะลงมือ ได้เลย!” นัยน์ตาของจักรพรรดิวายุทิพย์เผยแววบ้าคลั่งออกมา มือก็วางอยู่บนด้ามมีดตรงหว่างอก “ดูว่าผ่านการต่อสู้ยกนี้ไป ใต้บังคับบัญชาของเจ้า ราชันย์เหยี่ยน จะยังมีผู้อาวุโสสักกี่คนที่สามารถรอดชีวิตไปได้! อย่างน้อยแม่ทัพที่ถูกข้าจับเป็นก็ดับสูญจนหมด คาดว่าหลังจากการต่อสู้คราวนี้อันดับในสิบสามราชันย์ของเจ้าก็ต้องตกต่ำลงมาแล้วกระมัง”

ราชันย์เหยี่ยนเงียบขรึมไปชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าต้องการเท่าไหร่”

จักรพรรดิวายุทิพย์ยิ้ม ยิ้มอย่างสว่างสดใส “ไม่มากหรอก ในเมื่อข้าคุมขังผู้อาวุโสเอาไว้ยี่สิบสองท่าน เช่นนั้นต้องการเพียงแค่ยี่สิบสองหยดก็พอแล้ว!”

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ” ราชันย์เหยี่ยนสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง “ยี่สิบสองหยดอย่างนั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่านานเท่าใด ‘น้ำนมทิพย์ลำแสง’ จึงจะกลั่นตัวออกมาได้สักหยดหนึ่ง”

“ข้ามิได้บ้าเสียหน่อย”

จักรพรรดิวายุทิพย์พูด “ระยะเวลาอันยาวนานจนถึงบัดนี้ แค่ยี่สิบสองหยด เจ้า ราชันย์เหยี่ยน ก็ยังนำเอาออกมามิได้เลยหรือ พอเจ้าให้ข้าแล้วพวกเราก็จะจากไป นอกจากนี้ก็จะส่งตัวผู้อาวุโสที่ถูกคุมขังไว้คืนให้กับเจ้าด้วย”

“มากที่สุดเก้าหยด!” ราชันย์เหยี่ยนขบกรามพูด “ไม่อย่างนั้นก็เปิดศึกเสียเถิด อยู่ที่เกาะลอยคว้าง พวกเราเผ่ามรณะทมิฬต่างก็สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ ถึงเจ้าจะไล่ตามก็ไล่ตามพวกเรามิได้หรอก แล้วเจ้าก็จะไม่ได้น้ำนมทิพย์ลำแสงไปเลยแม้แต่หยดเดียว!”

จักรพรรดิวายุทิพย์สีหน้าเยียบเย็น “เช่นนั้นผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาของเจ้าก็ต้องตายกันไปจนเกือบหมดแล้วล่ะ! สำหรับน้ำนมทิพย์ลำแสง สระทิพย์ของน้ำนมทิพย์นั่น…รวมถึงสถานที่ล้ำค่าอื่นๆ ทั้งหลายบนเกาะลอยคว้างแห่งนี้ ก็อย่าตำหนิว่าข้าไปทำลายล้างมันก็แล้วกัน!”

ราชันย์เหยี่ยนยิ่งทวีความเดือดดาลขึ้นไปอีก

“ข้าถอยให้ก้าวหนึ่งก็ได้ ยี่สิบหยด! น้อยไปหยดเดียวก็ไม่ได้!” จักรพรรดิวายุทิพย์จงใจพูดว่าถอยให้ก้าวหนึ่ง เพื่อให้ดูเหมือนยอมถอย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มิได้น้อยไปกว่ากันสักเท่าใดเลย

ราชันย์เหยี่ยนสีหน้าไม่น่าดู ทั้งยังมองตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างๆ เมื่อใดที่ฉีกหน้าขึ้นมาจริงๆ ก็มิอาจคาดเดาถึงผลที่ตามมาได้แล้วจริงๆ ราชันย์เหยี่ยนมองตงป๋อเสวี่ยอิงพลางเอ่ยเสียงต่ำว่า “จ้าวหิมะเหิน ตราวนี้ข้าต้องเสียน้ำนมทิพย์ลำแสงยี่สิบหยด เจ้าสามารถรับรองได้หรือไม่ว่าจะไม่ช่วยเหลือจักรพรรดิวายุทิพย์มาวางแผนช่วงชิงสมบัติล้ำค่าของข้าที่นี่”

“วางใจเถิด บนเกาะลอยคว้างแห่งนี้ของเจ้าก็มีแต่น้ำนมทิพย์ลำแสงเท่านั้นที่ต้องตาข้า ข้ารับรองว่าจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” จักรพรรดิวายุทิพย์พูด พร้อมกันนั้นก็ถ่ายเสียงพูดกับตงป๋อเสวี่ยอิง

“รับรองได้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

ราชันย์เหยี่ยนพยักหน้าน้อยๆ

จ้าวหิมะเหินและจักรพรรดิวายุทิพย์…ต่างก็มีชื่อเสียงจัดอยู่ในระดับเดียวกัน วาจาที่พูดออกไป ย่อมไม่มีทางตระบัดสัตย์ได้โดยง่าย

“เอาล่ะ” ราชันย์เหยี่ยนเหลือบตามองจักรพรรดิวายุทิพย์ปราดหนึ่ง “วายุทิพย์ เจ้าช่างโชคดีเสียจริง สามารถขอให้จ้าวหิมะเหินช่วยเหลือเจ้าได้ มิฉะนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่มีทางได้น้ำนมทิพย์ลำแสงยี่สิบหยดไปครองตลอดกาล”

ก่อนหน้านี้น้ำนมทิพย์ลำแสงเพียงแค่หยดเดียว ข้อตกลงระหว่างราชันย์เหยี่ยนกับจักรพรรดิวายุทิพย์ ก็กดดันสมบัติล้ำค่ามากมายของจักรพรรดิวายุทิพย์เอาไว้แล้ว!

จักรพรรดิวายุทิพย์ย่อมไม่มีทางยอมรับได้อยู่แล้ว!

อย่าตำหนิว่าก่อนหน้านี้ราชันย์เหยี่ยนเรียกราคาสูง ดูทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหัก ในบรรดาผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุด น้ำนมทิพย์ลำแสงมีผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ที่สุดต่อสายโลหิตวายุทิพย์ของ ‘จักรพรรดิวายุทิพย์’ มีผลต่อพลังดูดซับของบรรดาจักรพรรดิคนอื่นๆ ต่ำกว่ามาก แน่นอนว่ากับระดับจักรพรรดิธรรมดาทั่วไป ก็ยังมีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมาก! อย่างเช่นบรรดาผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาของราชันย์เหยี่ยน ต่างก็ต้องสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ จึงจะได้รับสักหยดหนึ่งได้

“ขวับๆๆ…” ราชันย์เหยี่ยนตวัดกรงเล็บ ทันใดนั้นขวดใบแล้วใบเล่าก็ลอยออกมา มากถึงยี่สิบขวด “ภายในขวดทุกใบล้วนมีน้ำนมทิพย์ลำแสงอยู่หยดหนึ่ง”

ผู้อาวุโสแห่งสถานที่ต้องห้ามห้าท่านที่อยู่ด้านหลังราชันย์เหยี่ยนได้เห็นเหตุการณ์แล้วต่างก็เศร้าและคับแค้น

จนกระทั่งบัดนี้ พวกมันทั้งห้า อย่างมากที่สุดก็เพิ่งจะได้เพียงแค่สองหยดเท่านั้นเอง!

แต่วันนี้หัวหน้าของพวกมัน…‘ราชันย์เหยี่ยน’ หัวหน้าของสิบสามราชันย์ก็ถึงกับถูกกดดันจนต้องยอมก้มหัว ต้องยอมสละน้ำนมทิพย์ลำแสงยี่สิบหยด นี่เป็นการดูหมิ่นดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง!

“ในที่สุดก็ได้มาไว้ในมือเสียที” จักรพรรดิวายุทิพย์โบกมือคราหนึ่ง ขวดยี่สิบใบนี้ก็มาถึงตรงหน้าเขาแล้ว เขาเปิดจุกขวดแต่ละใบแล้วทำการตรวจสอบดูในทันที ยามที่ตรวจสอบ ดวงตาก็เปล่งประกาย เขารอคอยมาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว!

“ฮ่าฮ่า ราชันย์เหยี่ยนช่างมีความสุขเสียจริง ข้าเองก็มิใช่คนใจแคบ” จักรพรรดิวายุทิพย์หัวเราะแล้วก็ปล่อยตัวผู้อาวุโสยี่สิบสองท่านที่คุมตัวเอาไว้ออกมาในทันใด

“ได้รับน้ำนมทิพย์ลำแสงไปแล้ว ก็ควรจากไปได้แล้วกระมัง” ราชันย์เหยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชาดุจน้ำแข็ง

“ไปๆๆ ตอนนี้ราชันย์เหยี่ยนอารมณ์ไม่ดี พวกเราก็อย่าได้รั้งอยู่ที่นี่อีกเลย” จักรพรรดิวายุทิพย์ยิ้มตาหยี “น้องหิมะเหิน พวกเราไปกันเถิด”

พรึ่บ…

กลุ่มคนทั้งเจ็ดแปลงร่างกลายเป็นสายลมหอบหนึ่งในทันใดแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

ราชันย์เหยี่ยนมองดูอย่างเงียบๆ ผู้อาวุโสแห่งสถานที่ต้องห้ามห้าท่าน และผู้อาวุโสยี่สิบสองคนซึ่งถูกปล่อยตัวออกมาหมาดๆ ด้านหลังเขาต่างก็เต็มไปด้วยความเงียบงัน

คราวนี้ช่างเสียหน้าอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ!

ทั่วทั้งเผ่ามรณะทมิฬ สถานะของราชันย์เหยี่ยนก็เป็นรองเพียงแค่สามมหายอดเคารพเท่านั้น! แต่ถึงกับถูกกดดันให้ก้มหัวยอมสละสมบัติล้ำค่า

“บรรพชนเหยี่ยน เดิมทีท่านก็สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาจากไปในทันที ไม่จำเป็นต้องแยแสการคุกคามของพวกเขาก็ได้ แต่กลับเป็นเพราะพวกเรา…”

“หากไม่มีบรรพชนเหยี่ยน เกรงว่าพวกเราก็คงถูกจักรพรรดิวายุทิพย์สังหารเสียแล้ว”

บรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้แต่ละคนต่างพากันพูดแสดงความซาบซึ้ง แล้วก็ประจบสอพลอราชันย์เหยี่ยนไปด้วย

ถึงอย่างไรเหตุผลที่พวกมันสวามิภักดิ์ต่อราชันย์เหยี่ยน จนถึงขนาดที่เรียกหาว่า ‘บรรพชนเหยี่ยน’ก็เพราะ ‘หยาดโลหิต’ ของราชันย์เหยี่ยนมีประโยชน์ต่อพวกเขาส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก ดังนั้นแต่ละคนจึงได้จงรักภักดีเช่นนี้

“ไม่ต้องพูดมากหรอก ความอับอายขายหน้าในครั้งนี้ เกรงว่าเจ้าวายุทิพย์ผู้นั้นจะต้องเผยแพร่ออกไปสู่ภายนอกอย่างรวดเร็วยิ่ง เกรงว่าทั่วทั้งหุบเขาเขี้ยวหักก็จะต้องล่วงรู้กันหมด” ราชันย์เหยี่ยนเอ่ยอย่างเย็นชา “แต่ว่าข้ามิได้พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเขา วายุทิพย์ แต่พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของจ้าวหิมะเหินต่างหากเล่า!”

พูดจบแล้วราชันย์เหยี่ยนก็เคลื่อนที่ในพริบตาหายไป

ผู้อาวุโสแห่งสถานที่ต้องห้ามห้าท่านและผู้อาวุโสยี่สิบสองท่านที่เหลืออยู่ต่างก็มองหน้ากันไปมา ต่างก็รู้กันว่าราชันย์เหยี่ยนอารมณ์ไม่ดี แต่ละคนจึงพากันจากไปอย่างว่าง่าย

พวกมันไม่มีความคิดที่จะ ‘ล้างแค้น’ เลยแม้แต่น้อย! เพราะว่าจ้าวหิมะเหินผู้นั้นช่างน่าหวาดหวั่นเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ! ในบรรดาพวกมัน ผู้ที่พลังยุทธ์อ่อนแอหน่อยก็ตกลงสู่ห้วงนิทราในทันที ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งนั้นพลังยุทธ์ก็ลดลงอย่างมหาศาล ถูกเหยียบย่ำอย่างง่ายดายจนกระทั่งถูกจับเป็นในที่สุด

……

ณ โลกวายุทิพย์

จักรพรรดิวายุทิพย์กลับมาถึงแล้ว ในใจก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ถึงขนาดที่ส่งสมบัติล้ำค่ากองหนึ่งไปให้กับตงป๋อเสวี่ยอิงเพื่อแสดงความซาบซึ้ง และก็เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้ด้วย! เพราะว่ายอดฝีมือทางด้านวิญญาณผู้น่าหวั่นเกรงที่สามารถทำให้พวกเขาพลังยุทธ์ลดลงอย่างมหาศาล นั้นช่างมีผลกระทบต่อสถานการณ์อย่างเด่นชัดเหลือเกิน

“นี่ก็คือเจดีย์เจ็ดระฆัง”

จักรพรรดิวายุทิพย์ ตงป๋อเสวี่ยอิง และแม่ทัพเทพแปดท่านต่างก็มาถึงตรงหน้าเจดีย์แห่งหนึ่ง

เจดีย์เจ็ดระฆังมีชั้นเจดีย์อันธรรมดาสามัญยิ่ง ขอบของเจดีย์มีระฆังแขวนอยู่เจ็ดใบ มองเผินๆ ก็ไม่เห็นความพิเศษแต่อย่างใดเลย

“เพียงแค่น้องหิมะเหินเข้าไป ขณะที่เขย่าระฆังใบหนึ่งในนั้น ระฆังทั้งเจ็ดใบก็จะส่งเสียงอย่างต่อเนื่องกัน เสียงนั้นก็จะชักนำน้องหิมะเหินเข้าไปในสถานะการบำเพ็ญที่พิเศษอย่างที่สุด จักรพรรดิวายุทิพย์พูด “แต่สามารถส่งร่างแยกเข้าไปข้างในได้เพียงแค่ร่างเดียวเท่านั้นนะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณจักรพรรดิมาก” แต่ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับตั้งตาคอยอย่างไร้ที่สิ้นสุด

“ฮ่าฮ่า เป็นข้าต่างหากที่ควรต้องขอบคุณน้องหิมะเหิน” จักรพรรดิวายุทิพย์พูดยิ้มๆ

พรึ่บ

เห็นเพียงว่าตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่ที่นั่นแบ่งร่างแยกร่างหนึ่งออกมาแล้วเดินมุ่งหน้าตรงเข้าไปภายในเจดีย์เจ็ดระฆังทันที ความแข็งแกร่งของวิญญาณของร่างแยกนี้ยังยกระดับขึ้นอีกด้วย! ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ จนถึงสถานะอันสุดยอดที่สมบูรณ์แบบ แต่ในบรรดาร่างแยกจำนวนมากมายที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพกติดตัวกลับมีร่างแยกจำนวนมากพอสมควรที่วิญญาณต่างก็กำลังอ่อนแอลง เพราะว่ากฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างกำลังยับยั้งทุกสิ่งทุกอย่างนี้เอาไว้

ในตอนนี้ที่ดินแดนจิตโลกา ในบรรดาร่างแยกจำนวนมากมายของตงป๋อเสวี่ยอิง ร่างแยกที่รักษาการณ์อยู่ที่เมืองหิมะเหิน ร่างแยกภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต และร่างแยกที่มุ่งหน้าไปยังเจดีย์เจ็ดระฆังอยู่ในขณะนี้ วิญญาณของร่างแยกสามร่างนี้ต่างก็เป็นระดับสุดยอดที่สมบูรณ์แบบที่สุดด้วยกันทั้งสิ้น

ร่างแยกอื่นๆ ที่ต่อสู้อยู่ข้างนอกนั้น วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดก็รักษาเอาไว้ได้เพียงแค่เจ็ดส่วนเท่านั้น! นี่ก็เพียงพอแล้ว เพราะว่าเคยดูดซับโลหิตหัวใจมารดามังกรหมื่นสัมผัสมาก่อนเป็นเหตุ ส่งผลให้วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแกร่งกล้าเหนือธรรมดา ถึงแม้ว่าเพียงแค่เจ็ดส่วน การสำแดงท่าไม้ตายวิถีเขตลวงโลกเทียมก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ ถึงขนาดที่ยังมีพลังเหลือไปสำแดงเคล็ดวิชาอื่นๆ ได้อีกด้วย

……

ภายในเจดีย์

ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเข้าไป แต่แล้วก็ค้นพบความพิเศษของเจดีย์แห่งนี้ โครงสร้างภายในลึกลับแปลกประหลาดเป็นที่สุด ขอบมุมภายในแต่ละที่ล้วนซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง เพิ่งจะนั่งลง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็อดที่จะผ่อนคลายอยู่บ้างมิได้ คล้ายกับว่าการยึดโยงของร่างกายต่อวิญญาณนั้นลดน้อยลงไปเสียแล้ว

“เจดีย์เจ็ดระฆังถูกขนานนามว่าเป็น ‘สมบัติชั้นยอดอันดับหนึ่งของการสงบจิตบำเพ็ญ’ ก็ลองดูสักหน่อยว่าที่แท้แล้วมีความมหัศจรรย์สักเพียงใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงจิตใจวูบไหวแล้วทำการควบคุมอากาศเขย่าระฆังเล็กใบหนึ่งที่แขวนอยู่เบาๆ

“กรุ๊งกริ๊งๆ” เสียงระฆังอันเสนาะหูดังขึ้น

……

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Status: Ongoing
ในแคว้นอันหยางสิงแห่งชนเผ่าเซี่ย
มีดินแดนใต้อาณัติแห่งหนึ่งที่แสนจะเล็กและไม่สะดุดตา นามว่า ‘แดนอินทรีหิมะ’ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากที่แห่งนี้ เมื่ออายุได้แปดปี บุพการีทั้งสองถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา เขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุคคลอันเป็นที่รักกลับมา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างหนักวันแล้ววันเล่า หรือการผจญกับเหล่าสัตว์มารแสนอันตราย ล้วนมิอาจทำลายปณิธานอันแรงกล้านี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท