ราชันย์เหยี่ยนขยับเปลือกตาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาสีเงินคู่หนึ่งมองดูยักษ์มีเกล็ดในตำหนักผู้นั้น “วายุทิพย์มาหรือ”
“ถูกต้องขอรับ เขาพาลูกมือมาด้วยหกคน ข้าปรากฏกายตะเพิดพวกเขาให้ออกไป แต่จักรพรรดิวายุทิพย์ผู้นี้ยังลงมืออีก” ยักษ์มีเกล็ดบ่นอุบ บาดแผลเล็กน้อยที่ถูกแผดเผาย่อมหายดีตั้งนานแล้ว
ราชันย์เหยี่ยนควบคุมเกาะลอยคว้างแห่งนี้ได้ในระดับที่สูงอย่างยิ่งแล้ว อาศัยกลิ่นอายดำมืดที่ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่งในเกาะลอยคว้าง ราชันย์เหยี่ยนสัมผัสดูเล็กน้อย ก็สัมผัสได้ว่ามี ‘ลม’ ระลอกหนึ่งกำลังทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูง ลมระลอกนี้ ดูเหมือนจะนุ่มนวลไร้สุ้มเสียง แต่ภายในกลับแฝงไว้ด้วยความเหิมเกริม
“เฮอะ” ราชันย์เหยี่ยนกวัดแกว่งกรงเล็บเบาๆ
ภาพกลางอากาศบิดเบี้ยวไป เผยให้เห็นภาพ ณ บริเวณหนึ่งของเกาะ
ลมกลุ่มหนึ่งกำลังทะยานไปอย่างรวดเร็ว
ภายในลมกลุ่มนี้ ก็คือจักรพรรดิวายุทิพย์ ตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่ทัพเทพทั้งห้า ยามนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงปลอมแปลงกลิ่นอายจนเท่ากันกับแม่ทัพเทพทั้งห้ารอบกาย
“มาอีกแล้ว! ไม่ยอมตัดใจเลยจริงๆ” หว่างคิ้วของราชันย์เหยี่ยนฉายแววโหดเหี้ยยมออกมา มันหยิ่งผยองอย่างยิ่งแม้พลังของตนจะอยู่ในระดับกลางๆ ของสิบสามราชันย์ แต่อาศัยยอดฝีมือใต้บังคับบัญชากลุ่มใหญ่ มันกลับดูแคลนอีกสิบสองราชันย์ที่เหลืออยู่บ้าง! สถานะของมันในเผ่ามรณะทมิฬออกจะคล้ายกับจักรพรรดิเป่ยเหออยู่บ้าง จักรพรรดิเป่ยเหอก็มีแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาถึงสามสิบหกคนด้วยกัน! ทว่าพลังของจักรพรรดิเป่ยเหอเองนั้นใกล้เคียงกับยอดเคารพที่สุดแล้ว
“ฆ่าก็ฆ่าไม่ตาย ยังจะมาดิ้นทุรนทุรายอีก” ราชันย์เหยี่ยนโมโหเป็นอย่างมาก
“มานี่ให้หมด!”
ราชันย์เหยี่ยนเอ่ยปสากตะคอก
เมื่อเสียงแพร่ออกไป ก็ดังก้องขึ้นข้างหูผู้อาวุโสแต่ละจุดในเกาะลอยคว้าง
สวบๆๆๆๆๆ…
เหล่าผู้อาวุโสคนแล้วคนเล่าได้ยินคำสั่งของพวกบรรพชนเหยี่ยน แต่ละคนก็เร่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในห้วงนิทราก็ยังต้องตื่นแล้วรีบตรงมาทันที
รออยู่พักใหญ่! เพราะถึงอย่างไรผู้อาวุโสที่เพิ่งตื่นเหล่านั้นก็ออกจะเชื่องช้าอยู่บ้าง
“อื้ม” ราชันย์เหยี่ยนเหลือบมองลงไปเบื้องล่าง “มากันครบแล้ว พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าจักรพรรดิวายุทิพย์มายังเกาะลอยคว้างของพวกเราอีกแล้ว!”
ด้านล่างมีผู้อาวุโสถึงห้าสิบห้าคนรวมตัวกันอยู่ ซึ่งนี่ก็คือผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของราชันย์เหยี่ยนแล้ว มีเพียงผู้แกร่งกล้าเผ่ามรณะทมิฬจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่ไปเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก โดยทั่วไปก็ฝึกฝน นอนหลบและกิน! ต่อให้ออกไปเคลื่อนไหว โดยทั่วไปก็เพื่อ ‘กิน’ เพื่อช่วงชิงทรัพยากร! และในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของราชันย์เหยี่ยน หากไม่ได้รับอนุญาตจากราชันย์เหยี่ยน พวกมันก็ไม่มีสิทธิ์ออกนอกเกาะ
ยามนี้ พวกมันก็มองเห็นภาพที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศด้านข้างแล้ว ภายในลมกลุ่มนั้น มีพวกจักรพรรดิวายุทิพย์ทั้งเจ็ดคนอยู่
“จักรพรรดิวายุทิพย์ผู้นี้ช่างไม่รักษาหน้าเลยจริงๆ ครั้งก่อนหนีไปอย่างเสียหน้าถึงเพียงนั้น ครั้งนี้ยังมาอีก”
“ถูกโจมตีไปตั้งกี่ครั้งแล้ว”
“เพียงแต่สายเลือด ‘วายุทิพย์’ ของเขารักษาชีวิตได้ร้ายกาจนัก ตอนนั้นพวกเราเชิญให้ราชันย์อี้ช่วยเหลือ บรรพชนเหยี่ยนและราชันย์อี้ร่วมมือกัน ทั้งยังมีพวกเราผู้อาวุโสทั้งกลุ่มล้อมโจมตี ก็มิอาจสังหารเขาได้”
ผู้อาวุโสเหล่านี้โมโหเป็นอย่างมาก
“หากปล่อยให้วายุทิพย์บุกมาถึงวังของข้าได้ ก็จะยุ่งยากบ้างแล้ว” ราชันย์เหยี่ยนนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น พลางกำชับว่า “ผู้อาวุโสฉี ใช้แผนเดิม เจ้านำผู้อาวุโสยี่สิบคนไปสกัดวายุทิพย์เอาไว้ ออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ” ชายชราผิวสีดำร่างสูงผอมซึ่งมีรอยเหี่ยวย่นเต็มหน้าเอ่ยปาก ผู้อาวุโสฉีผู้นี้กวาดตามองปราดหนึ่ง “พวกเราออกเดินทางกันเถิด”
“ไป”
“ดูสิว่าครั้งนี้เจ้าจักรพรรดิวายุทิพย์นี่จะมาไม้ไหนอีก”
ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสองคนนี้มีทั้งรูปร่างเป็นมนุษย์และรูปร่างเป็นสัตว์ มีทั้งร่างสูงตระหง่านและร่างเตี้ยเล็ก ทว่าแต่ละคนมีกลิ่นอายแข็งแกร่งเกรียงไกรนัก พวกมันเป็นผู้ที่มีกายหยาบแข็งแกร่งอย่างยิ่งในบรรดาผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาของราชันย์เหยี่ยน เนื่องจากกายหยาบแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อเผชิญอันตรายจึงสามารถต้านทานได้ดีกว่า!
เมื่อต้องรับมือจักรพรรดิวายุทิพย์ พวกมันก็มีตัวอย่างอยู่ก่อนแล้ว
ส่งผู้อาวุโสที่มีกายหยาบอันแข็งแกร่งทั้งยี่สิบสองคนคนบุกออกไปก่อน ผู้อาวุโสแต่ละคนล้วนมีพลังระดับแม่ทัพเทพ เมื่อร่วมมือกันมากถึงเพียงนี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับ ‘ยอดเคารพ’ ก็สามารถต้านทานได้ระยะหนึ่งแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเทพวายุทิพย์และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ก็เพียงพอจะพันธนาการได้แล้ว สามารถอาศัยสิ่งนี้ตรวจสอบจักรพรรดิวายุทิพย์ให้รู้ดำรู้แดงกันไปได้! จักรพรรดิวายุทิพย์กล้ามาทดลอง โดยทั่วไปก็ต้องมีหลักประกันบางอย่าง
“เฮอะๆๆ” ราชันย์เหยี่ยนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหินหยกใส พลางมองดูภาพกลางอากาศ นัยน์ตาสีเงินยวงเยียบเย็นนัก
******
ครั้งนี้พวกจักรพรรดิวายุทิพย์และตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งเจ็ดคนทะยานไปด้วยความเร็วสูงอยู่ครู่หนึ่ง ศัตรูก็ปรากฏกายขึ้น
“โครมมมม…”
ผู้อาวุโสยี่สิบสองคนเคลื่อนที่ในพริบตามาปรากฏกายขึ้นพร้อมกัน ฟ้าดินรอบด้านพลันสับสนวุ่นวายขึ้นมา
“จักรพรรดิวายุทิพย์ เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!”
“ครั้งนี้เจ้าจะมาไม้ไหนอีก”
“ครั้งก่อนเตะก้นเจ้าไปเต็มแรง ครั้งนี้ยังอยากถูกถีบอีกรึ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า รับขวานข้าเสีย!”
“ครั้งก่อนกินแม่ทัพเทพลงไปตั้งครึ่งตัว ช่างสุขสราญนัก ตอนนั้นเจ้าทำอะไรช้าไปหน่อย แม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาของเจ้าจึงถูกพวกเรากินเสียแล้ว”
ผู้อาวุโสเผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้พากันลงมือ เนื่องจากแต่ละคนเชี่ยวชาญกระบวนท่าที่แตกต่างกัน เมื่อปะทุออกมาพร้อมกัน จึงทำให้ฟ้าดินรอบด้านสับสนไปหมด ราวกับข้าวต้มที่กำลังเดือดพล่าน กระบวนท่าต่างๆ กลับลอบโจมตีไปยังคนทั้งหกรอบกายจักรพรรดิวายุทิพย์จนหมด! ใช่แล้ว ปากกำลังก่นด่าจักรพรรดิวายุทิพย์ แต่การโจมตีกลับหลบเลี่ยงจักรพรรดิวายุทิพย์ไปจนสิ้น
เนื่องจากพวกมันรู้ว่าหากโจมตีจักรพรรดิวายุทิพย์ก็เสียแรงเปล่า! การสังหารแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิวายุทิพย์สักคนหนึ่ง จึงทำให้จักรพรรดิวายุทิพย์เจ็บปวดใจได้จริงๆ
“เฮอะ”
จักรพรรดิวายุทิพย์กลับเป็นฝ่ายลงมือเสียเอง
มือซ้ายของเขาป้องไปข้างหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้น ฟ้าดินที่กลายเป็นข้าวต้มที่กำลังเดือดพล่านตรงหน้ากลับมีกระแสอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น กระแสอากาศโหมซัดแล้วแผ่กำจายออกไปเป็นหย่อมๆ แล้วปกคลุมผู้อาวุโสเผ่ามรณะทมิฬเหล่านั้นเอาไว้ ผู้อาวุโสแต่ละคนล้วนถูกกระแสอากาศจำนวนมากพันธนาการเอาไว้ ทำให้พลังของพวกมันแต่ละคนได้รับผลกระทบ
หากวิเคราะห์โดยละเอียด จะเห็นว่าอันที่จริงแล้วกระแสอากาศแต่ละหย่อมก่อตัวขึ้นจากเส้นสายนับล้านๆ เส้นที่พันพาดกันไปมา หากเส้นสายเหล่านี้เผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู ก็สามารถเชือดเฉือนร่างกายได้อย่างง่ายดาย
แต่กระบวนท่าทางด้านบริเวณระดับนี้ กลับเพียงแค่ทำให้ผู้อาวุโสเหล่านี้ถูกพันมัดเล็กน้อยและพลังลดลงหนึ่งหรือสองส่วนเท่านั้น ผู้อาวุโสเหล่านี้ยังคงบุกเข้ามาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิวายุทิพย์ทั้งห้าลงมือพร้อมกัน ตัวจักรพรรดิวายุทิพย์เองก็ดึงดาบที่เหน็บไว้ตรงหว่างเอวออกมาทันที ประกายดาบกลายเป็นสายลม แผ่คลุมไปทางผู้อาวุโสเหล่านั้น
“พี่หิมะเหิน ตาท่านลงมือแล้วล่ะ” จักรพรรดิวายุทิพย์มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ด้านข้าง
“ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ เขารออยู่แล้ว
จากนั้นเขาก็มองไปทางพวกจักรพรรดิวายุทิพย์ที่กำลังห้ำหั่นกับผู้อาวุโสยี่สิบสองคนอย่างดุเดือดเลือดพล่าน
วิ้ง…
เขตลวงโลกเทียม ร่อนลงไป!
ท่าไม้ตายที่หนึ่งของวิถีเขตลวงโลกเทียม คือโลกที่ดวงจิตของแต่ละชีวิตปรารถนาเป็นที่สุด โลกใบนี้ถึงขั้นเรียกได้ว่า ‘แท้จริงไม่หลอกลวง’! เขตลวงโลกเทียมที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสร้างขึ้นมานี้ ในบางระดับก็คือความจริง! หากยอมทุ่มเทบางสิ่ง ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดในเขตลวงก็สามารถกลายเป็นความจริงได้ทั้งนั้น
เดิมทีผู้อาวุโสยี่สิบสองคนยังห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่งอยู่ แต่เมื่อเขตลวงโลกเทียมอันน่าหวาดหวั่นดึงดูดและฉุดรั้งวิญญาณของพวกเขา กลับมีผู้อาวุโสที่จมดิ่งลงไปทันที
เพียงพริบตาเดียว
ก็มีผู้อาวุโสถึงเจ็ดคนที่จมดิ่งลงไป! ผู้อาวุโสสิบหกคนพอจะครองสติไว้ได้อย่างพอถูไถ ยังมีพลังเหลืออยู่หนึ่งหรือสองส่วน! ผู้ที่สามารถรักษาพลังได้สามส่วนมีเพียงสี่คนเท่านั้น แน่นอนว่าทั้งสี่คนนี้มิได้มีปณิธานที่เยี่ยมยอดกว่าแม่ทัพเทพโครงกระดูกแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะโดยทั่วไปแล้วเผ่ามรณะทมิฬมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ผู้อาวุโสกลุ่มนี้ก็ยิ่งมีกายหยาบที่แข็งแกร่งเหลือประมาณ พลังที่กายหยาบสำแดงออกมา นั้นเป็นภาระต่อพลังจิตน้อยมาก ดังนั้นจึงมีสี่คนที่สามารถรักษาพลังเอาไว้ได้สามส่วน!
อันที่จริงโดยทั่วไปแล้ว ปณิธานของผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาของราชันย์เหยี่ยน ออกจะด้อยกว่าแม่ทัพเทพทั้งสามสิบหกคนของจักรพรรดิเป่ยเหออยู่บ้าง
“เก็บ!” จักรพรรดิวายุทิพย์ที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้วเริ่มจับตัวทันที
เจ็ดคนที่จมดิ่งลงไปนั้นง่ายดายที่สุด สามารถเก็บลงไปได้เลย!
ส่วนผู้อาวุโสสิบเอ็ดคนที่มีพลังเหลืออยู่หนึ่งหรือสองส่วนนั้น เดิมทีพวกมันก็แตกต่างกับจักรพรรดิวายุทิพย์อยู่แล้ว บัดนี้ก็ยิ่งแตกต่างเข้าไปใหญ่ ภายใต้บริเวณของจักรพรรดิวายุทิพย์ และด้วยการพันธนาการของกระแสอากาศหย่อมแล้วหย่อมเล่าก็ถูกจับตัวไว้ในทันที โดยมิอาจต้านทานได้แม้แต่น้อย
เพียงพริบตาเดียว ทั้งสิบแปดคนก็ถูกจับตัวเอาไว้จนเกลี้ยง
ส่วนอีกสี่คนที่รักษาพลังได้สามส่วนนั้น จักรพรรดิวายุทิพย์ก็ได้ส่งดาบออกไปสำแดงกระบวนท่าหนึ่ง! ประกายกระบี่เข้าพันธนาการผู้อาวุโสเผ่ามรณะทมิฬคนแล้วคนเล่าราวกับถูกฝึกมา ผู้อาวุโสเผ่ามรณะทมิฬคิดจะแยกร่างหลบหนีไปก็ทำไม่ได้ จึงถูกลมอันไร้ที่สิ้นสุดแทรกซึมเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของร่างกาย ถูกจับไปทั้งเป็น หนึ่งดาบต่อหนึ่งคน!
……
ราชันย์เหยี่ยนนั่งอยู่บนเตียงหินหยกใส นัยน์ตาสีเงินยวงมองดูภาพที่ปรากฏกลางอากาศ
ผู้อาวุโสอีกสามสิบกว่าคนก็กำลังดูอยู่เช่นกัน พวกมันอยากจะดูว่าครั้งนี้จักรพรรดิวายุทิพย์มีลูกไม้อันใด ต้องดูให้รู้แน่ชัด จึงสามารถตัดสินใจวางแผนรับมือขั้นต่อไปได้ดีขึ้น
“อะไรกัน” ใบหน้าซึ่งเดิมทีสงบนิ่งของราชันย์เหยี่ยนพลันกลายเป็นตื่นตระหนกไปในทันใด เขาไม่อยากจะเชื่อทุกสิ่งที่ปรากฏในภาพตรงหน้า
ผู้อาวุโสสิบแปดคน ถูกจับตัวไปในพริบตาเดียว
ที่เหลืออีกสี่คนก็ถูกจับไปทั้งเป็น หนึ่งดาบต่อหนึ่งคน! จักรพรรดิวายุทิพย์ออกดาบได้รวดเร็วเกินไปแล้ว ราชันย์เหยี่ยนมิทันได้ตอบโต้ ผู้อาวุโสที่ส่งออกไปในคราวนี้ก็ถูกจับทั้งเป็นไปหมดเสียแล้ว
“ทำไม ทำไม…” ราชันย์เหยี่ยนใจสะท้าน แต่ไหนแต่ไรมามันไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ต่อให้เผชิญหน้ากับ ‘ยอดเคารพ’ มันก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
“บรรพชนเหยี่ยน ข้ารู้ ข้ารู้ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้นั้นจะต้องเป็นจ้าวหิมะเหินในตำนานอย่างแน่นอน! จะต้องเป็นเขา เป็นเขาแน่ จ้าวหิมะเหิน!” ในบรรดาผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาสามสิบกว่าคน มีผู้อาวุโสที่มีร่างกายเป็นสัตว์ หัวเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง เขากรีดร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความตื่นตระหนก
โถงตำหนักซึ่งเดิมทีเงียบเชียบ
มีเพียงเสียงกรีดร้องของผู้อาวุโสผู้นี้เท่านั้น ‘จะต้องเป็นเขา เป็นเขาแน่ จ้าวหิมะเหิน’ เสียงสะท้อนก้องไปทั่วทั้งโถงตำหนัก
ราชันย์เหยี่ยนหันขวับไปทางผู้อาวุโสผู้นี้ทันทีแล้วตวาดว่า “รีบพูดมาเร็วเข้า ผู้ใดคือจ้าวหิมะเหิน เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
………………………………………….