ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ว่าแขนทั้งสองมีพละกำลังอันพลุ่งพล่านเหนือชั้นกว่าก่อนหน้านี้มากมายนัก เขาลอบพยักหน้า เพราะยามอยู่ที่ดินแดนจิตโลกา การฝึกกายคละถิ่นของเขาก็ไปถึงระดับจักรพรรดิช่วงต้น (จักรพรรดิเทพช่วงต้น) แล้ว เพียงแต่ยังไม่เสถียรเท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ของตงป๋อเสวี่ยอิง ทั้งยังมีการตระหนักรู้ตำราผู้แกร่งกล้าของโลกแห่งนี้ ทำให้พลังยุทธ์พุ่งขึ้นไปถึงระดับจักรพรรดิเทพช่วงต้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วยิ่ง นอกจากนี้ยังเสถียรอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นบำเพ็ญพลังยุทธ์กลับมาใหม่เพราะอยู่ภายใต้แหล่งอารยธรรมที่แตกต่างกัน ทำให้การตระหนักรู้ของวิถีของเขาล้ำลึกยิ่งขึ้น! มีความคิดเกี่ยวกับ ‘จักรพรรดิเทพช่วงกลาง’ มากมาย ถึงขนาดที่ขัดเกลาฝึกกายคละถิ่นออกมาได้หลายฉบับ ซึ่งล้วนสามารถฝืนระเบิดไปถึงพลังยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพช่วงกลางได้ เพียงแต่ต่างก็ไม่เสถียรเท่านั้น
เส้นทางของเขาแตกต่างกันกับผู้คิดค้นคัมภีร์ไร้ขอบเขตและคัมภีร์ฟ้าดิน ตำราของผู้แกร่งกล้าคนอื่นก็มีส่วนช่วยส่งเสริมเขาบ้างเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ‘จักรพรรดิเทพช่วงกลาง’ ที่อยากจะคิดค้นเส้นทางของตัวเองนั้นช่างยากเย็นเหลือเกินจริงๆ ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนกับผู้ที่มีสายโลหิตบรรพเทวะคละถิ่นเหล่านั้นที่เพียงแค่ขุดค้นศักยภาพของสายโลหิตก็เพียงพอที่จะทำให้ยกระดับก้าวแล้วก้าวเล่าได้อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แล้ว
พื้นฐานอันแน่นหนาหาใดเปรียบเช่นนี้ จึงสร้างเป็นโลกใบนี้ขึ้นมาได้ ผู้เหินทะยานสามารถต่อสู้ข้ามชั้นได้!
“ถึงแม้ว่าจะไม่เสถียร ทำให้ร่างกายของข้ามีการสูญเสียอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างกายของข้าก็กำลังฟื้นฟูขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ด้วยการฝึกกายคละถิ่นของข้าก็เพียงพอที่จะต้านทานได้ครึ่งชั่วยาม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ อ้างอิงจากการสูญเสียเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ต่อสู้ ในครึ่งชั่วยามให้หลัง พลังชีวิตของร่างกายตนก็จะเหลืออยู่เพียงแค่สามส่วนเท่านั้น! นี่ก็เป็นสัญญาณเตือนภัยชีวิตของตน ภายใต้ความขัดแย้งของกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ ตนเองก็ไม่สามารถบำเพ็ญการเคลื่อนที่ในพริบตาได้สำเร็จ ทั้งยังไม่สามารถบำเพ็ญเคล็ดร่างแยกได้สำเร็จอีกด้วย! ไม่มีเคล็ดร่างแยก ตนเองก็ย่อมต้องรักษาร่างแยกเพียงหนึ่งเดียวที่โลกใบนี้เอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“ครึ่งชั่วยามก็เพียงพอแล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลิ่นอายพุ่งทะยานพลุ่งพล่าน มือหนึ่งกุมหอกยาวสีดำเอาไว้ ก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่งก็บุกสังหารไปทางนายท่านแห่งสมาคมจิตมาร
“กลิ่นอายของเขาทะยานขึ้นอย่างมหาศาล แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากมายนัก หรือว่าไปถึงระดับจักรพรรดิเทพช่วงกลางแล้วเล่า” ในใจของนายท่านแห่งสมาคมจิตมารไม่สงบเป็นอย่างยิ่ง “เขาเป็นผู้เหินทะยาน ถ้าหากเขามีพลังยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพช่วงกลางจริงๆ เช่นนั้นก็เพียงพอที่จะเทียบเคียงได้กับระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายแล้วสิ เกรงว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสังหารข้าสำเร็จเสียด้วยซ้ำ”
“แย่แล้วสิ เขามาแล้ว”
นายท่านแห่งสมาคมจิตมารหางตากระตุกคราหนึ่ง เงาร่างอันรางเลือนของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่กลางอากาศเบื้องหน้ากลับบุกสังหารเข้ามาอย่างรวดเร็วยิ่ง
“นี่เขากำลังสำแดงเคล็ดต้องห้ามสักอย่างหนึ่งอยู่กระมัง จะต้องต้านทานได้ไม่นานสักเท่าใดอย่างแน่นอน!” นายท่านแห่งสมาคมจิตมารคำรามไปพลาง สังเกตสีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง พร้อมกันนั้นสองมือก็ยื่นออกไปต้านรับหอกที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทิ่มแทงเข้ามา
พรึ่บ
สองมือของนายท่านแห่งสมาคมจิตมารยื่นออกไป เบื้องหน้ากลับเป็นชั้นน้ำแข็งชั้นหนึ่ง ชั้นเปลวเพลิงชั้นหนึ่งอย่างน่าประหลาด… มีชั้นน้ำแข็งทั้งสิ้นสามชั้น ชั้นเปลวเพลิงสามชั้น นี่คือการป้องกันตัวอย่างสุดกำลังครั้งแรกตั้งแต่ที่นายท่านแห่งสมาคมจิตมารเคยประมือกับตงป๋อเสวี่ยอิงมา! ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนายท่านแห่งสมาคมจิตมารเข้าโจมตีอย่างสุดกำลังทั้งสิ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวจู่โจมอย่างลื่นไหลต่อเนื่องมาตลอดเท่านั้นเอง ตอนนี้นายท่านแห่งสมาคมจิตมารก็ไม่กล้าที่จะโจมตีอย่างบ้าคลั่งแล้ว เขากลัวว่าภายใต้หอกเล่มนี้ เขาก็จะบาดเจ็บสาหัส เพียงสองสามฝีหอกก็จะจบชีวิตแล้ว!
ถ้าหากเป็นผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพของจักรพรรดิเทพช่วงกลางจริงๆ ก็ย่อมสามารถทำได้อย่างแน่นอน!
ดังนั้นเขาจึงป้องกันอย่างสุดกำลัง!
“ฉึก”
หอกยาวทิ่มแทงลงบนชั้นเปลวเพลิงชั้นนอกสุด ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นแทรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทรกผ่านสิ่งกีดขวางหกชั้นอย่างต่อเนื่อง และแทรกผ่านชั้นน้ำแข็งคุ้มร่างที่ผิวนอกของร่างกายนายท่านแห่งสมาคมจิตมาร เข้าไปภายในร่างกายของนายท่านแห่งสมาคมจิตมาร แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้พลังคุกคามก็อ่อนลงไปถึงสองส่วน เคล็ดวิชาป้องกันอย่างสุดกำลังของนายท่านแห่งสมาคมจิตมารนี้ก็ยังคงล้ำเลิศอย่างที่สุด
“หืม” นายท่านแห่งสมาคมจิตมารถลึงตามอง เขารู้สึกว่าระลอกคลื่นที่แกร่งกล้ากว่าก่อนหน้านี้ถึงสามเท่ากำลังพลุ่งพล่านพรั่งพรูอยู่ภายในร่างกายแล้วรวมตัวกันในที่สุด จากนั้นก็ระเบิดออก!
ก่อนหน้านี้เขาสามารถต้านทานเอาไว้ได้ แต่หลังจากที่แกร่งกล้าขึ้นสามเท่าแล้ว
“พรวด!”
นายท่านแห่งสมาคมจิตมารย่อมอดที่จะอ้าปากกว้าง กระอักโลหิตสดพุ่งกระฉูดออกมามิได้ ทั้งยังมีชิ้นส่วนอวัยวะภายในพุ่งออกมาอีกด้วย แล้วก็เริ่มมีบาดแผลฉีกขาดปรากฏขึ้น เขาเผยสีหน้าหวาดหวั่นมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง เป็นจักรพรรดิเทพช่วงกลางจริงๆ เสียด้วย!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน”
“ไป!”
นายท่านแห่งสมาคมจิตมารมีความรู้สึกว่าการโจมตีเช่นนี้ย่อมมิอาจเอาชีวิตเขาได้ในสามฝีหอก ทว่าเพียงแค่สิบฝีหอกก็สามารถทำได้แล้ว! ภายใต้การห้ำหั่นอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ สิบฝีหอกจะนับเป็นอะไรได้เล่า
ภายใต้การคุกคามถึงชีวิต พร้อมกันกับที่นายท่านแห่งสมาคมจิตมารกำลังบาดเจ็บสาหัส เขาก็หันหน้าเตรียมหลบหนีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
พรึ่บ…
พลังน้ำแข็งห่อหุ้มปกคลุมไปทั่วสารทิศ ทั้งยังกดดันความเร็วของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ด้านหลังอย่างสุดกำลังอีกด้วย ผิวกายของนายท่านแห่งสมาคมจิตมารปรากฏเป็นสีแดงเข้ม ราวกับดาวตกดวงหนึ่ง บินตรงออกไปยังเรือใหญ่ที่อยู่กลางอากาศไกลออกไปลำนั้นอย่างบ้าคลั่ง บนเรือใหญ่ลำนั้นมีจักรพรรดิเทพสามท่านใต้บังคับบัญชาของเขา ทั้งยังมีจ้าวเทพกลุ่มหนึ่งอยู่อีกด้วย! เชื่อว่าน่าจะสามารถถ่วงเวลาจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้เอาไว้ได้เป็นระยะเวลานานพอสมควร
“เจ้าจะหนีพ้นหรือไร” ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง เงาร่างก็เลือนรางขึ้นมา ถึงแม้ว่าขณะนี้ร่างฝึกกายคละถิ่นของเขาจะใช้สองแขนสำแดงออกมาเป็นหลัก พละกำลังพุ่งทะยาน การส่งเสริมด้านความเร็วสามารถมองข้ามได้! แต่ว่าเขาสำแดงวิถีกายแมลงมารห้วงอากาศ ภายใต้การทลายเปิดผลกระทบของไอหนาวเหน็บเหล่านั้น ความเร็วก็ยังมากกว่านายท่านแห่งสมาคมจิตมารอยู่พอสมควรอยู่ดี!
“อะไรกัน!”
“นี่… นี่มัน…”
“หนีเร็วเข้า!”
“แยกกันหนีสิ!”
จักรพรรดิเทพสามท่านและเหล่าจ้าวเทพกลุ่มใหญ่ที่เดิมทีต่างก็กำลังดูการต่อสู้อยู่บนเรือใหญ่กลางอากาศ พวกเขาต่างก็คิดว่าคราวนี้ล้มเหลวเสียแล้ว หัวหน้าทำอะไรจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นั้นมิได้เลย ส่วนจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นั้นก็ทำอะไรหัวหน้ามิได้เช่นเดียวกัน! หัวหน้าก็จะกลับมายังเรือใหญ่แล้วจากไปพร้อมกันกับพวกเขา!
แต่ทว่า
เมื่อพลังยุทธ์ของจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้ระเบิดออกมา เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ต่อตีเสียจนนายท่านแห่งสมาคมจิตมารบาดเจ็บสาหัส เห็นได้ชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายมิได้มีพลังยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าจะมิได้มีความเรียบร้อยหมดจดเหมือนตงป๋อเสวี่ยอิงตอนเป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพช่วงต้น แต่ก็คงจะใช้กระบวนท่าไม่เท่าไหร่นักก็สามารถสังหารหัวหน้าของพวกเขาได้แล้วกระมัง
“แยกย้ายกันเร็วเข้า”
“หนีสิ”
ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพช่วงต้นสามท่านและเหล่าจ้าวเทพกลุ่มหนึ่งกลับตกใจเสียจนกระจายตัวกันออกไป วิ่งหนีไปยังทิศทางที่แตกต่างกันอย่างรวดเร็ว พวกเขามิได้อยากถูกฝังเป็นเพื่อนด้วยอยู่แล้ว!
นายท่านแห่งสมาคมจิตมารที่หนีมาทางเรือใหญ่อย่างรวดเร็วได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็สีหน้าแปรเปลี่ยน เมื่อต้นไม้ใหญ่โค่น ฝูงลิงก็แตกกระจาย ต้นไม้ใหญ่อย่างเขาต้นนี้กำลังจะโค่นลงแล้ว บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาก็ย่อมพากันเอาตัวรอด ย่อมไม่มีทางเต็มใจเสียเวลาเพื่อเขาแม้แต่น้อยอยู่แล้ว
“ปัง…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ด้านหลังพุ่งหอกอย่างดุดันเข้ามาคราหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันเป็นระยะทางช่วงหนึ่ง แต่ห้วงมิติโดยรอบกลับบีบอัดลงมาอย่างฉับพลัน ซึ่งก็คือกระบวนท่า ‘งดงามดุจภาพวาด’ นั่นเอง นายท่านแห่งสมาคมจิตมารรู้สึกเพียงว่าห้วงมิติโดยรอบกำลังบีบอัดลงมาอย่างฉับพลัน หมายจะขจัด ‘ความสูง’ ของร่างกายเขา เพื่อที่จะสังหารเขาโดยเฉพาะ นายท่านแห่งสมาคมจิตมารต้านทานอย่างสุดความสามารถ! แต่หอกยาวอันน่าหวาดหวั่นนั้นอยู่ภายใต้ความเร้นลับของกฎเกณฑ์อันแสนพิเศษ ทำให้พลังแทรกผ่านห้วงมิติแล้วกดดันลงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ร่างฝึกกายคละถิ่นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้ว พลังคุกคามของกระบวนท่านี้ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“พรึ่บๆๆ” นายท่านแห่งสมาคมจิตมารถูกกดดัน ตลอดร่างมีบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น หยาดโลหิตสาดกระจาย
ห้วงมิติที่หมายจะกดดันจนกลายเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งอย่างฉับพลันนี้สลายตัวไปในที่สุด
แต่หลังจากนั้นที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงติดๆ กันก็คือ ‘ทลายเวหา’
“ฉึก”
อีกฝีหอกหนึ่งกระแทกลงมาอย่างดุดัน ห้วงมิติที่กดดันลงมาแล้วเดิมทีกำลังจะสลายตัวไปนั้นกลับระเบิดออกอย่างสมบูรณ์ภายใต้ฝีหอกนี้ แตกกระจายกลางท้องฟ้า!
ปัง ปัง ปัง…
ส่วนนายท่านแห่งสมาคมจิตมารที่อยู่ภายในห้วงมิติก็รู้สึกเพียงว่าบริเวณรอบๆ กำลังแหลกสลายไปหมด ร่างกายของเขาก็เริ่มถูกฉีกทึ้งภายใต้พลังอันน่าหวาดหวั่นนี้เช่นเดียวกัน ชั้นน้ำแข็งหนาวเหน็บที่ผิวกายของเขาก็ต้านทานเอาไว้อย่างสุดกำลัง สองมือก็พยายามสำแดงเคล็ดวิชาต้านทาน แต่ก็ยังคงต้านเอาไว้ไม่อยู่
ท่ามกลางการระเบิด
เขาละทิ้งร่างกายครึ่งล่าง ตั้งแต่ช่วงเอวลงไปแหลกสลายไปจนสิ้น ร่างกายครึ่งบนยังคงฝืนรักษารูปลักษณ์เอาไว้ได้ ภายใต้การป้องกันอย่างสุดกำลังของมือทั้งสอง ร่างกายครึ่งบนนี้ก็ลอยออกจากห้วงมิติที่กำลังระเบิด
เมื่อลอยออกมาแล้ว อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วที่สุด ทว่าพลังชีวิตกลับสูญเสียไปเกือบครึ่งแล้ว สิ่งนี้ย่อมไม่สามารถชดเชยได้ภายในระยะเวลาอันสั้น!
ในขณะนี้นายท่านแห่งสมาคมจิตมารก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ภายใต้ความหวาดหวั่น เขาก็พลิกฝ่ามือหยิบเอากิ่งไม้อันแปลกประหลาดออกมากิ่งหนึ่ง นี่คือวัตถุคำมั่นที่เขาได้รับมาตอนที่หลบภัยอยู่ภายใต้สำนักของ ‘จ้าวหุบเขาฝูหลิ่ว’ ซึ่งก็คือวัตถุคุ้มกันชีพชิ้นหนึ่งที่จ้าวหุบเขาฝูหลิ่วมอบให้กับยอดฝีมือภายใต้สำนัก เมื่อใช้วัตถุคุ้มกันชีพชิ้นนี้ไปก็จะไม่มีอีกแล้ว! สถานะอย่างจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วนั้นย่อมรังเกียจที่จะมอบให้อีกเป็นครั้งที่สองอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าจะมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นนายท่านแห่งสมาคมจิตมารจึงเลือกที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตายไปจนหมดสิ้นดีกว่าที่จะยอมใช้วัตถุคุ้มกันชีพอันล้ำค่าชิ้นนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว! ถ้าหากยังไม่ใช้อีกเขาก็จะถูกจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้ปลิดชีพแล้ว!
“วิ้ง”
กิ่งไม้กิ่งนี้ระเบิดพละกำลังอันกล้าแกร่งออกมาอย่างฉับพลัน แล้วห่อหุ้มนายท่านแห่งสมาคมจิตมารเอาไว้
พรึ่บ!
เขาแปลงกายเป้นลำแสงสีเขียวเข้มสายหนึ่งในทันใด แล้วพุ่งทะยานออกไปไกลด้วยความเร็วอันน่าหวาดหวั่น ความเร็วที่พุ่งทะยานออกไปรวดเร็วกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ทั้งยังเหนือกว่าวิถีกายแมลงมารห้วงอากาศที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงอยู่มากมายนัก
“หนีหรือ” ถึงแม้ว่าอัตราเร็วของตงป๋อเสวี่ยอิงจะช้าลงไปมาก แต่ก็ยังคงแปลงเป็นเงามายาอันรางเลือนแล้วไล่ตามติดไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนนั้นคนหนึ่งหนีคนหนึ่งไล่ตาม เพียงพริบตาก็ทะยานออกมาจากเมืองจวิ้นซานแล้วหายลับไปท่ามกลางความรกร้างไกลออกไป
……
บรรดายอดฝีมือของเมืองจวิ้นซานแต่ละคนพากันมองอย่างตกตะลึง รวมถึงอวี้เฟิงจวิ้นซานด้วย พวกเขาต่างก็สับสนอยู่บ้าง ความจริงก็คือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเกินไปเสียแล้ว
เมื่อพลังยุทธ์ของปรมาจารย์หิมะเหินผู้นี้ระเบิดออกมา เพียงกระบวนท่าเดียวก็ต่อตีจนทำให้นายท่านแห่งสมาคมจิตมารบาดเจ็บสาหัสจนหลบหนีไปอย่างหวาดหวั่น กระบวนท่าที่สองที่สามก็ต่อตีจนทำให้ร่างกายของนายท่านแห่งสมาคมจิตมารแหลกลาญเหลือเพียงแค่ร่างกายครึ่งบนเท่านั้น จากนั้นนายท่านแห่งสมาคมจิตมารก็หยิบเอากิ่งก้านต้นไม้อันแปลกประหลาดออกมาแล้วสำแดงวิธีการอันแปลกประหลาดทะยานหนีไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว! ปรมาจารย์หิมะเหินก็ขับไล่ออกไปจากเมืองจวิ้นซาน เข้าไปยังส่วนลึกของดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่เสียแล้ว
การต่อสู้รวดเร็วเหลือเกิน ทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้สึกว่าศีรษะมึนงง ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่มีความหมายว่าอย่างไร พวกเขาคิดแล้วก็หัวใจสั่นสะท้าน แข้งขาอ่อนยวบอยู่บ้าง!
……………………