Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน – ภาคที่ 37 บนเส้นทาง ตอนที่ 66 เส้นทาง

ภาคที่ 37 บนเส้นทาง ตอนที่ 66 เส้นทาง

“ที่ท่านจักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินพูด เป็นสิ่งที่ข้าคิดจะทำอยู่พอดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย

วิถีอากาศบรรลุถึงขั้นสุดยอด

เมื่อความเร้นลับทางสายอากาศล้วนๆ ก็บรรลุถึงขั้นครบสมบูรณ์แล้ว ถัดขึ้นไปอีก อันที่จริงแล้วก็เป็นการซึมซับความเร้นลับอื่นๆ เข้ามาหลอมรวมกับ ‘วิถีอากาศ’ โดยใช้วิถีอากาศเป็นแกนหลัก เมื่อนำความเร้นลับอื่นๆ มา…ท้ายที่สุดก็สามารถก่อให้เกิด ‘วิถี’ ระดับสูงยิ่งกว่าขึ้นมาได้ อย่าง ‘จักรพรรดิเซี่ย’ แม้จะเชี่ยวชาญทางด้านวิถีอากาศเหมือนกัน แต่ทิศทางที่เขาใฝ่หานั้น กลับเป็นการที่กายหยาบระดับคละถิ่นถือกำเนิดขึ้นในครรภ์มารดาในมิติคละถิ่น ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเป็นการยึดเอาวิถีอากาศเป็นรากฐาน อาศัยพลังคละถิ่นปรับปรุงกายหยาบให้สมบูรณ์ขึ้นไปทีละขั้นๆ ระหว่างกระบวนการปรับปรุงนั้น ก็เป็นกระบวนการทำให้ ‘วิถี’ สมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อกายหยาบบรรลุระดับคละถิ่น ‘วิถี’ ของตนก็จะเป็นระดับคละถิ่นเช่นเดียวกัน!

ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทำเช่นนั้น ข้อแรกก็เพราะเจ็ดกระบวนคละถิ่นนั้นส่งผลกระทบต่อเขา ข้อสอง วิญญาณของเขาแข็งแกร่งพอ สามารถกลับมาหล่อเลี้ยงกายหยาบได้ ทำให้กายหยาบสมบูรณ์ขึ้นบ้างตามธรรมชาติ วิญญาณหล่อเลี้ยงกายหยาบ…จะทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจข้อบกพร่องของตนเอง และมีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

“ข้าฝึกฝนทีละก้าวๆ จากโลกที่อ่อนแอมาจนถึงบัดนี้ ในโลกบ้านเกิดที่ข้าถือกำเนิดขึ้นมา ผู้ที่มีพลังระดับเหนือธรรมดาก็หาได้ยากแล้ว ข้าถือเอาฐานะที่ข้าเป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งที่เคยมีในประวัติศาสตร์เหินทะยานขึ้นมา จากโลกระดับต่ำ ทะยานขึ้นมาถึงโลกที่สูงขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง…ทุกครั้งที่เหินทะยานขึ้นมาหนึ่งครั้ง พลังก็สามารถทนรับโลกได้แข็งแกร่งขึ้น” จักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินกล่าว “อาจารย์ที่ข้าคารวะมาตลอดทางนั้นมีนับร้อย อาศัยคัมภีร์สำหรับบำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน ก็ได้คิดค้นคัมภีร์สำหรับบำเพ็ญขึ้นมามากมายเช่นเดียวกัน”

จักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีตำราโปร่งใสที่เปล่งแสงสีทองระยิบระยับเล่มหนึ่งขึ้นมา “คัมภีร์นางแอ่นแปดสิบกระบวน นี่คือผลสำเร็จทางสายอากาศที่สูงที่สุดตลอดระยะเวลาการบำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนของข้า ข้าพยายามคิดค้นกระบวนที่แปดสิบเอ็ดขึ้นมาโดยตลอด หากสามารถคิดค้นขึ้นมาได้ เกรงว่าคงจะเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแล้ว”

เขาพูดพลางส่งตำราอันโปร่งใสเล่มนี้มาให้

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พลิกมือหยิบคัมภีร์สีเทาหม่นเล่มหนึ่งออกมาเช่นกัน “ฝึกกายคละถิ่น บนเส้นทางการบำเพ็ญของข้าก็ได้ซึมซับภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนมามากมายเช่นกัน และได้คารวะอาจารย์หลายท่าน รับรู้ฟ้าดิน ค้นคว้าสิ่งมีชีวิตคละถิ่น จึงบำเพ็ญมาถึงขั้นเช่นทุกวันนี้ได้ และเป็นเพียงระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายเช่นเดียวกัน”

การฝึกกายคละถิ่นนี้

เดิมทีเป็นเพียงเคล็ดวิชาฝึกกายในปุจฉวิถีคละถิ่นที่จักรพรรดิเซี่ยคิดค้นขึ้นมาเท่านั้น ตอนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้มาก็มีเพียงสองชั้นแรกเท่านั้น เมื่อบำเพ็ญสำเร็จก็แค่พอจะเทียบได้กับกายหยาบของขั้นสุดยอดทางสายฝึกกายเท่านั้น

ภายหลังตงป๋อเสวี่ยอิงพลังก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถึงขั้นเริ่มเหนือกว่าต้นกำเนิดแล้ว! และได้คิดค้นระดับที่สูงขึ้นขึ้นมา จักรพรรดิเซี่ยก็ได้มาติดต่อและรับรู้ไปกับตงป๋อเสวี่ยอิงด้วย แต่ตอนนั้นพวกเขาทั้งสองร่วมแรงกันก็เพียงแค่ทำให้การฝึกกายคละถิ่นนี้บรรลุถึง ‘ระดับอ๋องครบสมบูรณ์’ หรือจ้าวเทพครบสมบูรณ์เท่านั้น ห่างจากระดับจักรพรรดิหรือขั้นจักรพรรดิเทพเทพอยู่อีกก้าวหนึ่ง ตอนนั้นทั้งสองก็ได้แยกทางกันแล้ว

ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาเลือกเส้นทางที่แตกต่างกัน

ตงป๋อเสวี่ยอิงบรรลุไปบนเส้นทางสายนี้ก้าวแล้วก้าวเล่า จักรพรรดิเทพช่วงต้น ช่วงกลาง ช่วงท้าย แต่ละก้าวก็ไม่ง่ายเอาเสียเลย เคราะห์ดีที่วิญญาณของเขาเรียกได้ว่าเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับต่ำกว่าคละถิ่นลงมา! ด้านอื่นๆ เช่นการรับรู้ก็บรรลุถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้วิญญาณยังสามารถกลับมาหล่อเลี้ยงกายหยาบได้ด้วย เส้นทางที่ชี้นำทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถึงขั้นค้นคว้าซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดทางสายอากาศร่างนั้นอยู่สามแสนล้านปี ก็บรรลุถึงระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายแล้ว

ยากเย็นเพียงใดกัน!

“ฟิ้ว” จักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินถอนหายใจออกมาเบาๆ คราหนึ่งก่อนจะรับคัมภีร์มา

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รับคัมภีร์มาด้วยท่าทางนอบน้อมเช่นกัน

นี่คือการตกผลึกปัญญาของพวกเขา! เนื่องจากตนบำเพ็ญอย่างยาลำบาก ทำให้พวกเขาเตารพอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น

“คัมภีร์นางแอ่นแปดสิบกระบวน…” หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูแล้วก็ดำดิ่งลงไป

คัมภีร์นางแอ่นแปดสิบกระบวนเริ่มต้นจากกระบวนท่าแรกที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก ตงป๋อเสวี่ยอิงคาดว่ากระบวนท่าแรกเป็นเพียงแค่ระดับ ‘ผู้ปกครองเทพแท้’ เท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นกระบวนท่าทางด้านการต่อสู้ มิใช่ฝึกกายอีกด้วย

กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบวนท่าที่สอง กระบวนท่าที่สาม…

เติบโตไปอย่างไม่หยุดหย่อน

จะเห็นได้ถึงกระบวนการก้าวหน้าของจักรพรรดิเทพนางแอ่นเหิน กระบวนท่าการต่อสู้ซึ่งเดิมทีก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ววิชานี้ ยิ่งนานไป ท่าไม้ตายการต่อสู้กลับเริ่มหันหลับมาหล่อเลี้ยงและปรับปรุงกายหยาบ ทำให้กายหยาบเหมาะแก่การต่อสู้มากยิ่งขึ้น! ระหว่างนี้ กายหยาบแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงให้สอดคล้องกับวิธีการต่อสู้ใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

“เปลี่ยนแปลงกายหยาบจากมุมที่สอดคล้องกับการต่อสู้”

“ใช้การต่อสู้มาเป็นการบำเพ็ญ”

ทิศทางนี้มิอาจพูดได้ว่าสูงส่งกว่าคัมภีร์ฟ้าดิน คัมภีร์ไร้ขอบเขตและคัมภีร์แมลงมารห้วงอากาศ เส้นทางไม่มีการแบ่งสูงต่ำ แต่กลับมีการแบ่งสั้นและยาว! เห็นได้ชัดว่าบนเส้นทางของจักรพรรดิเทพนางแอ่นเหิน เขาเดินมาถึงขั้นจักรพรรดิเทพช่วงท้ายได้ อย่างน้อยในโลกเทพแห่งนี้ ผู้เหินทะยานทางสายอากาศคนอื่นๆ ก็เดินมาไม่ได้ไกลเท่าจักรพรรดิเทพนางแอ่นเหิน ไม่นับตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเป็นผู้มาเยือนมาจากโลกใบอื่นนั้น

“ใช้พลังคละถิ่นบำเพ็ญ” จักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความเคารพเทิดทูนเป็นอย่างมาก “นับถือๆ จักรพรรดิเทพหิมะเหินนึกถึงการนำพละกำลังของ ‘หยกแก้วคละถิ่น’ มาบำเพ็ญ ตอนที่พลังอ่อนแอ สำหรับข้าแล้วหยกแก้วคละถิ่นก้อนหนึ่งช่างล้ำค่าหาใดเปรียบ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะโดยไม่อธิบายอะไร

ในโลกกำเนิด หากทุบผนังเยื่อให้แตกออกก็จะมีพลังคละถิ่นแผ่กำจายเข้ามา

แต่ในโลกใบนี้…คิดจะได้พลังคละถิ่นมานั้นกลับยากพอสมควร อย่างแรกคือหยกแก้วคละถิ่นนั้นเป็นผลึกที่เกิดจากพลังคละถิ่นอันบริสุทธิ์อย่างยิ่งรวมตัวกัน อย่างที่สองคือในโลกเทพมีสถานที่พิเศษบางแห่งที่มีพลังคละถิ่นซ่อนอยู่! หลักๆ แล้วก็มีสองวิธีนี้ แน่นอนว่าก็มีสมบัติล้ำค่าบางอย่างที่มีพลังคละถิ่นแฝงอยู่และสามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน

ช่วงแรกที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงโลกใบนี้ แม้ร่างกายจะไม่เสถียรเพราะถูกกฎเกณฑ์กดดัน แต่พลังคละถิ่นที่แฝงอยู่ในกายก็ยังคงยิ่งใหญ่ รอจนฝึกศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้สำเร็จ เดิมทีเขาคิดจะไปดูดซับพลังคละถิ่นตามสถานที่พิเศษต่างๆ แต่ต่อมาก็พบว่า ‘พลังคละถิ่น’ที่แฝงอยู่ในหยกแก้วคละถิ่นก้อนหนึ่งนั้นยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ นอกจากนี้ยังนุ่มนวลกับร่างกายเป็นอย่างมากอีกด้วย จึงได้ใช้หยกแก้วคละถิ่นบำเพ็ญมาตลอด

“พวกเราประลองกันสักยกดีหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ

“ดี” จักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินพยักหน้าด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

การต่อสู้ก็เป็นการฝึกฝนวิถีอากาศอย่างหนึ่ง

……

ในเมืองจวิ้นซาน

ภายในหอสุราแห่งหนึ่ง มีสตรีสองนางนั่งอยู่ตรงข้ามกัน

“พี่สาว พวกเรารออยู่ตรงนี้มาสามวันแล้วนะ” จักรพรรดิเทพหงส์อัคคีพูดอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง

“อย่าร้อนใจไป รอให้จักรพรรดิเทพคนอื่นๆ จากไปก่อน พวกเราค่อยไป” เจ้าเมืองหงส์เมฆนั่งอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้น นางย่อมมาพบตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นเดียวกัน แต่ด้วยนิสัยของนาง ก็ย่อมคร้านที่จะไปพบยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพคนอื่นๆ ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์มากมายถึงเพียงนั้นไปเยี่ยมเยียนตงป๋อเสวี่ยอิง…เจ้าเมืองหงส์เมฆายอมรอคอยให้ถึงท้ายที่สุดเสียก่อนค่อยไปพบ

“รอมาตั้งนานแสนนานแล้ว แค่ไม่กี่วันนี้ไม่ต้องร้อนใจไปหรอก” เจ้าเมืองหงส์เมฆาเผยรอยยิ้มออกมา “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้ที่ลงมือกับหลานชายข้าในตอนนั้น จะเป็นจักรพรรดิเทพหิมะเหินไปได้ นอกจากนี้ยังร้ายกาจถึงเพียงนี้อีกด้วย มียอดฝีมือเช่นนี้ได้ ช่างเป็นเรื่องโชคดีจริงๆ”

เจ้าเมืองหงส์เมฆาเบิกบานใจมากอย่างแท้จริง

นางไร้ศัตรูในโลกเทพแห่งนี้มาตั้งนานแล้ว! พลังของนางสูงกว่าอันดับสองของรายนามจักรพรรดิเทพอยู่ขุมใหญ่

บัดนี้ ผู้แกร่งกล้าที่มีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์ในโลกเทพนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทด้วยกัน ประเภทแรกก็คือเจ้าเมืองหงส์เมฆา ส่วนอีกประเภทคือผู้ที่มีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์คนอื่นๆ แตกต่างจากตงป๋อเสวี่ยอิงที่อาศัยกระบวนท่าทางด้านวิญญาณทำให้พลังของเหล่าจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์เสียหายเป็นอย่างมาก! เจ้าเมืองหงส์เมฆานั้นต่อกรซึ่งหน้า ระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์เหล่านั้น ต่อให้สามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เจ้าเมืองหงส์เมฆาก็สามารถกดดันพวกเขาได้อย่างสุดกำลังเช่นเดียวกัน ผู้ที่มีการรักษาชีวิตที่อ่อนแอในจำนวนนั้น ก็อาจจะต้องตายตกไป!

“เคยมีผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์ปรากฏขึ้น” เจ้าเมืองหงส์เมฆาเอ่ย “ต่อมาก็สูญหายไปหมดแล้ว! ข้าเดาว่าคงจะจากโลกใบนี้ไป จะทำถึงขั้นนี้ได้ เกรงว่าคงจะต้องเกี่ยวข้องกับบรรพเทวะคละถิ่นทั้งสามเป็นแน่”

“แต่ว่า…ข้ากลับมิอาจจากไปได้มาตลอด”

เจ้าเมืองหงส์เมฆาหัวเราะเยาะเสียงเบา “เพราะรังเกียจที่ข้าอ่อนแออย่างนั้นหรือ”

จักรพรรดิเทพหงส์อัคคีที่อยู่อีกข้างหนึ่งเงียบงันไป

นางก็เข้าใจดีว่า พี่สาวของนางหาใดเปรียบในโลกเทพ เงียบเหงาหาใดเปรียบ! นางใฝ่หาการตื่นรู้ขั้นสุดยอด สำเร็จระดับคละถิ่น แต่กลับทำไม่สำเร็จมาตลอด

“จักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินไปแล้ว” เจ้าเมืองหงส์เมฆายืดกายขึ้น “ไป ไปพบจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้เสียหน่อย”

“ในที่สุดก็ได้พบแล้ว จักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินผู้นี้ถ่วงเวลามานานถึงเพียงนี้ ข้ารอจนร้อนรนไปหมดแล้ว” จักรพรรดิเทพหงส์อัคคีผุดลุกขึ้น

“บำเพ็ญจิต!” เจ้าเมืองหงส์เมฆาส่ายหน้าเบาๆ อย่างจนใจ

“สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดอย่างข้าคนหนึ่งยังต้องบำเพ็ญจิตอีกหรือ” จักรพรรดิเทพหงส์อัคคีแค่นเสียงเบาๆ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด ต่อให้ธรรมดาสามัญที่สุด เกิดมาก็เป็นระดับจักรพรรดิหรือจักรพรรดิเทพแล้ว นางรู้จักกับเจ้าเมืองหงส์เมฆา ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าเมืองหงส์เมฆา ก็ค่อยๆ รับรู้พลังของตนเอง และสำแดงพละกำลังของตนออกมา บัดนี้ก็เป็นระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์แล้ว

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะส่งจักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินไป เพิ่งจะนั่งลงเพื่อไตร่ตรองภาพการประมือกับจักรพรรดิเทพนางแอ่นเหินเมื่อครู่เสียหน่อย จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายสองสายมาเยือน

“มีแขกมาเยือน” ตงป๋อเสวี่ยอิงผุดลุกขึ้น

“มีแขกอีกแล้วหรือนี่” อวี้เฟิงชิงอินที่รินสุราให้ท่านอาจารย์งุนงงไปหมด นางหยิบไหสุราแล้วหันไปมอง กลางอากาศมีเงาร่างสองสายกำลังร่อนลงมา สตรีอาภรณ์ขาวคนหนึ่ง สตรีอาภรณ์สีแดงคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนี้มิได้เก็บซ่อนตัวตน พวกนางต่างก็เผยโฉมที่แท้จริงออกมา

อวี้เฟิงชิงอินมองปราดเดียวก็จำทั้งสองคนได้ นางอดตกใจมิได้ “เจ้าเมืองหงส์เมฆากับจักรพรรดิเทพหงส์อัคคีหรือนี่”

เจ้าเมืองหงส์เมฆา…อันดับหนึ่งของรายนามจักรพรรดิเทพ!

“จักรพรรดิเทพหิมะเหิน ออกไปเดินเล่นเสียหน่อยดีไหม” เจ้าเมืองหงส์เมฆาพูดยิ้มๆ

“ยินดีจนถึงที่สุดเลยขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ เขาก็เข้าใจว่าเจ้าเมืองหงส์เมฆามาด้วยเหตุใด เขาหันไปมองศิษย์สาวที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง “ชิงอิน อีกประเดี๋ยวข้าค่อยกลับมานะ”

จากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับเจ้าเมืองหงส์เมฆาและจักรพรรดิเทพหงส์อัคคี

อวี้เฟิงชิงอินเงยหน้ามองทั้งหมดนี้

“ท่านอาจารย์…” อวี้เฟิงชิงอินพึมพำเสียงต่ำ

สามวันมานี้ นางได้พบกับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์มากมายด้วยคำสั่งของท่านอาจารย์

แต่อวี้เฟิงชิงอินกลับรู้สึกได้รางๆ ว่า…ความแตกต่างระหว่างตนกับท่านอาจารย์นั้นมากมายเหลือเกิน! อวี้เฟิงชิงอินถึงขั้นรู้สึกว่าไม่จริง ราวกับทั้งหมดเป็นเพียงความฝันอย่างไรอย่างนั้น

“เป็นเรื่องจริงสิ เขาเป็นอาจารย์ของข้า” อวี้เฟิงชิงอินพูดกับตนเองเบาๆ

………………………

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Status: Ongoing
ในแคว้นอันหยางสิงแห่งชนเผ่าเซี่ย
มีดินแดนใต้อาณัติแห่งหนึ่งที่แสนจะเล็กและไม่สะดุดตา นามว่า ‘แดนอินทรีหิมะ’ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากที่แห่งนี้ เมื่ออายุได้แปดปี บุพการีทั้งสองถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา เขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุคคลอันเป็นที่รักกลับมา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างหนักวันแล้ววันเล่า หรือการผจญกับเหล่าสัตว์มารแสนอันตราย ล้วนมิอาจทำลายปณิธานอันแรงกล้านี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท