ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1488+1489

บทที่ 1488+1489

บทที่ 1488 เปิดโหมดตบหน้า 2

กู้ซีจิ่วไล่บี้ไม่ยอมปล่อย เยี่ยนฮูหยินไม่มีทางถอยหนี “นี่…” พลันทอดถอนใจ “ดูเหมือนแม่นางกู้จะเป็นเดือดเป็นร้อนออกหน้าช่วยจิ้งจอกน้อย? ช่างเถิด เรื่องตอนนั้นถือเป็นความผิดของข้าเป็นอย่างไร? ข้าขออภัยจิ้งจอกน้อย เรื่องนี้ก็ให้ถือเสียว่าแล้วก็แล้วกันไป…”

กู้ซีจิ่วอมยิ้ม “ฮูหยินไม่กล้าพูดสินะ? เรื่องตอนนั้นยากที่จะเอื้อนเอ่ยขนาดนี้เชียวหรือ?”

เยี่ยนฮูหยินนิ่งอึ้ง

เดิมทีฝูงชนได้ยินเยี่ยนฮูหยินพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาของจิ้งจอกน้อยเหล่านั้น ยังรู้สึกว่าจิ้งจอกน้อยอาศัยความรักที่เยี่ยนเฉินมีต่อนางทำเรื่องวู่วามลงไป ยามนี้เมื่อเห็นเยี่ยนฮูหยิน ทุกคนกลับเริ่มสงสัยกันหมดแล้ว

คนเหล่านี้ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์โดยปกติสนุกสนานครึกครื้น บางทียังช่วยกันออกกลอุบายหลอกอีกฝ่ายหนึ่ง ทว่าหากคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ได้รับความอยุติธรรมอันใดจากภายนอก พวกเขาก็ยังร่วมแรงร่วมใจกัน!

เยี่ยนเฉินมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี ทุกคนเห็นแก่หน้าของเยี่ยนเฉินจึงให้เกียรติมารดาเยี่ยน ทว่าหากมารดาเยี่ยนบิดเบือนข้อเท็จจริงกลั่นแกล้งจิ้งจอกน้อย พวกเขายังคงต้องเรียกคืนความยุติธรรม

มีบางคนที่พูดจาโผงผางทยอยกันเอ่ยปาก ทุกคนล้วนบอกว่าจะให้ดีก็ควรพูดเรื่องตอนนั้นออกมาให้หมด

เยี่ยนฮูหยินคงนึกไม่ถึงว่าการมาเยือนครั้งนี้จะเป็นฝ่ายถูกกระทำเยี่ยงนี้ จนเกือบจะรักษาใบหน้าอันเรียบเฉยไว้ไม่ได้แล้ว “เรื่องนี้ยากที่จะเอื้อนเอ่ยอันใดกันเล่า? ข้าไม่อยากทำให้คนขายหน้าเท่านั้นเอง…อย่างไรเสียไว่หู่กับเยี่ยนเฉินก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน จริงสิ เฉินเอ๋อร์เล่า? เหตุใดไม่เห็นเขาเลยเล่า?”

นางพยายามบ่ายเบี่ยงหัวข้อสนทนาอย่างสุดกำลัง เสียงจากด้านนอกพลันส่งผ่านเข้ามา “ข้าอยู่นี่”

เยี่ยนเฉินสาวเท้าก้าวเข้ามา เขากล่าวทักทายฝูงชน ก่อนสายตามองตรงไปที่มารดาของตนเอง “ท่านแม่ เฉินเอ๋อร์ก็อยากทราบเรื่องราวทั้งหมดในช่วงเวลานั้นเช่นกัน หวังว่าท่านแม่จะช่วยพูดให้กระจ่างชัดเจนต่อหน้าทุกคนที่นี่”

เยี่ยนฮูหยินนิ่งอึ้ง

สายตาของเยี่ยนเฉินพลันหันเหไปที่หลานไว่หู่ ดวงตาฉายแววความเจ็บปวด กล่าวอย่างฝืนยิ้ม “เรื่องราวในตอนนั้น พวกท่านล้วนเก็บไว้เป็นความลับ เมื่อถามท่านแม่ ท่านแม่ก็เอาแต่กล่าวโทษตัวเอง กลับไม่พูดให้กระจ่างชัดว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สาวใช้ภายในคฤหาสน์ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปาก พูดแต่ว่าเป็นความผิดของจิ้งจอกน้อย ส่วนจิ้งจอกน้อย เมื่อข้าเจอนาง นางก็ตัดขาดกับข้าไปแล้ว ไม่ต้องการพบเจอหน้าข้า รังเกียจที่จะพูดคุยกับข้า…เรื่องนี้เก็บกดในใจข้ามาสองปี จนเกือบจะกลายเป็นบาดแผลในใจ ในเมื่อวันนี้มีโอกาส ก็มิสู้พูดออกมาให้ชัดเจน เพื่อคลายความสงสัยของลูกในช่วงหลายปีมานี้”

สีหน้าเยี่ยนฮูหยินกระอักกระอ่วน “เฉินเอ๋อร์ เรื่องราวก็ล่วงเลยมาเนิ่นนาน เจ้ากับอู๋ซวงจะหมั้นหมายกันแล้ว คงจะไม่สมจะเอ่ยถึงเรื่องเก่าที่ผ่านมาแล้วเหล่านั้น เด็กๆ รุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้ายังหนุ่มยังสาว เรื่องอันใดจำต้องทำออกมาให้เห็นผิดชอบชั่วดีด้วย ความจริง…”

“ไม่มีการหมั้นหมาย!” เยี่ยนเฉินพูดทีละคำๆ

ฝูงชนตะลึงงันกันหมดแล้ว

เยี่ยนฮูหยินกับเหลิ่งอู๋ซวงนำธงแจกเทียบเชิญหมั้นหมายมา เหตุใดจะไม่มีการหมั้นหมายแล้ว?

กู้ซีจิ่วกอดอกยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ลูบไล้เทียบเชิญงานสมรสในแขนเสื้อ นี่เป็นเทียบเชิญที่เยี่ยนเฉินมอบให้เธอเองกับมือ จิ้งจอกน้อยเองก็มีอีกหนึ่งใบ…

เช่นนั้นยามนี้เยี่ยนเฉินกำลังเล่นละครอันใดอยู่?

ใบหน้างดงามของเหลิ่งอู๋ซวงซีดขาว อ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่ได้พูดออกมา

เยี่ยนฮูหยินขมวดคิ้ว “เฉินเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรของเจ้า? เจ้าเองที่ตกลงปลงใจเรื่องการหมั้นหมายของเจ้ากับอู๋ซวง ยามนี้เหตุใดจึง…”

เยี่ยนเฉินกล่าว “ท่านแม่ทราบได้อย่างไรว่าลูกตกลงเรื่องการหมั้นหมายครั้งนี้? ลูกแทบจะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับท่านเลย”

“ครั้ง…ครั้งนี้เจ้าไม่ได้มาสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เพื่อแจ้งข่าวกับเหล่าศิษย์พี่น้องหรอกหรือ?”

น้ำเสียงเยี่ยนเฉินเย็นเยือก “ลูกมาที่นี่ ไม่เคยบอกกับคนที่บ้าน ตกลงผู้ใดเป็นคนบอกท่านกันแน่?”

—————————————————————————

บทที่ 1489 เปิดโหมดตบหน้า 3

เยี่ยนฮูหยินกระอึกกระอัก “เฉินเอ๋อร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่เอ่ยกับแม่ แต่เรื่องนี้ก็เป็นความจริง…”

เยี่ยนเฉินตอบอย่างเฉยเมย “ข้ามาสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เนื่องจากได้ยินว่าสำนักเกิดเรื่องขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงมาดู เคยพูดเรื่องหมั้นหมายกับคุณหนูเหลิ่งตอนไหนกัน? สรุปแล้วท่านแม่ฟังมากจากผู้ใดกันแน่?”

หลานไว่หู่เบิกตากว้าง ดูเหมือนคาดไม่ถึงเยี่ยนเฉินจะปฏิเสธเป็นด้วย นางถือเทียบเชิญงานสมรสไว้ในแขนเสื้อคล้ายว่าต้องการจะพูดอะไร…

กู้ซีจิ่ววางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่ของหลานไว่หู่ ส่ายหน้าให้เล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จิ้งจอกน้อยจึงไม่พูดอะไร

เยี่ยนฮูหยินถูกบุตรชายถามจนอ้าปากค้าง กล่าวอ้อมแอ้ม “มีคน…มีคนเห็นเจ้าสั่งทำเทียบเชิญงานสมรส…แม่เกรงว่าเทียบเชิญงานสมรสที่เจ้าทำจะไม่ได้ความ ทำให้ตระกูลเยี่ยนของเราต้องขายหน้า ดังนั้นจึงสั่งทำเป็นพิเศษหลายร้อยฉบับเพื่อเอามาให้เจ้า…”

นางมองเหลิ่งอู๋ซวงแวบหนึ่ง เหลิ่งอู๋ซวงหยิบปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นให้เยี่ยนฮูหยิน

เยี่ยนฮูหยินยื่นให้บุตรชายอย่างคล้ายว่าจะปรารถนาดีอีกครั้ง “เจ้าดูสิว่าถูกใจไหม?”

กู้ซีจิ่วมองเทียบเชิญงานสมรสนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเทียบเชิญปิดทอง ตัวอักษรบนนั้นใช้ผงทองยาลงไปทั้งสิ้น ดูประณีตงดงามกว่าสองใบนั้นที่เยี่ยนเฉินส่งมายิ่งนักจริงๆ

เยี่ยนเฉินกลับไม่รับไว้ “ท่านแม่ไม่ยินดีจะบอกชื่อผู้แจ้งข่าวหรือ?”

เยี่ยนฮูหยินถูกเขาบีบต้อนก็รู้สึกอดสูอยู่บ้าง “เฉินเอ๋อร์ นี่เจ้าต้อนถามแม่อู่ใช่ไหม? งั้นแม่ขอถามเจ้า เจ้าได้สั่งทำเทียบเชิญงานสมรสนี้หรือไม่?”

เยี่ยนเฉินหลับตาลงเล็กน้อย ทว่าไม่ปฏิเสธ “ทำ แต่สั่งทำเพียงสองใบเท่านั้น!”

อันที่จริงเขากำลังต่อสู้ครั้งสุดท้ายอยู่ อยากเห็นท่าทีของจิ้งจอกน้อย ดังนั้นจึงสั่งทำเทียบเชิญปลอมเช่นนี้ขึ้นมา เดิมทีเช้าวันนี้คิดหาทางจะไปพูดกับพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองให้กระจ่าง แล้วทำลายเทียบเชิญเสีย กลับนึกไม่ถึงว่ามารดาเขาจะฉวยโอกาสบุกมา คิดจะทำให้เรื่องราวเลยตามเลยไปเสีย…

ด้วยความเร็วในการเดินทางของพวกมารดาเยี่ยน จะมาที่นี่ต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวัน กล่าวอีกอย่างก็คือ มารดาเยี่ยนทราบเรื่องนี้เมื่อสี่ห้าวันก่อน…

และเมื่อสี่ห้าวันก่อน เทียบเชิญสองใบนี้ของเขาก็มีเพียงหลานเยวี่ยที่บังเอิญเห็นเข้า

เยี่ยนฮูหยินรีบฉวยจุดนี้ไว้ทันที “เฉินเอ๋อร์ เช่นนั้นเจ้าก็สะเพร่าเกินไปแล้ว คนที่นี่ล้วนเป็นสหายร่วมสำนักและผู้อาวุโส เจ้าสั่งทำแค่สองใบจะพอได้อย่างไร? แม่สั่งทำที่เหลือแทนเจ้าก็ไม่ผิดนี่นา…”

เยี่ยนฮูหยินมีความสามารถในการเลี่ยงหนักเป็นเบายิ่งนัก เอ่ยวาจาไม่กี่ประโยคก็กลับไปเป็นฝ่ายบุกได้อีกครั้ง กล่าวอย่างจริงจัง “เฉินเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเจ้าอู๋ซวงมีใจให้กันพวกเจ้าสามารถหมั้นหมายกันได้แม่ก็มีแต่จะยินดีปรีดา และจัดการให้เจ้าเป็นอย่างดี เจ้าควรจะหารือกับแม่ล่วงหน้าสักหน่อยสิ”

น้ำเสียงเยี่ยนเฉินเฉยชา “หรือว่าหลายปีมานี้ท่านแม่ยังไม่รู้จักนิสัยของลูกดี? เฉินเอ๋อร์กับแม่นางเหลิ่งมิได้มีใจต่อกัน ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองจิตใจหรอกขอรับ”

สีหน้าเยี่ยนฮูหยินขรึมลง “เฉินเอ๋อร์ นี่เป็นเจ้าที่ทำไม่ถูก เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานไหนเลยจะทำเหมือนเด็กน้อยเล่นขายของได้? เจ้าทำเช่นนี้จะให้อู๋ซวงเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ล้วนทราบกันทั่วแล้วว่าเจ้ากับนางจะหมั้นหมายกัน…เจ้ากลับพูดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นประการหนึ่ง เช่นนี้วันหน้าจะให้นางวางตัวอย่างไรกัน?”

เยี่ยนเฉินหลุบตาต่ำ “เรื่องนี้เดิมทีมิมีผู้ใดทราบ และไม่มีผลเสียต่อชื่อเสียงของแม่นางเหลิ่ง เป็นท่านแม่เองที่หยิบยกขึ้นมา เฉินเอ๋อร์ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน”

มารดาเยี่ยนค่อนข้างร้อนรนแล้ว “เฉินเอ๋อร์ ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเจ้าที่สั่งทำเทียบเชิญก่อน ถึงทำให้แม่เข้าใจผิดไป…”

นัยน์ตาเยี่ยนเฉินแฝงแววเฉียบคมไว้รางๆ “ท่านแม่ อันที่จริงท่านไม่ได้เข้าใจผิดหรอก แต่การทำโดยเจตนากระมัง? หากว่าลูกต้องการหมั้นหมายกับแม่นางเหลิ่งจริงๆ จะไม่แจ้งให้ท่านพ่อท่านแม่ทราบได้อย่างไร? อีกอย่างการส่งเทียบเชิญให้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เรื่องนี้ตามเหตุผลแล้วเยี่ยนเฉินควรเป็นผู้มาส่งเอง ไหนเลยจะต้องรบกวนให้ท่านแม่พาคุณหนูเหลิ่งวิ่งเต้นมาถึงที่นี่อย่างเป็นจริงเป็นจังด้วย? ท่านแม่ทำเช่นนี้ เป็นเพียงการฉวยโอกาสตามสถานการณ์ ต้องการให้เรื่องราวเลยตามเลย ทำให้เฉินเอ๋อร์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ใช่หรือไม่?”

——————————————————————–

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท