บทที่ 1535 สายตานับหมื่น (2)
นางยังไม่ตาย? นางยังไม่ตายจริงๆ?!
เป็นไปได้หรือไม่? กระโดดลงมาจากที่สูงขนาดนั้น อีกทั้งตอนนั้นนางถูกเขาผนึกพลังวิญญาณไว้…
อีกอย่างล่วงเลยมานานหลายปีแล้ว เหตุใดนางถึงยังมีลักษณะเหมือนกับตอนนั้นได้เล่า? ถึงขนาดว่างดงามกว่าเสียอีก!
ดูเหมือนอายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ…
งดงามชดช้อย ช่วงเวลาที่สวยงามพอดิบพอดี เหมือนนางในช่วงเวลาที่งดงามที่สุดตอนนั้น
เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงมองตัวเอง เส้นผมและหนวดเคราหงอกขาวเป็นตาแก่คนหนึ่งแล้ว!
บางทีอาจไม่ใช่นาง เพียงแค่ใบหน้าคลับคล้าย? มิเช่นนั้นด้วยพลังวิญญาณของนางในตอนนั้นที่ยังไม่ถึงขั้นห้า ไม่มีทางที่จะรักษาใบหน้าเพริศพริ้งในช่วงวัยที่งดงามที่สุดนั้นได้!
รูปลักษณ์นางในตอนนี้ถึงขั้นที่อ่อนเยาว์กว่าตอนที่นางจากเขาไปเสียอีก!
น้องสาวของนาง?
ทว่านางเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูล ไม่มีพี่น้องเลยสักคน…
ในใจกู้เซี่ยเทียนดังคลื่นลมทะเลซัดสาด ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นชั่วขณะหนึ่ง
เสียงโห่ร้องระลอกหนึ่งดังฟ้าคะนอง ทำให้เขาตกใจได้สติกลับมา เขาแหงนหน้า มองเห็นกู้ซีจิ่วบนแท่นสูงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
การเคลื่อนไหวของนางสง่างาม เคล็ดมากมายนับไม่ถ้วนออกจากฝ่ามือนาง ลำแสงเคล็ดมากมายปกคลุมทับซ้อนเป็นชั้นๆ ลำแสงมงคลทอแสงเป็นประกาย สีสันหลากหลาย…
เดิมทีพวกเทียนจี้เยวี่ยเคยทำพิธีประเภทนี้ร่วมกับตี้ฝูอี ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับขั้นตอนดำเนินการ ยามนี้เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วใช้เคล็ดเหล่านี้ได้เหมือนกันกับตี้ฝูอี แทบจะไม่มีความแตกต่าง แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
โดยเฉพาะฮวาอู๋เหยียน เดิมทีนางไม่เคยเห็นกู้ซีจิ่วอยู่ในสายตามาก่อน รู้สึกมาตลอดว่าแม่นางน้อยอย่างกู้ซีจิ่วต่อให้มีความสามารถมากมายขนาดไหนก็ไม่มีทางก่อคลื่นลมพายุได้ยิ่งใหญ่เสียเท่าใด และไม่มีทางแซงหน้าความสามารถของเหล่าสานุศิษย์สวรรค์หลายท่านได้
นึกไม่ถึงว่าไม่ได้พบเจอกันเพียงแค่แปดปี นางกลับฝึกฝนจนบรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว!
ทว่าระยะเวลาแปดปีตัวเองกลับฝึกฝนถึงแค่ขั้นเก้าตอนกลางเท่านั้น เดิมทียังคิดว่านี่ก็นับว่ารวดเร็วยิ่งนักแล้ว ยังคิดจะเห่อเหิมต่อหน้าตี้ฝูอีสักหน่อย นึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วแซงหน้านางไปไกลมากแล้ว…
สายตาที่ฮวาอู๋เหยียนมองกู้ซีจิ่วค่อนข้างลึกลับซับซ้อน เดิมทีนางยังรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ตี้ฝูอีให้ความสำคัญกู้ซีจิ่วเป็นพิเศษ บัดนี้นางกลับพูดจาอันใดไม่ออกแล้ว…
เมื่อเคล็ดสำเร็จ ทั่วทั้งแท่นสูงก่อตัวเป็นรูปแบบพายุหมุน ประหนึ่งพายุคลั่ง โบยบินไปทางคฤหาสน์ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ระลอกเสียงโหยหวนรุนแรงกับเสียงตัวกำแพงพังทลายส่งผ่านมาจากทิศทางนั้น
และผ่านไปอีกครู่หนึ่ง พายุหมุนลูกนั้นหอบหมอกครึ้มนับไม่ถ้วนหมุนวนมา มีระลอกลมเย็น เงาวิญญาณเคลื่อนไหวท่ามกลางหมอกครึ้ม
ราวกับมีคนมากมายนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องร่ำคร่ำครวญอย่างน่าสะพรึงกลัวอยู่ภายใน
อุณหภูมิของทั้งจัตุรัสลดลงตามการหมุนเวียนของพายุหมุนลูกนี้ ชาวบ้านต่างล่าถอยหลบอยู่ด้านหลังโดยสัญชาตญาณ…
ทว่ายังดี ถึงแม้เงาร่างท่ามกลางหมอกครึ้มจะพุ่งชนจากซ้ายไปขวาอยู่ภายใน ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้พุ่งชนจนทำลายม่านกำบังพายุหมุนด้านนอกที่เปล่งลำแสงสีขาว ถึงแม้เงาร่างเหล่านั้นจะดุร้ายแค่ไหนก็ไม่อาจข่มขู่ชาวบ้านด้านนอกได้
พายุหมุนหมอกครึ้มพัดผ่านไปบนแท่นสูงทันใด สานุศิษย์สวรรค์ทั้งสี่ร่วมกันออกแรง กู้ซีจิ่วที่อยู่กลางแท่นสูงค่อยๆ โบยบินขึ้นไป ประคองด้วยฝ่ามือที่งดงาม พายุหมุนหมอกครึ้มลูกมหึมาดังขุนเขารวมตัวกันเป็นลูกกลมใหญ่ยักษ์อย่างมิอาจเปรียบเทียบได้ ลอยล่องกลางอากาศบนศีรษะเธอ…
เมฆหมอกมืดมิดดังขุนเขาเหนือแท่นสูง กลับไม่อาจบดบังอาภรณ์ขาวนั้นของกู้ซีจิ่วได้ นางยืนอย่างงามสง่าดุจหลักกลางกระแสชล หนักแน่นดั่งภูผา ทำให้ผู้คนมีความมั่นใจ!
เดิมทีพวกชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างเมื่อมองเห็นวิญญาณอาฆาตมากมายเพียงนี้ เกรงว่ากู้ซีจิ่วอายุยังน้อยจะควบคุมไว้ไม่ได้ ทำให้วิญญาณอาฆาตเหล่านี้หลุดมาสร้างความหายนะแก่ผู้คน
ทว่าเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็ค่อยวางใจลงได้
ที่แท้ต่อให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่อยู่ แม่นางกู้ท่านนี้ก็ทำถึงขั้นนี้ได้เช่นกัน! และทำให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี!
เกรงว่าความสามารถของนางจะเทียบชั้นกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้แล้วกระมัง?
ไม่แน่อาจทำได้ดียิ่งกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเสียอีก!
สองปีมานี้ เนื่องจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมทำแต่สิ่งชั่วร้ายให้ตี้ฝูอีเป็นแพะรับบาป ทำให้ชาวบ้านเกลียดชังทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจนเข้ากระดูกดำ
ถึงแม้ไม่กี่วันมานี้พวกชาวบ้านได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นคนที่เกลียดชังมาเป็นเวลาสองปี ชาวบ้านยังคงรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่บ้าง…
ไม่ได้บูชาตี้ฝูอีอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อแปดปีก่อนหน้านี้
ความจริงจิตใต้สำนึกของชาวบ้านก็คาดหวังอย่างยิ่งว่าจะมีใครสักคนที่น่าเชื่อถือเข้ามาแทนที่ตำแหน่งทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้…
และกู้ซีจิ่วก็เป็นไปตามความคาดหวังของชาวบ้านพอดี! ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือนางเป็นคนของอาณาจักรเฟยซิงที่แท้จริง เป็นคนกันเองของพวกเขา!
ดังนั้น เมื่อกู้ซีจิ่วใช้วิชาส่งวิญญาณอาฆาตท่ามกลางหมอกครึ้มเหล่านั้นทีละดวงๆ พวกชาวบ้านกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ส่งเสียงชมเชยและโห่ร้องระลอกแล้วระลอกเล่า…
ซุ่มเสียงนั้นดังกึกก้องยิ่งกว่าตอนที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทำพิธีด้วยซ้ำ!
เมื่อส่งวิญญาณดวงสุดท้ายสำเร็จลุล่วงและกระจัดกระจายไปกลางอากาศ ทั่วทั้งจัตุรัสส่งเสียงปรบมือดังก้องประหนึ่งฟ้าร้อง โห่ร้องชื่อกู้ซีจิ่วต่อเนื่องกันเป็นระลอก
กู้ซีจิ่วสามคำนี้ราวกับมีพลังวิเศษ ทำให้คนมากมายนับไม่ถ้วนบ้าคลั่ง…
กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนแท่น หลุบตาลงมองด้านล่าง
ศีรษะของผู้คนเนืองแน่น สามารถใช้คำว่ามืดฟ้ามัวดินมาอธิบายได้เลย
เธอสูดลมหายใจเข้าเบาๆ รู้ตัวว่ายามนี้ตัวเองเป็นที่จับจ้องของสายตานับหมื่น
ทำให้เธอคิดถึงเนื้อเพลงประโยคหนึ่งขึ้นมา ‘ท่ามกลางผู้คนนับหมื่น ดื่มด่ำเกียรติยศกว้างไกลนั้น…’
เธอจำได้ตอนเธอเพิ่งทะลุมิติมา ถูกตี้ฝูอีจับตัวและบีบบังคับให้ทำการทดสอบ เขาได้รับการสนับสนุนจากผู้คนนับหมื่น ทุกที่ที่เขาไปล้วนมีแต่คนคุกเข่าคารวะ แต่เธอกลับเหมือนหนูข้างถนนที่ทุกคนดูถูกเหยียดหยาม…
ตอนนั้นเธออิจฉาเขา ถึงขั้นสาบานในใจ แม้ต้องยื้อแย่งก็ต้องมีเกียรติยศอย่างเขาให้ได้ ต้องเท่าเทียมกับเขาให้ได้! ตอนนั้นเธอกับเขาแตกต่างกับราวฟ้ากับดิน ห่างไกลกันลิบลับ ทว่าตอนนี้ในที่สุดเธอก็เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้แล้ว!
ในที่สุดก็ถึงจุดมุ่งหมายที่เธอวาดหวังไว้ ทว่ากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่จินตนาการไว้ขนาดนั้น…
อำนวยการส่งวิญญาณครั้งนี้ทำให้เธอเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก สิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปมากมาย ในช่วงหลังเธอเกือบจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่…
ทว่าร้ายดีอย่างไรเธอก็กัดฟันยืนหยัดต่อมา นับได้ว่าทำหน้าที่สำเร็จลุล่วงได้อย่างราบรื่น
เธอยิ่งได้รับความรักและความเคารพจากชาวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เหตุใดตี้ฝูอีไม่มา?
ถึงแม้ว่างานนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก ทว่าก็เป็นช่วงเวลาที่จะได้ใจผู้คนกลับคืนมา ชื่อเสียงของเขาถูกเจ้าตัวปลอมทำลายเสียจนหมดสิ้น เขายิ่งควรไขว่คว้าโอกาสนี้เพื่อเอาชนะใจชาวบ้านกลับมาไม่ใช่หรือ?
เขามีเรื่องคับขันเร่งด่วนอันใดต้องไปจัดการกันแน่?
หรือว่าร่างกายของเขาเกิดอาการผิดปกติขึ้นมา?
คำถามเริ่มผุดขึ้นในใจเธออีกครั้ง…
แทบอยากจะรีบไปหาเขาเพื่อดูสักหน่อย
พิธีส่งวิญญาณประสบความสำเร็จด้วยดี ชาวบ้านยังคงพูดคุยโห่ร้องกันอยู่ด้านล่าง ไม่ยอมแยกย้ายกันไปไหนอยู่นาน
ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะลงจากแท่น ฮวาอู๋เหยียนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าอันงดงาม “แม่นางกู้ ยินดีด้วย! ยินดีด้วย! ด้วยแนวโน้มเช่นนี้ วันที่แม่นางกู้จะแซงหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคงอยู่ใกล้แค่เอื้อม! แม่นางกู้มิใช่สานุศิษย์สวรรค์ทว่ายอดเยี่ยมเหนือกว่าสานุศิษย์สวรรค์ เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองนางแวบหนึ่ง เธอเข้าใจว่านางเป็นเดือดเป็นร้อนแทนตี้ฝูอี ดังนั้น ภายในคำพูดของนางจึงแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเหน็บแนม…
เห็นแก่ความชอบที่เมื่อสักครู่นางให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กู้ซีจิ่วจึงไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย เพียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
เธอไม่ทันได้ระวังตัว ฮวาอู๋เหยียนก็จับมือเธอไว้แน่น “แม่นางกู้ มา ให้พวกเราได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันยิ่งขึ้น”
ความตั้งใจเดิมของนางเพียงแค่คิดจะใช้พลังฝ่ามือบีบนิ้วมือของกู้ซีจิ่วให้เจ็บปวด นึกไม่ถึงว่านางเพิ่งจับมือของกู้ซีจิ่วไว้ ก็ถูกอีกฝ่ายดูดพลังวิญญาณในร่างกายไปอย่างรวดเร็ว!
ใบหน้านางถอดสี “เจ้า…เจ้าใช้วิชามารอันใด?!”