บทที่ 1798 วิวาห์ 5
เขาอุ้มเธอลงมาจากเกี้ยวมงคลท่ามกลางสายตาของปวงประชา เรียกสายตาตกตะลึงจากฝูงชนที่มุงดูอยู่อีกครั้ง
ที่แห่งนี้ จักรพรรดิของสามอาณาจักรต่างนำเหล่าข้าราชบริพารของตนมากันหมด
เหล่าผู้นำของสำนักต่างๆ ก็มากันทั้งสิ้น บรรยากาศรื่นเริง ผู้คนเนืองแน่น ไม่อาจมองเห็นขอบเขตได้ภายในแวบเดียว
เดิมทีคนเหล่านี้ไม่ว่าจะเผยตัวขึ้นที่ใดในแผ่นดินล้วนสามารถดึงดูดเสียงแตกตื่นฮือฮาได้ สามารถทำให้ประชาชนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเป็นวันๆ
แต่ตอนนี้คนเหล่านี้ยืนออกันอยู่ที่นั้นเสมือนผักกาดขาว แน่นขนัดไปหมด…
ไม่มีผู้ที่สูงส่งที่สุด มีแต่ผู้ที่สูงส่งยิ่งขึ้นไปอีก ถ้ามีก้อนอิฐหล่นลงมาจากท้องฟ้า คงจะกระแทกโดนศีรษะของเจ้าสำนักสักสามสี่คน
ผู้คนเหล่านี้กล่าวได้ว่าเป็นผู้คนที่มีโลกทัศน์กว้างขวางที่สุดแล้ว แต่เมื่อเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวลงมาจากรถม้า ซ้ำยังอุ้มไว้ไม่ปล่อยอยู่ตลอดเช่นนี้ พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!
หากว่าเป็นคนอื่นที่ทำเช่นนี้ เกรงว่าคงถูกกรมพิธีการที่อยู่ที่นี่ด้วยกระโจนออกมาด่าทอแล้ว กล่าวว่าขัดต่อธรรมเนียม แต่นี่เป็นงานวิวาห์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กับทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดิน…
ไม่มีผู้ใดกระโจนออกมาชี้หน้าติเตียนอย่างสายตาไม่มีแววได้ ต่อให้มอบความกล้ามหาศาลให้พวกเขาก็ไม่กล้า!
คนเหล่านี้มีอยู่หลายคนที่มาด้วยกันกับภรรยา เมื่อบรรดาฮูหยินเหล่านั้นได้เห็นฉากนี้ก็เต็มไปด้วยความรู้ที่หลากหลาย
ยามที่สามีของพวกนางไปสู่ขอพวกนาง ล้วนเป็นการสู่ขออย่างเป็นพิธีการ จัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่
แต่เมื่อนำมาเทียบกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เป็นคนกระจ้อยร่อยพบผู้ยิ่งใหญ่อหังการอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
สามีของพวกนางจูงพวกนางลงจากเกี้ยวได้ก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว แต่ยามนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับอุ้มเจ้าสาวของเขา!
บุคคลที่สูงส่งเหนือปวงชนเช่นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าเชื่อว่าจะอุ้มเจ้าสาวของตนเข้าพิธี!
อีกทั้งการอุ้มนี้ยังอุ้มอย่างแนบชิดยิ่งนักอีกด้วย ดั่งมุกดุจหยก ราวกับประคองสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดเอาไว้ก็มิปาน
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปเข้าพิธี เดิมทีฉากนี้สมควรทำให้ทั้งโลกตื่นตะลึงได้ แต่ในสายตาของฝูงชนกลับดูเข้ากันเป็นอย่างยิ่ง!
สายตานับไม่ถ้วนมองที่ร่างของสองคนนี้
หลงซือเย่ก็อยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้เช่นกัน เมื่อเขาได้เห็นฉากนี้ ในใจคล้ายจะมีสารพัดอารมณ์ซัดโหมอยู่
ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เขาก็เคยคิดว่าหลังจากคืนดีกับกู้ซีจิ่วแล้วจะจัดงานแต่งงานขึ้น เขาย่อมทราบถึงธรรมเนียมการแต่งงานของคนยุคปัจจุบัน เข้าใจว่ากู้ซีจิ่วต้องการอะไร และเคยคิดว่าเมื่อถึงวันแต่งงานจะอุ้มเธอขึ้นเกี้ยวดีไหม จะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนทั่วหล้าหรือไม่…
เขาขบคิดมากมายเกินไป พะวงมากเกินไป ดังนั้นจึงสูญเสียไปมากมายเหลือเกิน…
บางสิ่งเมื่อสูญเสียไปแล้วก็ตามกลับมาไม่ได้อีกตลอดกาล!
สายตาเขาร่อนลงบนร่างของกู้ซีจิ่วอีกครั้ง เธอซุกอยู่ในอ้อมอกของตี้ฝูอี สองแขนโอบคอของตี้ฝูอีไว้ เธอคลุมหน้าเอาไว้ เขาจึงมองไม่เห็นว่าเธอมีสีหน้าอย่างไร แต่ดูจากท่าทางแล้วกลับมีท่าทีไว้เนื้อเชื่อใจยิ่งนัก…
เธอไม่เชื่อใจใครง่ายๆ บนโลกใบนี้คนที่ทำให้เธอยอมเชื่อทั้งกายใจได้คงจะมีแค่ตี้ฝูอีคนเดียวเท่านั้น!
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีอาการอึดอัดจากการอยู่ท่ามกลางสายตาของฝูงชนเลย เธออิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของคนผู้นั้นอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับขอเพียงมีคนผู้นั้นอยู่ข้างกาย ต่อให้โลกนี้พังทลายลงมาในชั่วพริบตาเธอก็ไม่ไยดี…
จู่ๆ หลงซือเย่ก็นึกถึงประโยคหนึ่งที่กู้ซีจิ่วเคยเอ่ยไว้ในสมัยที่เคยเป็นนักฆ่า ‘ไม่ปรารถนาจะพึ่งพาใครไปชั่วชีวิต เนื่องจากหากวันหนึ่งคนผู้นั้นเกิดอุบัติเหตุใดขึ้น โลกของเธอก็จะพังทลายไปด้วย คนเดียวที่สามารถพึ่งพาได้มีแต่ตัวเองเท่านั้น’
นี่เคยเป็นคติพจน์ของเธอ ตอนนี้เธอทิ้งคติพจน์นี้ไปแล้วสินะ?
อันที่จริงแล้วตี้ฝูอีเคยผิดต่อเธอตั้งหลายหน เธอลืมเลือนได้อย่างว่องไวปานเมฆหมอกเคลื่อนผ่านเช่นนี้เชียวหรือ?
ยัยเด็กโง่คนนี้!
หลงซือเย่ทั้งจนปัญญาและไม่ยินยอม ตัดสินไว้ว่าถ้ามีเวลามีโอกาสจะต้องไปเตือนกู้ซีจิ่วสักสองสามประโยค…
ถ้าตัดจิตใจที่สับสนว้าวุ่นของเขาออกไป กู้ซีจิ่วในตอนนี้มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
————————————————————–
บทที่ 1799 วิวาห์ 6
ถ้าตัดจิตใจที่สับสนว้าวุ่นของเขาออกไป กู้ซีจิ่วในตอนนี้มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอตั้งใจลืมความทุกข์ทั้งหมด รับรู้เพียงความอบอุ่นที่เขามอบให้เธอ
วันนี้เป็นวันสำคัญของเธอและเขา เธอปล่อยวางสิ่งที่ไม่เป็นสุขทั้งหมดลงแล้ว รับรู้เพียงสิ่งที่สวยงามที่สุด!
ท่ามกลางสายตาจดจ้องของมวลประชา เขาอุ้มนางเดินผ่านประตูบานแล้วบานเล่า ด้านหลังมีเสียงครื้นเครงดังขึ้นไม่ขาดสาย เสียงประทัดดังก้องไม่รู้จบ
กระทั่งเดินเข้ามาถึงใจกลางโถงพิธีที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศอันเป็นมงคล เขาถึงยอมวางนางลง
โถงพิธีประดับตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ใจกลางโถงพิธีแขวนอักษรตัวใหญ่ว่า ‘ฟ้าดิน’ เอาไว้
ในทวีปแห่งนี้ ใจกลางโถงพิธีมงคลของบ่าวสาวจะแขวนอักษร ‘เทพศักดิ์สิทธิ์’ ไว้ เนื่องจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คือเทพผู้พิทักษ์ดูแลทวีปแห่งนี้
บัดนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะแต่งงาน เขาย่อมไม่อาจแขวนชื่อของตัวเองไว้ได้ สิ่งเดียวที่เขาจะคำนับได้ก็คือ ‘ฟ้าดิน’ เท่านั้น
สักขีพยานรักในวันนี้ก็คือกู่ฉานโม่ ความปิติยินดีแสดงออกผ่านสีหน้า ดีใจเสียจนหนวดเคราทุกเส้นคล้ายจะชี้ขึ้นมาแล้ว
เห็นชัดว่าเขาได้รับการฝึฟลำดับพิธีการมาล่วงหน้าแล้ว การบรรเลงดนตรีวิวาห์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามลำดับพิธีการปกติของทวีปนี้
เขาเอ่ยถามตี้ฝูอี้ก่อน “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านยินดีจะรับทูตสวรรค์กู้ซีจิ่วผู้นี้เป็นภรรยาหรือไม่ จะรักนางคนเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ทอดไม่ทิ้งนาง ยอมทำทุกอย่างที่นางปรารถนา นางสั่งให้ท่านไปซ้ายก็ไปซ้ายไม่ขัดขืน นางให้ท่านทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้นไม่บ่นแสดงความไม่พอใจ…”
เมื่อถามคำถามเหล่านี้ออกมา ไม่เพียงแต่ตี้ฝูอีเท่านั้นที่ชะงักงัน แขกเหรื่อเต็มห้องโถงต่างตะลึงงันเช่นเดียวกัน! บางคนกลั้นไม่อยู่หลุดขำออกมา
หลงซือเย่ได้ยินแล้วยอมใจจริงๆ ทอดมองกู่ฉานโม่พลางแอบส่ายหน้าเบาๆ คำถามเหล่านี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากู้ซีจิ่วสอนมา ยัยคนนี้คัดลอกคำพูดสมัยใหม่มามากมาย และยังมีที่มาจากในละครอีก…
หากตอบรับคำกล่าวชุดนี้ ภายภาคหน้าก็จะได้ขึ้นชื่อว่ากลัวภรรยาอย่างเห็นได้ชัด!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นบุคคลที่ผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่ง เขาจะยอมรับไหม?
สายตานับไม่ถ้วนจดจ้องไปทางตี้ฝูอี อยากเห็นว่าเขาจะแก้สถานการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างไร
ตี้ฝูอีผงะไปเล็กน้อย ชำเลืองมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง แม้ว่านางจะคลุมหน้าอยู่เขาจึงมองไม่เห็นใบหน้าของนาง ทว่าเขารู้ดีว่านางกำลังมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง รอคอยคำตอบจากเขาอยู่
เขาหยักมุมปากยิ้ม ตอบรับจริงจัง “ข้ายินดี”
ผู้คนรอบข้างพลันเงียบสนิท!
ทว่าตามมาด้วยเสียงฮือฮาครื้นเครงราวกับหม้อน้ำเดือด มีทั้งเป่าปากหวีดหวิว ยิ้มเริงร่าอย่างอดไม่ได้ แน่นอนว่ามีบ้างที่แอบส่ายหน้า
กู่ฉานโม่ยกมือขึ้นปรามให้ทุกคนเงียบเสียงลง เขายังมีถ้อยคำจะถามเจ้าสาว
ทุกคนพากันเงียบสงบ สายตาจดจ่อตั้งใจรอนับไม่ถ้วนมองไปทางกู่ฉานโม่ อยากรู้ว่าเขาจะถามอะไรที่ทั้งโลกต้องตะลึงออกมาได้อีก
กู่ฉานโม่มองไปทางกู้ซีจิ่ว “แม่นางกู้ ท่านยินดีจะเป็นภรรยาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูหรือไม่ จะรักเขาคนเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ว่าเขาจะอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่ จะขอเป็นภรรยาของเขาเพียงคนเดียว ไม่รักใครอื่น และจะไม่แต่งงานกับคนอื่นอีก…”
เมื่อเอ่ยคำถามนี้ออกมา ผู้คนต่างตกตะลึง!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะไม่อยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร?
บนโลกใบนี้ทุกคนล้วนต้องตาย แต่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะยังดำรงอยู่!
กู่ฉานโม่โดนลาเตะสมองมาหรือ? ถึงได้ถามอะไรปัญญาอ่อนเช่นนี้ออกมาได้!
อีกทั้งในวันมงคลถามอะไรเช่นนี้ออกมาดีแล้วงั้นหรือ?
ในหัวของผู้คนผุดความสงสัยขึ้นมานับไม่ถ้วน ฮวาอู๋เหยียนที่ยืนชมอยู่ด้านข้างมาตลอดพลันอดไม่ได้เอ่ยถามไป “เจ้าสำนักกู่ นี่ท่านถามอะไรกัน?! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นอมตะไม่มีวันตาย ท่านถามเช่นนี้ไม่เท่ากับสาปแช่งเขาหรือ!”
ในใจกู่ฉานโม่ก็ขื่นขม คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่กู้ซีจิ่วเตรียมให้ก่อนพิธีการแล้ว
—————————————–