ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1820+1821

บทที่ 1820+1821

บทที่ 1820 ถ้าท่านทำเช่นนี้ข้าจะเกลียดท่าน!

“เจ้านาย ท่านฝันร้ายอะไรเหรอ? ร้องไห้เสียงดังมากเลย…” ทำเอาเจ้าหอยยักษ์ตกใจแทบตาย!

กู้ซีจิ่วสูดหายใจลึกๆ ลุกพรวดขึ้นมาทันที “พวกเราหาทางออกไปกันเถอะ! ออกไปกัน!” เสียงของเธอสั่นพร่าแล้วเช่นกัน

เจ้าหอยยักษ์ยังคงฉงนอยู่ “เจ้านาย พวกเรายังหาเห็ดมรรคาม่วงไม่เจอเลยนะ อีกอย่างยังเหลือเวลาอีกตั้งสองวันด้วย…จะล้มเหลวในขั้นสุดท้ายไม่ได้นะ”

ถึงแม้มันจะอยากออกไปตั้งนานแล้ว แต่มันก็รู้ดีว่าเห็ดมรรคาม่วงสำคัญกับเจ้านายมากเพียงใด!

ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เข้ามาสักหน ถ้ากลับไปมือเปล่าช่างน่าเสียดายนัก!

ทว่ากู้ซีจิ่วกลับทนไม่ไหวแล้ว “ข้าจะออกไปก่อนสักรอบ!” เธอต้องออกไปดูเขา ยืนยันว่าเขาไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นแล้วค่อยเข้ามาตามหาอีกครั้ง…

ในแดนต้องห้ามนี้ไม่อาจสื่อสารกับโลกภายนอกได้ มิเช่นนั้นเธอคงใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อหาตี้ฝูอีไปนานแล้ว!

เธอกระโจนออกมาจากเปลือกของเจ้าหอยยักษ์ เนื่องจากร้อนใจเกินไป กระสับกระส่ายเกินไป ยามที่เธอลงสู่พื้นจึงสะดุดเล็กน้อย! หวิดจะล้มคว่ำลงบนพื้นแล้ว

ลู่อู๋กำลังคอยอยู่ด้านนอกอย่างร้อนรน มันก็สายตามีแววเช่นกัน รีบก้าวเข้าไปแล้วใช้หางพยุง ให้กู้ซีจิ่วยืนอย่างมั่นคง ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เจ้านาย ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “พวกเราออกไปก่อนเถอะ! ออกไปกัน!” เธอไม่คิดชักช้าต่อแม้แต่วินาทีเดียวแล้ว!

ตี้ฝูอีเคยสอนวิธีออกไปจากที่นี่ให้เธอ เพียงแต่ต้องไปยังสถานที่แห่งนั้นที่เธอร่อนลงตอนเข้ามา

ช่วงที่เธอค้นหาอยู่ด้านใน ไม่อาจปล่อยผ่านสถานที่ใดไปได้ ย่อมไม่สามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายได้ ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าต้องการจะกลับออกไป ย่อมไม่คำนึงถึงสิ่งใดแล้ว

เนื่องจากเธอเข้าสู่พื้นที่ส่วนลึกแล้ว ต่อให้ใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับไปก็ยังต้องใช้เวลาถึงสามชั่วยาม

เธอคว้าเจ้าหอยยักษ์ด้วยมือซ้าย ลากลู่อู๋ด้วยมือขวา “พวกเราไปกันเถอะ!”

ไม่รอให้เจ้าสองตัวนี้ได้เอ่ยอะไรอีก เธอก็เริ่มใช้วิชาเคลื่อนย้ายรอบแรกแล้ว…

เมื่ออยู่ในแดนต้องห้ามความเร็วในการเคลื่อนย้ายจะเชื่องช้ากว่ายามปกติมาก ในหนึ่งครั้งสามารถเคลื่อนย้ายได้เพียงยี่สิบกว่าลี้เท่านั้น ส่วนเธอก็เข้ามาลึกถึงเจ็ดแปดร้อยลี้แล้ว!

เธอหิ้วเจ้าสองตัวไว้ หลังจากใช้วิชาเคลื่อนย้ายต่อเนื่องกันกว่ายี่สิบครั้ง ก็หยุดในเส้นทางหุบเขาสายหนึ่ง

เดิมทีเธอก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ต้องใช้วิชาเคลื่อนย้ายต่อเนื่องกันเช่นนี้อีก จึงเหนื่อยล้าจนมือเท้าอ่อนแรง ลำคอก็ฝาดเฝื่อนแห้งผาก

สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องสำคัญคือฉากตี้ฝูอีดับขันธ์ในความฝันที่แวบเข้ามาในสมองของเธออยู่เนืองๆ ทำให้จิตใจเธอกระวายกระวายอย่างยิ่ง

ความฝัน! เป็นความฝันแน่นอน!

ต้องเป็นเพราะเธอพะวงถึงเขามากเกินไปแน่ๆ กลัวการดับขันธ์เกินไป ดังนั้นถึงได้ฝันอัปมงคลเช่นนี้!

ยังไม่ถึงเส้นตายของตี้ฝูอีชัดๆ ยังเหลืออีกตั้งหกวัน!

จะเกิดขึ้นก่อนกำหนดได้อย่างไร?

เรื่องเท็จ เป็นเรื่องเท็จแน่นอน!

แต่ว่า ความฝันในอดีตที่ผ่านมาของเธอเป็นความจริง หากว่าครั้งนี้ก็เป็นความจริงด้วยล่ะ?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าตี้ฝูอีคำนวณได้ว่าอายุขัยของตนจะหดสั้นลงอีกสองสามวัน ไม่อยากให้เธอเห็นฉากที่เขาดับขันธ์ จึงเจตนากันเธอออกไป?

ไม่แน่ว่าที่เธอฝันเกี่ยวกับเห็ดมรรคาม่วงก็อาจเป็นเรื่องเท็จด้วย! เป็นเขาที่บงการ…

ไม่! จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้!

ตี้ฝูอี ถ้าท่านทำเช่นนี้ข้าจะเกลียดท่าน!

ข้าพูดจริงทำจริง ข้าจะเกลียดท่านไปจนตาย…

คลื่นความคิดสารพัดหมุนวนอยุ่ในสมองเธอราวกับกังหัน หยาดน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เบื้องหน้าเธอพร่าเลือนเป็นครั้งคราว..

“เจ้านาย ท่านร้องไห้อีกแล้วหรือ?”

เจ้าหอยยักษ์มองเธออย่างเป็นกังวล เห็นว่าสีหน้าเธอซีดเซียวทว่าเปรอะไปด้วยน้ำตา “สรุปแล้วท่านฝันถึงอะไรกันแน่?”

เจ้าหอยยักษ์ค่อนข้างสำนึกเสียใจอยู่บ้าง หากรู้เช่นนี้แต่แรก มิสู้ไม่ปล่อยให้นางหลับเลยดีกว่า!

กู้ซีจิ่วใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาอย่างรุนแรงทีหนึ่ง เธออยากจะเอ่ยวาจา แต่ลำคอของเธอดั่งถูกผนึกไว้ พูดไม่ออกชั่วขณะ

เจ้าหอยยักษ์สัมผัสได้ว่ามือน้อยๆ ของนางเย็นเฉียบ ปวดใจนัก “เจ้านาย ท่านพักหายใจดื่มน้ำดื่มท่าหน่อยเถิด”

——————————————————————-

บทที่ 1821 ท่านดูสินั่นคืออะไร?

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ไม่เป็นไร…”

จิตใจเธอเร่งอยากกลับไปปานลูกศรที่พุ่งออกจากคันธนู ขณะที่กำลังจะพาทั้งสองตัวใช้วิชาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง จู่ๆ ลู่อู๋ก็ตะโกนขึ้นมา “เอ๊ะ เจ้านาย ท่านดูสินั่นคืออะไร?”

กู้ซีจิ่วถูกเสียงตะโกนของมันทำให้ตกใจ หันมองไปทางที่พวงหางของมันชี้ไป มองเห็นว่าบนเนินเขาตรงริมผาแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าปรากฏสีม่วงอยู่หลายหย่อม

เนื่องจากมียอดเขาแห่งหนึ่งขวางกั้นอยู่ กู้ซีจิ่วจึงมองไม่เห็นภาพรวมของที่นั่นเช่นกัน

แต่สีม่วงที่สดใสเจิดจ้าถึงเพียงนั้น…

เธอใจสั่นแวบหนึ่ง ไม่คำถึงสิ่งใดแล้วใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้าไปทันที!

ดงเห็ดมรรคาม่วงผืนใหญ่!

ไม่ผิดเพี้ยนจากที่เธอเห็นในความฝันเลย เห็ดมรรคาม่วงสีม่วงสดใสเหล่านั้นแต่ละดอกดั่งมือของโฉมงามที่กำลังทำมุทราอยู่ จรดนิ้วกรีดกรายท่ามกลางเปลวเพลิง โยกไหวโอนเอน สะเก็ดไฟแห่งความหวังอันน้อยนิดในใจเธอก็โยกไหวตามเช่นกัน

เธอหาเจอแล้ว! สวรรค์ เธอหาเจอแล้วจริงๆ!

ความฝันนั้นไม่ได้หลอกลวงเธอ เห็นทีว่าความฝันนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ตี้ฝูอีจัดฉากขึ้นเพื่อกันเธอออกไป และสิ่งนี้ก็มีตัวตนอยู่จริงๆ

หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นกระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง! ทว่าครั้งนี้กลับเป็นการเต้นด้วยความปีติยินดี

ความฝันนั้นชักนำเธอมาที่นี่ อีกทั้งเห็ดมรรคาม่วงก็มีตัวตนอยู่จริง นั่นยืนยันแล้วว่าสวรรค์ก็ต้องการให้เธอช่วยเหลือตี้ฝูอี!

ความฝันตอนที่เธออยู่ในเปลือกของเจ้าหอยยักษ์เห็นทีจะเกิดขึ้นเพราะห่วงพะวงเกินไปไม่ใช่ความจริงเป็นแน่

ในเมื่อสวรรค์มอบความหวังให้เธอแล้ว คงไม่ริบความหวังไปจากเธออีกกระมัง?!

ความคิดสารพัดวนเวียนอยู่ในสมองเธอ ตัวคนเหินทะยานเข้าไปแล้ว ยื่นมือไปหมายจะเก็บเห็นมรรคาม่วง…

“เจ้านาย ระวัง!” ลู่อู๋โผเข้ามาในทันใด!

ในเวลาเดียวกันนี้ มังกรยักษ์สีเพลิงตัวหนึ่งได้พุ่งออกมาจากดงเห็นมรรคาม่วงผืนนั้น อ้าปากพ่นไฟใส่กู้ซีจิ่ว!

กู้ซีจิ่วหวิดจะโดนมันพ่นถูก รีบจรดนิ้วร่ายอาคม สกัดกั้นไว้

ส่วนลู่อู๋ก็สะบัดหางสร้างลำแสงเพลิงสายหนึ่งมาต้านรับเปลวเพลิงสายนั้นไว้…

ลู่อู๋ถูกเปลวเพลิงสายนั้นพุ่งใส่จนเซถอยไปสองสามก้าว มันเบิกดวงตากลมโต ตวัดอุ้งเท้าเล็กๆ ขึ้นมา “เป็นสัตว์ร้ายขั้นแปด!”

เจ้าหอยยักษ์ก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน สองฝาของมันส่องประกายเยียบเย็นดุจคมมีด “ไม่เพียงแต่เป็นสัตว์ร้ายขั้นแปดเท่านั้น ยังเป็นระดับสุดยอดในขั้นแปดด้วย! เสี่ยวลู่ เราสองตัวร่วมมือกันปราบมันเถอะ!”

ลู่อู๋พุ่งทะยานขึ้นมาแล้ว “ได้! เจ้าระวังหน่อยนะ อย่าให้มันย่างเจ้าสุกเอาได้!”

หางทั้งเก้าของมันโบกสะบัดปานกังหันลม โจมตีมังกรยักษ์สีเพลิงตัวนั้น…

เจ้าหอยยักษ์ขยายร่างให้ใหญ่โตกว่ายามปกติสิบเท่า ประหนึ่งเรือนหลังใหญ่ที่เคลื่อนไหวได้ และหนูน้อยที่ยืนอยู่บนเรือนใหญ่หลังนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นนักรบกายาทองแล้ว สองมือชักทวนอสรพิษ[1]เล่มหนึ่งออกมาจากในเปลือก กลิ้งตะลุยเข้าโรมรันกับมังกรยักษ์ตัวนั้น

ถึงแม้มังกรยักษ์ตัวนั้นจะไม่มีร่างมนุษย์ ทว่าพูดภาษามนุษย์เป็น มันต่อสู้โรมรันกับสองตัวนี้ไปพลาง ร้องตะโกนไปพลาง “ข้าผู้เป็นมังกรเฝ้าพิทักษ์ที่นี่มาหมื่นปีแล้ว เฝ้าคอยให้เห็ดมรรคาม่วงของที่นี่เติบโต! พวกเจ้าจะปล้นชิงไปไม่ได้! รีบล่าถอยไปโดยเร็ว! เห็นแก่พวกเจ้าที่ฝึกฝนบ่มเพาะมาอย่างยากลำบาก ข้าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต้องการสร้างความลำบากให้พวกเจ้า…”

เสียงนั้นก้องกังวานปานระฆังทอง แทบจะสะท้อนไปทั่วปฐพี

สั่นสะเทือนแก้วหูของผู้ฟัง

หมื่นปี?

ระดับการฝึกฝนของมังกรตัวนี้อย่างน้อยๆ ก็หมื่นปีเชียวหรือ?!

เจ้าหอยยักษ์รู้สึกว่าตนเป็นผู้อาวุโสในโลกนี้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังมีผู้ที่อายุมากกว่ามันขนาดนี้อยู่อีก!

ทวนอสรพิษของมันชะงักไปเล็กน้อย เพ่งพิศมังกรยักษ์ตัวนั้นอยู่สามสี่ครา แผ่นเกล็ดบนร่างมังกรตัวนั้นเป็นสีแดงสด ยามที่เหินร่อนจะส่องประกายพราวระยับดั่งสายรุ้งเส้นหนึ่ง

ดวงตาลุกวาวดั่งโคมไฟสองดวง อบอวลด้วยไอดุร้าย

สัตว์วิเศษหมื่นปี!

ไม่อาจยุแหย่ได้ง่ายๆ!

หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าเจ้าหอยยักษ์พบผู้ที่ระดับขั้นสูงส่งกว่ามันเช่นนี้ มันเผ่นหนีไปนานแล้ว!

แต่ตอนนี้ มันถอยไม่ได้…

———————————————————————–

[1] ทวนอสรพิษ เป็นทวนยาวรูปทรงโค้งหยักไปมาดั่งงูเลื้อย บริเวณปลายคล้ายจันทร์เสี้ยวขนาดเล็กหรือเป็นแฉกดั่งลิ้นงู เป็นอาวุธคู่ใจของเตียวหุยจากเรื่องสามก๊ก

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท