ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 2292 ราชันย์มาร 6 / บทที่ 2293 ราชันย์มาร 7

บทที่ 2292 ราชันย์มาร 6 / บทที่ 2293 ราชันย์มาร 7
บทที่ 2292 ราชันย์มาร 6
ที่แท้สัมผัสของตนก็ไม่ได้ผิดพลาด ปรมาจารย์หุ่นเชิดที่ไม่เผยโฉมผู้นั้นคือเขาจริงๆ!
นึกไม่ถึงเลยว่าไม่ได้พบกันแค่ปีเดียว เขาจะฝึกฝนวรยุทธ์พิสดารพันลึกเช่นนี้แล้ว ซ้ำยังกลายเป็นราชันย์ของอาณาจักรมารอีก…
เขาก็เหมือนสว่านแหลมคมอันหนึ่ง ต่อให้ใส่เขาไว้ในถุงที่มืดมิด ในไม่ช้าเขาก็จะเจาะทะลุถุงออกมา เผยประกายเฉียบคมของตน…
ตัดกลับมาที่ตน ใช้เวลาหนึ่งปีในการออกตามหาสารพัดวิธีทาง วรยุทธ์ก็ไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเท่าไหร่…
คิดๆ ดูแล้วช่างน่าอับอายโดยแท้!
กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ คนอย่างเธอค่อนข้างดื้อรั้น ถ้าเริ่มกระทำการใดแล้วชอบทำให้ถึงที่สุด หาคนก็ต้องหาจนเจอให้ได้ ตอนนี้ในที่สุดเธอก็มีข้อมูลที่ชัดเจนของเขาแล้ว หัวใจที่ว้าวุ่นมาตลอดหนึ่งปีในที่สุดก็ผ่อนคลายลงอย่างแท้จริง
ตำหนักมารที่อยู่เบื้องหน้ามีพื้นที่ไม่น้อยเลย มองไกลๆ แล้วกินพื้นที่ไปทั้งแถบ
เห็นได้ชัดว่านอกตำหนักมารมีเขตแดนอาคมกางอยู่ มองเข้าไปจากด้านนอก จะมองเห็นเพียงหอคอยปราการนับไม่ถ้วนเร้นอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก ประหนึ่งตำหนักเซียนในตำนานเล่าขานก็มิปาน…
ตำหนักมารมีทางเข้าหลัก ทางเข้าหลักกว้างขวางโอ่อ่า หน้าประตูมีขุนพลมารผู้เหี้ยมหาญคอยเฝ้าอยู่
ภายใต้การคุ้มกันเช่นนี้ แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าหมายจะแทรกซึมเข้าไปได้
ถ้ากู้ซีจิ่วต้องการเข้าสู่ตำหนักมาร ก็ต้องขอเข้าพบทางประตูหลัก หรือไม่ก็ทำลายเขตแดนรอบๆ แล้วเคลื่อนย้ายเข้าไป
เนื่องจากดูจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดยังไงกับเธอ ดังนั้นจึงไม่คิดจะยื่นร้องขอเข้าเฝ้าองค์ราชันย์ทางประตูหลักชั่วคราว วางแผนจะเข้าไปอย่างเงียบๆ แทรกซึมเข้าไปดูก่อน ยืนยันให้แน่ใจจริงๆ
เขตแดนที่โอบล้อมอยู่ด้านนอกตำหนักมารเลิศล้ำยิ่ง แต่ไม่คณามือกู้ซีจิ่วที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกลเลย
เธอจรดนิ้วร่ายมุทรา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ชี้ไปด้านหน้า เขตแดนที่อยู่ตรงหน้าสั่นไหวดุจระลอกคลื่น มีลำแสงจางๆ สายหนึ่งแหวกขยายออก
เขตแดนที่เป็นเนื้อเดียวกันพลันปรากฏช่องทางกลมๆ สายหนึ่งขึ้น
เรือนกายเธอไหววูบ มุดเข้าไปทันที
อาคารสลับเรียงราย ระเบียงทางเดินคดเคี้ยวเวียนวน หินผางามแปลกตา พืชพรรณงอกงาม…
ทุกสิ่งภายในตำหนักมารล้วนตกแต่งรังสรรค์ได้แยบคายยิ่ง หญ้าทุกใบไม้ทุกต้นล้วนแฝงไอวิญญาณที่ทำให้คนปลอดโปร่งโล่งใจ
เห็นได้ชัดว่าไอวิญญาณในตำหนักมารหนาแน่นกว่าด้านนอกมากนัก พอสูดหายใจ อากาศบริสุทธ์สดชื่น อวลกลิ่นบุปผาไว้จางๆ
ในตำหนักมีองครักษ์และข้ารับใช้ไม่น้อยเลย ปรากฏตัวขึ้นตามลานต่างๆ เป็นระยะๆ
วรยุทธ์ของคนเหล่านี้ไม่ต่ำต้อยเลย พลังวิญญาณประมาณขั้นหกขั้นเจ็ดขึ้นไป เดินเหินแผ่วเบาไร้สุ้มเสียง
ประสาทหูก็เฉียบไวยิ่ง ยามที่กู้ซีจิ่วปรากฎตัวขึ้นในดงไผ่กอหนึ่งเผลอเหยียบกิ่งไผ่แห้งเข้า ทำให้องครักษ์คนหนึ่งตื่นตัวขึ้นมาทันที
หากมิใช่กู้ซีจิ่วซ่อนตัวได้รวดเร็ว เกรงว่าคงถูกองครักษ์ที่ว่องไวจนน่าตะลึงพบเข้าแล้ว
กู้ซีจิ่ววนสำรวจที่นี่ดูรอบหนึ่ง มั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าราชันย์มารผู้นั้นก็คือตี้ฝูอี
รูปแบบการตกแต่งของที่นี่เธอรู้สึกคุ้นตาอยู่รางๆ ตำหนักของตี้ฝูอีที่ดินแดนเบื้องบนก็มีลักษณะทำนองเดียวกัน
จากบทสนทนาของนางกำนัลเหล่านั้น กู้ซีจิ่วได้รู้ว่าท่านราชันย์มารกลับตำหนักมาแล้ว ด้วยนิสัยของเขา ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ห้องหนังสือ
กู้ซีจิ่วค้นหาตำแหน่งของห้องหนังสือโดยอ้างอิงจากตำหนักเก่าของเขา เห็นอาคารที่ราวกับภาพวาดหลังหนึ่งอยู่ไกลออกไป ลักษณะคล้ายห้องหนังสือยิ่งนัก
หน้าประตูมีข้ารับใช้หลายคนยืนอยู่เงียบๆ
ขณะที่กู้ซีจิ่วคิดจะเคลื่อนย้ายเข้าไปดูสักหน่อย จู่ๆ ก็คล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้ พลันเร้นกายเข้ามุมมืด
มีคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านทางแยกที่อยู่ไม่ไกลนักเข้ามา ต้นขบวนคือดรุณีนางหนึ่ง อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ รวบผมขึ้นกึ่งหนึ่ง ใช้ห่วงรัดตรงปลายผมเอาไว้ ดูงดงามไปอีกแบบ
หัวใจกู้ซีจิ่วเสมือนถูกสิ่งใดทุบเข้าอย่างจัง!
ดรุณีนางนี้คือองค์หญิงน้อย คงเป็นเพราะอยู่ในที่พำนักของตน นางจึงแต่งตัวตามสบาย บนดวงหน้าสะคราญไม่ได้คลุมแพรโปร่งแล้ว ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 2293 ราชันย์มาร 7
ดวงหน้าดรุณีนางนั้นพิสุทธิ์เลิศล้ำ คล้ายอวิ๋นชิงหลัวในอดีตห้าส่วน อีกห้าส่วนคล้ายอวิ๋นเยียนฉิงพี่สาวร่วมอุทรของอวิ๋นเยียนหลี
รูปโฉมเช่นนี้ของนางกู้ซีจิ่วเคยเห็นยามขุดหลุมศพของฮูหยินเจ้าเมืองลั่วฮวาขึ้นมา เพียงแต่ที่เธอเห็นเป็นรูปโฉมยามที่สิ้นชีพไปแล้ว แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ดูมีชีวิตชีวากว่า
ไม่นึกเลยว่าอวิ๋นฮูหยินผู้นี้จะแสร้งตายแล้วหนีมาที่อาณาจักรมาร ซ้ำยังกลายเป็นพระขนิษฐาของราชันย์มาร ได้เป็นองค์หญิงย่วนย่วน…
ที่แท้หนึ่งปีมานี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถึงทำให้สองคนนี้มาเจอกันได้ จะกลายเป็นพี่น้องที่ผูกสมัครรักใคร่เป็นคู่รักหรือไม่?
ก่อนหน้านี้ตอนที่พบบนถนน ตี้ฝูอีเคยถามถึงข้าวของเขาที่ให้นางไปเอากลับมา ย่วนย่วนบอกว่านำไปทำลายทิ้งแล้ว…
ดูจากจุดนี้แล้ว คนที่ไปเอาชุดเครื่องนอนของตี้ฝูอีที่เมืองลั่วฮวาน่าจะเป็นองค์หญิงย่วนย่วนผู้นี้
นางเรียกขานตนว่าเป็นคู่หมั้นของตี้ฝูอี…
ได้รับการยินยอมจากตี้ฝูอีแล้วหรือ? ตี้ฝูอีคิดจะหมั้นหมายกับนางจริงๆ น่ะหรือ?จะแต่งกับนางจริงหรือ?
ไม่มีทาง!
ยามที่นึกถึงคำถามไม่กี่ข้อสุดท้ายนั้น ในใจกู้ซีจิ่วก็มีสามคำนี้เด้งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ตี้ฝูอีไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ!
ถึงอย่างไรตอนแรกเขาก็มาที่แดนอสุราเพราะตัวเธอกู้ซีจิ่ว…
เธอลอบสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ระงับจิตใจที่คิดวุ่นวายไปสารพัด
แฝงอยู่ในมุมมืดชมเรื่องราวต่อไป
หลังจากองค์หญิงน้อยมาถึงก็ถูกองครักษ์หน้าประตูสกัดไว้
“องค์หญิง ตอนนี้องค์ราชันย์ไม่สะดวกพบพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงน้อยมุ่นคิ้วนิด
“มิใช่กระมัง? ก็พี่ใหญ่บอกว่ากลับมาแล้วจะมาเจอข้านี่…”
องครักษ์คนนั้นยังไม่ทันเอ่ยวาจา น้ำเสียงเฉื่อยชาสายหนึ่งก็แว่วมาจากด้านใน
“ย่วนย่วนหรือ? เข้ามาสิ”
เป็นเสียงของราชันย์มาร หรือในยามนี้ก็คือตี้ฝูอี!
องค์หญิงย่วนย่วนปรายตามององครักษ์คนนั้นแวบหนึ่งอย่างทะนงตน ตอบรับแล้วเข้าตำหนักไป
กู้ซีจิ่วเฝ้ารออยู่ในมุมมืด
องค์หญิงน้อยเข้าไปในตำหนักไม่นานนัก เพียงห้าหกนาทีเท่านั้น
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็ออกมา จากไปพร้อมเหล่าสาวใช้
กู้ซีจิ่วมองตำหนักใหญ่หลังนั้นหัวใจเต้นถี่รัวขึ้นมา ไม่ทราบเช่นกันว่าตนประหม่าอันใดอยู่
ถึงอย่างไรก็ตามหาอย่างไม่หยุดหย่อนมาหนึ่งปีเชียวนะ วันนี้ในที่สุดก็หาตัวเขาพบแล้ว การที่เธอจะตื่นเต้นกังวลก็เป็นเรื่องที่ยากจะเลี่ยงได้มิใช่หรือ?
เธอรีรออยู่สองสามนาที ทำจิตใจให้สงบเล็กน้อย พลันตัดสินใจ เคลื่อนย้ายเข้าไปด้านใน
จากการคาดเดาของเธอ ตอนนี้มีความเป็นได้เกือบสิบส่วนว่าเขาน่าจะจัดการงานราชกิจอันใดของอาณาจักรมารอยู่ เป้าหมายในการเคลื่อนย้ายของเธอจึงเป็นพื้นที่บริเวณห้องหนังสือของเขา
เช่นนี้เธอก็จะปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้โดยไม่ทำให้องครักษ์คนใดตื่นตัว
ทันทีที่เขาเห็นเธอ จะดีใจไหม? หรือว่าตกใจ? น่าจะทั้งยินดีทั้งตกใจกระมัง?
แผนการในใจกู้ซีจิ่วไม่เลวเลย แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงคือ ที่นี่ไม่ใช่ห้องหนังสือเลย แต่เป็นห้องสรงน้ำ!
เธอเคลื่อนย้ายมาโผล่ในบ่อน้ำร้อนพอดี!
เธอไม่ทันได้ตั้งตัว พอลืมตาขึ้นก็พบว่าอยู่ใต้น้ำแล้ว…
ซ้ำยังเป็นก้นสระน้ำร้อนที่ฟองน้ำผุดปุดๆ ด้วย!
เธอเกือบสำลักน้ำแล้ว สมองมึนงงไปแวบหนึ่ง ว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำตามสัญชาตญาณ สูดหายใจ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งร่างกายพลันแข็งทื่อไปเล็กน้อย!
บนผิวน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากเบื้องหน้าเธอมีคนผู้หนึ่งลอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่
เกศาดำดั่งม่านน้ำตก อาภรณ์แดงดุจเพลิง นัยน์ตาดุจควันไฟที่มองเห็นได้จากพันลี้ ริมฝีปากบางงดงามได้รูป แต่สีสันกลับอ่อนจาง ยามนี้สายตากำลังร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่วที่ผุดขึ้นมาปานลูกนกตกน้ำ แววตาชืดชาไร้ความอบอุ่น!
กู้ซีจิ่วถูกเขามองด้วยสายตาเช่นนี้หัวใจพลันรัดแน่น! เธอรู้สึกว่าเคยประสบสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนในตอนไหน ทว่านึกไม่ออกชั่วขณะว่าเป็นตอนไหนกันแน่
แม้ว่าสถานการณ์ฉุกละหุกนี้จะทำให้กู้ซีจิ่วมึนงงอยู่บ้าง แต่โชคดีที่เธอยังคงมีสติยิ่งนัก
ทราบว่าตนยังแปลงโฉมอยู่ เขาจำเธอไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้
เขายังคงสุขุมยิ่งนัก หากว่าเป็นบุรุษทั่วไปจู่ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งผุดออกมาจากอ่างอาบน้ำ คาดว่าคงถูกซัดจนปลิวไปแล้ว!
ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท