หวานรักจับหัวใจท่านประธาน – ตอนที่ 163 ค่อยๆ ตาย ค่อยๆ ตาย / ตอนที่ 164 เส้นตายของเธอ
ตอนที่ 163 ค่อยๆ ตาย ค่อยๆ ตาย
เหนียนเสี่ยวมู่เบิกตาโพลง ในดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ “คุณชาย ก่อนที่จะพูดคุยร่วมงานกันสำเร็จ นี่เป็นความลับของแผนกประชาสัมพันธ์ ให้คนนอกรู้ไม่ได้หรอก!”
“…”
“ถ้าคุณอยากรู้ล่ะก็ รอตอนที่ซ่างซินตกลง แล้วผู้จัดการเหวินไปรายงานให้คุณทราบแล้วกัน”
“…”
ผ่านไปไม่นานเธอก็ต้องระวังตัวแม้กระทั่งกับประธานบริษัทแล้ว!
อวี๋เยว่หานมองเธออยากเยือกเย็น และไม่สนใจท่าทางปกปิดเป็นความลับของเธอมาใส่ใจ นัยน์ตาสีดำกวาดมองอาหารเช้าตรงหน้า แล้วใช้ส้อมจิ้มแฮมเข้ามาใส่ปาก
เมื่อได้ชิมแล้ว เขาก็รู้ว่ารสชาติไม่เลวเลยจริงๆ!
เทียบกับการลงครัวคราวก่อนของเธอ นี่ไม่เพียงเป็นการพัฒนาทีละขั้น แต่เรียกได้ว่าพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
อร่อยจนน่าสงสัย…
“คุณทำอาหารเช้าวันนี้เหรอ” อวี๋เยว่หานหลุบตา ก่อนจะตัดออมเล็ตใส่ปาก
สุกเจ็ดส่วน เป็นรสชาติที่เขาชอบมาก
แถมยังมีรสชาติเค็มแบบพอเหมาะมากด้วย
“…ก็ไม่ใช่ทั้งหมด” เหนียนเสี่ยวมู่เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ เธอนั่งลงตรงข้ามเขา แล้วดึงอาหารเช้าตรงหน้าตัวเองเข้ามาก้มหน้าก้มตากิน
เธออยากเปลี่ยนประเด็นใจจะขาด
“แฮมกับออมเล็ตนี่ไม่ใช่ฝีมือคุณแน่” อวี๋เยว่หานไม่แสดงสีหน้าประหลาดใจหลังจากได้ยินคำพูดของเธอแม้สักนิด
เมื่อตัดตัวเลือกอาหารจานหลักในถาดไปแล้ว เขาก็มองไปที่ขนมปังปิ้งในจานเล็กอีกจานหนึ่ง
“นี่คุณปิ้งเองเหรอ”
ปิ้งขนมปังไม่ใช่งานยาก แค่ปรับอุณหภูมิ ใส่ขนมปังแผ่น เธอน่าจะทำได้
“…” เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาพูดแล้วก็เม้มปาก ไม่กล้าตอบ
อย่างนั้นก็ไม่ใช่แล้ว
อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วมุ่น เขากวาดสายตามองอาหารเช้าตรงหน้า ยังมีสลัดผักที่ดูแล้วหน้าตาดีใช้ได้อีกจานหนึ่ง
เขาใช้สายตาสอบถามเธอ แล้วจานนี้ล่ะ?
“ก็ไม่ใช่” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบเสียงแผ่วเบา
อวี๋เยว่หาน “…”
เธอไม่ได้ทอดแฮมและออมเล็ต ขนมปังเธอก็ไม่ได้เป็นคนปิ้ง สลัดก็ไม่ได้เป็นคนทำ…
“ฉันช่วยเช็ดโต๊ะ ยกอาหาร”
เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกถึงสายตาเย็นชาของเขา จึงรู้สึกหนาวสันหลัง และรีบพูดเสริม
นี่นับว่าเป็นคุณงามความดีไหมนะ
เธอก็อยากลงครัวด้วยตัวเอง แต่เธอไม่มีพรสวรรค์เรื่องการทำอาหารเอาเสียเลย
ถ้าเธอทำครัวของเขาไหม้อีก โบนัสของเธอก็คงหมวดเกลี้ยงไปด้วย
เธอคำนึงถึงกระเพาะของเขา เขาจะซาบซึ้งบ้างไหม…
“เสี่ยวลิ่วลิ่ว อร่อยไหม” เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองเจ้าก้อนข้าวเหนียวข้างๆ เป็นการของความช่วยเหลือ
เสี่ยวลิ่วลิ่วกำลังพยายามใช้ช้อนเล็กๆ ตักออมเล็ตที่หั่นไว้เรียบร้อยขึ้นมา ปากเล็กๆ ของเธอกำลังเคี้ยว แต่ก็พยักหน้าตอบเหมือนลูกเจี๊ยบกับกำลังจิกเม็ดข้าว พร้อมกับตอบทั้งที่ยังมีอาหารเต็มปาก “อาหย่อย”
ใบหน้าเล็กน่ารักพึงพอใจมาก
“ระวังสำลักนะ” เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางส่งนมให้เธอ
เสี่ยวลิ่วลิ่วรับแก้วมาดื่มอึกๆ จนหมด
แถมยังเรอครั้งหนึ่งเดียว
จากนั้นเด็กหญิงก็ยื่นหน้าเล็กๆ มองไปทางอวี๋เยว่หาน “ปาปา ตะไมไม่กินล่ะ”
“…”
“ค่อยๆ ตาย ค่อยๆ ตาย” คำแขวะออกมาจากเจ้าหญิงน้อย
มีใครบางคนหน้าดำคร่ำเครียดยิ่งกว่าเดิมแล้ว
เหนียนเสี่ยวมู่ก็คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงกะทันหันจนเธอเครียดขึ้นมาแบบนี้!
เมื่อเห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วกินอิ่ม เธอก็อุ้มเด็กหญิงขึ้น แล้วหมุนตัววิ่งออกไป “คุณชาย ถึงเวลาทำงานแล้ว ฉันพาเสี่ยวลิ่วลิ่วไปบริษัทก่อนนะ!”
ตอนที่ 164 เส้นตายของเธอ
เมื่อถึงบริษัทตระกูลอวี๋ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไปฝากเสี่ยวลิ่วลิ่วไว้กับผู้ช่วยที่ห้องทำงานประธานบริษัทก่อน จากนั้นถึงจะกลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์
ซ่างซินตกลงกับเธอแล้ว ว่าเช้าวันนี้จะมาเจรจาเรื่องงานพรีเซ็นเตอร์กับเธอ
เธอต้องไปจองห้องประชุมเก็บเสียงก่อน
และต้อมพิมพ์สัญญาที่เมื่อวานแก้ไขไว้ออกมาด้วย…
เหนียนเสี่ยวมู่คิดแต่เรื่องนี้ และมุ่งตรงไปที่ประตูแผนกของตัวเอง
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน วันนี้คุณจะขอออกไปข้างนอกหรือเปล่าคะ” เลขาเห็นเธอแล้วก็ถามขึ้นมาอย่างมีมารยาท
สองสามวันมานี้เหนียนเสี่ยวมู่ออกไปข้างนอกตลอด ส่วนเรื่องที่อยากเจอซ่างซินเพื่อให้ได้เธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ยังไม่มีใครในแผนกประชาสัมพันธ์รู้เรื่อง
เมื่อได้ยินเลขาถาม เพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หลายคนก็หันหน้ามามองเหนียนเสี่ยวมู่ด้วย
“ไม่ค่ะ วันนี้ฉันไม่ออกไปข้างนอก…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงโอเวอร์ดังมาจากข้างหลัง
“โอ้ ไม่ออกไปแล้วเหรอ ซูเปอร์ไวเซอร์ คุณไม่น่าจะลั่นกลองถอยตั้งแต่ยังไม่ยอมรับความจริงเร็วขนาดนี้มั้ง?” ฟางหลานเข้ามาจากข้างนอก เธอแสกนบัตรเดินเข้ามาในแผนก และถามด้วยน้ำเสียงคลุมเครือตอนผ่านเหนียนเสี่ยวมู่ไป
เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วมุ่น แต่ไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับเธอ
เธอเดินเลยอีกฝ่ายไป อยากกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง
แต่พอเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ตอบ ฟางหลานก็คิดว่าเธอปิดประตูไม่รับแขกหลายครั้งแล้ว ในที่สุดก็ยอมรับความจริง จึงพูดจาไม่เกรงใจขึ้นเรื่อยๆ
“เหนียนเสี่ยวมู่ อย่าลืมสัญญาของพวกเราล่ะ ถ้าเธอเชิญซ่างซินมาไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าเธอไม่มีฝีมือและไม่มีสิทธิ์จะอยู่ที่แผนกประชาสัมพันธ์โดยสิ้นเชิง!”
“เสี่ยวหลาน นี่เพิ่งผ่านมากี่วันเอง เธอจะพูดเรื่องนี้ให้ได้อะไร” มีคนทนดูต่อไม่ได้ จึงยื่นมือมาดึงฟางหลาน เตือนให้เธอสำรวมหน่อย
สัญญาหรือไม่สัญญาอะไร ฟางหลานก็ทำไปด้วยอารมณ์ทั้งนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ไม่เคยรับปากอะไรเลยด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เหนียนเสี่ยวมู่ก็เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ของแผนกประชาสัมพันธ์ พนักงานอย่างเธอพูดตะคอกใส่ซูเปอร์ไวเซอร์ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง!
“พูดแบบนี้แหละถูกต้องแล้ว ฉันรู้สึกว่าไม่มีใครเชิญซ่างซินมาได้ทั้งนั้น…อย่าว่าแต่ฉันเลย พวกเธอน่ะ ไม่มีใครคิดแบบฉันบ้างเลยหรือยังไง” มีคนพูดพึมพำเสียงเบา
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลายๆ คนก็เงียบไป
สีหน้าของฟางหลานสดใสขึ้นมาทันควัน
ในเมื่อเธอฉีกหน้าเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว ก็ไม่ต้องหลีกเลี่ยงอะไร
ถ้าถือโอกาสไล่เหนียนเสี่ยวมู่ออกไปตอนที่รอเซี่ยจิงจิงกลับมารับตำแหน่งเดิม เธอก็จะมีความงามความดีใหญ่หลวงเชียวล่ะ!
“อย่าว่าแต่หนึ่งอาทิตย์เลย ต่อให้ให้เวลาเธอหนึ่งปี เธอไม่มีทางเชิญซ่างซินมาได้ พวกเธออาจจะไม่รู้ ว่ามีแฟนคลับซ่างซินบางคนบุกไปขอเจอที่งานอีเวนท์อยู่หลายครั้ง แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้เจอแม้กระทั่งผ็จัดการของซ่างซิน”
“…”
“ฉันว่านะ ทุกคนอย่าเสียเวลาฝากความหวังไว้ที่คนแบบนี้เลยดีกว่า ไปปรึกษากัน ว่าจะอธิบายกับผู้จัดการยังไง จะได้ไม่โดนลากไปเกี่ยวด้วย!”
ตอนที่เดินผ่านไป ฟางหลานก้าวมาข้างหน้า และตั้งใจชนไหลของเหนียนเสี่ยวมู่อย่างแรง!
ดวงตาของเหนียนเสี่ยวมู่ฉายแววดุดัน “เดี๋ยวก่อน!”
“อะไรกันซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน เธอยืนขวางทางอยู่ตรงนี้เอง ฉันก็เลยชนเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณคิดจะทำอะไรเหรอ” ฟางหลานตั้งใจพูดเสียงดัง ส่งผลให้เพื่อนร่วมงานรอบๆ หันมามองพวกเธอ
ถ้าเหนียนเสี่ยวมู่ถามเรื่องที่เธอชนตัวเองเข้าจริงๆ ก็ยิ่งจะทำให้ทุกคนคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่ใจแคบ
เหนียนเสี่ยวมู่มองข้ามเจตนาของเธอไปแล้ว แต่มองไปรอบทิศ ก่อนจะพูดอย่างเชื่องช้า “ฉันจำได้ คุณเคยบอกว่าถ้าฉันเชิญซ่างซินมาได้ คุณจะโขกหัวขอโทษฉันต่อหน้าทุกคนใช่ไหม”