หวานรักจับหัวใจท่านประธาน – ตอนที่ 339 คุณเป็นคนยังไง / ตอนที่ 340 ปากบอกไม่ต้อง แต่ในใจยังยึดติด
ตอนที่ 339 คุณเป็นคนยังไง
เมื่อพูดออก รอยยิ้มตรงมุมปากของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็แข็งทื่อในทันที
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้สังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา เอาแต่พูดว่า
“ไม่ใช่แค่อารมณ์ร้ายนะคะ นิสัยก็ไม่ดีด้วย เย็นชากับคนอื่นอยู่ตลอด เหมือนก้อนน้ำแข็งเลย!”
“…”
“ตอนที่ฉันเพิ่งรู้จักเขา เรื่องที่คิดมากที่สุดในทุกวัน ก็คืออยากรมควันตายไปพร้อมกับเขาให้รู้แล้วรู้รอด!”
“…”
มิสเตอร์ลอมบาร์ดีฟังเงียบๆ ทีแรกยังอมยิ้ม แต่พอฟังไปจนจบ สายตาที่เขามองอวี๋เยว่หานก็มีแต่ความเห็นใจ
ชายชราอดอธิบายแทนเขาไม่ได้ “คุณชายหานดูไม่ใช่คนแบบนั้น…”
แต่มิสเตอร์ลอมบาร์ดียังพูดไม่ทันจบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็พูดขัดเขาอย่างรวดเร็ว
“นั่นเป็นเพราะคุณยังไม่สนิทกับเขาค่ะ ฉันไม่ได้โม้นะคะ เขาเป็นเพื่อนที่ดีในการทำธุรกิจ เรื่องนี้ถูกต้อง แต่เรื่องความรัก ให้ตายยังไงก็อย่าคบกับคนแบบเขาเลยค่ะ พูดไม่เข้าหูหน่อยก็ทำเย็นชาใส่ ใครจะไปทนไหวกัน”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดแล้วรู้สึกคอแห้ง เลยถือโอกาสยกชาที่อวี๋เยว่หานรินให้เธอขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด
เมื่อวางแก้วเปล่าลง เธอก็สั่งตามสัญชาตญาณ “ยังหิวน้ำอยู่เลย รบกวนรินให้ฉันอีกแก้ว!”
จากนั้นเธอก็หันไปแขวะให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีฟังต่อ
“…”
อวี๋เยว่หานมองแก้วเปล่าที่วางอยู่ตรงหน้า แววตาของเขาดูมืดมัว ใบหน้าหล่อเหลามีแต่ความน่ากลัวปกคลุมอยู่
ก่อนจะมองไปยังหญิงสาวที่กล้าพูดจาให้ร้ายเขาต่อหน้า แล้วยังกล้าเรียกใช้เขาอีก!
เธอทำท่าทางว่าง่ายต่อหน้าเขา ทำให้เขาดูไม่ออกเลย ว่าจริงๆ แล้วเธอคิดจะรมควันตายพร้อมเขาให้รู้แล้วรู้รอดอยู่ตลอด
แล้วยังมีคำพูดแบบนั้นอีก ‘ให้ตายยังไงก็อย่าคบกับคนแบบเขา…’
ลูกตาดำของอวี๋เยว่หานหดตัวในทันที!
มือที่เพิ่งหยิบแก้วน้ำขึ้นมาวางลงอย่างแรงโดยพลัน
ท่าทางนั้นรุนแรงอยู่บ้าง ทำให้แก้วแตกเสียงดัง
มือที่ยังไม่ปล่อยของเขามีเลือดไหลลงตามนิ้วมือ…
การกระทำที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ทุกคนหันไปมองเขา
เหนียนเสี่ยวมู่อยู่ใกล้เขาที่สุด จึงตกใจจนสะดุ้งโหยง และลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
เธอเหลือบมองรอยเลือกที่ไหลออกจากนิ้ว พลางตะลึงงัน
“คะ คุณชาย ทำไมคุณเลือดไหล…”
หญิงสาวดึงสติกลับมา แล้วดึงกระดาษทิชชู่หมายจะกดนิ้วมือที่บาดเจ็บให้เขา โดยไม่สนใจถามให้มากความอีก
แต่ยังไม่ทันถึงมือเขา อวี๋เยว่หานก็หดมือกลับ พลางลุกขึ้นเอ่ยอย่างเย็นชา
“ไม่ระวังเลยทำแก้วแตก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“…”
“ถ้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมยังมีธุระต่อ อยู่เป็นเพื่อนไม่ได้แล้วครับ”
อวี๋เยว่หานพูด พร้อมกับกำลังจะเดินผ่านเหนียนเสี่ยวมู่ไป
เหนียนเสี่ยวมู่มองแผลของเขาที่ยังมีเลือดไหล จึงรีบยืนขึ้น อธิบายกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีสองสามคำ แล้วตามเขาออกไป
ชายหนุ่มเดินเร็วมือ ขาของเขาก็ยาวอีกต่างหาก
เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งสั้นๆ ตามเขาไปตลอดทาง เมื่อมาถึงหน้ารถ เธอถึงจะตามเขาได้ทันอย่างยากลำบาก
เธอเอาตัวขวางประตูรถเอาไว้
“คุณชาย มือของคุณยังเลือดไหลอยู่แล้ว ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเคยเป็นพยาบาล ฉันช่วยคุณห้ามเลือดได้…”
“เรื่องของผม คุณไม่ต้องยุ่ง”
อวี๋เยว่หานเหลือบมองเธออย่างเฉยชา พลางพูดอย่างห่างเหิน
แต่หญิงสาวยังคงไม่ยอมหลีกทาง “ไม่ได้ ถ้าไม่พันแผลให้ดีก่อน ฉันไม่ให้คุณไป!”
“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณกับผมเป็นอะไรกัน ทำไมต้องสนใจผมด้วย” นัยน์ตาสัดำลุ่มลึกของอวี๋เยว่หานเขามองเธออย่างวาวโรจน์
เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็พูดโพล่งออกไป “ก็เพราะฉันเป็นห่วงคุณไงล่ะ!”
“…”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงคุณจริงๆ ใครจะไปสนใจว่าคุณจะเป็นหรือตาย นิสัยไม่ดีขนาดนี้เนี่ย!” เหนียนเสี่ยวมู่ตะคอกกลับใส่เขา
ตอนที่ 340 ปากบอกไม่ต้อง แต่ในใจยังยึดติด
“…”
ความเฉยชาในดวงตาของอวี๋เยว่หานหายเป็นปลิดทิ้งทันที เพราะคำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่
นัยน์ตาสีดำจับจ้องเธอไม่วางตา
ราวกับอยากจะมองทะลุร่างกายของเธอ มองเข้าไปในหัวใจของเธอ…
เมื่อเห็นเขาอึ้งไป เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยู่ปาก แล้วคว้ามือของเขามาตรวจดูแผล
“ยังดีที่บาดไม่ลึก…” เธอพึมพำเสียงเบา จากนั้นก็ก้มหน้าลงเป่าแปลให้เขาสองครั้ง แล้วถึงใช้กระดาษทิชชู่เช็ดเลือดอย่างเบามือ
ท่าทางระมัดระวังของเธอ เหมือนกับโออบอุ้มของล้ำค่าอันบอบบางไว้ในมือ
เธอดูตั้งอกตั้งใจ ทุกท่วงท่ามีแต่ความอ่อนโยน
น่าแปลก ความอัดอั้นที่สุมอยู่ในอกของอวี๋เยว่หานเมื่อครู่หายไปแล้ว
แต่คำพูดที่เธอพูดกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเมื่อครู่…
“เอาล่ะ เลือดหยุดแล้ว แต่แผลห้ามถูกน้ำ กลับไปแล้วยังต้องฆ่าเชื้อ…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่ตบ เขาก็เลื่อนสายตาขึ้น แล้วเดินเข้าไปนั่งในรถ ทิ้งเธอไว้อย่างเย็นชา
ก่อนจะสั่งให้ผู้ช่วยออกรถ
“อวี๋เยว่หาน คุณ…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังอยากกำชับอะไรเพิ่มเติม แต่รถกลับเคลื่อนออกจากตรงหน้าเธอไปแล้ว
ทำเอาเธอโมโหจนต้องกระทืบเท้า
“ผู้ชายอารมณ์ไม่แน่นอนแบบนี้ เจ็บแผลจนตายก็ช่างคุณแล้วกัน!”
บริษัทตระกูลอวี๋
งานแสดงการออกแบบผ่านไปได้ด้วยดี ในกิจกรรมช่วงสุดท้าย มิสเตอร์ลอมบาร์ดีและสมาชิกทีมของเขาขึ้นเวทีด้วยกัน ทำให้กลายเป็นข่าวร้อนที่สุดในทันที
สื่อแทบทุกสำนักต่างก็รายงานข่าวนี้
ในแผนกประชาสัมพันธ์ครึกครื้นมาก
เลขาสวมชุดออกงานเดินตรงมาที่ห้องทำงานของผู้จัดการ ผ่านเพื่อนร่วมงานที่กำลังคุยกันว่าปีนี้จะได้รางวัลมากเท่าไหร่
“ผู้จัดการเหนียนคะ นี่คือชุดออกงานที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้ เพิ่งส่งมาถึง คุณอยากลองดูสักหน่อยไหมคะ ว่าพอดีหรือเปล่า”
“ชุดออกงานเหรอ”
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังอ่านเอกสาร เมื่อได้ยินเลขาพูดอย่างนั้น จึงมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
เธอไม่เคยให้คนสั่งชุดออกงาน
เลขานึกได้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งเข้ามาอยู่ในบริษัทตระกูลอวี๋ได้ไม่นาน จึงรีบอธิบาย “คืออย่างนี้ค่ะ เมื่อเอชจะจักงานเลี้ยงธุรกิจใหญ่ทุกปลายปี คนที่ไปออกงานกับคุณชายหานจะมีแค่ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ค่ะ”
“…”
นั่นก็หมายความว่า คนที่ไปร่วมงานกับอวี๋เยว่หานก่อนหน้านี้ เป็นเหวินหย่าไต้มาโดยตลอด
เลขาดูออกว่าเธอสงสัย จึงพูดเสริมอีกอย่างรวดเร็ว “ชุดออกงานสั่งทำไว้ล่วงหน้าทั้งหมด เพราะตอนที่สั่งทำก่อนหน้านี้ ผู้จัดการเหวินยังอยู่ ไซซ์ชุดออกงานจึงพอดีเธอทั้งหมด ถ้าลองดูแล้วไม่พอดีตัวผู้จัดการเหนียน ฉันจัส่งกลับไปแก้ทันทีค่ะ”
หลังจากได้ยินว่าเหวินหย่าไต้ออกงานร่วมกับอวี๋เยว่หานทุกปี ในใจเหนียนเสี่ยวมู่ก็พลันรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา
และเมื่อได้ยินว่าชุดออกงานนี้สั่งทำเพื่อเหวินหย่าไต้ เธอก็ไม่อยากลองแม้สักนิด
ตั้งแต่ไปกินข้าวกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีวันนั้น อวี๋เยว่หานก็ไม่พูดกับเธออีก
แล้วจะอยากให้เธอไปออกงานร่วมกับเขาได้อย่างไรกัน
พอเขาคิดได้ว่าผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ในตอนนี้คือเธอ ก็คงจะอยากเปลี่ยนคนทันที
เธอจะลองชุดอะไรได้อีก…
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังคิดในใจว่าอยากให้เลขานำชุดออกงานออกไปก่อน ก็เห็นว่านอกห้องทำงานของเธอมีใครบางคนยืนอยู่
“ผู้ช่วยหยางเท่อ มาได้ยังไงคะ”
ผู้ช่วยเดินยิ้มเข้ามาทันทีที่ได้ยินเธอพูด
“ได้ยินว่าแผนกประชาสัมพันธ์ไปเอาชุดออกงานที่สั่งจองไว้สำหรับงานเลี้ยงในปีนี้แล้ว ผมเลยตั้งใจจะมาบอกคุณ ว่าไม่ต้องใช้ชุดออกงานนี้แล้ว ท่านประธานสั่งชุดออกงานไว้ให้ใหม่สองชุด พอถึงเวลาแล้วจะส่งมาที่นี่โดยตรง”