ตอนที่ 409 จงใจเปิดโปง
เหวินหย่าไต้นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปทางห้องอาหารที่เหนียนเสี่ยวมู่ออกมา
เธอสาวเท้าไปข้างหน้า ก่อนจะยื่นมือไปเปิดประตู ครั้นมองผ่านช่องประตูที่แง้มออก เธอเห็นลูกค้าคนสำคัญของแผนกประชาสัมพันธ์นั่งอยู่ สายตาของเธอพลันเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันใด
มุมปากของเธอยกยิ้มชั่วร้าย แล้วเปิดประตูเข้าไป…
ตอนเหนียนเสี่ยวมู่กลับมา เธอเห็นเหวินหย่าไต้นั่งอยู่ในห้องอาหาร กำลังคุยเล่นอยู่กับเหล่าลูกค้า
เหวินหย่าไต้ดื่มไวน์แดงรวดเดียวหมดแก้ว
ครั้นวางแก้วลง รอบข้างพลันส่งเสียงหัวเราะสดใสในทันที
“คุณเหวินใจกล้าจริงๆ นะครับ คอแข็งมากด้วย พอดื่มไวน์กับคุณแล้วผมมีความสุขจริงๆ!” คนที่กล่าวชมเหวินหย่าไต้ ก็คือประธานฟาง คนที่ดื่มไวน์ให้เหนียนเสี่ยวมู่เมื่อครู่
ฝ่ายเหวินหย่าไต้ชำเลืองเห็นเหนียนเสี่ยวมู่กลับมาจากข้างนอก สายตาของเธอเปลี่ยนไปแล้ว
เธอมองเห็นแก้วน้ำชาบนตำแหน่งของเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว จึงจงใจเอ่ยปาก
“ทุกคนไม่ต้องชมฉันแล้วค่ะ พวกคุณคงไม่รู้ ว่าผู้จัดการเหนียนของแผนกประชาสัมพันธ์ในตอนนี้ ก็เป็นคนที่คอแข็งมากเช่นกัน ฉันจำตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาที่แผนกของเราได้ เธอดื่มในงานลี้ยงแผนกไปไม่น้อย จนเพื่อนร่วมงานในแผนกกลัวกันหมดเลยค่ะ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็หน้าถอดสีทันที
หญิงสาวหันไปมองประธานฟาง เมื่อครู่เขายังยิมแย้มแจ่มใสอยู่ แต่ตอนนี้สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีแล้ว
ถ้าหากดื่มไวน์ที่อยู่บนโต๊ะไม่ได้จริงๆ อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฝืน
แต่ถ้าดื่มได้ กลับหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยง ถือเป็นการดูถูกกันทีเดียว
คำพูดของเหวินหย่าไต้เมื่อครู่นี้ เหมือนเป็นการกล่าวชมเหนียนเสี่ยวมู่ แต่กลับทำให้ประธานอาวุโสหลายท่านที่ดื่มให้เธอก่อนหน้านี้ มีสีหน้าเก้ๆ กังๆ ขึ้นมาบ้าง
เหวินหย่าไต้เห็นบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี ในใจเธอรู้ว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว แต่บนใบหน้ากลับมีสีหน้าเชิงขอโทษขอโพย พลางมองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่
“ผู้จัดการเหนียน คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ฉันกับประธานอาวุโสหลายๆ ท่านถือเป็นเพื่อนที่เคยทำงานร่วมกัน พอรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ ก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาทักทายสักหน่อย คุณคงไม่ถือสาใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะ คุณเหวินเคยเป็นผู้จัดการของแผนกประชาสัมพันธ์ ถ้าพูดถึงประสบการณ์และความสามารถแล้ว คุณไม่มีทางแพ้ฉันแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะทำความผิดในตอนนั้น ขายความลับของบริษัทให้คนอื่น…เฮ้อ คุณพูดเรื่องในอดีตไปแล้ว ฉันจะพูดเรื่องพวกนี้ทำไมกันนะ”
เหนียนเสี่ยวมู่เอ่ยปากพูดราวกับไม่ได้ตั้งใจ
เพียงคำพูดง่ายๆ ก็ทำให้เหวินหย่าไต้ที่ยิ้มกริ่มเมื่อครู่เริ่มกำหมัดแล้ว
คนที่อยู่ในห้องอาหารต่างก็ถอนหายใจออกมาระลอกหนึ่ง
ความชื่นชมต่อเหวินหย่าไต้ที่อยู่ในใจของพวกเขา พลันหายไปในทันที
ความสามารถกับความดี ความดีย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าอยู่แล้ว
ไม่อย่างนั้นเก็บคนเก่งแต่จิตใจไม่ดีเอาไว้ข้างกาย เกรงว่าทำอะไรแล้วก็จะมีแต่ความไม่สบายใจ
เหนียนเสี่ยวมู่มองเหวินหย่าไต้อย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง
“คุณเหวินมาที่นี่ น่าจะยังมีธุระอื่น แต่ฉันจะไม่รั้งคุณไว้นะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหวินหย่าไต้กัดฟันทันที
เดิมทีเธออยากทำให้เหนียนเสี่ยวมู่ลำบากใจ อย่างน้อยต้องทำให้ลูกค้าคนสำคัญเหล่านี้ไม่พอใจเหนียนเสี่ยวมู่ให้ได้
ผลเป็นไปตามที่คาด แต่คนที่ลำบากใจในตอนนี้คือเธอเอง
ไล่เธอไปอย่างนี้ เธอจะยอมได้อย่างไร
เหวินหย่าไต้มองข้ามคำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่ ก่อนจะยื่นมือไปดึงเก้าอี้มานั่งลง “พูดขึ้นมาแล้ว ฉันก็เป็นเพื่อนกับคนที่อยู่ในห้องนี้ แถมไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว ยังไงก็ต้องคุยกันอีกสักหน่อย”
เธอพูดพลางยกแก้วไวน์แดงมาดื่มให้ทุกคน
ประธานฟางไม่มีความชอบอะไรอย่างอื่น ชอบดื่มเหล้าเท่านั้น
โดยเฉพาะชอบดื่มเหล้ากับสาวสวย
เหนียนเสี่ยวมู่ดื่มไม่ได้ ส่วนเลขาก็ต้องขับรถ ตอนนี้มีเพียงเหวอนหย่าไต้ที่ดื่มเหล้ากับประธานฟาง และเขาก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
พอคนดื่มเหล้าเข้าไปแล้ว ก็จะพูดมากขึ้นไปโดยปริยาย
“ผมนี่มีวาสนากับผู้จัดการเหวินจริงๆ คุณไม่เหมือนคนเสแสร้งพวกนั้นเลย ได้ดื่มกับคุณแล้วผมมีความสุขมาก!”
ตอนที่ 410 ความแตกต่างของเมฆกับโคลน
ในใจของเหวินหย่าไต้กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องเพราะคำชม ทว่าบนใบหน้ากลับมีท่าทางเหมือนกับตกใจที่ได้รับความเอ็นดู จึงรีบยกแก้วไวน์ขึ้นกล่าว “ประธานฟางชมเกินไปแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันไม่ใช่ผู้จัดการของบริษัทตระกูลอวี๋แล้ว แต่ขอแค่ประธานฟางชอบฉัน ฉันก็จะดื่มเป็นเพื่อนคุณจนเมาเลยล่ะค่ะ!”
“ดี ผมชอบคนสนุกสนานแบบคุณนี่แหละ!” ประธานฟางยกแก้วไวน์แดงขึ้น ก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด
ทั้งสองคนต่างก็ยกยอปอปั้นกันเอง และดื่มกันจนเมามายมาก
กลับเป็นประธานอาวุโสคนอื่นที่นั่งอยู่ข้างประธานฟางที่กล่าวเตือนเขาอย่างอดไม่ได้ เพราะเห็นเขาดื่มมากจนเกินควรแล้ว
“ตาฟาง ดื่มให้มันน้อยๆ หน่อย เดี๋ยวเมาแล้วก็เกิดเรื่องหรอก”
“พวกแกก็ชอบดื่มกันนี่ จะช่วยคนอื่นไกล่เกลี่ยทำไม แถมยังไม่ดูคนที่ไม่ดื่มกับพวกเราแม้สักแก้วอีก ให้เกียรติพวกเราเสียที่ไหนกัน” ประธานฟางกล่าว พลางวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอย่างแรง
จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่
คงไม่ต้องอธิบายความหมายในคำพูดนั้น ทุกคนก็เข้าใจกันหมด
ฝ่ายเหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งยื่นมือไปยกแก้วน้ำชา และเตรียมจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่เหวินหย่าไต้กลับชิงตัดหน้าเธอเสียก่อน
“ประธานฟางอย่าโมโหไปเลยนะคะ ทำธุรกิจต้องประณีประนอม ผู้จัดการเหนียนเพิ่งมารับตำแหน่ง ยังเทียบกับฉันที่ทำงานรวมกับพวกคุณมานานหลายปีไม่ได้ ต้องมีจุดที่ขาดตกบกพร่องเป็นธรรมดา ฉันจะดื่มให้ทุกท่านแทนเธอเองค่ะ ทุกคนอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะคะ”
เหวินหย่าไต้ว่าพลางยกแก้วไวน์แดงขึ้นดื่ม
คำพูดของเธอเหมือนจะช่วยเหนียนเสี่ยวมู่อธิบาย ทว่าหากคิดถูให้ละเอียด แต่ละคำพูดล้วนเป็นคำยั่วเย้าทั้งนั้น
แถมท่าทางสง่างามของเธอนั้น เหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของงานเลี้ยงครั้งนี้อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเธอดื่มเสร็จ ก็ยิ้มพร้อมกับพูดอีกว่า “พวกคุณอย่าได้ดูถูกผู้จัดการเหนียนของเราเชียวนะคะ ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่ง มีฝีมือการทำงานโดดเด่น แถมยังเล่นดนตรีได้ยอดเยี่ยมมาก ลองให้เธอแสดงให้ทุกคนชมดีไหมคะ ถือเป็นการลงโทษก็ได้”
เหวินหย่าไต้พูดจบแล้ว สายตาพลันฉายแววความได้ใจ
ประธานอาวุโสที่นั่งอยู่ไม่รู้ความจริงของเหนียนเสี่ยวมู่ แต่ตัวเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ
หญิงสาวที่เป็นพยาบาลรับจ้าง จะเล่นดนตรีอะไรได้ยอดเยี่ยมกันล่ะ
คิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นผู้จัดการของแผนกประชาสัมพันธ์แล้ว จะเอาชนะเธอได้อย่างนั้นเหรอ
เธออยากจะให้เหนียนเสี่ยวมู่รู้โดยเร็ว ว่าอะไรที่เรียกว่า ‘ความแตกต่างระหว่างเมฆกับโคลน’!
“เธอไม่ยอมดื่มด้วยซ้ำ แล้วจะแสดงอะไรให้พวกเราดูได้ล่ะ” ประธานฟางแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง หลังจากได้ยินเหวินหย่าไต้พูดอย่างนั้น
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเหวินหย่าไต้ก็ยิ่งเปล่งประกาย
เพราะเธอต้องการผลลัพธ์แบบนี้!
ถ้าเหนียนเสี่ยวมู่กล้าบอกว่าตัวเองเล่นกนตรีไม่เป็นต่อหน้าลูกค้าคนสำคัญมากมายขนาดนี้ อย่างนั้นก็ถือเป็นการบ่ายเบี่ยงแล้ว
แต่ถ้าแสดงขึ้นมาจริงๆ…
ระดับความสามารถของเธอคงจะกลายเป็นเรื่องตลกมากกว่า!
สายตาของเหวินหย่าไต้พลันปรากฏความชั่วร้าย ในเมื่อต้องขายหน้าอยู่แล้ว เธอก็ช่วยเติมเชื้อไฟให้เหนียนเสี่ยวมู่เอง!
เหวินหย่าไต้ลุกขึ้นอย่างสง่างาม ก่อนจะหันหน้าไปมองในห้องอาหารรอบหนึ่ง สุดท้ายก็เดินไปข้างหน้า พลางลูบบนเปียโนตัวหนึ่ง
ในฐานะที่เธอเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่โต เธอจึงคุ้นชินกับศิลปะหลายแขนงมาตั้งแต่เด็ก
เปียโนถือเป็นเครื่องดนตรีที่เธอเล่นได้เข้าขั้นที่สุด
แต่ครอบครัวคนทั่วไปจะให้ลูกเรียนเปียโน เพื่อบ่มเพาะนิสัย
อย่าเพิ่งพูดว่าเล่นดีหรือเปล่าเลย ถ้าเหยียนเสี่ยวมู่เล่นเปียโนไม่ได้ อย่างนั้นเธอก็ต้องหน้าแตกแล้วจริงๆ!
“ผู้จัดการเหนียนรู้จักกับทุกคนได้ไม่นาน อาจจะเขินอยู่บ้าง งั้นฉันจะเล่นก่อนเพลงหนึ่ง ถือเป็นการวอร์มแล้วกันนะคะ” เหวินหย่าไต้ยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเปียโนอย่างสง่าผ่าเผย
หลังจากทดลองเสียงอย่างง่ายแล้ว เธอก็เล่นเพลงหนึ่งตามอำเภอใจ
เธอเล่นได้ดีทีเดียว แต่นับได้ว่ามีฝีมือระดับกลางเท่านั้น หากมองจากมุมของคนที่ไม่มีประสบการณ์เรียนเปียโน ก็นับว่างดงามพอตัว
ในห้องอาหารกึกก้องไปด้วยเสียงปรบมือในทันใด
“คุณเหวินทั้งเก่งทั้งสวยจริงๆ!”
“ผมว่านะ คนมีความสามรถอย่างคุณฌหวิน แถมยังเป็นสาวสวยที่รู้จักมารยาท แบบนี้ถึงจะเป็นยอดหญิงในหมู่ทุกคนจริงๆ!”